ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian Heroes

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter II : The sourcerer (จ้าวแห่งศาสตรา)

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 49


    ก้าวต่อไป  เดินหน้าต่อไป  นี่เป็นสิ่งที่เด็กทั้งหกคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวเพื่อคอยเตือนสติไม่ให้ท้อแท้และหมดแรงไปเสียก่อน ไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไร ไม่ใช่เพราะว่าพูดไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขายังคงตกตะลึงในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ฝันร้ายที่สามารถจะหลอกหลอนพวกเขาไปได้ในตลอดชีวิตที่เหลือ แต่มันก็ยังคงไม่จบ เพราะยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาได้ และเป็นเพราะว่านี่คือความจริงที่พวกเขาทั้งหกกำลังเผชิญอยู่

    เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง พวกเขายังคงติดอยู่ในป่าทึบ แต่แม็กซ์ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนไดอาน่า เธอเองก็ได้สติแล้วและยืนยันที่จะเดินต่อไปด้วยตัวเอง  และคนที่เหลือก็เดินตามมาอย่างติดๆไม่ลดละ ไม่มีใครคิดที่จะเอ่ยปากบ่น แม้แต่เควิน ที่กำลังเจ็บอยู่เช่นกัน เขาพยายามที่จะเดินด้วยตัวเอง แต่ซีกกี้กลับไม่ยอมให้เควินเดินด้วยสองขาของเขาเพราะยังเห็นว่าเควินนั้นยังคงเจ็บหนักอยู่

    หยุดก่อน ไดอาน่าเป็นคนพูดขึ้นคนแรกหลังจากที่เกิดความเงียบอันแสนอึดอัดในหมู่พวกเขาอยู่เป็นเวลานาน นี่เราจะเดินกันไปถึงไหนน่ะเธอถาม

    ทุกคนหยุดฟัง แต่เควินเป็นคนเดียวที่พูดโต้ตอบกับเธอ ก็คงต้องออกจากป่านี้ให้ได้ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ ไม่งั้นเราอาจจะเจออะไรแบบเมื่อกี้อีกก็เป็นได้

    แต่การเดินในป่าทึบทึมทืออย่างเนี้ย เหมือนเดินมั่วๆไปอย่างนั้นไม่ใช่เหรอไง ไดอาน่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เข็มทิศก็ไม่มี  ดาวเหนือก็ไม่ขึ้น นี่เราหลงทางแล้วเหรอเนี่ย

    ไม่หรอก ไดอาน่า แม็กซ์เป็นคนพูดขึ้นมาบ้าง ลองมองไปที่บนฟ้าสิ ข้างหน้านั้นน่ะ แม็กซ์ชี้นิ้วขึ้นไปยังบนฟากฟ้ายามพลบค่ำ ที่ทิศเบื้องหน้า

    โรสมองตามและก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงพูดว่า นั่นมันแสงอะไรน่ะ

    ณ ท้องฟ้าเบื้องหน้าปรากฏเป็นแสงสว่างสีขาว ทอประกายราวกับดวงจันทร์ยามค่ำคืน แต่ก็ไม่มีใครเห็นว่าแสงนั้นมีต้นกำเนิดจากอะไร

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแสงข้างหน้านั่นมันเป็นอะไร แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเมืองนะ แม็กซ์เอ่ย

    ถ้างั้นเราก็ใกล้จะถึงที่นั่นแล้วล่ะสิเนี่ย สว่างขนาดนั้นน่ะ ดรูว์นั่งลงกับโขดหินใกล้ๆอย่างเหนื่อยอ่อน

    แม็กซ์ยักไหล่ อืม มั้ง แล้วเขาก็เริ่มเดินต่อทันที ซึ่งทำให้ดรูว์ที่เพิ่งจะนั่งลงไปมอง      แม็กซ์อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

    เวลาผ่านไปอีกสิบห้านาที ในที่สุดพวกเขาก็หลุดออกจากป่าอันแสนมืดทึบ มายังทุ่งโล่งกว้างขนาดใหญ่ และได้เห็นในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เป็นเรื่องที่สอง หลังจากงูยักษ์ตัวนั้น    ทวดอนาคอนด้า   เป็นชื่อที่ซีกกี้ตั้งให้มันระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในป่า

    สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาคือปราสาทขนาดใหญ่ คล้ายกับปราสาทในยุคเก่าๆของโลกแห่งความจริง และสิ่งที่ทำให้มันแปลกประหลาดกว่าปกตินั้นก็คือ มันลอยอยู่เหนือพื้นดินและเปล่งแสงสีขาวเป็นรัศมีออกมา

    ล้อเล่นน่า ซีกกี้อุทาน

    มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ สิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดนั้นจะลอยอยู่นิ่งๆอย่างนั้นได้ไง ฉันไม่เห็นแม้แต่เครื่องยนต์สักตัวเลยนะ เควินพูดพลางทำตาเบิกโพล่งอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองและรู้สึกทึ่งในเวลาเดียวกัน

    เวทมนต์ นี่ไงล่ะคำอธิบาย ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าเชื่อยังไงแต่ว่ามันก็เป็นไปแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นก็ทำใจยอมรับมันซะ  แม็กซ์บอก  แล้วจึงเดินเข้าไปยังบริเวณหน้าปราสาทอย่างระมัดระวัง  ไดอาน่าเห็นดังนั้นจึงรีบคว้าแขนของแม็กซ์เอาไว้

    นี่นายคิดว่ากำลังจะทำอะไรน่ะ

    แล้วเธอคิดว่าอะไรล่ะ ฉันก็จะเดินเข้าไปถามเขายังไงล่ะ

    ฉันรู้แล้ว แต่อยู่ๆก็เดินเข้าไปในที่แบบนั้น มันอันตรายไม่ใช่เหรอไง

    ในขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ที่หน้าปราสาทก็มีบันไดที่ค่อยๆปรากฏขึ้น แบบเดียวกับที่สายน้ำไหลลงมาจากที่สูงเป็นขั้นๆ  ทุกคนที่เห็นได้แต่มองอย่างตกใจ

    พวกคุณเป็นใคร เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังก้องอยู่ในหูของเด็กทั้งหก

    ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ  แต่เป็นแม็กซ์ที่ตอบกลับไป

    พวกเราบังเอิญหลงทางมาทางนี้ เลยคิดว่าคุณจะให้ที่พักกับเราซักคืนได้ไหม

    เสียงลึกลับนั่นเงียบไปและประตูของปราสาทก็เปิดขึ้น

    เข้ามาก่อนสิเด็กน้อยทั้งหก คราวนี้เป็นเสียงของชายชราคนหนึ่งตอบกลับมา แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เห็นเจ้าของเสียงนั้นอยู่ดี

    พวกเขามองหน้ากัน ต่างคนต่างกลัวว่ามันจะเป็นกลลวงอะไรซักอย่างสำหรับพวกเขา และเป็นอีกครั้งที่แม็กซ์เดินนำทุกคนขึ้นบันไดไป

    เดี๋ยว ไดอาน่าพยายามจะรั้งแม็กซ์เอาไว้

    ไดอาน่า ฉันมีความรู้สึกว่าฉันสามารถเชื่อใจเขาได้  เพราะฉะนั้นเชื่อใจฉันเถอะน่า แม็กซ์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและปราศจากอาการสงสัยใดๆ ทำให้ไดอาน่าไม่สามารถโต้เถียงได้เลยแม้แต่น้อย

    ถ้านั่นเป็นทางที่แม็กซ์เลือกล่ะก็นะ มันก็มีค่าพอที่จะเชื่อแล้วล่ะ ซีกกี้แบกเควินเดินขึ้นไปบนบันไดตามหลังแม็กซ์ไป

    ฉันไม่อยากนอนกลางดินหรอกนะ เราขึ้นไปกันเถอะดรูว์จูงมือโรสขึ้นไปด้วยกันกับเธอ

    จนเมื่อทุกคนเข้าไปด้านในของปราสาท ก็รู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้มืดมากและเก่าอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับสภาพภายนอกอาคาร ราวกับว่าที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เป็นเวลานานแสนนานแล้ว

    นี่แม็กซ์ ยังยืนยันความคิดของตัวเองอยู่หรือเปล่าล่ะ ทีนี้ ไดอาน่าพูดด้วยความไม่สบายใจ พอดีกับที่ซีกกี้เหลือบไปเห็นผู้หญิงผมยาวสีบรูเน็ทกำลังยืนมองพวกเขาอยู่ในห้องข้างๆ เขาจึงร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ

    อย่าตกใจไป เราชื่อ ราฟาเอล เป็นภูตประจำตัวของท่านเซเนส ผู้หญิงคนนั้นกล่าว และเสียงนั้นเป็นเสียงเดียวกับที่พวกแม็กซ์ได้ยินเมื่อตอนที่พวกเขาอยู่หน้าปราสาท เธอดูอายุอย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน ยี่สิบห้าปีได้

    ให้ตายเถอะ ผมนึกว่าเป็นผีซะอีก เห็นยืนทื่ออยู่ตรงนั้น ซีกกี้เอามือจับอกแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

    ฮิๆ นี่นายกรี๊ดเป็นกับเขาด้วยเหรอเนี่ย ซีกกี้ ดรูว์แซวเขา

    ก็คนมันตกใจนี่นา ซีกกี้พยายามแก้ตัว

    ภูติอย่างนั้นเหรอ คุณล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย แม็กซ์ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

    ไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ ภูติตัวจริงของแท้และแน่นอนราฟาเอลพูดพลางชี้ให้เห็นหูที่แหลมยาวกว่าปกติของเธอ สิ่งนั้นทำให้ทุกคนเริ่มที่จะแน่ใจว่าที่นี่ไม่ใช่โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่อย่างแน่ๆ

    แล้วตกลงที่นี่คือที่ไหนคะ คุณราฟาเอล ไดอาน่าหันไปถามภูตสาวตนนั้น

    ทั้งที่เป็นคำถามที่เรียบง่ายและแสนธรรมดา แต่ราฟาเอลกลับมองไดอาน่าราวกับว่าเธอได้พูดอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง แต่ไดอาน่าก็ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิดไป

    นี่พวกคุณไม่รู้จักที่นี่งั้นหรือเนี่ย ราฟาเอลทำตากลมโตไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้ยิน เพราะอย่างน้อยเธอก็คิดว่าทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ต้องรู้จักสถานที่นี้อย่างแน่นอน

    ก็จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ พวกเราเพิ่งจะมาถึงที่นี่เองนะ ดรูว์พูดพลางทำไม้ทำมืออย่างเหนื่อยหน่าย

    แล้วอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของพวกเขา เป็นเสียงเดียวกับชายชราที่เชิญพวกเขาเข้ามาในตอนแรก

    พวกเขาไม่รู้จริงๆนั่นแหละ ราฟาเอลเขาพูดด้วยเสียงที่นุ่มลึก พวกเจ้าไม่ได้เป็นคนของที่นี่หรอกใช่มั้ย สหายน้อยของข้า ดูเหมือนพวกเจ้าจะมาจากที่ๆไกลแสนไกลมากจากที่นี่ ทุกคนหันไปหาต้นตอเสียงและได้พบกับชายชราในเสื้อคลุมสีฟ้า ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

    แม็กซ์พยักหน้า โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยว่าเขาควรจะเชื่อใจชายผู้นี้หรือไม่

    ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็รอพวกเจ้าอยู่นานแล้ว สหายน้อยของข้า ได้โปรดตามข้ามาเถิด ชายชราผายมือเป็นการเชื้อเชิญพวกเขาอย่างนุ่มนวล  เขาเดินนำพวกแม็กซ์ไปยังประตูที่อยู่ข้างๆไปสู่ทางเดินที่มีลักษณะแตกต่างกับห้องที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาอย่างลิบลับเพราะที่นี่เป็นทางเดินที่ถูกวาดลวดลายด้วยสีสดใสราวกับเป็นสวนดอกไม้จำลองก็ไม่ปาน

    ว้าว สวยจัง โรสมองไปรอบๆทางเดินอย่างชอบใจ

    พ่อหนุ่มน้อย นี่ข้าเหมือนชายที่ชื่อดัลเบิลดอร์มากขนาดนั้นเชียวหรือ ชายชราถามขึ้นเมื่อเห็นซีกกี้พยายามที่จะมองเขาอยู่ตลอดเวลาที่เดิน

    ใช่แล้วเหมือนอย่างกับแกะ... แล้วซีกกี้ก็ต้องตกใจเพราะว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยชื่อของดัลเบิลดอร์เลย แล้วการที่ชายชราผู้นี้รู้ได้นั้นก็หมายความว่า คุณรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไรอยู่เขาถามอย่างสนอกสนใจในทันที

    หึหึ  ข้าเกรงว่าเซเนสคงจะเป็นชื่อเดียวที่ข้าเคยใช้นะ พ่อหนุ่มน้อย ชายชราพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี และสำหรับเรื่องที่เจ้าถามเมื่อกี้     คำอธิบายก็คือ ข้าสามารถที่จะอ่านใจผู้คนได้

    จริงอ้ะ ซีกกี้มีท่าทีทึ่งในตัวชายผู้นี้มากขึ้นกว่าเดิม

    ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาจนสุดทางเดินและได้พบกับประตูไม้สลักด้วยลวดลายที่ดรูว์เชื่อว่าเป็นรูปของดอกหน้าวัว

    เซเนสเปิดประตูเข้าไป แล้วจากห้องที่มืดทึบก็สว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน ภายในห้องมีชั้นหนังสือมากมายตั้งสูงตระหง่านอยู่รอบๆห้อง ที่กลางห้องก็มีโต๊ะไม้สีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งมีของวางอยู่ระเกะระกะเล็กน้อย

    เซเนสหันมาหาเด็กทั้งหกและเอ่ยขึ้นว่า ถึงแม้ข้าจะสามารถอ่านใจได้นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะรู้ไปทุกเรื่องนะ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าไม่คิดที่จะแนะนำตัวหน่อยหรือ

    นั่นสิครับ ขอโทษที ผมชื่อ แม็กซ์ เคร๊าซ์ แม็กซ์เริ่มพูดเป็นคนแรก

    ซีกกี้เดินออกมาข้างหน้าแล้วยืนตรง ผมซีกกี้ เล้ดเจอร์  ยินดีที่ได้รับใช้ครับผม เขาทำท่าวันทยหัตถ์ตามแบบฉบับของทหาร ซึ่งก็ทำให้เซเนสหัวเราะชอบใจเป็นอย่างมาก

    ส่วนผมคือ เควิน คล้าค ผมเป็นรุ่นพี่ของพวกเขาครับ เควินที่เจ็บอยู่ฝืนพูดขึ้นมา

    โอ้ ตายล่ะ พวกเจ้ามีคนเจ็บด้วยหรือนี่ข้าไม่ทันได้สังเกต เซเนสรีบเดินเข้าไปหาเควิน แล้วจึงเรียกราฟาเอลให้เข้ามา

    และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเป็นไปไม่ได้ ที่พวกแม็กซ์ได้เห็น  ที่มือของราฟาเอลเปล่งแสงขณะที่ภูตสาวกำมือของเควินเอาไว้ แล้วแสงนั้นก็เลื่อนขึ้นไปที่ตัวของเควินอย่างช้าๆ จนเมื่อราฟาเอลถอนมือออก แสงนั่นก็หายไปพร้อมๆกับที่อาการเจ็บของเควินก็หายไปด้วย

    เควินทำท่าราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะเห็น ไม่น่าเชื่อ เขาพูด

    ราฟาเอลได้ยินสิ่งที่เควินพูดอย่างชัดเจน เธอจึงพูดขึ้นว่า ภูตมีพลังในการรักษาอาการบาดเจ็บได้น่ะ

    งั้นคนต่อไปฉันเอง  ดรูว์ แฮร์เลร่า  อายุ สิบหกปีนิดๆค่ะ

    ส่วนหนูก็ โรส  เอสเทินเนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ โรสทำท่าเขินเล็กน้อย

    เหลือไดอาน่าเป็นคนสุดท้าย เธอพูดว่า ไดอาน่า  วอลเลอร์ค่ะ

    ทุกคนรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่กับชายชราคนนี้ พวกเขาทั้งหมดผ่อนคลายลง ส่วนซีกกี้ กับแม็กซ์เองก็ชอบชายชราคนนี้มาก เป็นเพราะท่าทางสบายๆและเป็นกันเองของเขานั่นเอง

    อืม เป็นชื่อที่แปลกมาก ถ้าอย่างนั้น ถึงตาข้าแล้วสินะ เซเนสพูดด้วยท่าทางครุ่นคิด ข้าเซเนส ซีราส จอมเวทย์อันดันหนึ่งของโลกแห่งนี้

    จอมเวทย์อันดับหนึ่ง!!” ทุกคนพูดย้ำเป็นเสียงเดียวกัน

    แล้วคุณเสกไฟได้หรือเปล่าคะ ดรูว์รีบถามเซเนสในทันที

    เขายิ้ม โอ้ แน่นอนสาวน้อย มนต์เล็กน้อยนั่นข้าสามารถทำได้ เขาสร้างลูกไฟ ลูกเท่าลูกเบสบอลขึ้นในมือ และก็ดับมันไป

    เจ๋งเป๊ง ซีกกี้ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เขาเห็น

    ถึงแม้ว่าเวทมนต์ของเซเนสจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน ก็ไม่สามารถจะช่วยบรรเทาความรู้สึกเหนื่อยของเด็กทั้งหกได้  โรสเริ่มหาว แต่เธอก็รีบปิดปากเอาไว้  เซเนสเองก็คงจะสังเกตเห็นอาการดังกล่าว เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า เอาล่ะๆ ข้าคาดว่าพวกเจ้าคงจะเหนื่อยกันมากแล้วล่ะนะ

    ไม่มีใครปฏิเสธ เซเนสเห็นดังนั้นจึงพูดต่อว่า ถ้าเช่นนั้น ราฟาเอล เจ้าช่วยข้าพาแขกของเราไปยังห้องรับรองหน่อยละกัน และฝากช่วยดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย

    ได้ค่ะ ท่านเซเนส

    ขอบใจเจ้ามาก หลังจากที่เขาคุยกับราฟาเอลแล้ว เขาจึงหันมาพูดกับเด็กทั้งหกอีกว่า พรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกันต่อนะ สหายน้อยของข้า เขายิ้มเรียบๆให้

    ครับ เควินเป็นคนตอบรับ แล้วจึงเดินตามราฟาเอลออกไปจากห้อง ทุกคนเดินตามไปจนเหลือเพียงเซเนสอยู่ในห้องคนเดียว เขาพึมพำกับตัวเองว่า เฮ้อ เฟอร์เรร่า ในที่สุดวันที่เจ้าพูดถึงก็มา ลูกศิษย์ของข้า

     

    จบ chapter II

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×