คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter I : The chosen (ผู้ถูกเลือก)
ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง
ขณะที่เป็นเวลาพักเที่ยงของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย
ผู้คนมากมายกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากตึกเรียนไม่มากนัก
“เฮ้
แม็กซ์ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันพอดี ถ้านายมัวแต่นอนอยู่อย่างนี้น่ะ”เด็กหนุ่มผมดำกำลังพยายามจะปลุกเพื่อนของเขาซึ่งนอนฟุบคาโต๊ะเรียนอยู่
เพื่อนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา
พร้อมกับพูดด้วยท่าทางสลึมสลือว่า “ซีกกี้ เหรอ?” เขาพูดต่ออย่างช้าๆว่า
“ เมื่อกี้ฉันฝันเรื่องเดิมอีกแล้วล่ะ
นี่เป็นรอบที่ 9 แล้วนะ”
“รอบที่
9 ไอ้เรื่องเจ้าหญิงถูกฆ่าน่ะเหรอ”
ซีกกี้พูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะของแม็กซ์
“อืม ไม่รู้ทำไมนะ
ยิ่งฉันฝันมากขึ้นเท่าไหร่ ภาพที่เห็นมันก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับว่าตอนนั้นฉันเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ยังไงยังงั้นเลยล่ะ” แม็กซ์พูดพลางขยี้ตาอย่างขี้เกียจ
“แปลกดีแฮะ ถ้าแค่สองสามครั้งมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่มันเป็นรอบที่ 9 แล้ว นี่นายดูหนังมากไปหรือเปล่าเนี่ย” ซีกกี้ตบหัวแม็กซ์เบาๆเเป็นการหยอกล้อ
“แต่เจ้าหญิงคนนี้
เขาฆ่าตัวตายเองเลยนะ.....ไม่รู้สิ แต่ฉันว่ามันดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้”แม็กซ์จับมือซีกกี้ออกจากหัวแล้วลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจต่อ
“มันก็เรื่องเดิมไม่ใช่เหรอไง เอาน่า
อย่าคิดมากไปเลย
ตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ ก่อนที่มันจะหมดเวลาพัก”ซีกกี้พูดพลางเดินนำไปที่ประตูห้อง
“เออ ก็ได้ ไปก็ไป” แม็กซ์เดินตามซีกกี้ออกไปนอกห้องแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
“ซีกกี้ นี่นายจะหนีไปไหนอีกล่ะเนี่ย ไหนบอกว่าจะเอาของมาคืนไงเมื่อวานนี้น่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
เธอคนนี้ชื่อ ไดอาน่า เป็นเพื่อนสนิทกับแม็กซ์และซีกกี้ตั้งแต่เด็ก
“แน่จริงก็ตามมาเอาเองสิ”ซีกกี้ออกวิ่งพร้อมกับดึงแม็กซ์ไปด้วย แม็กซ์ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ต้องวิ่งตามซีกกี้ไปทั้งๆที่เขาไม่อยากวิ่งเลยสักนิด
ทั้งคู่วิ่งหนีขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าของตึกและเมื่อซีกกี้เปิดประตูออกไป
เขาก็พบกับคนอีก สามคน ที่อยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
“อึ๋ย นั่นมันพี่
เควิน ประธานนักเรียนคนนั้นนี่หว่า”
ซีกกี้พูดพลางชี้มือด้วยท่าทางตกใจไปยังชายผมยาวสีน้ำตาลที่นั่งพิงรั้วตาข่ายอยู่
“พี่เควินเหรอ
ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ไง”แม็กซ์พูดขึ้นพร้อมกับหันไปมอง
ไดอาน่า ที่บัดนี้ได้มายืนอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขาแล้ว
“คิดหนีเหรอ
ไม่มีทางซะล่ะ”ไดอาน่าจับคอเสื้อของชายทั้งสองเอาไว้
“อ๊ะ ไดอาน่า” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมาทัก
“ ดรูว์?
เธออยู่นี่ก็ดีแล้วจะได้ช่วยกันจับเจ้าพวกผู้ชายขี้โกงสองคนนี้หน่อย” ไดอาน่าพูดอย่างเหนื่อยหอบ
“นี่ ไดอาน่า
พี่เควินเขาอยู่ที่นี่นะ เกรงใจเขาบ้างเด่ะ”ซีกกี้หันไปพูดกับไดอาน่าเป็นการเตือน
และดูเหมือนว่า เควินจะได้ยิน เขาเลยหันมาและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้อยู่นอกเวลางานของพี่น่ะ”
“พี่เควิน พี่อยู่นี้ก็ดีแล้วค่ะ จะได้เป็นพยานให้หน่อย” ไดอาน่ารีบตอบกลับในทันที
ในขณะนั้นเองที่เด็กผู้หญิงผมยาวตรงสีดำอีกคนหนึ่งที่อยู่บนดาดฟ้าได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ที่กำลังเกิดขึ้นกับโรงเรียน เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “นี่ทุกคน ช่วยมาดูตรงนี้หน่อยสิ” เธอคนนั้นคือโรส
ซึ่งเป็นนักเรียนที่เข้ามาใหม่เมื่อกลางเทอมจึงทำให้เธอไม่ค่อยจะมีเพื่อนมากนัก
แม็กซ์
ซีกกี้ ไดอาน่า ดรูว์
และเควินหันไปมองที่เธออย่างแปลกใจ แต่เธอคนนั้นก็ยังพูดย้ำอีกว่า “เร็วๆสิ มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้”
แม็กซ์เป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปดู เขายืนพิงกับรั้วตาข่ายและมองลงไปด้านล่าง แล้วก็ต้องอุทานขึ้นมาว่า
“เฮ้ย นี่มันอะไรกัน” เสียงนี้ทำให้ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปดู อย่างอดไม่ได้
“นี่มัน..........”ซีกกี้พูดอ้ำอึ้งเมื่อเห็นภาพที่อยู่ต่อหน้า
และสิ่งที่พวกแม็กซ์เห็นนั้น
คือเด็กคนอื่นๆหยุดอยู่นิ่งๆ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ก็ตามและไม่ใช่แค่คนเท่านั้น
แม้แต่น้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกก็ยังลอยค้างอยู่ในอากาศ
ราวกับว่าเวลาถูกทำให้หยุดเดินไป แล้วทำไมพวกเขาถึงยังขยับอยู่ได้
?
ขณะที่เด็กทั้งหกกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
ไดอาน่าเป็นคนแรกที่เริ่มเห็นสิ่งผิดปกติอีกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น “ดูนั่นสิ บนฟ้า” เธอพูด
พลางชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ปกติจะเป็นสีฟ้าใส แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นสีน้ำเงินครามเข้มราวกับใต้ทะเลลึก
เพราะแสงจากดวงอาทิตย์ได้หายไปอย่างรวดเร็วด้วยปรากฏการณ์สุริยคราส
จนในที่สุดทุกสิ่งก็ตกอยู่ภายใต้เงามืด
ไร้ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยามกลางวันเหมือนแต่ก่อน
“ไม่น่าจะเป็นไปได้
สุริยคราส ตอนนี้เนี่ยนะ ไม่เห็นจะมีใครบอกเลย”ซีกกี้พูดพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้นเองหมู่เมฆจำนวนมากที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าก็ได้เริ่มเคลื่อนที่ออกจากกัน
เผยให้เห็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผืนโลกกับดวงอาทิตย์ที่บัดนี้กลายเป็นดาวฤกษ์สีดำเข้มที่ไร้ซึ่งแสงสว่างไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่พวกเขาทั้งหกต่างยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกันอยู่นั้น
แม็กซ์เป็นคนเดียวที่รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแปลกประหลาด และดูเหมือนซีกกี้จะเห็นอาการดังกล่าว
จึงพูดขึ้นว่า “นี่แม็กซ์
นายคงไม่บังเอิญฝันถึงเรื่องนี้หรอกนะ ใช่มั้ย” แม็กซ์เองก็ไม่รู้เช่นกันเขาจึงส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ
แต่ทว่าในตอนนั้นเองที่บนฟากฟ้าก็เกิดแสงประหลาดขึ้นเบื้องหลังสุริยคราสนั่น
แสงนี้ได้ส่องลงมายังพื้นโลก มายังพวกเขาทั้งหกคนอย่างไม่ทันตั้งตัว
แสงนี้เป็นแสงที่สว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์ยามกลางวันเสียอีก
จนทำให้พวกเขาต้องหลับตาลงด้วยความสว่างของมัน เหตุการณ์นี้กินเวลายาวนานหลายวินาที
จนเมื่อแสงสว่างได้หรี่ลง พวกเขาทั้งหกก็ได้ลืมตาขึ้นและก็สังเกตเห็นว่าพวกเขานั้นไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไปแล้ว
“ที่นี่มัน..........”ไดอาน่าเผลอพูดขึ้นมาอย่างแปลกใจเมื่อสังเกตเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว
“เหลือเชื่อ” ซีกกี้พูดพร้อมๆกับที่มองไปยังโรสซึ่งกำลังนำมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้
แต่คนที่กลับมีปฏิกริยากับสถานที่นี้มากที่สุดก็คือแม็กซ์
เขาถึงกับตัวสั่นเทา ไม่ใช่เพราะความกลัว
แต่อาการนี้เกิดจากความรู้สึกหลายๆอย่างก่อรวมขึ้นกันมา ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของใครบางคน
ที่มีอำนาจยศศักดิ์ใหญ่โตมาก มันเป็นห้องที่กว้างขวาง และถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา
งดงามเป็นที่สุด หน้าต่างบานใหญ่ที่มีผ้าม่านสีแดงฉาดผูกทิ้งไว้
พรมที่มีลวดลายทออย่างปรานีต เตียงนอนที่กว้างพอสำหรับพวกเขานอนถึงสามคน ทุกคนกำลังอึ้งอยู่กับสิ่งเหล่านี้
“ที่นี่
ห้องขององค์หญิงที่ฉันฝันถึงบ่อยๆไง ซีกกี้”
แม็กซ์พูดขึ้นเบาๆให้ได้ยินแค่เพียงซีกกี้เท่านั้น
“ว่าไงนะ
นายล้อเล่นเปล่าเนี่ย”
ซีกกี้ตะลึงในสิ่งที่เขาได้ยิน แต่แม็กซ์ก็ยังคงมองกลับมาด้วยสายตาที่จริงจัง “นายไม่ได้ล้อเล่นนี่”
ถ้าตอนนี้พวกแม็กซ์
อยู่ที่ห้องนอนขององค์หญิงที่เขาฝันเห็นจริงๆแล้วล่ะก็
นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์แล้วอย่างแน่นอน เพราะในฝันเขานั้นมีการพูดถึงเวทมนต์ด้วย
และคงเป็นไปไม่ได้ที่โลกมนุษย์จะมีคนพูดถึงมันอย่างโจ่งแจ้งถึงจนาดนี้
ความคิดมากมายผ่านเข้าไปในหัวของแม็กซ์อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ตอนนี้เขาทั้งตื่นเต้น ตื่นตระหนก และหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
“ดูเหมือนพวกนายสองคนจะรู้อะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้นะ” เควินพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นอาการผิดปกติของแม็กซ์และซีกกี้
ซีกกี้ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไรมากหรอก
ก็แค่ว่า ไอ้หมอนี่มันฝันถึงที่นี่บ่อยๆน่ะ พี่เควิน”
“ฝัน!” ทุกคนที่ได้ยินที่ซีกกี้พูด
ตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
“พูดเป็นเล่นไป
นี่ฉันอยู่ในความฝันเหรอเนี่ย” ไดอาน่าพูดขึ้น
ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก และผู้ที่เดินเข้ามานั้นก็เป็นทหารสองคน
หรืออย่างน้อยพวกเขาก็พยายามแต่งตัวให้เหมือนทหารโรมันเมื่อสมัยโบราณ
“พวกเจ้าเข้ามาในห้องบรรทมขององค์หญิงได้อย่างไร” ทหารคนหนึ่งพูดและทหารอีกคนหนึ่งก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า “คนที่ลอบปลงพระชนม์องค์หญิงคือพวกเจ้าใช่หรือไม่”
หลังจากที่ทหารทั้งสองพูดและตั้งข้อหาจบ
ในคราวเดียวกันนั้น ไดอาน่าที่ทนไม่ไหวกับการถูกกล่าวหาทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
จึงพูดขึ้นมาว่า “พวกนายมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาว่าเราเป็นคนฆ่าล่ะ
มีหลักฐานอะไรรึไง แต่ขอทีเหอะ เจ้าหญิง!! นี่พวกนายอยู่ยุคเรเนสซองส์หรือยังไงหา”
ซีกกี้เห็นไดอาน่าเริ่มโมโหจึงรับนำมือเข้าไปปิดปากของเธอโดยทันที พร้อมกับพูดว่า “ขอโทษทีพวก เธอเป็นโรคประสาทมาตั้งแต่กำเนิดน่ะ”
“โรคประสาทแต่กำเนิด ? มีแต่นายเท่านั้นแหละที่เป็นได้
เอามือของนายออกไปนะซีกกี้”
ไดอาน่าทุบซีกกี้เป็นการใหญ่ จนทำให้ซีกกี้ต้องยิ้มแหยๆให้ทหารทั้งสอง
“พวกนายยังจับตัวคนร้ายไม่ได้อีกเหรอ
พวกนายนี่เป็นทหารประสาอะไรเนี่ย”แม็กซ์พูดโพล่งออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
“พูดอย่างกับเจ้ารู้อะไรอย่างนั้นแหละ
ไอ้หนู” ทหารคนหนึ่งนำดาบขึ้นมาจ่อที่หน้าของแม็กซ์ด้วยความไม่พอใจที่ถูกดูหมิ่น
แต่แม็กซ์ก็ได้หารู้สึกกลัวไม่
และยังพูดต่ออีกว่า “ก็แหงล่ะ ฉันเห็นเองกับตา ตั้ง 9
ครั้งเชียวนะ”
“นี่นายรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” เควินถามแม็กซ์ด้วยความแปลกใจ
“ครับพี่
ผมฝันเห็นเหตุการณ์ตอนเจ้าหญิงถูกฆ่า รวมแล้วก็ 9 ครั้ง” แม็กซ์หันไปพูดกับเควินอย่างสุภาพ
“แต่เดี๋ยวก่อน
นายบอกว่าเจ้าหญิงฆ่าตัวตายเองไม่ใช่เหรอไง”
ซีกกี้ถาม
“ก็เออน่ะสิ
แต่ก็ถูกบังคับนะ อย่าลืมสิ” แม็กซ์พูดอย่างรู้ดีมากเกินไป
จนทหารทั้งสองต้องถามอย่างใคร่รู้ว่า“ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่
ไอ้หนู”
“ไม่ใช่เบื้องหลังหรอก
เขาออกมาลงมือเองเลยต่างหากล่ะ ก็มหาเสนาบดีซารัสไง”
แม็กซ์ตอบกลับไปในทันที
“นี่เจ้า
กล้ากล่าวหาท่านซารัสงั้นเชียวเหรอ” ทหารคนหนึ่งทำท่าอึ้งก่อนที่จะลงมือฟันแม็กซ์แต่กลับถูกทหารอีกคนห้ามเอาไว้ก่อนเพราะดูเหมือนว่าแม็กซ์ยังพูดไม่จบ
“ก็คนเดียวกับที่ฆ่าพ่อกับแม่ของเจ้าหญิงนั่นแหละ”แม็กซ์พูดต่ออย่างมั่นใจ
“ว่าไงนะ
เจ้าเอาอะไรที่ไหนมา....”ทหารทั้งสองยังพูดไม่จบแต่กลับต้องสลบลงไปนอนอยู่กับพื้นเนื่องจากโรสและดรูว์นำเชิงเทียนที่ทำมาจากทอง
ทุบที่ท้ายทอยของทหารทั้งสอง
“พูดไปก็เท่านั้นแหละ ตอนนี้ฉันว่ารีบหนีก่อนเถอะ
แต่เดี๋ยวพวกนายต้องเล่าให้ฉันฟังด้วยนะว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”ดรูว์พูดขณะที่นำเชิงเทียนไปวางไว้ที่เดิม
“อืม ฉันเองก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้วนี่” แม็กซ์เดินออกไปดูที่ด้านนอกห้อง และทุกคนก็เดินตามออกมา
ทันที่ที่พวกเขาเริ่มออกวิ่ง ที่อีกด้านของสุดทางเดินก็ปรากฏเป็นทหารอีกสามคนที่กำลังเดินเวรอยู่
และบังเอิญเห็นพวกเด็กๆพอดี หนึ่งในพวกทหารจึงตะโกนขึ้นมาว่า “นี่พวกแกเป็นใครกันน่ะ”
แต่พวกแม็กซ์ไม่อยู่รอตอบคำถาม
พวกเขารีบวิ่งหนีไปอีกทางในทันที จนเมื่อสุดทางเดินพวกเขาก็เห็นทางแยกสองทาง แต่ด้วยพวกทหารที่กำลังไล่ตามอยู่นั้นทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหยุดคิด
โรสจึงตัดสินใจวิ่งไปทางซ้ายก่อนที่ใครจะพูดอะไรแย้งขึ้นมาได้ และเมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งตามเธอไปโดยไม่ได้คัดค้านใดๆ
เส้นทางที่โรสได้เลือกนั้นนำพวกเขาต่ำลงไปสู่ด้านล่างเรื่อยๆ
ทหารที่วิ่งตามพวกเขาก็มีเพิ่มมากขึ้นอยู่ทุกขณะ
จนในที่สุดพวกเขาก็ได้มาพบกับปลายทางเดิน มันเป็นสถานที่ที่ดูเหมือนท่อระบายน้ำ
“นี่
จะวิ่งไปถึงไหนน่ะ ข้างหน้านั่นมันท่อนะ” ดรูว์บ่นอย่างหมดแรง
“ก็จะให้ไปไหนล่ะ” แม็กซ์ดึงดรูว์และเริ่มวิ่งไปตามท่อน้ำที่มีขนาดใหญ่ราวกับเป็นทางผ่านของรถกระบะ
ในทันที
“เร็วๆเข้า
พวกนั้นตามมาแล้ว” ซีกกี้รีบดันทุกคนเข้าไปด้านในท่อ
และเมื่อพวกทหารตามมาถึงก็ต้องหยุดชะงักในทันที บางคนที่เบรคไม่ทันก็หน้าคะมำล้มลงไป
“นี่เจ้าพวกนั้นถ้ายอมให้จับแต่โดยดีก็สบายแล้ว
แต่นี่ดันเลือกไปยังที่ๆเป็นที่อยู่ของตัวอันตรายเข้าแล้ว ไม่น่าคิดสั้นอย่างนั้นเลย” หนึ่งในทหารพวกนั้นพูดขึ้นมา
หลังจากที่เด็กทั้งหกวิ่งหนีมาได้ซักพักหนึ่ง
พวกเขาก็เริ่มที่จะสังเกตว่ารอบๆตัวของพวกเขานั้นมืดลงมาก มีอากาศที่อับชื้น
และเหม็นคาวจนน่าอึดอัด พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสภาพรอบๆตัวได้เลย
แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าท่อระบายน้ำนี้สกปรกเพียงใดจากการสัมผัสกับกำแพงของท่อเพื่อเป็นการนำทางพวกเขาในที่มืดเช่นนี้
“ทหารพวกนั้นคงไม่ตามมาแล้วล่ะ” ดรูว์หยุดเดินเป็นคนแรก
“แล้วเอาไงดี
จะเดินกันต่อมั้ย”ซีกกี้ทำจมูกฟึดฟัดแล้วจึงพูดกับทุกคน
“แต่ทางข้างหน้าอาจจะมีอะไรที่ทำให้พวกทหารไม่ตามพวกเรามาล่ะ
มันอาจจะเป็นอะไรที่อันตรายกว่าก็เป็นได้”
เควินแสดงความคิดเห็นอย่างรอบคอบและสุขุมเหมือนกับบุคลิกของเขา
“นั่นสิที่พี่เควินพูดมันก็ถูก
มันเป็นไปได้ที่ข้างหน้าจะมีอะไรบางอย่างที่อันตรายแบบสุดขั้วก็ได้
เพราะเท่าที่ฉันรู้ โลกนี้มีเวทมนต์ และก็เป็นไปได้ที่เราจะเจอสัตว์ประหลาดตามแบบฉบับของนิยายแฟนตาซีทั้งหลาย
และ” แม็กซ์เน้นเสียงดังขึ้น “ถ้าเรากลับไปทางเดิม เราก็จะเจอทหารพวกนั้นถือดาบเตรียมที่จะบั่นคอเราอยู่อย่างแน่นอน”
“เพราะฉะนั้น
นายเลยบอกว่าจะให้ไปข้างหน้าใช่มั้ยล่ะ”ซีกกี้พูดขึ้นอย่างรู้ใจ
“เดี๋ยวก่อน
ตกลงนี่นายยอมรับแล้วใช่มั้ยว่านี่มันไม่ใช่โลกจริงๆ
แต่เป็นอีกโลกหนี่งที่นายฝันเห็นบ่อยๆ”ไดอาน่าถามด้วยท่าทางจริงจัง
“ก็ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ
ไดอาน่า” แม็กซ์ไม่ปฏิเสธ
“แล้วเรื่องเวทมนต์เนี่ยนะ
ล้อเล่นกันรึเปล่า”ไดอาน่ารีบถามต่อในทันที
“ก็เรื่องจริงน่ะสิจ๊ะ
คนสวย เหตุที่ทำให้พวกเราต้องมาอยู่นี่ก็เพราะเวทมนต์นั่นแหละจ๊ะ”ซีกกี้พูดพลางเข้าไปกอดเอวของไดอาน่า แต่ก็ถูกไดอาน่ากระทุ้งศอกออกมาในทันที
“โรสว่าพวกเราน่าจะเดินไปข้างหน้าต่อนะคะ”โรสพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน
“เอาไงก็เอาซี่
ฉันทนที่นี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เหม็นอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้” ดรูว์ซึ่งเอามือปิดจมูกอยู่พูดเสียงอู้อี้
“ตกลงเราจะเดินหน้ากันนะ
มีเสียงคัดค้านมั้ย”แม็กซ์ถามขึ้นแต่ไม่มีเสียงใครพูดขึ้นมา
“งั้นเป็นอันตกลง เราจะเดินหน้า” พวกเขาจึงเริ่มเดินต่อไป และยิ่งไกลเท่าไหร่
ทางเดินก็ยิ่งเหม็นเน่ามากขึ้นเท่านั้น
และในที่สุดหลังจากการเดินทางที่แสนนานพวกเขาก็ได้เจอแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง
และดูเหมือนต้นกำเนิดของแสงนั้นก็เป็นทางออกด้วย
พวกเขาทั้งหกต่างดีใจที่จะได้ออกจากท่อระบายน้ำที่แสนโสโครกแห่งนี้เสียที
พวกเขาจึงวิ่งไปข้างหน้า และ
ก็ตกลงมา……
ฟ้าวววว
ไม่มีใครรู้ว่าที่ๆพวกเขาตกลงมานั้นสูงเท่าไหร่
ทุกคนแหกปากร้องออกมาอย่างเสียสติ จนสักพักหนึ่ง ตัวของพวกเขาก็ได้สัมผัสกับผิวน้ำ
และจมดิ่งลงไป สถานที่แห่งนี้เป็นบึงขนาดใหญ่ที่มีป่าไม้ล้อมรอบอยู่
ต้นไม้นั้นสูงทึบจนแทบจะบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ทั้งหมดเอาไว้
แม็กซ์พยายามที่จะตะกายน้ำขึ้นไปอย่างเร็วที่สุด
และเมื่อเขาโผล่ไปพ้นผิวน้ำแล้ว เขาก็รีบมองหาทุกๆคน เขาเห็น เควิน โรส ซีกกี้และดรูว์
แต่ไม่เห็นไดอาน่า และดูเหมือนทุกคนจะสังเกตเห็นถึงการหายตัวไปของไดอาน่า
พวกผู้ชายทั้งสามจึงรีบดำน้ำลงไปในทันที
แต่ความหวังนั้นริบหรี่เหลือเกินเพราะน้ำที่แสนขุ่นมัวบวกกับความหนาวเย็นที่กำลังทิ่มแทงพวกเขาอยู่ทุกขณะจิต
กลายเป็นอุปสรรคอย่างมากในการหาตัวไดอาน่า
แต่แม็กซ์เองก็ยังคงไม่ละทิ้งความหวัง
เขาดำลึกลงไปกว่าอีกสองคน จนในที่สุดเขาก็เห็นไดอาน่าที่กำลังสลบอยู่
และแม็กซ์ก็ยังสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ถึงแม้เขาจะเห็นไม่ชัดเจนมาก
แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา อย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันมีลำตัวที่ยาวมาก
เจ้าสิ่งนั้นมันกำลังที่จะเริ่มเคลื่อนไหว
แม็กซ์เห็นดังนั้นจึงรีบคว้าร่างอันไร้สติของไดอาน่าและรีบว่ายขึ้นไปยังบนผิวน้ำ
เขาแทบทนไม่ไหวเพราะการขาดอากาศอย่างยาวนาน แต่เพราะความกลัวทำให้เขาไม่หยุดว่าย
จนเมื่อเขาโผล่ขึ้นบนผิวน้ำ แม็กซ์จึงรีบร้องเตือนเพื่อนๆถึงอันตรายที่อยู่ภายใต้บึงแห่งนี้
“มีงูยักษ์อยู่ในน้ำ
หนีเร็ว” แม็กซ์ตะโกนบอกคนอื่นอย่างตื่นตระหนก
แต่เมื่อมองไปรอบๆแล้วเขาก็ต้องหมดกำลังใจ
เพราะฝั่งที่อยู่ใกล้ที่สุดน่าจะอยู่ห่างจากแม็กซ์ไปประมาณ 30 เมตร
และด้วยภาระที่ต้องแบกไดอาน่าอีก นับว่าเป็นเรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าต้องการจะหนีจากงูยักษ์ที่สามารถมาถึงตัวเราได้ใน
สองวินาที
แต่ก็ต้องลอง
เมื่อคิดได้ดังนั้นแม็กซ์จึงหอบร่างที่อ่อนปวกเปียกของไดอาน่าและว่ายเข้าฝั่งในทันที
ส่วนคนอื่นที่กำลังมึนงงกับคำพูดของแม็กซ์อยู่นั้น
เมื่อเห็นรอยกระเพื่อมบนผิวน้ำ พวกเขาก็รีบว่ายน้ำหนีในทันที
พวกเขาไม่อยู่รอที่จะดูว่าไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร
ในที่สุดงูยักษ์ตัวนั้นก็โผล่ส่วนหัวขึ้นมาพร้อมๆกับลำตัวที่สูงใหญ่
สูงราวกับตึก 5 ชั้นเลยทีเดียว มันส่ายหัวไปมาอย่างตื่นเต้น
ราวกับว่ามันกำลังสนุกกับการเลือกเหยื่อผู้โชคร้ายคนใดคนหนึ่งจากคนทั้งหกก็เป็นได้
โรสกรีดร้อง ทุกคนกรีดร้อง แต่ก็ยังว่ายน้ำหนีกันอย่างสุดชีวิต
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดจากสัตว์ประหลาดตัวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถ้าหากต้องตายเพราะงูแล้ว
ผลที่ออกมายังไงก็ไม่สวยอย่างแน่นอน
ตัวมันใหญ่มโหฬาร เกล็ดของมันมีสีดำสนิทราวกับนิล
ดวงตาของมันทอประกายสีทอง จ้องมองมายังแม็กซ์และไดอาน่า มันสะบัดลิ้นสองแฉกของมันออกมาภายนอกปาก
อย่างที่งูทั่วๆไปมักทำกัน ตวัดขึ้นลงเร็วๆ ตาก็ยังคงจ้องที่เหยื่อของมันอย่างไม่ลดละ
ถ้าจะให้เทียบกับงูอนาคอนด้าในหนังที่เจนนิเฟอร์ โลเปซ เล่นแล้วล่ะก็
อนาคอนด้าก็คงเป็นเพียงแค่ลูกตัวเล็กๆของมันเท่านั้นเอง
แม็กซ์ไม่สนใจถึงอากัปกริยาของอสรพิษยักษ์ตัวนั้น
เขาได้แต่ว่ายหนีอย่างสุดแรงเกิดเท่านั้นเอง งูยักษ์กระโจนลงไปในน้ำที่มืดทึบและแหวกว่ายอย่างรวดเร็วมายังแม็กซ์
“ระวัง”เควินซี่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรตะโกนขึ้นมา
มันเลื้อยผ่านตัวแม็กซ์กับเควินไปและโผล่ขึ้นที่ด้านหน้าของคนทั้งสอง
มันขู่ฟ่ออย่างดุร้ายและพุ่งตรงมายังแม็กซ์กับไดอาน่าในทันที
แม็กซ์แหกปากร้องและว่ายหลบไปข้างๆอย่างรวดเร็ว
ทำให้งูตัวนั้นพลาดเป้าหมายและจมลงน้ำไป
และในทันทีทันใดงูตัวนั้นก็ไปโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเควิน
ดรูว์ร้องเตือนเควิน แต่สายไปแล้ว
งูตัวนั้นพุ่งตรงเข้ามาคาบเควินที่กลางลำตัวตามขวาง
มันชูหัวของมันขึ้นบนฟ้าพยายามจะกัดเหยื่อของมันให้ตาย
แต่เควินยังไม่ได้สัมผัสถูกเขี้ยวพิษของมัน
เขายังมีสติ และยังคงขยับได้เล็กน้อยแม้จะยังอยู่ในปากของของงูยักษ์
เขาหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาและจ้วงแทงเข้าไปที่บริเวณโคนลิ้นของเจ้างูยักษ์
มีดพับนั่นเองที่เควินหยิบออกมา มันสำแดงฤทธิ์ความคมของมันในทันที
เลือดสีดำพุ่งออกจากปากของอสรพิษยักษ์ มันสะบัดหัวอย่างเจ็บปวด และในที่สุดเควินก็หลุดออกจากปากของมัน เขาตกลงไปในน้ำอีกครั้ง
งูยักษ์ตัวนั้นดิ้นร่าแล้วจึงดำน้ำลงไป
ทุกคนที่เหลือจึงฉวยโอกาสนี้ว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่ง
เหลือแค่เควินที่รั้งท้ายอยู่คนเดียว
งูตัวนั้นโผล่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มันจ้องมาที่เควินอย่างอาฆาตแค้น มันฉกลงมาที่ลำตัวของ เควิน และก็ไม่พลาดเป้าหมาย
มันงับเขาลงไปใต้น้ำด้วยกันกับมัน
ทุกคนที่เหลือได้แต่ยืนมองอย่างตกตะลึง
โรสกับดรูว์ถึงกับกรีดร้องออกมา ซีกกี้กระโดดน้ำตามลงไปในทันทีที่เขาได้สติ
เขาดำน้ำลงไปเห็นเควินกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ในปากของมัน
เมื่อเจ้างูยักษ์เห็นซีกกี้ มันจึงรีบไล่ตามเขาขึ้นมาจากใต้น้ำ
โดยที่ยังไม่ปล่อยเควินหลุดออกจากปากของมัน ซีกกี้รีบว่ายหนีเข้าฝั่งในทันที
งูยักษ์โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
เควินเห็นดังนั้นจึงรีบนำมีดพับที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในปากมันอีกครั้ง
มันเหวี่ยงหัวของมันอย่างเจ็บปวด จนเควินกระเด็นหลุดออกมา ลอยไปกระแทกต้นไม้ที่อยู่บนฝั่งอย่างรุนแรง
และก็สลบลงไป
ในตอนนี้พวกเขาทั้งหกก็อยู่บนฝั่งหมดแล้ว
และดูเหมือนเจ้างูยักษ์จะเข็ดหลาบกับเด็กกลุ่มนี้ มันจึงเลิกไล่ล่าพวกเขาและกลับลงไปในน้ำที่ๆมันอยู่ในทันที
แม็กซ์จึงหอบไดอาน่าวิ่งไปพร้อมๆกับ ดรูว์ โรส และซีกกี้ซึ่งพยุงเควิน อยู่
หนีเข้าไปในป่าซึ่งอยู่เบื้องหน้า โดยไม่รู้ซึ้งถึงชะตากรรมที่รออยู่แม้แต่น้อย
จบ Chapter I
ความคิดเห็น