ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LifeAfterDeath 2

    ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 24

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 54


    บทที่ 24

      เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าสิบปีก่อน

      ก๊อกๆ

      "ท่านพ่อ... ข้าเข้าไปล่ะนะ" เฟนริลหรือขณะนั้นก็คือจอมซาตาน เคาะประตูห้องของพ่อเขาแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งนั้นเขาจึงเปิดประตูห้องเข้าไป

      และภาพที่ปรากฏต่อสายตาของจอมซาตานหนุ่มก็คือ..

      ห้องทำงานของอดีตจอมซาตานที่เขาเคยเข้าไปวิ่งเล่นเป็นประจำ จนบางครั้งทำให้ถูกท่านพ่อดุ

      ห้องนั้นเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากประตูห้องทอดยาวเข้าไปมองเห็นโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้ กองเอกสารยังคงกองอยู่เต็มโต๊ะ เตาผิงที่ไม่ค่อยถูกจุดใช้เท่าไหร่ฝังตัวอยู่มุมหนึ่งของห้อง จุดเด่นของห้องนี้คือหน้าต่างบานใหญ่ มีความสูงตั้งแต่พื้นห้องจรดเพดานมันเป็นกระจกใส ในยามค่ำคืนนั้นแสงสีเงินของพระจันทร์จะสาดส่องเข้ามา

      แต่ทว่าบัดนี้...

      แสงสีสาดส่องเข้ามากลับถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำเพราะเลือดแดงฉานสาดย้อมบานหน้าต่าง

      และใต้แสงสีแดงนั้นเองร่างของอดีตจอมซาตานนอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน โลหิตบนหน้าต่างนั้นทะลักออกมาจากบาดแผลลึกกลางระหว่างหน้าอก นัยน์ตาของอดีตซาตานเบิกกว้างจ้องมองบุรุษที่คร่อมอยู่บนร่างของเขา ร่างนั้นชูมือขวาที่เปื้อนเลือดขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของตน นอกจากโลหิตแล้ว บนมือนั้นยังมีลูกไฟสีฟ้าลอยอยู่ด้วย

      และเงาของคนที่สะท้อนอยู่ในตาของอดีตจอมซาตานก่อนที่ร่างของเขาจะสลายเป็นผงก็คือไซมอนนั่นเอง!!

      ก่อนที่ร่างของอดีตซาตานจะสลายไปเขาพยายามเอื้อมไปหาดวงไฟนั้น มืออันสั่นเทาบอกให้รู้ว่านั่นเป็นความพยายามสุดท้ายของเขา

      หากแต่ที่เขาเอื้อมไปจับนั้นไม่ใช่ลูกไฟวิญญาณ แต่กลับเป็นใบหน้าลูกชายคนเล็กของเขา..

      "พ่อขอโทษ..." คำพูดสุดท้ายจากอดีตซาตาน ดวงตาของไซมอนเบิกกว้าง

      เมื่อกี้ท่านพ่อพูดว่าอะไรนะ...

      ไม่ทันจะได้ถามประโยคนั้นออกไปร่างของเขาก็สลายเป็นธุลี เหลือไว้เพียงลูกไฟวิญญาณบนมือไซมอนเท่านั้น

      "ไซมอน!!!!" สีตาของเฟนริลแปรเปลี่ยนเป็นแดงดำด้วยโทสะเขาเรียกเคียวโซ่ออกมาเหวี่ยงมันเข้าใส่ไซมอน

      แต่ไซมอนไม่คิดจะหลบเหลี่ยงแต่อย่างใดเคียวโซ่นั้นรัดรอบตัวของไซมอน ไว้อย่างแน่นหนา ป้องกันการหนี

      อย่างไรก็แล้วแต่ ความคิดที่จะหนีนั้นกลับไม่มีอยู่ในหัวของไซมอนแม้แต่นิดเดียว

      หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกปีศาจ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ไซมอนต้องโทษประหาร แต่ทว่า กลับไม่มีสิ่งใดสามารถปลิดชีพเขาได้ แม้ร่างกายของไซมอนจะสลายไปเป็นผงธุลี แต่กลับไม่ปรากฏลูกไฟวิญญาณ และอีกเพียงอึดใจต่อมาร่างของไซมอนก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

      เมื่อไม่มีอะไรสามารถปลิดชีพของเขาได้ ไซมอนจึงถูกขับไล่ออกจากโลกปีศาจไปแทน 

      ตัวของไซมอนเองในตอนนั้นไม่ได้ปริปากแม้แต่นิดเดียว


      "เห้อ..." กลับมาปัจจุบัน เฟนริลยังคงนั่งใจลอยอยู่บนพื้นหญ้า เขาถอนหายใจยาวจนเกิดเป็นไอสีขาว

      หากใครมาเห็นฉากนี้คงต้องนึกว่าเขาเป็นเด็กหลงทางหาทางกลับบ้านไม่ถูกเป็นแน่

      ไปได้แล้วมั้ง...

      จอมซาตานเฟนริลลุกขึ้นจากพื้น เตรียมร่ายเวทยืเปิดประตูมิติ เขาเปิดมันก่อนเวลาเที่ยงคืนถึงครึ่งชั่วโมง 

      เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปคนเดียว

      มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำให้มันจบ...

      "แหม่ๆ... พ่อจ๊ะหนีแม่ไปคนเดียวเหรอจ๊ะ~" เสียงอันคุ้นเคยของภรรยาของเขาดังขึ้นมาจากข้างหลัง

      "มันเป็นเรื่องของฉัน มิคาโกะ... ปัญหาของฉัน ฉันต้องจัดการมันเอง"

      "ทำเป็นเท่ ปัดโธ่... ถ้าไม่อยากให้ไปด้วยจริงๆอย่าบอกตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าเหรอ พ่อบ้า!!" ประโยคนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากองค์หญิงคนโตแห่งโลกปีศาจ

      ซิลเทียร์นั่นเอง!!

      เธอเดินขึ้นเนินมาพร้อมๆกับแม่และน้องสาวของเธอ

      "เอ๋!! นี่จะไปกันแล้วเหรอ!! ขี้โกงนี่หน่า ดีนะที่พวกเรามาถึงก่อนเวลา" เสียงของไลฟ์ดังขึ้นจากเนินเขาอีกข้างหนึ่ง เขามาพร้อมกับอลิซ คานาโกะ และทาเครุ นอกจากนั้นยังมีสามพี่น้องเทพพยากรณ์มาด้วย!!

      "หวาๆ!! เนตรนภาขอออกโรงด้วยคนสิคะ!!" 

      ฟุ่บ..

      ร่างเล็กของเนตรนภาปรากฏขึ้นพร้อมด้วยลูกศิษย์ทั้งสองของเธอ นพีและนาเดีย

      "ชิ.. เจ้าพวกงี่เง่า ไม่รับประกันความปลอดภัยนะ..." จอมซาตานยิ้มมุมปากนิดๆ


      "หัวหน้าครับ พวกมันเข้าใกล้แนวยิงระยะหนึ่งร้อยเมตรแล้วครับ!!" ทหารนายหนึ่งรายงานกับหัวหน้าของเขาพวกเขากำลังตั้งแนวป้องกันปิดล้อมพื้นที่ไว้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้ที่ผู้คนย่านฮาราจูกุเกิดคุ้มคลั่งฆ่ากันเอง นี่ก็เป็นเวลาเกือบสองวันเต็มแล้ว แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่คลีคลายพวกอมนุษย์รุกคืบไปเรื่อยๆอย่างไร้การควบคุม จากกระสุนยาง บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยกระสุนจริง การตัดไฟดูเหมือนจะไม่เกิดผลกระทบต่อพวกมันเท่าใดนัก ตอนนี้ผู้คนในกรุงโตเกียวถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน หน่ำซ้ำในเวลาแบบนี้ยามค่ำคืนยังเกิดหมอกประหลาดบดบังทัศนวิสัย แปลกตรงที่หมอกประหลาดนี้ปกคลุมเพียงสนามบินต่างๆเท่านั้น ราวกับจะตัดทางหนีและทางส่งความช่วยเหลือทั้งหมด

      "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลาก็ผ่านไปเกือบสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วค่ะ ตอนนี้ทางสนามบินนาริตะก็ได้ประกาศห้ามขึ้นบินเป็นที่เรียบร้อยแล้วเนื่องจากเหตุขัดข้องทางทัศนวิสัย ทางรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตโตเกียว..." เสียงนักข่าวหญิงคนนึงยังคงรายงานเหตุการณ์ต่อไป

      ตอนนี้ซาโตมิและตรีรัตน์นั่งอยู่ข้างเตียงของแม่ของซาโตมิ ตอนนี้แม่ของเธอเปลี่ยนกลับมาอยู่ในชุดไปรเวทแล้ว พวกเขากำลังจะออกจากโตเกียวเนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์เข้าสู่สภาวะเลวร้าย

      ส่วนนาโอมินั้นพ่อและแม่ของเธอได้นำลูกสาวกลับไปดูแลต่อที่บ้านแล้ว หลังจากที่ทราบว่าสมองไม่มีส่วนไหนผิดปกติ การกลืนอาหารก็เป็นไปอย่างไม่ติดขัดแต่นาโอมิเป็นเจ้าหญิงนิทราด้วยสาเหตุใดนั้นแพทย์ก็ไม่อาจทราบได้

      ตรีรัตน์กำลังเดินไปที่รถแวนที่เขาเช่ามา เพื่อขับพาแม่ของซาโตมิออกจากโรงพยาบาล และตอนนั้นเอง

      ตูม!!

      พื้นถนนบริเวณถนนใหญ่หน้าโรงพยาบาลก็ยุบตัวลงราวกับถูกบางอย่างกระแทกพื้นถนนอย่างแรง ผู้คนบนท้องถนนราวกับถูกสะกดไว้ แม้จะตกใจกับเหตุการณ์ แต่พวกเขาก็ไม่ขยับไปไหน ยังคงมองไปทางหลุมกลางถนนนั่น เมื่อฝุ่นควันจางลงก็ปรากฏร่างหลายร่างอยู่ ณ ใจกลางหลุม

      พวกมันมีลักษณะคล้ายหมาป่าแต่ยืนด้วยสองขา และก่อนที่ผู้คนจะได้ทำอะไร พวกมันก็กระโจนขึ้นมาจากหลุม

      "จับไปให้ท่านไซมอนให้มากที่สุด ใครขัดขืน ฆ่า!!!" ช่างน่าอัศจรรย์ที่เสียงพูดสามารถออกมาจากปากของมันได้

      ผู้คนที่สัญจรไปมาเริ่มรู้ถึงอันตรายจึงรีบวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ถึงจะช้าไปกว่าที่ควรมากแล้วก็ตาม

      นั่นเป็นผลให้พวกเขาโดนไลแคนที่มีความไวเป็นต่อไล่ทันอย่างง่ายดาย

      ในบรรดาเหล่าผู้คนนั้นมีชายคนหนึ่งถูกไลแคนรวบตัวไว้ได้ ร่างของเขาสูงเพียงอกของไลแคนเท่านั้น

      "ปล่อยนะโว้ยยยย!!" เขาร้องตะโกนออกมาก่อนจะใช้แรดเหวี่ยงกำปั้นและระดมเตะเท้าเข้าใส่ไลแคนไม่ยั้ง

      กร๊อบบ!!

      ไลแคนใช่เพียงมือข้างเดียว คอของชายผู้กล้าหาญคนนั้นก็บิดจนหันไปด้านหลัง เขาเสียชีวิตในทันที แม้ความกล้าหาญชาญชัยขนาดไหนในยามนี้ก็ไม่มีประโยชน์เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าอสูรกาย

      ฟุ่บ!!!

      ไลแคนตัวหนึ่งมาปรากฏตรงหน้าของครอบครัวอากิระ มันมองไปยังตรีรัตน์ที ซาโตมิที

      "อืมม... น่าจะพอใช้ได้ จับส่งท่านไซมอนเลยละกัน" มันพูดออกมาตรีรัตน์ฟังมันเข้าใจเป็นอย่างดี เขาเอาตัวเองเข้าขว้างซาโตมิไว้

      "เหอะๆ เจ้าก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเจ้าตัวที่เล่นบทฮีโร่เมื่อกี้มันจบชีวิตยังไง!!!!" พูดจบมันก็เหวี่ยงกรงเล็บเข้าใส่ตรีรัตน์ ด้วยความเร็วที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจมองได้ทัน

      ฉัวะ!!!!

      เสียงโลหะกรีดผ่านเนื้อตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของเจ้าไลแคน มันลงไปชักดิ้นชักงอเพราะแขนท่อนล่างของมันตั้งแต่ข้อศอกลงไปถูกตัดกระเด็นออกไป ครู่ต่อมาเลือดของมันก็พุ่งกระฉูดออกมาทางบาดแผล

      ตรีรัตน์หันไปมองผู้ที่ช่วยเหลือเขา

      ภาพเบื้องหน้าที่เขาเห็นคือเด็กชายคนนึงอายุราวสิบขวบ ใบหน้าขาวซีด ผมข้างหน้าตั้งชี้ไม่เป็นทรงแต่ข้างหลังกลับยาวสยาย ผมและดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ ในมือของเขาถือเคียวโซ่เล่มเล็กเล่มหนึ่ง

      "ท่าจะมาสายไปหน่อยนะเนี่ย.." เขารำพึงขึ้น และจากนั้นร่างอีกหลายร่างก็ก้าวออกมาจากมุมมืดของลานจอดรถ

      ทุกร่างล้วนสวมผ้าคลุมสีดำ แต่ละคนถืออาวุธมีคมพร้อมสรรพ นัยน์ตาทุกคู่โชนแสงแดงก่ำทำให้ตรีรัตน์เกิดความรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

      ซาโตมิตาเบิกกว้าง ด้วยความตกใจ เธอแม้เธอจะรู้สึกช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันกับการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ที่เธอตกใจยิ่งกว่าในตอนนี่คือภาพของชายในชุดคลุมดำคนหนึ่ง

      ใบหน้าที่เธอฝันถึงทุกครั้งที่หลับตา ใบหน้าที่เธอแสนจะรักใคร่ ใบหน้าของบุคคลที่เธอคิดว่าตายจากเธอไปแล้ว

      ใบหน้าของบุตรชายบุญธรรมของเธอ...

      อากิระ ไลฟ์!!!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×