ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LifeAfterDeath 2

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ 23

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 54


     บทที่ 23

      "ตอนนี้ย่านฮาราจูกุถูกยกระดับเป็นเขตพื้นที่อันตราย ทางรัฐบาลได้ทำการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่และบริเวณโดยรอบเป็นที่เรียบร้อย และได้ทำการตัดไฟในบริเวณเพื่อรับมือสถานการณ์แล้ว จึงขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ ตอนนี้ทางรัฐบาลได้ควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว" ทางโฆษกของรัฐบาลได้ประกาศผ่านทางโทรทัศน์ 

      ตอนนี้เสียงโทรทัศน์ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น ที่มี เวอร์แนนดี อูร์ และทาเครุนั่งอยู่

      "ว้า... ต้องมานั่งตามข่าวอย่างนี้รู้สึกแย่จัง.." เวอร์แนนดีพูดอย่างเซ็งๆ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโลกปีศาจ ความสามารถในการรับรู้ปัจจุบันของเธอถดถอยลงไปอย่างมาก ระยะการรับรู้ของเธอหดเหลือเพียงในอาณาเขตของโลกปีศาจเท่านั้น

      "ทางโลกนี่พยายามปิดกั้นความจริงน่าดูเลยนะฮะ" ทาเครุเอ่ยขึ้นบางขณะที่กำลังนั่งจิบชาอยู่

      "ช่วยไม่ได้นะ.. การจะยอมรับเรื่องวิญญาณมีอยู่จริงมันใช่เรื่องง่ายที่ไหนล่ะ... ไปเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวดูจะง่ายซะกว่า" สกูลด์กล่าวขึ้น เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดใส่ถ้วย และกาน้ำชา

      ตั้งแต่ไลฟ์ อลิซ และคานาโกะไม่อยู่ หน้าที่ทำอาหารก็ตกเป็นของสกูลด์แต่เพียงผู้เดียว

      "กลับมาแล้วครับ.." เสียงของไลฟ์ดังขึ้นมาจากทางประตูหน้าพร้อมกับเสียงประตูบ้านเปิดดังขึ้น

      สักครู่ต่อมาอลิซ คานาโกะและไลฟ์ก็เข้ามาในห้อง พวกเขาถอดผ้าคลุมสีดำออกไปแขวนอย่างเหนื่อยล้า

      "ขอบคุณจ่ะ..." คานาโกะกล่าวพลางรับถ้วยชามาจากสกูลด์

      "กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยสินะ..." อลิซเอ่ยออกมาหลังจากจิบชา ตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ทีวี

      "นั่นสิ..." ไลฟ์เห็นด้วย ภาพในทีวีตอนนี้เป็นภาพที่ถ่ายทอดจากทางอากาศในยามค่ำคืนของโตเกียวแม้เวลาจะต่างกับโลกปีศาจอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก 

      จากภาพนั้น บริเวณที่เคยมีแสงไฟส่องสว่างราวกับดาวบนดินเวลานี้กลับมีพื้นที่หนึ่งทีมืดมิดอยู่

      "เห้อ... พวกมนุษย์นี่น้า... ตัดไฟอย่างนั้นจะไปเข้าทางพวกสัตว์อสูรเปล่าๆละมั้ง.." อลิซรำพึงขึ้น

      "แล้วตกลงจะเอายังไงล่ะ" อลิซถามพลางล้มตัวนอนนาบไปกับโต๊ะ

      "เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?"

      "ไปช่วยโลกมนุษย์น่ะ..."

      "คนอื่นจะเอายังไงไม่รู้นะ แต่ผมจะไป.." ไลฟ์กล่าวขึ้น แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องไปช่วยนาโอมิ...

      "แต่ฉันมีเรื่องอยากจะบอกพวกเธอไว้อย่างนะ" อลิซพูดกับคานาโกะและไลฟ์

      "นาโอมิหน่ะ... ถูกพวกผสานวิญญาณเข้ากับพวกสัตว์อสูรแล้วพวกเธอต้องตระหนักเรื่องนี้ไว้ด้วย" อลิซกล่าวเตือนทั้งคู่ 

      ไลฟ์ได้แต่ก้มหน้าต่ำ เขาไม่สามารถเถียงได้ มันเป็นความจริง...

      "เพราะฉะนั้น หากพบนาโอมิ... และถ้าหากเธอกลายเป็นพวกของไซมอนก็จงอย่าลังเล..."

      ตุบ!!

      ไลฟ์ทุบโต๊ะเสียงดังจนทำเอาหลายคนในห้องถึงกับสะดุง

      "ไม่มีทาง... นาโอมิไม่มีวันเป็นพวกนั้น!!" ไลฟ์กัดฟันพูด ตัวของเขาเองยังคงก้มหน้าอยู่

      "ยังไงก็แล้วแต่... ถึงนายจะไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงก็คือความจริง" อลิซพูดด้วยเสียงเรียบๆ ทาเครุมองสลับไปมาๆระหว่างอลิซและไลฟ์ 

      "เธอเองก็ด้วยคานาโกะ... " อลิซหันไปหาคานาโกะก่อนจะกล่าวขึ้น

      "ฉันเข้าใจว่าเธอกับนาโอมิรักกันมากขนาดไหน ยังไงก็เตรียมใจเพื่อไว้ด้วยก็แล้วกัน..." อลิซยังคงกล่าวต่อไป คานาโกะไม่ได้ตอบ เธอออกอาการคล้ายๆกับไลฟ์ คือก้มหน้ามองพื้น

      "ไม่ต้องมีการเตรียมใจอะไรทั้งนั้นแหละคานาโกะ" คราวนี้ไลฟ์กลับพูดขึ้นมาอีก ทุกคนในห้องก็หันกลับไปมองไลฟ์อีกครั้ง

      "เพราะฉันจะต้องช่วยนาโอมิให้ได้... ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม" ไลฟ์พูดขึ้นแววตาของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น

      คานาโกะเง่ยหน้าขึ้นมองไลฟ์ และเมื่อเธอสบตาเข้ากับตาของเด็กหนุ่ม

      ตึกตัก...

      ใบหน้าของเธอพลันขึ้นสีระเรื่อ ก่อนทีเธอจะกล่าวโทษตัวเองที่ดันมารู้สึกถึงเรื่องอย่างนี้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอีก

      "บ้า..." คานาโกะกล่าวก่อนจะก้มหน้าไปอีกทิ้งให้คนบ้านั่งคิดทบทวนไปว่า ตูพูดอะไรผิดไปหว่า?


      ณ เนินหญ้าแห่งหนึ่งบนบุปผาร่วงโรย แม้จะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่มาก แต่ที่นี่กลับมีอากาศหนาวเย็นทั้งปี ลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้าอ่อนๆนั้นชวนให้ เฟนริลนึกถึงเรื่องสมัยที่ตนยังเป็นเด็กเมื่อสองร้อยปีที่ก่อน ตอนนั้นตัวของเขาเองยังมีอายุเพียงร้อยกว่าปี ซึ่งหากเทียบกับมนุษย์แล้วก็ราวสิบขวบ ตอนนี้เขาก็รูปร่างหน้าตาดั่งเช่นตอนนั้นเช่นกัน แสงจันทร์ที่สาดส่องางมาในตอนนี้ช่างคล้ายในตอนนั้นเหลือเกิน..


      ย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว เฟนริลยังคงจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเจ้าชายแห่งโลกปีศาจ ราชวงศ์ปีศาจในสมัยก่อนๆนั้นมีความน่าเกรงขามกล่าวปัจจุบันหลายเท่าจึงทำให้เหล่าปีศาจในอดีตถูกมองว่าชั่วร้ายมาโดยตลอด

      "ท่านพ่อ!! วันนี้ครูสอนกระบวนท่าใหม่ให้ข้าด้วยขอรับ!!" เด็กน้อยอายุราวสิบขวบวิ่งเข้าไปหาพ่อของตน ซึ่งเป็นบุรุษสวมเกราะเหล็กสีดำสนิททั้งตัวนัยน์ตาและผมสีแดงแสดงให้เห็นถึงสายเลือดราชวงศ์อย่างชัดเจน เขากำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่โตซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องโถงใหญ่แห่งปราสาทของราชวงศ์ปีศาจ

      "จริงเหรอ! ไหนๆ แสดงให้พ่อดูหน่อยสิ" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างร่าเริง แม้จะติดงานประชุมปรึกษากับเหล่าหัวหน้าหน่วยต่างๆอยู่ก็ตาม

      "กระบวนท่ามีชื่อว่า เคียวอสรพิษขอรับ! ท่านอาจารย์บอกให้ข้าลองใช้เคียวติดโซ่อันนี้ดู" พูดจบเด็กชายก็เรียกเคียวเล่มน้อยออกมา ลักษณะพิเศษของมันคือด้านปลายด้ามของมันกลับมีโซ่ติดอยู่ โซ่นั้นรอยกันเป็นสายยาวได้ร่วมห้าเมตร เด็กชายเริ่มร่ายรำกระบวนท่าเคียวอสรพิษ

      เด็กชายร่ายรำท่วงท่าได้อย่างสวยงาม ทุกท่าแฝงไปด้วยจิตสังหารชนิดสามารถทำให้คนธรรมดาถึงกับเข่าอ่อนได้เลยทีเดียว 

      เด็กน้อยเริ่มร่ายรำกระบวนท่า เร็วขึ้น เร็วขึ้น... จนกระทั่ง....

      พรึบ!!

      เพลิงสีดำก็ลุกพรึบขึ้นไล่จากโซ่ไปยันตัวเคียว ในท่วงท่าที่หมุนโซ่เป็นวงกลมมองเห็นคล้ายกับโล่เพลิงสีดำ สร้างความตื่นตาให้กับคนในห้องประชุมไม่น้อย

      "ยอดเยี่ยม!! ต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ!!" เมื่อการร่ายเพลงเคียวจบลง จอมซาตานก็เป็นคนแรกที่ปรบมือเสียงดัง

      "แฮะๆ ไม่เท่าไหร่หรอกขอรับท่านพ่อ แล้วก็ ไซมอนมีบางอย่างจะมาโชว์ท่านพ่อเหมือนกันนะขอรับ" เฟนริลเอ่ยขึ้น ตอนนั้นไซมอนแอบอยู่หลังเสาตามที่เฟนริลบอก 

      ความจริงนั้นไซมอนได้เรียนวิชาสายผลึกน้ำแข็งสำเร็จจึงอยากนำเวทย์ลูกแก้วน้ำแข็งมาให้พ่อดู

      "บอกมันไปว่าพ่อไม่ว่าง..." ผคำตอบของผู้เป็นพ่อนั้นทำให้คนที่แอบฟังอยู่ถึงกับใจหล่นวูบ

      "แต่ว่า ท่านพ่อขอรับ.."

      "ไม่ต้องหาข้ออ้างให้น้องแกเลยเฟนริล" ผู้เป็นพ่อกล่าวตัดบท

      "ตัวใช่การไม่ได้อย่างนั้นแกจะไปสนใจทำไมกัน" 

      ประโยคนี่ราวกับเป็นมีดกรีดลึกลงในหัวใจของไซมอน

      ใช่สินะ... เขามันก็แค่ไอ้ตัวไริประโยชน์ ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แม้แต่นิดเดียว

      "ราชวงศ์เราต้องการเพียงผู้มีความสามารถรอบด้านเท่านั้น ปวกเปียกอย่างเจ้านั่น มันก็แค่ของใช้การไม่ได้..."

      พอกันที!!!

      ไซมอนออกวิ่ง เขาไม่สนใจฟังอีกต่อไป เขาวิ่งออกจากที่ซ่อนหลังเสาไปยังประตูทางออก เฟนริลเห็นดังนั้นก็เตรียมจะตามน้องชายไป

      "หยุดเดี๋ยวนี้นะเฟนริล" 

      กึก..

      เท้าของเฟนริลชะงักลง คำสั่งของจอมซาตานถือเป็นสิทธิ์ขาด ไม่มีใครสามารถขัดได้ แม้แต่คนในราชวงศ์ด้วยกันเอง

      แม้การหนีไปครั้งนั้นของไซมอนจะกินเวลาไม่มากแต่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ หลังจากกลับมาจากการหนีไปในครั้งนั้น แน่นอนว่าไซมอนถูกลงโทษอย่างหนัก ไซมอนไม่เคยพบหน้าผู้คนอีกเลย เขบเก็บตัวเงียบอยู่ในส่วนที่พักอาศัยของเขาในคุกใต้ดินของปราสาท เขาแทบจะไม่ออกมาพบปะกับผู้คนอีกเลย แม้แต่กับตัวเฟนริลเอง

      และวันหนึ่งเมื่อเฟนริลมีอายุครบร้อยเจ็ดสิบปี เขาก็ได้สืบทอดบัลลังก์จากจอมซาตาน เขามีทุกอย่างเพรียบพร้อม ทั้งราชินีที่เป็นคู่ครองบัลลังก์ และบุตรชายหญิงถึงสามคน 

      ในช่วงนั้นไซมอนก็พบปะกับผู้คนมากขึ้น โดยเฉพาะกับหลานชายของเขานาม ลูซิเฟอร์ เจ้าชายแห่งโลกปีศาจ บ่อยครั้งที่ผู้คนจะเห็นลูซิเฟอร์ในวัยเด็กเดินตามไซมอนต้อยๆคอยช่วยเขาแบกอุปกรณ์สำหรับการทดลอง ทุกอย่างมันดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งคืนหนึ่งเมื่อเกือบเจ็ดสิบปีก่อน...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×