ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 22
บทที่ 22
"ทีมสามนี่ทีมแปด ตรวจพบความผิดปกติของคลื่นวิญญาณบริเวณฮาราจูกุ" เสียงรายงานทางจิตดังขึ้นในหูของบุรุษหนุ่มผู้นึง บัดนี้นี้เขากับเพื่อนอีกสองคนกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าโตเกียว
...ใช่แล้วพวกเขากำลังบินอยู่ พวกเขาคือหน่วยล่าวิญญาณของแองเจิ้ลที่เพิ่งจัดตั้งได้เมื่อไม่นานมานี้
เดิมนั้นพวกแองเจิ้ลอาศัยเพียงข้อมูลจากผู้พยากรณ์ในการค้นหาวิญญาณ แต่หลังจากที่วิหารฝั่งเอเชียนำโดยเกเบรียลถูกปราบลงโดยเหล่าปีศาจ ผู้พยากรณ์ได้ย้ายไปอยู่กับพวกปีศาจ
เพื่อการรวบรวมแองเจิ้ลรุ่นใหม่ๆพวกเขาจึงจำต้องใช่วิธีเดียวกับพวกยมทูตจากโลกปีศาจ ต่างกันตรงที่แทนที่แองเจิ้ลจะสามารถจับอัตราการเต้นของหัวใจได้ พวกเขากลับใช้วิธีจับคลื่นวิญญาณที่แผ่ออกมาจากตัวคนแทน หากในยามปกติมนุษย์จะแผ่คลื่นวิญญาณออกมาน้อยมาก แต่หากเป็นในยามใกล้ตายแล้ว คลื่นวิญญาณจะถูกปล่อยออกมาเป็นจำนวนมหาศาล
เมื่อพวกแองเจิ้ลเริ่มใช้วิธีนี้พวกเขากลับรู้สึกว่ามันสะดวกกว่าวิธีพยากรณ์เสียอีก เนื่องจากพวกแองเจิ้ลส่วนใหญ่นั้นบินได้ และเมื่อตรวจการจากมุมบนนั้นยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นไปอีก
"ทำยังไงดีขอรับท่าน ไปช่วยทางนั้นไหมครับ?" เสียงลูกทีมของเขาดังขึ้นจบกช่องสื่อสาร
"ตรวจตราเนื้อที่ฝั่งของเราให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไป" เขาตอบกลับไป
"แล้วก็นะ... เลิกเรียกว่าท่านได้แล้ว ระบบนั้นหน่ะ.. เลิกใช้ไปตั้งครึ่งปีแล้วนะ.."
"จริงด้วย... ขออภัยครับท่าน เอ๊ย!! ขอโทษครับ" เสียงลูกทีมของเขาตอบกลับมา
เดิมนั้นเหล่าแองเจิ้ลมีการแบ่งชนชั้นตามระดับความดีความชอบและระดับพลัง โดย ชั้นอัครทูตจะใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็น องครักษ์สวรรค์ อัศวินสวรรค์ แองเจิ้ลชั้นวิสามัญและแองเจิ้ลชั้นสามัญ ตามลำดับ ส่วนวิญญาณที่ไร้พลังนั้นอาจจะเอาไปไว้เป็นคนรับใช้หรืออะไรทำนองนั้น
แต่ปัจจุบันเมื่อฟินิกซ์เลื่อนขึ้นเป็นอัครทูตแทนเกเบรียลแล้ว ระบบเหล่านี้ก็ถูกรื้อทิ้งไป เหล่าแองเจิ้ลได้หันไปใช้ระบอบประชาธิปไตยซึ่งใช้ต้นแบบมาจากโลกมนุษย์ ที่ก็ยังถือว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักเนื่องจากเหล่าแองเจิ้ลที่ได้ผลประโยชน์จากระบบเดิมยังไม่ยอมรับในระบบใหม่
หัวหน้าทีมผู้นี้มีผมสีน้ำตาล ผิวของเขาขาวผ่อง นัยน์ตาสีเดียวกับสีผม ชื่อของเขาคือ
ทาคามิ... ฮิราโนะ ทาคามิ ถึงเห็นอย่างนี้เขาก็เคยเป็นถึงแองเจิ้ลชั้นองครักษ์สวรรค์เลยทีเดียว!! ในเหตุการณ์โจมตีโลกปีศาจนั้น เขายังคงเป็นเพียงแองเจิ้ลชั้นอัศวินสวรรค์อยู่ ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เกเบรียลและลูน่าหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของวิหารฝั่งเอเชียต่างเสียชีวิตลง เมื่อฟินิกซ์ขึ้นเป็นผู้นำ เขาก็ถูกเลือกเป็นองครักษ์ แต่ก็เป็นอยู่ได้ไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงระบบ
เห้อ...
ทาคามิถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ตัวของเองนั้นไม่ได้อยากเป็นองครักษ์สวรรค์เท่าไหร่หรอก งานก็ยุ่ง แถมไอ้น้องชายตัวดีกลับมาหายตัวไปอีก
คอยดูนะ... ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ตูจะเล่นให้น่วมเลย
ทาเครุ ไอ้น้องจอมยุ่ง...
ทุ่งหญ้าบริเวณชายป่าแห่งโลกปีศาจเต็มไปด้วยหลังคาเต็นท์ผ้าใบอีกครั้ง
ณ หลังคาผ้าใบหลังใหญ่หลังหนึ่ง ตรงกลางได้มีการตั้งโต๊ะสนามเรียงต่อกันเป็นแนวยาว บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองรายงานเอกสาร และ ณ จุดหัวโต๊ะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจอมซาตานแห่งโลกปีศาจ ถัดมาเป็นเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด พวกไลฟ์ก็นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย และนอกจากนี้ยังมีเหล่าหัวหน้าของกองพันล่าวิญญาณทั้งสี่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย
"เอาล่ะ... ภารกิจในป่าถือว่าล้มเหลว... ไซมอนหลบหนีไปได้พร้อมกับงานทดลอง" จอมซาตานกล่าวสรุปภารกิจขึ้นอย่างเงียบๆ ไลฟ์ได้แต่ก้มหน้าเงียบ เขาไม่ชอบเอาเสียเลยที่นาโอมินั้นถูกเรียกว่างานทดลอง แต่พูดแย้งไปก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์อะไร
"พอดีกับที่ทางหน่วยลาดตระเวณของพวกเราในญี่ปุ่นแจ้งเข้ามาว่าไซมอนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับฝูงสัตว์อสูรแถวย่านฮาราจูกุของโตเกียว" หัวหน้าจางกล่าวรายงาน
"และตอนนี้ไซมอนได้ไช้หนึ่งในศาสตร์ต้องห้าม ศาสตร์แห่งแก่นชีวิต ดึงวิญญาณของคนนับพันบริเวณนั้นออกมาเปลี่ยนพวกเขาเป็นอมนุษย์ ครึ่งเป็นครึ่งตาย" หัวหน้าจางรายงานต่อ
"แล้วจะเอายังไงล่ะขอรับนายท่าน" แจ็ค หัวหน้ากองพันล่าวิญญาณที่หนึ่งถามขึ้น
"อืม... เรื่องนี้มันเกิดจากราชวงศ์ข้า พวกข้าจะรับผิดชอบเอง..." องค์ซาตานกล่าวขึ้นในที่สุด
"ต้องจัดการให้เร็วด้วยนะจ๊ะพ่อ ก่อนที่กองทัพอมนุษย์นั่นจะเพิ่มเยอะไปกว่านี้" นายหญิงแห่งโลกปีศาจพูดยิ้มๆ ตอนนี้ไลฟ์เริ่มชินกับสีหน้ายิ้มตลอดเวลาของเธอแล้ว
"การจะโค่นไซมอนในตอนนี้เราต้องรอ.. หวังเพียงว่าเจ้าลูซิเฟอร์จะหาที่นั่นเจอ..." องค์ซาตานพึมพำ
ทุกใบหน้าหันมามององค์ซาตาน ทุกใบหน้านั้นแสดงถึงความสงสัยอย่างชัดเจน ยกเว้นใบหน้าหน้าของนายหญิงแห่งโลกปีศาจ
ที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่หมายความว่ายังไงกันนะ?
"ข้าจะอธิบายให้ฟังเองก็แล้วกัน" ซิลเทียร์ลุกขึ้น
"ปกติเวลาเป็นมนุษย์ เราจะมีกายเนื้อ ถัดจากกายเนื้อเข้ามาจะเป็นกายจิต และด้านในสุดจะเป็นลูกไฟวิญญาณซึ่งจะผสานรวมอยู่กับกายจิต" ซิลเทียร์อธิบายก่อนจะวาดวงกลมสามขนาดขึ้นกลางอากาศวงกลมทั้งสามซ้อนกันอยู่
"เวลาเราตายกายจิตของเราก็จะมีสัมพันธ์กับกายเนื้อ จนกว่ากายเนื้อจะสลายไปใช่ไหม" ซิลเทียร์ว่า
"การแบ่งแยกกายจิตกับลูกไฟวิญญาณนั้น เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้" ซิลเทียร์อธิบายต่อ
"แต่ทว่า กลับมีวิชานึงสามารถทำได้ และเพราะมันขัดกับกฏของธรรมชาติ จึงถือเป็นวิชาต้องห้าม" ซิลเทียร์ยังคงอธิบายต่อไป
"แต่ไซมอนได้ใช้วิชานั้น... ตามที่ท่านพ่อคาด ฉีกเอาดวงไฟวิญญาณของตนเองออกมา และซ่อนมันไว้" เมื่อซิลเทียร์อธิบายมาถึงจุดนี้ หัวหน้ากองพันล่าวิญญาณที่สี่ก็ยกมือถามขึ้น
เขาดูท่าทางเหมือนผู้คงแก่เรียน ผิวสีออกขาวซีด กับผมสีดำขลับหน้าตาของเขาจัดได้ว่าดูดีมากทีเดียว
"แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรอครับ ทั้งที่ไม่มีวิญญาณอยู่กับตัว..."
"มันเป็นไปแล้วเนล... หมอนั้นควักมันออกไป ตอนที่ฉันใช้เนตรยมทูตฉันมองไม่เห็นลูกไฟวิญญาณของมันเลย" จอมซาตานกล่าว
"นี่ๆ ลูเซีย.. เวลาใช้เนตรหน่ะ มองเห็นลูกไฟวิญญาณด้วยเหรอ" ไลฟ์หันไปถามลูเซียที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
"เอ๋? ก็เป็นเฉพาะเนตรของพวกเราน่ะคะ พี่จ๋าไม่เคยลองเลยเหรอ" ลูเซียตอบกลับมาพร้อมกับสีหน้างงๆ
"ลูกไฟวิญญาณนั้นเป็นศูนย์รวมของความรู้สึก ความทรงจำ แล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่าง ถ้าเปรียบในกายเนื้อก็คือสมองนั่นแหละ และจากที่คาดไว้ ไซมอนคงจะซ่อนมันไว้ที่ไหนสักแห่ง ถ้าหากเราไม่ทำลายลูกไฟของไซมอนล่ะก็ เราคงจะโค่นหมอนี่ไม่ได้"
"เพราะส่วนที่รับความรู้สึกไม่ได้อยู่ในร่างสินะ.." อลิซพึมพำขึ้นมา
"ถ้าไซมอนไม่เจ็บปวดเราก็ไม่สามารถรบกวนสมาธิของเขาและทำให้ร่างจิตหายไปก็ไม่ได้สินะคะ..." เนตรนภาพูดออกมาอีกคน
"เพราะฉะนั้นทางเดียวของเราตอนนี้คือต้องสืบให้รู้ว่าไซมอนซ่อนลูกไฟวิญญาณของเขาไว้ที่ไหน" จอมซาตานกล่าวสรุป
"แต่ว่าเราจะหาจากไหนล่ะครับ.. เบาะแสก็ไม่มี..." หัวหน้ากองพันล่าวิญญาณที่สี่หรือ
เนลถามขึ้น
"ในวัยเด็กลูซิเฟอร์เคยสนิทกับไซมอนมาก ข้าเลยให้ลูซิเฟอร์ไปค้นดูในความทรงจำของเขา ว่าพอจะมีเบาะแสอะไรบ้างไหม" จอมซาตานตอบคำถามของเนล
"แล้วถ้าได้มาเราจะทำยังไงต่อเหรอครับ?" หัวหน้าจางถามขึ้นบ้าง
"ลูกไฟวิญญาณเป็นวัตถุที่ทำลายได้ยากที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบมา เท่าที่รู้ในปัจจุบันยังไม่มีอะไรทำลายมันได้ เว้นแต่.." จอมซาตานเว้นช่วงก่อนจะมองไปยังไลฟ์ ทุกคนบนโต๊ะประชุมต่างหันมองไปทางไลฟ์เป็นตาเดียว
"ความสามารถพิเศษของลูกนั้นเองสินะจ๊ะ พ่อ..." คราวนี้ราชินีแห่งโลกปีศาจเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
"เอ๋??" ไลฟ์ชี้ไปที่ตัวเองอย่างงงๆ
"ใช่... ความสามารถในการกลืนกินวิญญาณ" ซิลเทียร์เอ่ยตอบให้
ความสามารถในการกลืนกินวิญญาณนั้นเป็นความสามารถพิเศษของลูซิเฟอร์
"ตอนนี้เท่าที่รู้ ก็มีความสามารถนี้ของลูซิเฟอร์เท่านั้นที่สามารถทำลายลูกไฟวิญญาณได้" จอมซาตานกล่าว ก่อนจะลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ แม้ว่าความสูงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักก็เถอะ
"ข้าให้เวลาหนึ่งวัน ข้าจะไม่บังคับใดๆทั้งสิ้น ใครพร้อมจะไปกับข้า เที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ข้าจะเปิดประตูมิติสู่โลกมนุษย์ที่บุปผาร่วงโรย.. แค่นี้.. ปิดการประชุม" จอมซาตานกล่าวปิดการประชุมลงอย่างฉับพลัน ทำเอาทุกคนจับต้นชนปลายไปถูกก่อนที่จะมีคำสั่งรื้อถอนเต็นท์ทั้งหมดเพื่อกลับเข้าเมือง
จอมซาตานเดินออกไปยังบริเวณทุ่งคนเดียว โดยมีสายตาของไลฟ์มองตามไป ยามนี้อาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว เค้าหน้าของจอมซาตานเฟนริลบ่งบอกถึงความเครียดซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของเขา
"พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับไซมอนก็เป็นอย่างงี้ทุกทีเลยนะจ๊ะ พ่อ..." เสียงหวานใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของภรรยาของเขานั่นเอง
"ข้าผิดเองมิคาโกะ... หากวันนั้นข้าตามหมอนั่นออกไป มันอาจจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ได้.. ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี่ จริงๆข้าควรรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว..." โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น บัดนี้นัยน์ตาสีแดงก่ำดุจเลือดขององค์ซาตานนั้นฉายแววเศร้าอย่างที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน
ถ้าเพียงแต่วันนั้น... เขาตามไซมอนนั่นออกไป...
"แหม่... พ่อจ๊ะ... อย่ามัวแต่โทษตัวเองสิ" ราชินีแห่งโลกปีศาจหรือมิคาโกะก็สวมกอดร่างเล็กขององค์ซาตานจากด้านหลัง ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมา
มันช่างเป็นภาพที่... สื่อถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกได้อย่างชัดเจน(ใช่ซะที่ไหนละ!!!!)
"มิคาโกะ.."
"จ๊ะ.. ว่าไงจ๊ะพ่อ.."
"เธอ... อ้วนขึ้นหน่อยรึเปล่า..."
"แหม่~ พ่อก็..."
ผัวะ!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น