ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LifeAfterDeath 2

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 21

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 54


    บทที่ 21

      ณ ห้าแยกแห่งหนึ่งในย่านชิบูย่า เป็นย่านที่นับได้ว่ามีคนผ่านไปมาพลุกพล่านที่สุดในญี่ปุ่น ผู้คนเดินผ่านไปบนทางม้าลายอย่างเร่งรีบเมื่อสัญญาณไฟปรากฏ  

      ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเบื้องล่างนั้นไม่ได้รู้เลยว่ามีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือทีวีจอยักษ์ของตึก แห่งนึง และกำลังจ้องมองมาที่พวกเขา 

      ตัวของเขาสวมผ้าคลุมสีดำสนิท ผ้าคลุมของเขาพลิ้วไหวไปตามลม เขามีผมสีแดงก่ำราวกับเลือด ตอนนี้มันสะท้อนกับแสงสีฟ้าของจอเทีวียักษ์ที่กำลังฉายโฆษณาป็นม่วงอ่อนๆ เขามีเขาม้วนงอคู่หนึ่งอยู่บนศีรษะ

      ข้างๆตัวของเขายังมีร่างอีกสามร่างยืนอยู่ ร่างหนึ่งคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำทั้งตัว ใบหน้าทุกส่วนซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม

      "ท่านจะใช้ที่นี่จริงๆหรอ" ร่างคลุมถามร่างมีเขาด้วยเสียงแหบแห้ง

      "คนเยอะขนาดนี้... ทำเลแบบนี้.. คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะคุณริคิมารุ"

      "แล้วจะทำอะไรก่อนล่ะนายท่าน..." ริคิมารุเอ่ยถาม ไซมอนยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนจะผายมือทั้งสองข้างของเขาออก

      "สวัสดีเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย!!" เขาพูดขึ้น 

      ราวกับมีไมโครโฟนล่องหนจ่อปากเขาอยู่ เสียงของเขานั้นถูกขยายจนก้องไปทั่วแยกที่พลุกพล่านแห่งนั้น ผู้คนบนท้องถนนหันมองไปยังตึกที่ไซมอนยืนอยู่ จอภาพขนาดยักษ์ซึ่งเมื่อครู่ยังฉายโฆษณาอยู่บัดนี้กลับฉายหน้าของไซมอนขึ้นเต็มจอ

      "ข้าคือไซมอน!! ราชาแห่งโลกปีศาจ เราเฝ้ามองพวกเจ้ามานานแสนนาน และบัดนี้เราประสงค์จะปกครองพวกเจ้า" ผู้คนเบื้องล่างหยุดมองก่อนจะส่ายหน้า พวกเขาคิดว่านี่คงเป็นโฆษณาโปรโมตอะไรสักอย่างเป็นแน่ คนเบื้องล่างเลิกสนใจไซมอนและดำเนินกิจวัตรของตนต่อไป แต่แล้ว

      "เหวอ!!!!" เสียงร้องดังมาจากเหล่าผู้คน ต้นเสียงคือชายคนหนึ่งซึ่งเดินอยู่บนถนน แต่ตัวของเขากลับติดอยู่กับบางอย่าง ลักษณะคล้ายกับใยแมงมุม 

      มันคือใยของเหล่าวีฟเวอร์นั่นเอง!!!

      ใยของเหล่าวีฟเวอร์นั้น บัดนี้ถูก้กางคลุมแยกแห่งนี้อยู่ในลักษณะโดม ปิดกั้นไม่ให้คนข้างในโดมออกได้ และคนข้างนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้เช่นกัน

      "พวกแกทำอะไรหน่ะ!?" หนึ่งในนั้นตะโกนถามอย่างตกใจ หากเป็นหูของคนธรรมดาแล้วอาจจะไม่ได้ยินเนื่องจากผู้คนหลายพันกำลังส่งเสียงเอะอะกันเป็นการใหญ่ อย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยโสตประสาทอันดีเยี่ยม เสียงของเขาดังไปถึงหูของไซมอน

      "อ่อ!! ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะยืมพวกนายมาใช้ยึดครองโลกหน่ะ" ไซมอนกล่าวราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา

      และตอนนั้นเอง เหล่าวีฟเวอร์ทั้งหลายก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันหลายร้อยตัวกำลังไต่ขึ้นไต่ลงภายในโดมนั้น ผู้คนเบื้องล่างต่างพากันกรีดร้องเมื่อเห็นมัน

      เปรี้ยง!!

      เสียงปืนดังขึ้นจากกลางหมู่คน จากผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นตำรวจหรืออะไรทำนองนั้น

      กระสุนนักนั้นเจาะเข้าใส่บริเวณส่วนท้องของวีฟเวอร์ตัวหนึ่ง ผู้คนที่ติดอยู่ภายในโดมพากันเงียบกริบ 

      วีฟเวอร์ตัวนั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา เสียงนั้นคงเกิดจากขาสองคู่หน้าของมันสีกันเพราะความเจ็บปวด ผู้คนที่อยู่ภายนอกโดมพากันถอยออกห่างจากโดมแต่ยังคงจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      วีฟเวอร์ตัวนั้นหล่นจากโดมลงสู่พื้นเสียงดัง ผู้คนเบื้องล่างพากันออกห่างจากตัวของมันอย่างรวดเร็ว วีฟเวอร์ที่เหลือเมื่อเห็นพวกพ้องของมันถูกฆ่าก็กรีดร้องอย่างโกรธแค้น

      "เห้อ... มนุษย์เนี่ยน้า... ขี้ตกใจซะจริง" ไซมอนกล่าว

      "ช่วยทำให้พวกวีฟเวอร์สงบให้หน่อยสิเรย์"

      "ค่ะ.." เรย์กล่าว ก่อนที่ขาแมงมุมสองคู่เล็กบริเวณปากของเธอจะขยับสีกันไปมาอย่างรวดเร็วเกิดเป็นเสียงแหลมสูงแสบแก้วหู หลังจากได้ยินเสียงนั้นแล้ววีฟเวอร์ทุกตัวก็สงบลง

      "ขอบใจ... เอาล่ะ... งั้นจะเริ่มล่ะนะ" ไซมอนหลับตาลง เขาเริ่มพึมพำร่ายเวทย์ด้วยภาษาอันแปลกประหลาด

      และตอนนั้นเอง เปลวเพลิงสีดำก็ลุกพรึ่บขึ้นบนพื้นถนน มันลุกเป็นทางยาว หากมองจากมุมที่ไซมอนมองแล้ว มันคือวงเวทย์นั่นเอง

      มันคือวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีในประวัติศาสตร์ของโลกปีศาจ!!

      วงเวทย์ของไซมอนเป็นวงกลมซ้อนกันสองชั้น ตรงระหว่างสองรอบวงทั้งสองเส้นปรากฏอักขระขึ้นเรื่อยๆทีละตัวจนวนครบรอบวง และเมื่อตัวอักษรไล่จนครบแล้ว ณ จุดศูนย์กลางของวงเวทย์ก็ได้ปรากฏหลุมสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่ผู้คนที่อยู่ข้างล่างกลับไม่ได้สังเกต

      "เวทย์สูบวิญญาณ... ข้าเคยเห็นก็แค่ในตำราเท่านั้นแหละ" ริคิมารุรำพึงขึ้น

      "แต่ท่านจะดูดวิญญาณพวกนั้นมาทำอะไรเหรอคะ ท่านไซมอน" ยูคิเพื่อนของเรย์ ซึ่งบัดนี้เธอเป็นผู้นำของเหล่าไลแคน ถามขึ้นอย่างสงสัย

      "ฉันไม่เอาวิญญาณของคนพวกนี้ออกจากร่างหรอกน่า... " ไซมอนพูดก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างดูอารมณ์ดี

      "แค่จะดึงมันออกมาครึ่งตัวเท่านั้นแหละ" ไซมอนกำลังทำอย่างเขาว่าจริงๆ

      หลุมดำที่เขาสร้างขึ้นนั้น มันดูดเอาวิญญาณสีเทาหลุดออกมาจากตัวคน แต่ทว่า ก่อนวิญญาณจะถูกดึงออกมาทั้งร่างนั้น หลุมดำที่ไซมอนสร้างขึ้นกลับปิดตัวลง..

      "ดึงออกมาแค่ครึ่งร่าง หรือว่า...." ริคิมารุพึมพำ ถ้าความคิดของเขาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ริคิมารุจงใจที่จะสร้างกองทัพอมนุษย์ครึ่งเป็นครึ่งตายขึ้นมาจากคนนับพัน!!

      "ถ้าเป็นในหนังเขาคงเรียกว่าซอมบี้ล่ะนะ..." ไซมอนพูดด้วยสีหน้าระรื่นก่อนจะจะมองลงไปยังเบื้องล่าง 

      ผู้คนนับพันที่เคยส่งเสียงแตกตื่นเมื่อครู่ได้เงียบไปแล้ว นัยน์ตาของพวกเขาฉายแววเลื่อนลอยบางคนถึงกับนัยน์ตาเหลือกขึ้นจนเห็นลูกตาขาว

      "จงฟังข้า!!" ไซมอนตะโกนก้องไปทั่วลาน ผู้คนเบื้องล่างเงยหน้ามองไซมอนอย่างเงียบกริบ นัยน์ตาของพวกเขายังคงเลื่อนลอยอย่างไม่รับรู้กับสิ่งรอบตัว

      "หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าใส่วิญญาณกลับคืน จงทำตามที่ข้าสั่ง" ไซมอนพูดก่อนจะสยายปีกคู่ใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของโลกปีศาจออก

      ผู้คนที่ยืนอยู่ภายนอกโดมยังคงยืนดูเหตุการณ์อยู่กับที่โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่า ภัยกำลังจะมาเยือนตัวเอง

      "เอาล่ะ... คำสั่งแรก... พวกเจ้าจงฆ่าทุกคนที่อยู่ภายนอกโดมให้หมด!!" เมื่อสิ้นเสียงสั่งของไซมอน โดมใยแมงมุมของวีฟเวอร์ที่ปิดกั้นบริเวณถนนต่างๆอยู่ก็ถูกฉีกขาดออกโดยเหล่าวีฟเวอร์หลายตัว เปิดทางให้พวกอมนุษย์ไล่ทะลักออกมาสู่ภายนอกโดม

      ผู้คนที่อยู่ภายนอกโดมที่เพิ่งรู้สึกถึงภัยต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่เหล่าอมนุษย์กลับว่องไวกว่า พวกมันวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่พวกมันจะเร็วได้

      และผู้หญิงโชคร้ายรายนึงก็สะดุดล้มลงบริเวณสวนหย่อมเพราะรองเท้าส้นสูงของเธอไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้วิ่งแบบนี้ เมื่อเธอจะลุกขึ้นกลับโดนหน้าแข้งของชายคนหนึ่งที่วิ่งหนีเตะเข้าบริเวณศีรษะอย่างจัง ชายผู้นั้นไม่คิดแม้จะหันมาช่วยหรือกล่าวขอโทษ เขาคิดเพียงอย่างเดียวคือ

      การเอาตัวรอด...

      หญิงโชคร้ายพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ช้าไปเสียแล้ว

      อมนุษย์ตัวหนึ่งจับเธอกดไว้ มันอ้าปากของมันออกจนกว้างและ...

      "กรี๊ดดดดด!!" เสียงกรีดร้องพร้อมกับโลหิตปริมาณมหาศาลพุ่งออกมาจากบริเวณคอของเธอ ก่อนที่ได้จะทำอะไร อมนุษย์ตัวเองก็เข้ามารุมเธอแม้การกัดเพียงครั้งเดียวก็สามารถปลิดชีพของหญิงสาวได้แล้วก็ตาม แต่พวกมันไม่ได้เหลือสติพอจะคิดเช่นนั้น สิ่งเดียวที่พวกมันต้องการคือ เลือดสดๆ อุ่นๆ เพียงเท่านั้น...

      โลหิตของหญิงสาวกระเด็นเปื้อนไปทั่วบริเวณ มันกระเด็นเปื้อนรูปปั้นของสุนัขตัวหนึ่งในบริเวณสวนแห่งนั้น เลือดที่กระเด็นไปเปื้อนไหลชะโลมตามตัวของรูปปั้นสุนัขดูน่าสยดสยองยิ่งนัก


      อืม... 

      รอบกายของฉันมืดไปหมดฉันรู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้างในอากาศว่างเปล่า สิ่งแรกที่ฉันจำได้คือ

      เจ็บ... ความเจ็บปวดสุดจะบรรยาย มันเกิดขึ้นบริเวณเหนือหว่างอกของฉัน 

      ฉันเอามือคลำบริเวณนั้น แต่มือก็สัมผัสได้เพียงเหนือหนังปกติ

      แล้วที่นี่ ที่ไหนกันนะ?

      ขณะที่ฉันคิดอยู่นั้นก็มีแสงสีเงินปรากฏขึ้นบริเวณเบื้องหน้าของฉัน 

      มันจ้าเสียจนฉันต้องเอามือบัง เมื่อแสงนั้นจางไปฉันลดมือลง และภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือ

      สุนัขจิ้งจอกสีเงินตัวหนึ่ง ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบแต่ฉันรู้สึกว่ามันช่างสวยงามเหลือเกิน...

      "ขอบคุณที่ชมข้า นาโอมิ" เสียงที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของผู้หญิงดังขึ้น มันดังมาจากทางจิ้งจอกสีเงินทั้งๆที่มันยังไม่ได้เปิดปากพูดแม้แต่นิดเดียว 

      เป็นไปได้ยังไง!?

      เขารู้ชื่อของฉัน... และยิ่งกว่านั้น เขาอ่านความคิดของฉันได้!!

      "ความคิดของเจ้าส่งผ่านถึงข้าได้ เพราะว่าวิญญาณของเราทั้งคู่ผสานกันอยู่" เสียงนั้นดังมาอีก

      "ไม่จริงนา..." ฉันพึมพำ

      วิญญาณของฉันจะไปเชื่อมกับจิ้งจอกตัวนั้นได้อย่างไร!? 

      "ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ความจริงก็คือความจริง..." จิ้งจอกตอบกลับมา นัยน์ตาสีอำพันของมันส่อแววถึงภูมิปัญญาชั้นสูง

      จากนั้นร่างๆนั้นก็เริ่มจากหายไปราวกับหมอกควัน

      "เจ้าคือร่างที่จะต้องถูกข้าควบคุมสินะ.."

      มันพูดอะไรของมันกันนะ? ฉันไม่เข้าใจ ควบคุมร่างอะไรกัน!?

      "เดี๋ยว..." ฉันเอื้อมมือออกไปคว้าจิ้งจอกสีเงิน 

      "ไม่ต้องห่วง... ข้าไม่หายไปไหน.." แม้ตัวจะหายไปแล้วแต่เสียงของเธอยังคงอยู่

      "เอ๋??" 

      "จากนี้ไป เจ้าคือข้า ข้าก็คือเจ้า... โชคดีล่ะ... นาโอมิ..."
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×