ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LifeAfterDeath 2

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 18

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 54


    บทที่ 18

      "เอ๋... คุณแม่อยู่ห้องไหนน้า... ลืมซะแล้ว" หญิงวัยอายุประมาณสามสิบปีคนนึงกล่าว เธอเดินเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อมาเยี่ยมแม่ของเธอ

      "เห้อ... เธอเนี่ยน้า... ซาโตมิแก่แล้วหรือไงเธอหน่ะ? ขนาดห้องที่แม่ตัวเองอยู่ยังจำไม่ได้เลย" ชายผู้ที่เดินอยู่ข้างเธอกล่าวขึ้นเป็นเชิงหยอกล้อ

      "เงียบไปเลยนะคุณ!!" ซาโตมิค้อนใส่สามีของเธอ
     
      ตรีรัตน์หัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี ภรรยาของเขาทำแก้มป่องอย่างงอนๆ แม้จะวัยสามสิบต้นๆแล้วแต่ความน่ารักของเธอยังคงอยู่ 

      หลังจากเรื่องของไลฟ์มา นี่ก็ครึ่งปีแล้ว ซาโตมิดูเหมือนจะทำใจได้แล้วกับการสูญเสียลูกชาย ตรีรัตน์จึงถือโอกาสวันครบรอบแต่งงานหกปีของเขาพาเธอกลับมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น วันนี้พวกเขามาเยี่ยมแม่ของซาโตมิ แม่ของซาโตมิได้มาอาศัยอยู่กับ น้องชายของซาโตมิที่เข้ามาทำงานที่โตเกียว แม่ของเธอมารับการผ่าตัดเข่าที่นี่ ตรีรัตน์จึงถือโอกาสนี้พาซาโตมิมาเยี่ยม

      พวกเขาเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นที่อยู่ของแผนกอายุรกรรมและกระดูก แม่ของซาโตมิพักอยู่ที่ห้องเบอร์ 402 ซึ่งเป็นห้องเตียงคู่

      ก๊อกๆ...

      ซาโตมิเคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโดยมีตรีรัตน์ตามหลังไป

      "แม่คะ..." ซาโตมิเรียกแม่ของเธอซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมอยู่ แม่ของซาโตมิยังดูไม่แก่มากเท่าไหร่ ผมของเธอยังคงเป็นสีดำอยู่ แม้จะมีขาวแซมประปราย เธอว่างหนังสือพิมพ์ ก่อนจะมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

      "ตายจริง!! มาได้ยังไงจ๊ะเนี่ย!!" เธอพูดอย่างตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม ซาโตมิเดินเข้าไปกอดแม่ของเธอโดยที่ระวังไม่ให้โดนขาข้างที่ผ่าตัด

      สองแม่ลูกกอดกันกลมอยู่พักนึงก่อนจะแยกออก

      "ทำไมจะมาไม่บอกแม่ก่อน" ผู้เป็นแม่ถาม ครั้งสุดท้ายที่เธอเจอลูกสาวคนโตคนนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่าสองปีแล้ว

      "ก็กะจะมาเซอร์ไพรส์แม่ไงคะ" ซาโตมิกล่าว เธอยังคงยิ้มอยู่ แม่ของซาโตมิมองไปที่ตรีรัตน์ก่อนจะยิ้มให้

      ตรีรัตน์เองก็ยิ้มตอบและโค้งให้เธอ ก่อนจะนำตะกร้าใส่ผลไม้เยี่ยมไข้มาวางไว้ที่ข้างเตียง

      "ของฝากครับคุณแม่"

      "แหม่... ขอบคุณนะจ๊ะ ลำบากแย่เลย" แม่ของซาโตมิกล่าวยิ้มๆ 

      ตรีรัตน์นั่งรอตรงโซฟาก่อนจะปล่อยให้สองแม่ลูกคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน แม่ของซาโตมิไม่ได้เอ่ยถามเรื่องของไลฟ์เลยเพราะเธอรู้ดีว่าซาโตมิรักไลฟ์ขนาดไหน ครั้งก่อนที่ซาโตมิพาไลฟ์มาเธอรู้สึกชอบเด็กคนนั้นเหลือเกิน รอยยิ้มอันสดใสของไลฟ์ทำให้เธอนึกถึงซาโตมิในสมัยเด็กๆ

      แล้วประตูของพยาบาลก็เปิดออกอย่างเงียบๆพร้อมกับนามพยาบาลสาวคนนึงเดินเข้ามา

      "เป็นไงบ้างคะคุณป้ายังปวดอยู่ไหม" เธอถาม

      "ไม่เท่าไหร่ค่ะ เหนื่อยหน่อยนะคะ"

      พยาบาลยิ้มพลางโค้งนิดๆให้กับคำตอบของเธอก่อนจะเดินไปดูเตียงอีกเตียงหนึ่งที่อยู่ติดริมหน้าต่าง

      ซาโตมิมองตามไป เตียงที่อยู่ถัดจากแม่ของเธอไปนั้นมีผ้าขึงกันไว้ ทำให้เธอไม่สามารถมองข้ามไปยังเตียงนั้นได้

      เธอได้ยินเสียงนางพยาบาลพูดขึ้นเบาๆ

      "ลำบากหน่อยนะคะ.." 

      "น่าสงสารจริงๆนะ... หนูอาเนซาคิคนนั้นน่ะ" แม่ของซาโตมิพูดขึ้นเบาๆ

      "เอ๋..?" นามสกุลอาเนซาคินั้นคุ้นหูของซาโตมิไม่น้อย

      "แม่ก็ไม่รู้มากหรอกนะ เขามาอยู่ก่อนแม่น่ะ เห็นพูดกันว่าอยู่ดีๆก็ไม่รู้สึกตัวไป แต่ร่างกายยังคงตอบสนองปกติอยู่ ตอนนี้เห็นแม่ของหนูคนนั้นว่า ไม่รู้สึกตัวมาอาทิตย์กว่าๆแล้ว" 

      แล้วความทรงจำบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของซาโตมิ

      "ค่ะ หนู อาเนซาคิ นาโอมิ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" 

      นาโอมิเหรอ... ไม่ใช่นา...

      ซาโตมิลุกขึ้น เดินอ้อมเตียงของแม่เธอไป เธอเดินเลยผ้ากันระหว่างห้องไป แล้วซาโตมิก็พบกับเตียงอีกเตียงนึง

      ไม่ผิดแน่...

      นัยน์ตาของซาโตมิเบิกกว้าง ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนั้น เป็นร่างที่เธอรู้จักดี แม้จะดูซีดและซูบลงไปบ้าง แต่ซาโตมิหมั่นใจว่าเธอจำไม่ผิดแน่ 

      เธอคนนี้เคยให้กำลังใจเธอในวันที่เธอสูญเสียลูกชาย แม้เธอจะอายุน้อยกว่าซาโตมิมาก แต่จิตใอกลับเข้มแข็ง เธอคนนี้เคยทำให้ซาโตมิได้ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากสูญเสียไลฟ์ไป

    ร่างที่นอนอยู่บนเตียงกำลังหลับตาพริ้มอยู่นั้น คือนาโอมินั่นเอง...

      ที่เก้าอี้ข้างเตียง เหมือนว่าแม่ของนาโอมิจะสังเกตเห็นซาโตมิแล้ว 

      ซาโตมิโค้งให้เธอเล็กน้อย และเธอก็โค้งตอบกลับมาเช่นกัน

      "อากิระ ซาโตมิค่ะ" 

      "อาเนซาคิ เคนะ ค่ะได้ดีที่ได้รู้จักนะคะ" เธอยิ้มเล็กน้อย แต่ดูจากสีกหน้าอิดโรยของเธอนั้น เธอแค่ยิ้มตามมารยาทเท่านั้น

      "คุณเป็นแม่ของไลฟ์คุงสินะคะ ถึงได้รู้จักนาโอมิ" เคนะคงได้ยินเรื่องมาจากที่นาโอมิเล่าให้ฟัง

      "เสียใจด้วยนะคะ เรื่องไลฟ์ลูกชายคุณ.." 

      "ค่ะ..." 

      และบทสนทนาของทั้งคู่ก็ดำเนินต่อไป โดยที่เคนะก็ได้รู้สึกผ่อนคลายลงบางที่มีเพื่อนคุย หลายวันที่ผ่านมานั้นเธอแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลย แม้แต่กับสามีของเธอ

      ทั้งเคนะและซาโตมิไม่ได้รู้เลยว่า ขณะที่เธอคุยกันอยู่ตรงนี้ ร่างจิตของนาโอมิ กำลังจะถูกนำไปเข้าพิธีกรรมในไม่ช้า...


      ลานโล่งที่เดียวกับการทำพิธีกรรมครั้งก่อน มันอยู่ห่างจากหมู่บ้านบนต้นไม้ไปไม่มาก นาโอมิและเมย์กำลังถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มัดอย่างแน่นหนา กองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้นกลางลาน 

      ไซมอนผู้ซึ่งบัดนี้สวมผ้าคลุมสีดำตัวใหม่พร้อมกับถุงมือหนังสีดำของเขายืนอยู่ใกล้ๆกับกองไฟ และบริเวณขอบของลานโล่งที่มีลักษณะเป็นป่าได้มีสิ่งมีชีวิตหลายประเภทล้อมอยู่โดยรอบ   มีทั้งไลแคนร่างสูงใหญ่ ลักษณะของพวกมันดูเหมือนหมาป่าทุกประการ เพียงแต่พวกมันยืนด้วยขาหลังสองข้างส่วนขาหน้าของพวกมันได้แปรสภาพเป็นมือที่มีกรงเล็บแหลมคม พวกมันยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ ณ มุมนึงของชายป่า 

      อีกพวกเป็นเหล่ากองทัพแมงมุม พวกมันแต่ละตัวมีความใหญ่ไม่น้อยไปกว่ารถมอเตอร์ไซต์ ส่วนพวกที่เหลือส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรหน้าตาแปลกประหลาด ยืนเกาะกลุ่มอยู่กับพวกที่มีหน้าตาเหมือนๆกันเป็นกลุ่มเล็กๆ

      "หึหึ ใกล้เวลาแล้วสินะ.." ไซมอนแหงนหน้ามองดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงซึ่งส่องแสงสีเงินสาดไปทั่วลานแห่งนั้น แม้แสงจากกองไฟจะแรงกล้าเพียงใด แต่แสงของดวงจันทร์กลับแรงกล้ายิ่งกว่า

      "เอาล่ะ... งานนี้จะใช้ใครดีน้า..." ไซมอนมองไปยังเหล่าสัตว์อสูร

      "ใช้วิญญาณข้าสิ!! ในที่นี้ข้าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว" ไลแคนตัวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากล่าว ช่างหน้าประหลาดที่มันสามารถเปล่งเสียงออกมาได้อย่างชัดเจนเป็นภาษามนุษย์

      "เหอะ!! หลงตัวเองไปหน่อยมั้ง..." เสียงแหบๆดังมาจากฝั่งของเหล่าแมงมุม ก่อนจะมีเสียงกริ๊กๆ ที่พวกมันใช้ขาหน้าทั้งสองคู่กระทบกันดังขึ้น

      "พูดงี้อยากโดนกระทืบรึไงไอ้แมงชั้นต่ำ!!" ฝั่งไลแคนเริ่มส่งเสียงคำรามออกมาบ้าง แต่ก่อนที่ฟังแมงมุมจะตอบโต้...

      ตูม!!

      พื้นดินที่อยู่ระหว่างสองฟากของไลแคนและเหล่าแมงมุมถูกพลังบางอย่างอัดจนเป็นหลุม ทำเอาทั้งสองฝั่งผง่ะถอยออกห่างจากกัน

      เมื่อฝุ่นควันจางลงก็ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้น ร่างนั้นดูบอบบางราวกับสตรีดูขัดกับพละกำลังของหล่อนยิ่งนัก นัยน์ตาแสงอำพันของเธอเรืองแสงในความมืดสลัว นัยน์ตาของเธอเป็นขีดเช่นเดียวกับเหล่าไลแคน

      "ใครกล้าป่วนพิธีกรรมนี้ ข้าจะฝังมันลงในหลุมนี่... เดี๋ยวนี้..." เธอกล่าวด้วยแสงอันเย็นเยียบ เล่นเอาบริเวณรอบๆเงียบไปและไม่มีใครพูดอะไรอีก

      "ขอบคุณนะ ยูคิ" ไซมอนกล่าวขอบคุณร่างนั้น

      ยูคิหันมาค้อมหัวให้เธอ ยูคิคือเด็กสาวที่เป็นเพื่อนของเรย์นั่นเอง

      "วีฟเวอร์ตัวไหนไม่เสงบปากคำก็อย่าหวังจะรอดมือข้าไปเช่นกัน..." เรย์ปรากฏร่างขึ้นจากในกลุ่มของเหล่าแมงมุมหรืออสูรแมงมุมที่เรียกกันว่าวีฟเวอร์ ทำเอาพวกมันหงอยไปไม่ใช่น้อย

      การปรากฏตัวของวิญญาณระดับสูงทั้งสองคนทำให้ลานบริเวณโดยรอบเงียบสนิทนาโอมิ มองไปโดยรอบ เธอเลิกหวังว่าจะมีคนมาช่วยไปแล้ว เธอมองไปยังเมย์ผู้ซึ่งบัดนี้กำลังร้องไห้อยู่ ตัวของเธอสั่นด้วยความกลัว

      "เอ๋... พวกไลแคนก็มีวิญญาณผสานของยูคิ วีฟเวอร์ก็มีเรย์... อ๊ะ!! งั้นเอาเผ่าจิ้งจอกเงินก็แล้วกัน!!" ไซมอนพูดอย่างร่าเริงราวกับเป็นเด็กที่กำลังตัดสินใจเลือกของเล่น

      แล้วร่างๆหนึ่งก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้าด้วยขาสี่ขา ทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยขนสีเงินสะอาด และเมื่อกระทบกับแสงจันทร์ก็ยิ่งเปล่งประกายสีเงินออกมา นาโอมิจ้องมองจิ้งจอกสีเงินนั้น

      "ส่วนอีกตัวเอาเป็นค้างคาวก็แล้วกัน!! ยังไม่ได้ทดสอบเลยว่าร่างผสานวิญญาณที่บินได้จะใช้งานได้ดีหรือเปล่า" 

      ฟุ่บ..

      สิ้นคำกล่าวของไซมอน ร่างค้างคาวที่ห้อยตัวอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ก็ร่อนลงมาหาไซมอนราวกับจะตอบสนองต่อคำสั่ง

      "เริ่มพิธีได้..." ไซมอนประกาศ ก่อนที่กองไฟจะลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง หมาจิ้งจองขนสีเงินราวกับคอยจังหวะนั้นอยู่แล้ว 

      มันกระโดดเข้าไปในกองเพลิง ปล่อยให้กองเพลิงลุกไหม้ตัวมัน

      "หลับตาซะเมย์!!" นาโอมิตะโกนบอกเมย์ที่ถูกมัดอยู่ข้างๆ เธอคงไม่ต้องการเห็นภาพเช่นนี้แน่ ขนาดนาโอมิเองยังต้องเบือนหน้าหนี เสียงของหมาจิ้งจอกร้องโหยหวน แม้จะปิดตาได้ แต่ทั้งสองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเสียงและกลิ่นเหม็นไหม้ไปได้ กลิ่นเนื้อไหม้ทำให้นาโอมิรู้สึกคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก 

      ผ่านไปสักครู่เสียงโหยหวนนั่นก็หยุดลง นาโอมิหันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง เธอกลับได้พบกับลูกไฟดวงหนึ่งลอยแยกออกมาจากกองไฟมาอยู่ในมือไซมอน 

      ไซมอนรับมันมา ก่อนที่จะพึมพำบางอย่างไม่หยุดปาก

      และขณะที่นาโอมิกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง ความเจ็บปวดก็ได้แล่นเข้าสู่สมองของเธอ มันเป็นความเจ็บปวดที่เกินกว่าเธอจะรับมันไหว!!

      นาโอมิกรีดร้องออกมาสุดเสียง เธอรู้สึกได้ว่าเนื้อบริเวณเหนือหน้าอกของเธอกำลังแยกตัวออกเป็นรูกว้าง!!

      และขณะที่สติของนาโอมิใกล้จะดับไปนั้นเอง...

      ตูม!!!!!

      เสียงระเบิดพร้อมกับกองไฟนั้นระเบิดตัวออกไปในทุกทิศทาง

      และเมื่อฝุ่นควันจางลง กลับปรากฏกลุ่มคนกลุ่มนึงยืนอยู่บริเวณนั้น ร่างทุกร่างสวมชุดเสื้อสีดำรัดรูปคล้ายนินจา แต่ละร่างถือเคียวยาวเท่าตัวคน ยกเว้นร่างๆนึงที่ตรงเข้ามาหานาโอมิเพื่อแก้มัดเธอ ร่างนั้นถือดาบสีดำสนิท

      สติของนาโอมิยังคงพร่าเลือน ความมืดเริ่มก็กินดวงตาของเธอ เปลือกตาของเธอหนักจนเกินกว่าเธอจะควบคุม แต่ก่อนที่สติจะขาดห้วงไป นาโอมิก็ได้รู้อย่างหนึ่ง มันทำให้เธอรู้สึกอยากยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

      ไลฟ์มาช่วยเธอแล้ว....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×