Blue clothes [ ColdFlash ]
วันหยุดที่นานๆครั้งจะมีหนหนึ่งสำหรับฮีโร่และความวุ่นวายจากการผิดคำสัญญาที่ให้เอาไว้ของแบร์รี่ อัลเลน
ผู้เข้าชมรวม
505
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
Blue
clothes
Paring
: Captain cold x The Flash
หัวข้อ : swift / clothes
Rate
: ใสๆค่ะ :3
Note
: อาจจะ OOC ไปบ้างและตัวละคร นิสัย
หรือหน้าตา ท่าทาง อิงจากซีรี่ย์ The Flash ผสมกับ Justice
league นะคะ
ปล. เวิ่นมากๆกับคู่นี้
ชอบความขี้น้อยใจและเรียกร้องความสนใจของสนาร์ทในซีรี่ย์เอามากๆค่ะ ///
ฮือ...ถึงกับแกล้งปล้นเรียกเดอะแฟลช พอเขาไม่ว่างมาก็งอนตุ๊บป่องไม่ขโมยของแถมยังกลับไปเฉยเลยเอ้า
5555
ปลล.
สารภาพว่าอยากแต่งอะไรเรทๆแต่...แต่คู่นี้น่ารักเกินไป+เปิดเรื่องแรกของหัวข้อยังไม่อยากให้คนอ่านตกใจกันค่ะ
555
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - -
- - - - - - - -- - - - - - - - -
-
อากาศหนาวโดยธรรมชาติของเซ็นทรัลซิตี้คงจะแปลกพอๆกับวันที่เหล่าตัวร้ายน้ำแข็งพากันมาเปิดร้านไอศกรีมการกุศลในความคิดของผู้พิทักษ์ประจำเมืองอย่าง
‘The Flash’ แต่แน่นอนเพราะแบบนั้นมันเลยเป็นเหมือนวันหยุดสุดพิเศษสำหรับเขา
ที่ดูเหมือนว่าเหล่าวายร้ายจะกลัวหนาวเลยไม่ออกมาอาละวาดตลอดทั้งสัปดาห์จนฮีโร่ไม่ต้องออกไปวิ่งต้านลมจนหน้าชาและว่างพอจะลางานจากแล็ปมานอนเอื่อยๆบนเตียงนุ่มๆ
“...สการ์เล็ต
นายจะนอนทั้งวันรึไง...”
และอีกส่วนหนึ่งที่ไว้ใจได้ว่าอย่างน้อยๆหนึ่งในตัวร้ายตลอดกาลของ ‘The Flash’ จะไม่ออกมาอาละวาดก็คงเพราะ...คนที่ว่านั่นหนะอยู่ที่นี่
นอนซุกตัวในผ้าห่มผืนหนาที่น่าจะพอบรรเทาความหนาวไปได้บ้างพร้อมเสียงทักทุ้มๆที่ดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวตื่นนอน
ลีโอนาร์ด สนาร์ท
หรือที่ซิสโก้ตั้งให้ผู้คนรู้จักกันในนาม ‘Captain Cold’ ก็นอนเอื่อยๆเหมือนอย่างคนธรรมดาในวันธรรมดาๆเหมือนกัน...ไม่สิ
ต้องเรียกว่านอนอยู่ข้างๆกันเลยดีกว่า
“นานๆทีจะมีเวลาพักนี่นา...ขอนอนอีกซักพักไม่ได้หรือไง..”
น้ำเสียงงัวเงียจากชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าลงกับหมอนใบโตทำให้คนที่พบเห็นอดที่จะอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูไม่ได้
ทั้งๆที่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้อายุน้อยๆหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นที่มีความรักหวานชื่นกัน
แถมยังมีความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดต่อกันเสียจนถึงจะเอาไปปรึกษาจิตแพทย์ด้านความรักแบบที่ไอริสแนะนำ
แบร์รี่ก็คิดว่ามันไม่ช่วยอะไร
ก็แหม...เขาคือฮีโร่ขวัญใจประชาชน
แต่คนรักของเขากลับเป็นสุดยอดวายร้ายคู่ปรับตลอดกาลซะนี่
แบร์รี่เองก็จำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่
หลังจากที่เรื่องวุ่นๆทุกอย่างเกิดขึ้น หลังจากที่เขากับไอริสมีปัญหากันจนต้องออกห่างและเคารพการตัดสินใจที่จะแยกกันอยู่
หรืออาจจะหลังจากที่เขารู้ว่าความจริงสนาร์ทยังมีชีวิตอยู่เงียบๆแบบนี้...กว่าจะรู้ตัวอีกที
เขาก็มาอยู่ในจุดที่ถูกผู้ชายอดีตวายร้ายจอมเจ้าเล่ห์กอดรับความอบอุ่นในหน้าหนาวที่เงียบสงบแบบนี้ไปเสียแล้ว
และเขาก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...
“ว่าแต่นายเถอะ..สนาร์ท
ช่วงนี้ดูว่างนะ เพื่อนวายร้ายของนายคงไม่ชอบอากาศหนาวหละสิท่า”
ร่างโปร่งเพรียวลู่ลมเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกับการวิ่งที่มีแรงต้านน้อยอาจจะเป็นผลมาจากสปีดฟอร์ชในร่างที่ปรับร่างกายให้เป็นแบบนี้ขยับตัวขลุกขลิกในอ้อมกอดหลวมๆของคนรักแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคู่สนทนาที่ยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยและเดาทางยากเหมือนอย่างทุกที
“สการ์เล็ต...เราตกลงกันเรื่องนี้แล้วไง...ไม่เอาเรื่องงานมายุ่งกับเรื่องส่วนตัว
ถึงมันจะเป็นแค่มุกก็ไม่ได้ เข้าใจหรือเปล่าหืม ?”
สนาร์ทตอบกลับมาด้วยคำเดิมๆทุกครั้งที่เขาลองถามเกี่ยวกับงานวายร้ายและอาจจะโยงไปถึงคนอื่นๆในเมือง
และเป็นอีกครั้งที่จอมเล่ห์ระบายยิ้มไร้ความหมายออกมาให้เห็นหลังจากจบประโยคเพื่อสื่อให้พวกเขาทั้งคู่รู้กันเองว่าต่างฝ่ายต่างเคารพในกฎข้อนี้ดี
ซึ่งแบร์รี่ก็เข้าใจมันแม้จะปากไวไปบ้างหลายๆครั้ง
“Nahh…แค่พูดเล่นนิดหน่อยเอง
ทีกับนาย นายยังเรียกฉันว่าสการ์เล็ตอยู่เลย ทั้งๆที่ฉันใส่แค่บ็อกเซอร์นะ ไม่ใช่ชุดต้านแรงเสียดทานสีแดง”
ผู้ชายอารมณ์ดีหัวเราะออกมาเบาๆหลังพูดจบก่อนจะขยับไปกอดตอบคนที่ยังคงไม่ปล่อยแขนออกจากตัวเขาราวกับเป็นลูกนกขี้หนาวที่พยายามซุกสิ่งที่อุ่นกว่าเพื่ออยู่รอด
และคงเพราะร่างกายของเขาเผาพลาญได้ดีเลยดูเหมือนว่าจะตัวร้อนตลอดเวลา
เหมาะแก่การนอนกอดในหน้าหนาวแบบนี้จริงๆนั่นแหละ
สนาร์ททำเพียงคำรามเบาๆในลำคออย่างครุ่นคิดเหมือนสมองที่เจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายจะกำลังประมวลผลว่าเขากำลังจะอ้อนเอาอะไรแน่ๆ
และแบร์รี่ยอมรับว่าบางทีเขาก็หวังสิ่งของเล็กๆอย่างขนม
อาหารเช้าหรือบางทีอาจจะรวมไปถึงการอ้อนขอให้ในวันๆนั้น Captain Cold อยู่กับเขาแทนที่จะออกไปทำไอศกรีมจากร่างตำรวจที่เฝ้าของล้ำค่า
ซึ่งส่วนมากมักได้ผลดีเสียด้วย
และถึงคนฉลาดที่รอบคอบอย่าง
ลีโอนาร์ด สนาร์ท จะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เผลอยอมลูกอ้อนของเขากี่ครั้ง
สุดท้ายเจ้าตัวก็ตอบรับมันอย่างดี...ซึ่งนั่นอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาเผลอตกหลุมรักคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งจนเลยเถิดมาถึงขนาดที่ว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบนี้
เพราะจะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตัวจริงของ Captain Cold ที่ดูไร้หัวใจจะเป็นผู้ชายอบอุ่น
ขี้อ้อน และน่ารักเอามากๆแบบนี้
ปลายจมูกเย็นๆซุกลงกับไหล่ลาดเปลือยเปล่าของสปีดเตอร์ผู้พิทักษ์
ฝังสัมผัสและพยายามสูดกลิ่นไอร้อนๆตามรอยแผลที่เขาสร้างเอาไว้เหมือนเป็นลายเซนต์ด้วยความใจเย็น
สนาร์ทรู้ดีว่าเด็กขี้เล่น ร่าเริง และนิสัยดีในอ้อมกอดนี้ถูกมองตามด้วยสายตาน่าขนลุกอยู่บ่อยครั้ง
เขารู้หลายๆเรื่องจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้พร้อมรูปภาพประกอบ
และไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่คนรัก(บางทีก็เหมือนลูกชาย)จะถูกสายตาลวนลามมองสำรวจเรือนร่างผ่านเนื้อผ้ารัดรูปสีแดงที่เจ้าตัวดันใส่วิ่งไปรอบเมืองเพื่อหยุดเหตุความวุ่นวาย...
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดหวงสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เขามีจนเผลอฝากรอยใหม่เอาไว้อีกรอยจนร่างเล็กๆที่กำลังเคลิ้มๆกับอากาศอุ่นๆและอ้อมกอดของเขานั้นสะดุ้งเฮือกและเงยหน้าขึ้นมาอ้าปากพร้อมที่จะโวยวายด้วยสีหน้าราวกับเด็กๆ
“อะไรของนายเนี่ย ! กัดฉันเนี่ยนะ
ถ้าหิวแล้วก็ไปหาอะไรกินกันก็ได้นี่ !!”
เด็กน้อยที่อายุไม่ได้น้อยโวยวายเสียงใสท่ามกลางสายตานิ่งๆของต้นเหตุที่ฝากรอยไว้มากมายตามร่างกายของคนรัก
ก่อนจะเริ่มดิ้นไปมาอย่างอยู่ไม่สุข
บอกให้คนที่มองอยู่นั้นรู้ว่าเจ้าเด็กดื้อที่ว่านี่ไม่ยอมให้เขาแทะหรือกัดหรือจับอะไรแล้วหลังจากนี้
แต่...
มีหรือที่เขาจะยอม...เขาเป็นวายร้าย
และวายร้ายชอบเอาแต่ใจซะด้วย...
“สนาร์ท ! เลนนี่! ปล่อยย..โอ้ยย นายเป็นพวกกินเนื้อคนรึไงกันเนี่ย”
“นายนี่มันขี้โวยวาย..เป็นเด็กๆรึไงแบร์”
หลังจากปล่อยให้คนรักดิ้นพร่านจนผ้าห่มผืนหนาที่คลุมพวกเขากระเด็นตกเตียงระเนระนาดไปคนละทิศละทาง
สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระและลุกขึ้นนั่ง...ไม่ใช่ว่าเขาอยากปล่อยหรือเบื่อที่จะกอดคนตัวเล็กเอาไว้
แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นมาต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกตัวว่าต้องหยุดความรู้สึกเอาไว้และกดทับไปด้วยคำว่าเหตุผล
เผลอกระพริบตาครู่เดียว
คนที่นอนโวยวายเหมือนเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ขัดใจก็วิ่งไปรับโทรศัพท์ข้างนอกห้องนอน
ทิ้งให้เขากลับมาอยู่กับตัวเอง
จัดการพับผ้าห่มอะไรให้เรียบร้อยประสาคนรักความสมบูรณ์แบบ
และไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความเขาก็รู้ได้ทันทีว่าลีคฮีโร่คงโทรมาตามสปีดเตอร์ประจำทีมไปเล่นกู้โลกกันแหง...ไอ่พวกฮีโร่ทำลายวันหยุดก็เป็นอิหรอบนี้ทุกที
“ฉันต้องไปแล้ว”
ไวเท่าความคิด The Flash ปรากฎต่อหน้าเขาพร้อมสีหน้าลำบากใจที่มองคนรักของตัวเองผิดกับเจ้าตัวที่ทำเพียงช้อนสายตานิ่งเรียบมองดวงตาคู่สวยใต้หน้ากากนั่นอยู่ครู่หนึ่งและกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างมากเล่ห์เหมือนอย่างเคย
ไม่แปลกที่คนที่ห่วงคนอื่นตลอดเวลาอย่างแบร์รี่จะรู้สึกผิดที่ให้คำสัญญาไว้และทำไม่ได้
หลังจากสองวันแรกที่หิมะปกคลุมเมืองเซ็นทรัลซิตี้แบร์รี่ก็สัญญาเอาไว้ว่าจะมาอยู่กับเขาทั้งสัปดาห์แลกเปลี่ยนไม่ให้
Captain Cold มาทำให้เมืองนี้หนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม
แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร...ถ้า The Flash จะต้องออกปฏบัติงาน
เป็นเรื่องปกติ...ใช่ปกติ
“ฉันจะออกไปปล้น”
เป็นเพียงประโยคสั้นๆที่สนาร์ทบอกกับเขา...โอ้
ให้ตาย แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดจะแย่แล้วที่ต้องผิดสัญญาต่อหน้าคนรักที่รักษาสัญญาแบบนี้
และอดไม่ได้ที่จะแอบสาปแช่งซุปเปอร์แมนที่เรียกตัวเขากลับไป...
ขอให้....ขอให้ลูกชายนายโดนแฟนงอนเลย
เอ้า !!
“ไม่เอาน่าสนาร์ท
ฉันขอโทษจริงๆ...เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาแบบเดอะแฟลชเลย!”
แบร์รี่ยังคงพยายามยิ้มกว้างพร้อมเสียงเรียกเข้าที่โทรจิกไม่หยุดนับตั้งแต่ที่ยังไม่เห็นเขาวิ่งออกมาจากบ้านหรือไปถึงที่หมายตามเวลา
แต่พอหันกลับมาดูเหมือนคนรักเขาจะโกรธ..หรืออาจจะไม่พอใจมากๆ
ร่างสูงเดินผ่านฮีโร่ของเมืองไปหยิบเสื้อโค้ชตัวเก่งขึ้นมาและสวมมันพร้อมกับปืนความเย็นที่ตั้งโชว์บนตู้หัวเตียงอยู่นานสองนาน
แต่มีหรือที่เขาจะดูไม่ออกว่าสุดที่รักของเขากำลังจะออกไปปล้นจริงๆ
สองขาสปีดเตอร์วิ่งปรี่เข้าไปแย่งเสื้อโค้ชกันหนาวตัวหนาสีฟ้าสดใสคู่ใจของ
Captain Cold มาสวมใส่เสียเองพลางยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูห้องพร้อมที่จะออกไปทำงานทั้งๆแบบนั้น
เป็นเพียงความคิดซื่อๆที่คิดว่า หากสนาร์ทไม่มีเสื้อตัวเก่ง หรือปืนเจ้าตัวจะไม่ออกไปอาละวาด
“งั้นก็...ไว้เจอกันนะที่รักก!”
สิ้นเสียง..ฮีโร่ในชุดต้านแรงเสียดทานสีแดงสดก็วิ่งออกสู่ท้องถนนเบื้องล่าง
และในไม่กี่นาทีเจ้าตัวคงจะไปถึงเมืองที่นัดเอาไว้...พร้อมเสื้อกันหนาวตัวเก่งของวายร้ายคู่ปรับที่ฮีโร่ใสซื่อคนนั้นไม่ได้รู้เลยว่า
มันเป็นแผนตื้นๆที่สนาร์ทวางเอาไว้...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - -
- - - - - - - -- - - - - - - - -
-
หลังจากที่เหล่าวายร้ายที่ไม่กลัวความหนาวถูกจัดการจนหมด
เหล่าจัสติกลีคก็ได้เวลาว่างของพวกเขาในวันหยุดยาวของคนทั่วๆไปกลับคืน
ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายนั้น
ชายในเครื่องแบบเข้ารูปพร้อมออร่าสีเขียวที่น่าแสบตาก็บินเข้ามาหาสปีดเตอร์ที่ตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่รู้ตัวเนิบๆพร้อมเสียงทักด้วยความเป็นมิตรอันกวนประสาทเหมือนทุกที
“เฮ้...แบร์ ?
เสื้อสวยหนิ มันดูคุ้นๆนะว่ามั้ย ?”
กรีนแลนเทิร์นทักพลางเอื้อมมือไปจับที่ขนสัตว์ฟูๆของชายฮู้ทที่ติดกับเสื้อกันหนาวสีฟ้าตัวนุ่มหนาอย่างเบามือพลางมองปฏิกริยาของคนที่สวมมันอยู่ว่าหวงหรือเปล่าและในระดับไหน
เพราะใครๆก็รู้ว่าเสื้อกันหนาวสีฟ้าสดตัวใหญ่ที่เหมือนกำลังโอบกอดร่างผอมเพรียวของสปีดเตอร์นี่มันเป็นแฟชั่นของใครที่ใส่ประจำ...
และ...โอ้ พระเจ้า
ฮาลไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นรูปแบบไหนกันแน่
“หือ ? คุ้นหรอ ?
ฉันว่าไม่นะฮาล เสื้อโหลๆแบบนี้มีขายทั่วไปนั่นแหละน่า”
คนถูกถามเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกแกล้งเจ้าของเสื้อแม้จะไม่ได้อยู่ข้างๆกันในตอนนี้ก็เถอะ...อา...เขาอยากกลับไปหาสุดที่รักแล้วแหะ
แต่ตอนนี้ยังมีหน้าที่ต้องคุมคนที่จับได้ไปเข้าคุกให้ได้ก่อน ถึงจะไม่อยากก็เถอะ..อื้ม
“โห..พูดงี้ใส่เจ้าตัวสินะ
เจ้าของเสื้อถึงได้อาละวาดขนาดนั้น”
เพื่อนสนิทของเขาเอาศอกกระทุ้งอกพลางชี้ไปที่จอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ของใจกลางเมืองเมโทรโปลิสที่กำลังฉายภาพข่าวสดเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากเมืองใกล้เคียง...และไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เรื่องที่ว่ามันมาจาก..
เมืองของเดอะแฟลช...เซ็นทรัลซิตี้
!
ภาพเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาวเหน็บ
คนหนึ่งที่ยืนเด่นอยู่ในกล้องของนักข่าว...ปืนยิงพลังงานน้ำแข็งที่คุ้นตา
แว่นตากันแสงสีขาวที่ออกมาพร้อมกับอนุภาพรุนแรงของปืน
รอยยิ้มร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล และ...เสื้อกันหนาวสีฟ้าสดใสแบบคล้ายๆที่เดอะ
แฟลชกำลังสวมอยู่แต่แค่พอเจ้าตัวใส่แล้วมันพอดีตัวมากกว่ามากจนยิ่งชัดไปอีกว่าความจริงแล้วเสื้อที่แบร์รี่ขโมยมาสวมนั้นเป็นของใคร
“ไปก่อนนะ GL ขอไปเคลียร์ปัญหากับที่บ้านหน่อยนะ
!!!”
ไวเท่าความคิด...ชายที่เร็วที่สุดในโลกก็วิ่งออกไปทันที
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - -
- - - - - - - -- - - - - - - - -
-
เหตุการณ์กลับมาสงบ...ด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ
นักข่าวพากันลงข่าวให้ว่อนว่ากัปตันโคลด์อาจจะกำลังไม่สบายก็ได้ถึงได้ถูกเดอะแฟลชพากลับไปจากความโกลาหนอย่างง่ายดาย
แต่นอกจากนั้นข่าวอีกข่าวก็เป็นที่ฮือฮากันหนาหูหนาตาที่ว่า ‘ความสัมพันธ์ลับๆของยอดมนุษย์และวายร้ายน้ำแข็ง’
อาจจะมีเงื่อนงำอะไรมากกว่านั้น
ถ้าจะถามว่าข่าวพวกนั้นมาจากอะไร...มันเห็นชัดๆเลยว่าสนาร์ทจงใจไปหาเสื้อมาใส่คู่กับเขาออกกล้องขณะที่เขากำลังออกกล้อง(อีกกล้อง)ที่ถ่ายลีค
จนกลายมาเป็นที่มาและข่าวลือที่ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่อาจจะถึงขั้นใส่เสื้อคู่กันออกสื่อได้อย่างเปิดเผย
ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงกัน..
“ถ้าชอบเสื้อตัวนั้นฉันให้ก็ได้นะสการ์เล็ต”
เสียงคนที่เป็นต้นเหตุข่าวอื้อฉาวยังคงนอนเหยียดกายสบายใจอยู่บนโซฟาในเซฟท์เฮ้าที่เขาอาศัยประจำในฐานะ
แบร์รี่ อัลเลน ผิดกับเจ้าของบ้านที่ยังไม่ได้ถอดชุดรัดรูปออกหลังจากรีบวิ่งกลับมาที่เมืองหยุดเหตุการณ์ความวุ่นวายด้วยการเข้าไปอุ้มคนรักเขาออกมาพ้นสายตานักข่าวหรือตำรวจและตรงมายังคอนโดของเขาเองแบบนี้
แบร์รี่ค่อยๆหย่อนกายลงนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนรักพร้อมสองมือที่ค่อยๆถอดหน้ากากที่เย็บติดกับฮู้ดรัดรูปออกเผยใบหน้าซีดๆที่ต้องวิ่งฝ่าความหนาวและความเหนื่อยล้าจากการทำงานและวิ่งกลับมาด้วยความกลัวปนห่วงที่ว่ากัปตันโคลด์อาจจะถูกจับก็ได้
คงเพราะเคยเสียชายตรงหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง
ถึงจะคนละช่วงเวลาแต่...เขาจะไม่ยอมเสียไปอีก
“นี่...สนาร์ท
นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากให้นายต้องกลับไปอยู่นคุกนะ..”
“ตอนนี้ฉันก็เปล่านี่ไง
?”
ยังพูดไม่ทันจบ
สนาร์ทก็ยกมือขึ้นสุดแขนและชี้มาที่ตัวเองที่กำลังนอนมองตรงมาทางคนที่คุยด้วยพลางระบายยิ้มเล็กๆประดับลักยิ้มที่ข้างแก้มเหมือนอย่างทุกทีที่เจ้าตัวอารมณ์ดี
ผิดกับเขาที่ตอนนี้สีหน้าคงจะดูกังวลน่าดู...แต่ก็อยากให้อีกคนเข้าใจว่าเขาเคยเห็นช่วงเวลาที่ไม่มีอีกฝ่ายอยู่และมันทรมาณแค่ไหน
ถึงตอนนี้จะพูดออกมาไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆเข้ามาในช่วงเวลานี้ไปด้วยนี่สิ..
“สนาร์ท
ฉันจริงจังนะ..ให้ตายเถอะ ถ้าฉันมาไม่ทั-“
“ฉันรู้ว่านายเร็วแค่ไหน
แบร์รี่ อัลเลน...ฉันรู้ว่ายังไงก็มาทัน ถ้าฉันยังสำคัญเป็นอันดับหนึ่งหละก็นะ”
สนาร์ทยังคงเป็นฝ่ายพูดขัดแต่ครั้งนี้คนตรงหน้ามีสีหน้าชะงักเล็กน้อยที่เห็นเขาหลุบตาลงอย่างใช้ความคิดไปถึงขั้นเครียดก่อนจะถอนหายใจออกมาเอื่อยๆ
ร่างสูงที่ถอดเสื้อกันหนาวสีฟ้าตัวใหม่ไปแขวนไว้ข้างๆตัวที่เขาสวมมันทั้งวันค่อยๆหันกลับมานั่งข้างคนที่กำลังเป็นห่วงบนโซฟาที่ดูแคบลงทันทีที่มีผู้ชายสองคนนั่งด้วยกัน
มือเย็นเยียบตลอดเวลาเอื้อมไปจับมือผอมๆของสการ์เล็ตที่มีเรื่องมากมายให้คิดจากความใจกว้างของเจ้าตัวขึ้นมาจรดริมฝีปาก...เขาเป็นวายร้ายและวายร้ายไม่ชอบที่จะเอ่ยขอโทษเสียเท่าไหร่
เพราะแบบนั้นการกระทำแบบนี้จึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสื่อออกไปได้อย่างชัดเจนที่สุด
“นายไม่รู้หรอกว่านายสำคัญสำหรับฉันขนาดไหน”
เด็กหนุ่มในสายตาเขายังคงพูดเสียงเบาหวิวแม้จะหันกลับมาสบตากันตรงๆแล้วก็ตาม
ดวงตาสีอ่อนที่มีแววตาพิเศษ...เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองว่ามันกำลังทำให้คนที่เผลอเข้าไปสบตาจะต้องใจอ่อน
เมื่อหันกลับไปดูปริมาณของเหล่าผู้กระทำผิดที่ถูกจับได้โดยไม่ทำร้ายอีกฝ่ายมากนักหรือหลายรายที่ยอมรับผิด
สารภาพ
รวมไปถึงการกลับใจง่ายๆแล้วเขาว่ามันก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสายตานั่นเป็นจริง
ซึ่งคราวนี้มันก็กำลังทำให้เขาใจอ่อนและรู้สึกผิดอยู่ในอก...
“โอ้..ฉันว่าฉันรู้นะ”
ความรู้สึกย้อนแย้งในอกที่จะเป็นก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าฮีโร่ของทุกๆคนในเมืองสองต่อสองเท่านั้นหลายครั้งมันทำให้สนาร์ทรู้สึกรำคาญใจตัวเองที่เมื่อก่อน
เวลาที่ยังไม่ได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายเขาสามารถมีสมาธิกับงาน
ไม่ต้องมาคอยรู้สึกผิดที่ทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนอย่างเคย...ผิดกับตอนนี้
แค่เพียงทำอะไรตามใจตัวเองนิดหน่อยแล้วหันกลับไปสบสายตาผ่านดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจเขาก็พลอยรู้สึกผิดไปทุกที
“แบร์รี่...นายจะยกโทษให้ฉันที่ผิดสัญญาหรือเปล่า?”
และสุดท้ายคำพูดที่ไร้การกลั่นกรองนานๆครั้งก็หลุดออกจากปากพร้อมการจ้องหน้าคนรักอย่างรอคอยคำตอบ...เริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมานิดๆที่ต้องมาทำตัวเหมือนเด็กเกเรที่สุดท้ายก็ต้องกลับมาหาอาจารย์ที่สนิทและถามถึงการให้อภัยทั้งที่ไม่สมควรได้รับ
“ฉันผิดสัญญาก่อน...ฉันสิต้องถามนายแบบนั้น
สนาร์ท”
คำตอบที่ไม่คาดคิดมักมาจากชายที่ไม่มีใครคาดว่าจะทำเพื่อเมืองได้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนอย่างเคยเรียกรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าคนที่รับฟังจนเริ่มรู้สึกปวดแก้ม
ถึงปกติจะเป็นคนยิ้มไม่ค่อยบ่อยแต่พอมาอยู่กับคนรักแบบนี้ตรงๆแล้วก็เผลอเป็นอันหุบยิ้มไม่ได้ทุกที
“งั้น..ก็เป็นอันว่าหายกัน..และนายยังติดหนี้การอยู่กับฉันอีกหลายวันนะ”
แบร์รี่ยิ้มกว้างจนตาหยีเล็ก
ทั้งน่าเอ็นดูและน่ารักในเวลาเดียวกันให้กับเขาก่อนความอดทนสุดท้ายจะหายไปพร้อมกับร่างที่อยู่ในชุดคอเต่าสีดำที่ขึ้นไปคร่อมดันอีกคนในชุดสีแดงสดเอาไว้นอนราบกับโซฟา
พร้อมรอยยิ้มเล่ห์ร้ายตามประสาผิดกับคนที่เริ่มเลิ่กลั่กจากการตามเกมคนรักไม่เคยจะทัน
“เดี๋ยวสิ..ขอเวลาวิเดียวฉันก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว”
เดอะแฟลชพยายามเกลี้ยกล่อมคนร้ายอีกครั้งพร้อมมือที่ยกขึ้นมาดันอกคนที่ก้มลงมาเชิงว่าให้หยุดก่อนแม้ว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดแถมยังหัวเราะชอบใจขณะที่สองมือเริ่มเลื่อนไปสำรวจเรือนร่างใต้เครื่องแบบรัดรูปสีแดงอย่างใจเย็น
“ไม่จำเป็น...ฉันชอบที่จะถอดนายในชุดนี้มากกว่านะ...เดอะ
แฟลช”
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Filemonn ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Filemonn
ความคิดเห็น