Blue clothes [ ColdFlash ] - Blue clothes [ ColdFlash ] นิยาย Blue clothes [ ColdFlash ] : Dek-D.com - Writer

    Blue clothes [ ColdFlash ]

    วันหยุดที่นานๆครั้งจะมีหนหนึ่งสำหรับฮีโร่และความวุ่นวายจากการผิดคำสัญญาที่ให้เอาไว้ของแบร์รี่ อัลเลน

    ผู้เข้าชมรวม

    505

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    505

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    20
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.พ. 61 / 02:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Blue clothes

    Paring : Captain cold x The Flash

    หัวข้อ : swift / clothes

    Rate : ใสๆค่ะ :3

    Note : อาจจะ OOC ไปบ้างและตัวละคร นิสัย หรือหน้าตา ท่าทาง อิงจากซีรี่ย์ The Flash ผสมกับ Justice league นะคะ

    ปล. เวิ่นมากๆกับคู่นี้ ชอบความขี้น้อยใจและเรียกร้องความสนใจของสนาร์ทในซีรี่ย์เอามากๆค่ะ /// ฮือ...ถึงกับแกล้งปล้นเรียกเดอะแฟลช พอเขาไม่ว่างมาก็งอนตุ๊บป่องไม่ขโมยของแถมยังกลับไปเฉยเลยเอ้า 5555

    ปลล. สารภาพว่าอยากแต่งอะไรเรทๆแต่...แต่คู่นี้น่ารักเกินไป+เปิดเรื่องแรกของหัวข้อยังไม่อยากให้คนอ่านตกใจกันค่ะ 555

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  -  - - - - - - -  -- - - - - - - - - -

     

              อากาศหนาวโดยธรรมชาติของเซ็นทรัลซิตี้คงจะแปลกพอๆกับวันที่เหล่าตัวร้ายน้ำแข็งพากันมาเปิดร้านไอศกรีมการกุศลในความคิดของผู้พิทักษ์ประจำเมืองอย่าง ‘The Flash’ แต่แน่นอนเพราะแบบนั้นมันเลยเป็นเหมือนวันหยุดสุดพิเศษสำหรับเขา ที่ดูเหมือนว่าเหล่าวายร้ายจะกลัวหนาวเลยไม่ออกมาอาละวาดตลอดทั้งสัปดาห์จนฮีโร่ไม่ต้องออกไปวิ่งต้านลมจนหน้าชาและว่างพอจะลางานจากแล็ปมานอนเอื่อยๆบนเตียงนุ่มๆ

                “...สการ์เล็ต นายจะนอนทั้งวันรึไง...”

                และอีกส่วนหนึ่งที่ไว้ใจได้ว่าอย่างน้อยๆหนึ่งในตัวร้ายตลอดกาลของ ‘The Flash’ จะไม่ออกมาอาละวาดก็คงเพราะ...คนที่ว่านั่นหนะอยู่ที่นี่ นอนซุกตัวในผ้าห่มผืนหนาที่น่าจะพอบรรเทาความหนาวไปได้บ้างพร้อมเสียงทักทุ้มๆที่ดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวตื่นนอน

                ลีโอนาร์ด สนาร์ท หรือที่ซิสโก้ตั้งให้ผู้คนรู้จักกันในนาม ‘Captain Cold’ ก็นอนเอื่อยๆเหมือนอย่างคนธรรมดาในวันธรรมดาๆเหมือนกัน...ไม่สิ ต้องเรียกว่านอนอยู่ข้างๆกันเลยดีกว่า

                “นานๆทีจะมีเวลาพักนี่นา...ขอนอนอีกซักพักไม่ได้หรือไง..”

                น้ำเสียงงัวเงียจากชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าลงกับหมอนใบโตทำให้คนที่พบเห็นอดที่จะอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูไม่ได้ ทั้งๆที่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้อายุน้อยๆหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นที่มีความรักหวานชื่นกัน แถมยังมีความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดต่อกันเสียจนถึงจะเอาไปปรึกษาจิตแพทย์ด้านความรักแบบที่ไอริสแนะนำ แบร์รี่ก็คิดว่ามันไม่ช่วยอะไร

                ก็แหม...เขาคือฮีโร่ขวัญใจประชาชน แต่คนรักของเขากลับเป็นสุดยอดวายร้ายคู่ปรับตลอดกาลซะนี่

                แบร์รี่เองก็จำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ หลังจากที่เรื่องวุ่นๆทุกอย่างเกิดขึ้น หลังจากที่เขากับไอริสมีปัญหากันจนต้องออกห่างและเคารพการตัดสินใจที่จะแยกกันอยู่ หรืออาจจะหลังจากที่เขารู้ว่าความจริงสนาร์ทยังมีชีวิตอยู่เงียบๆแบบนี้...กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็มาอยู่ในจุดที่ถูกผู้ชายอดีตวายร้ายจอมเจ้าเล่ห์กอดรับความอบอุ่นในหน้าหนาวที่เงียบสงบแบบนี้ไปเสียแล้ว

                และเขาก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...

                “ว่าแต่นายเถอะ..สนาร์ท ช่วงนี้ดูว่างนะ เพื่อนวายร้ายของนายคงไม่ชอบอากาศหนาวหละสิท่า”

                ร่างโปร่งเพรียวลู่ลมเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกับการวิ่งที่มีแรงต้านน้อยอาจจะเป็นผลมาจากสปีดฟอร์ชในร่างที่ปรับร่างกายให้เป็นแบบนี้ขยับตัวขลุกขลิกในอ้อมกอดหลวมๆของคนรักแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคู่สนทนาที่ยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยและเดาทางยากเหมือนอย่างทุกที

                “สการ์เล็ต...เราตกลงกันเรื่องนี้แล้วไง...ไม่เอาเรื่องงานมายุ่งกับเรื่องส่วนตัว ถึงมันจะเป็นแค่มุกก็ไม่ได้ เข้าใจหรือเปล่าหืม ?”

                สนาร์ทตอบกลับมาด้วยคำเดิมๆทุกครั้งที่เขาลองถามเกี่ยวกับงานวายร้ายและอาจจะโยงไปถึงคนอื่นๆในเมือง และเป็นอีกครั้งที่จอมเล่ห์ระบายยิ้มไร้ความหมายออกมาให้เห็นหลังจากจบประโยคเพื่อสื่อให้พวกเขาทั้งคู่รู้กันเองว่าต่างฝ่ายต่างเคารพในกฎข้อนี้ดี ซึ่งแบร์รี่ก็เข้าใจมันแม้จะปากไวไปบ้างหลายๆครั้ง

                “Nahh…แค่พูดเล่นนิดหน่อยเอง ทีกับนาย นายยังเรียกฉันว่าสการ์เล็ตอยู่เลย ทั้งๆที่ฉันใส่แค่บ็อกเซอร์นะ ไม่ใช่ชุดต้านแรงเสียดทานสีแดง”

                ผู้ชายอารมณ์ดีหัวเราะออกมาเบาๆหลังพูดจบก่อนจะขยับไปกอดตอบคนที่ยังคงไม่ปล่อยแขนออกจากตัวเขาราวกับเป็นลูกนกขี้หนาวที่พยายามซุกสิ่งที่อุ่นกว่าเพื่ออยู่รอด และคงเพราะร่างกายของเขาเผาพลาญได้ดีเลยดูเหมือนว่าจะตัวร้อนตลอดเวลา เหมาะแก่การนอนกอดในหน้าหนาวแบบนี้จริงๆนั่นแหละ

                สนาร์ททำเพียงคำรามเบาๆในลำคออย่างครุ่นคิดเหมือนสมองที่เจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายจะกำลังประมวลผลว่าเขากำลังจะอ้อนเอาอะไรแน่ๆ และแบร์รี่ยอมรับว่าบางทีเขาก็หวังสิ่งของเล็กๆอย่างขนม อาหารเช้าหรือบางทีอาจจะรวมไปถึงการอ้อนขอให้ในวันๆนั้น Captain Cold อยู่กับเขาแทนที่จะออกไปทำไอศกรีมจากร่างตำรวจที่เฝ้าของล้ำค่า ซึ่งส่วนมากมักได้ผลดีเสียด้วย

                และถึงคนฉลาดที่รอบคอบอย่าง ลีโอนาร์ด สนาร์ท จะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เผลอยอมลูกอ้อนของเขากี่ครั้ง สุดท้ายเจ้าตัวก็ตอบรับมันอย่างดี...ซึ่งนั่นอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาเผลอตกหลุมรักคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งจนเลยเถิดมาถึงขนาดที่ว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ เพราะจะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตัวจริงของ Captain Cold ที่ดูไร้หัวใจจะเป็นผู้ชายอบอุ่น ขี้อ้อน และน่ารักเอามากๆแบบนี้

     

                ปลายจมูกเย็นๆซุกลงกับไหล่ลาดเปลือยเปล่าของสปีดเตอร์ผู้พิทักษ์ ฝังสัมผัสและพยายามสูดกลิ่นไอร้อนๆตามรอยแผลที่เขาสร้างเอาไว้เหมือนเป็นลายเซนต์ด้วยความใจเย็น สนาร์ทรู้ดีว่าเด็กขี้เล่น ร่าเริง และนิสัยดีในอ้อมกอดนี้ถูกมองตามด้วยสายตาน่าขนลุกอยู่บ่อยครั้ง เขารู้หลายๆเรื่องจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้พร้อมรูปภาพประกอบ และไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่คนรัก(บางทีก็เหมือนลูกชาย)จะถูกสายตาลวนลามมองสำรวจเรือนร่างผ่านเนื้อผ้ารัดรูปสีแดงที่เจ้าตัวดันใส่วิ่งไปรอบเมืองเพื่อหยุดเหตุความวุ่นวาย...

                แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดหวงสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เขามีจนเผลอฝากรอยใหม่เอาไว้อีกรอยจนร่างเล็กๆที่กำลังเคลิ้มๆกับอากาศอุ่นๆและอ้อมกอดของเขานั้นสะดุ้งเฮือกและเงยหน้าขึ้นมาอ้าปากพร้อมที่จะโวยวายด้วยสีหน้าราวกับเด็กๆ

                “อะไรของนายเนี่ย ! กัดฉันเนี่ยนะ ถ้าหิวแล้วก็ไปหาอะไรกินกันก็ได้นี่ !!

                เด็กน้อยที่อายุไม่ได้น้อยโวยวายเสียงใสท่ามกลางสายตานิ่งๆของต้นเหตุที่ฝากรอยไว้มากมายตามร่างกายของคนรัก ก่อนจะเริ่มดิ้นไปมาอย่างอยู่ไม่สุข บอกให้คนที่มองอยู่นั้นรู้ว่าเจ้าเด็กดื้อที่ว่านี่ไม่ยอมให้เขาแทะหรือกัดหรือจับอะไรแล้วหลังจากนี้ แต่...

                มีหรือที่เขาจะยอม...เขาเป็นวายร้าย และวายร้ายชอบเอาแต่ใจซะด้วย...

                “สนาร์ท ! เลนนี่! ปล่อยย..โอ้ยย นายเป็นพวกกินเนื้อคนรึไงกันเนี่ย”

                “นายนี่มันขี้โวยวาย..เป็นเด็กๆรึไงแบร์”

                หลังจากปล่อยให้คนรักดิ้นพร่านจนผ้าห่มผืนหนาที่คลุมพวกเขากระเด็นตกเตียงระเนระนาดไปคนละทิศละทาง สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระและลุกขึ้นนั่ง...ไม่ใช่ว่าเขาอยากปล่อยหรือเบื่อที่จะกอดคนตัวเล็กเอาไว้ แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นมาต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกตัวว่าต้องหยุดความรู้สึกเอาไว้และกดทับไปด้วยคำว่าเหตุผล

                เผลอกระพริบตาครู่เดียว คนที่นอนโวยวายเหมือนเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ขัดใจก็วิ่งไปรับโทรศัพท์ข้างนอกห้องนอน ทิ้งให้เขากลับมาอยู่กับตัวเอง จัดการพับผ้าห่มอะไรให้เรียบร้อยประสาคนรักความสมบูรณ์แบบ และไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความเขาก็รู้ได้ทันทีว่าลีคฮีโร่คงโทรมาตามสปีดเตอร์ประจำทีมไปเล่นกู้โลกกันแหง...ไอ่พวกฮีโร่ทำลายวันหยุดก็เป็นอิหรอบนี้ทุกที

                “ฉันต้องไปแล้ว”

                ไวเท่าความคิด The Flash ปรากฎต่อหน้าเขาพร้อมสีหน้าลำบากใจที่มองคนรักของตัวเองผิดกับเจ้าตัวที่ทำเพียงช้อนสายตานิ่งเรียบมองดวงตาคู่สวยใต้หน้ากากนั่นอยู่ครู่หนึ่งและกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างมากเล่ห์เหมือนอย่างเคย

                ไม่แปลกที่คนที่ห่วงคนอื่นตลอดเวลาอย่างแบร์รี่จะรู้สึกผิดที่ให้คำสัญญาไว้และทำไม่ได้ หลังจากสองวันแรกที่หิมะปกคลุมเมืองเซ็นทรัลซิตี้แบร์รี่ก็สัญญาเอาไว้ว่าจะมาอยู่กับเขาทั้งสัปดาห์แลกเปลี่ยนไม่ให้ Captain Cold มาทำให้เมืองนี้หนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร...ถ้า The Flash จะต้องออกปฏบัติงาน เป็นเรื่องปกติ...ใช่ปกติ

     

                “ฉันจะออกไปปล้น”

                เป็นเพียงประโยคสั้นๆที่สนาร์ทบอกกับเขา...โอ้ ให้ตาย แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดจะแย่แล้วที่ต้องผิดสัญญาต่อหน้าคนรักที่รักษาสัญญาแบบนี้ และอดไม่ได้ที่จะแอบสาปแช่งซุปเปอร์แมนที่เรียกตัวเขากลับไป...

                ขอให้....ขอให้ลูกชายนายโดนแฟนงอนเลย เอ้า !!

                “ไม่เอาน่าสนาร์ท ฉันขอโทษจริงๆ...เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาแบบเดอะแฟลชเลย!

                แบร์รี่ยังคงพยายามยิ้มกว้างพร้อมเสียงเรียกเข้าที่โทรจิกไม่หยุดนับตั้งแต่ที่ยังไม่เห็นเขาวิ่งออกมาจากบ้านหรือไปถึงที่หมายตามเวลา แต่พอหันกลับมาดูเหมือนคนรักเขาจะโกรธ..หรืออาจจะไม่พอใจมากๆ ร่างสูงเดินผ่านฮีโร่ของเมืองไปหยิบเสื้อโค้ชตัวเก่งขึ้นมาและสวมมันพร้อมกับปืนความเย็นที่ตั้งโชว์บนตู้หัวเตียงอยู่นานสองนาน แต่มีหรือที่เขาจะดูไม่ออกว่าสุดที่รักของเขากำลังจะออกไปปล้นจริงๆ

                สองขาสปีดเตอร์วิ่งปรี่เข้าไปแย่งเสื้อโค้ชกันหนาวตัวหนาสีฟ้าสดใสคู่ใจของ Captain Cold มาสวมใส่เสียเองพลางยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูห้องพร้อมที่จะออกไปทำงานทั้งๆแบบนั้น เป็นเพียงความคิดซื่อๆที่คิดว่า หากสนาร์ทไม่มีเสื้อตัวเก่ง หรือปืนเจ้าตัวจะไม่ออกไปอาละวาด

                “งั้นก็...ไว้เจอกันนะที่รักก!

                สิ้นเสียง..ฮีโร่ในชุดต้านแรงเสียดทานสีแดงสดก็วิ่งออกสู่ท้องถนนเบื้องล่าง และในไม่กี่นาทีเจ้าตัวคงจะไปถึงเมืองที่นัดเอาไว้...พร้อมเสื้อกันหนาวตัวเก่งของวายร้ายคู่ปรับที่ฮีโร่ใสซื่อคนนั้นไม่ได้รู้เลยว่า

     

                มันเป็นแผนตื้นๆที่สนาร์ทวางเอาไว้...

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  -  - - - - - - -  -- - - - - - - - - -

     

                หลังจากที่เหล่าวายร้ายที่ไม่กลัวความหนาวถูกจัดการจนหมด เหล่าจัสติกลีคก็ได้เวลาว่างของพวกเขาในวันหยุดยาวของคนทั่วๆไปกลับคืน ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายนั้น ชายในเครื่องแบบเข้ารูปพร้อมออร่าสีเขียวที่น่าแสบตาก็บินเข้ามาหาสปีดเตอร์ที่ตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่รู้ตัวเนิบๆพร้อมเสียงทักด้วยความเป็นมิตรอันกวนประสาทเหมือนทุกที

                “เฮ้...แบร์ ? เสื้อสวยหนิ มันดูคุ้นๆนะว่ามั้ย ?”

                กรีนแลนเทิร์นทักพลางเอื้อมมือไปจับที่ขนสัตว์ฟูๆของชายฮู้ทที่ติดกับเสื้อกันหนาวสีฟ้าตัวนุ่มหนาอย่างเบามือพลางมองปฏิกริยาของคนที่สวมมันอยู่ว่าหวงหรือเปล่าและในระดับไหน เพราะใครๆก็รู้ว่าเสื้อกันหนาวสีฟ้าสดตัวใหญ่ที่เหมือนกำลังโอบกอดร่างผอมเพรียวของสปีดเตอร์นี่มันเป็นแฟชั่นของใครที่ใส่ประจำ...

                และ...โอ้ พระเจ้า ฮาลไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นรูปแบบไหนกันแน่

                “หือ ? คุ้นหรอ ? ฉันว่าไม่นะฮาล เสื้อโหลๆแบบนี้มีขายทั่วไปนั่นแหละน่า”

                คนถูกถามเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกแกล้งเจ้าของเสื้อแม้จะไม่ได้อยู่ข้างๆกันในตอนนี้ก็เถอะ...อา...เขาอยากกลับไปหาสุดที่รักแล้วแหะ แต่ตอนนี้ยังมีหน้าที่ต้องคุมคนที่จับได้ไปเข้าคุกให้ได้ก่อน ถึงจะไม่อยากก็เถอะ..อื้ม

                “โห..พูดงี้ใส่เจ้าตัวสินะ เจ้าของเสื้อถึงได้อาละวาดขนาดนั้น”

                เพื่อนสนิทของเขาเอาศอกกระทุ้งอกพลางชี้ไปที่จอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ของใจกลางเมืองเมโทรโปลิสที่กำลังฉายภาพข่าวสดเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากเมืองใกล้เคียง...และไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เรื่องที่ว่ามันมาจาก..

                เมืองของเดอะแฟลช...เซ็นทรัลซิตี้ !

                ภาพเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาวเหน็บ คนหนึ่งที่ยืนเด่นอยู่ในกล้องของนักข่าว...ปืนยิงพลังงานน้ำแข็งที่คุ้นตา แว่นตากันแสงสีขาวที่ออกมาพร้อมกับอนุภาพรุนแรงของปืน รอยยิ้มร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล และ...เสื้อกันหนาวสีฟ้าสดใสแบบคล้ายๆที่เดอะ แฟลชกำลังสวมอยู่แต่แค่พอเจ้าตัวใส่แล้วมันพอดีตัวมากกว่ามากจนยิ่งชัดไปอีกว่าความจริงแล้วเสื้อที่แบร์รี่ขโมยมาสวมนั้นเป็นของใคร

               

                “ไปก่อนนะ GL ขอไปเคลียร์ปัญหากับที่บ้านหน่อยนะ !!!

     

                ไวเท่าความคิด...ชายที่เร็วที่สุดในโลกก็วิ่งออกไปทันที

               

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  -  - - - - - - -  -- - - - - - - - - -

               

                เหตุการณ์กลับมาสงบ...ด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ นักข่าวพากันลงข่าวให้ว่อนว่ากัปตันโคลด์อาจจะกำลังไม่สบายก็ได้ถึงได้ถูกเดอะแฟลชพากลับไปจากความโกลาหนอย่างง่ายดาย แต่นอกจากนั้นข่าวอีกข่าวก็เป็นที่ฮือฮากันหนาหูหนาตาที่ว่า ความสัมพันธ์ลับๆของยอดมนุษย์และวายร้ายน้ำแข็งอาจจะมีเงื่อนงำอะไรมากกว่านั้น

                ถ้าจะถามว่าข่าวพวกนั้นมาจากอะไร...มันเห็นชัดๆเลยว่าสนาร์ทจงใจไปหาเสื้อมาใส่คู่กับเขาออกกล้องขณะที่เขากำลังออกกล้อง(อีกกล้อง)ที่ถ่ายลีค จนกลายมาเป็นที่มาและข่าวลือที่ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่อาจจะถึงขั้นใส่เสื้อคู่กันออกสื่อได้อย่างเปิดเผย

                ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงกัน..

                “ถ้าชอบเสื้อตัวนั้นฉันให้ก็ได้นะสการ์เล็ต”

                เสียงคนที่เป็นต้นเหตุข่าวอื้อฉาวยังคงนอนเหยียดกายสบายใจอยู่บนโซฟาในเซฟท์เฮ้าที่เขาอาศัยประจำในฐานะ แบร์รี่ อัลเลน ผิดกับเจ้าของบ้านที่ยังไม่ได้ถอดชุดรัดรูปออกหลังจากรีบวิ่งกลับมาที่เมืองหยุดเหตุการณ์ความวุ่นวายด้วยการเข้าไปอุ้มคนรักเขาออกมาพ้นสายตานักข่าวหรือตำรวจและตรงมายังคอนโดของเขาเองแบบนี้

                แบร์รี่ค่อยๆหย่อนกายลงนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนรักพร้อมสองมือที่ค่อยๆถอดหน้ากากที่เย็บติดกับฮู้ดรัดรูปออกเผยใบหน้าซีดๆที่ต้องวิ่งฝ่าความหนาวและความเหนื่อยล้าจากการทำงานและวิ่งกลับมาด้วยความกลัวปนห่วงที่ว่ากัปตันโคลด์อาจจะถูกจับก็ได้

                คงเพราะเคยเสียชายตรงหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงจะคนละช่วงเวลาแต่...เขาจะไม่ยอมเสียไปอีก

                “นี่...สนาร์ท นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากให้นายต้องกลับไปอยู่นคุกนะ..”

                “ตอนนี้ฉันก็เปล่านี่ไง ?”

                ยังพูดไม่ทันจบ สนาร์ทก็ยกมือขึ้นสุดแขนและชี้มาที่ตัวเองที่กำลังนอนมองตรงมาทางคนที่คุยด้วยพลางระบายยิ้มเล็กๆประดับลักยิ้มที่ข้างแก้มเหมือนอย่างทุกทีที่เจ้าตัวอารมณ์ดี ผิดกับเขาที่ตอนนี้สีหน้าคงจะดูกังวลน่าดู...แต่ก็อยากให้อีกคนเข้าใจว่าเขาเคยเห็นช่วงเวลาที่ไม่มีอีกฝ่ายอยู่และมันทรมาณแค่ไหน ถึงตอนนี้จะพูดออกมาไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆเข้ามาในช่วงเวลานี้ไปด้วยนี่สิ..

                “สนาร์ท ฉันจริงจังนะ..ให้ตายเถอะ ถ้าฉันมาไม่ทั-“

                “ฉันรู้ว่านายเร็วแค่ไหน แบร์รี่ อัลเลน...ฉันรู้ว่ายังไงก็มาทัน ถ้าฉันยังสำคัญเป็นอันดับหนึ่งหละก็นะ”

                สนาร์ทยังคงเป็นฝ่ายพูดขัดแต่ครั้งนี้คนตรงหน้ามีสีหน้าชะงักเล็กน้อยที่เห็นเขาหลุบตาลงอย่างใช้ความคิดไปถึงขั้นเครียดก่อนจะถอนหายใจออกมาเอื่อยๆ ร่างสูงที่ถอดเสื้อกันหนาวสีฟ้าตัวใหม่ไปแขวนไว้ข้างๆตัวที่เขาสวมมันทั้งวันค่อยๆหันกลับมานั่งข้างคนที่กำลังเป็นห่วงบนโซฟาที่ดูแคบลงทันทีที่มีผู้ชายสองคนนั่งด้วยกัน

     

                มือเย็นเยียบตลอดเวลาเอื้อมไปจับมือผอมๆของสการ์เล็ตที่มีเรื่องมากมายให้คิดจากความใจกว้างของเจ้าตัวขึ้นมาจรดริมฝีปาก...เขาเป็นวายร้ายและวายร้ายไม่ชอบที่จะเอ่ยขอโทษเสียเท่าไหร่ เพราะแบบนั้นการกระทำแบบนี้จึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสื่อออกไปได้อย่างชัดเจนที่สุด

                “นายไม่รู้หรอกว่านายสำคัญสำหรับฉันขนาดไหน”

                เด็กหนุ่มในสายตาเขายังคงพูดเสียงเบาหวิวแม้จะหันกลับมาสบตากันตรงๆแล้วก็ตาม ดวงตาสีอ่อนที่มีแววตาพิเศษ...เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองว่ามันกำลังทำให้คนที่เผลอเข้าไปสบตาจะต้องใจอ่อน เมื่อหันกลับไปดูปริมาณของเหล่าผู้กระทำผิดที่ถูกจับได้โดยไม่ทำร้ายอีกฝ่ายมากนักหรือหลายรายที่ยอมรับผิด สารภาพ รวมไปถึงการกลับใจง่ายๆแล้วเขาว่ามันก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสายตานั่นเป็นจริง

                ซึ่งคราวนี้มันก็กำลังทำให้เขาใจอ่อนและรู้สึกผิดอยู่ในอก...

                “โอ้..ฉันว่าฉันรู้นะ”

                ความรู้สึกย้อนแย้งในอกที่จะเป็นก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าฮีโร่ของทุกๆคนในเมืองสองต่อสองเท่านั้นหลายครั้งมันทำให้สนาร์ทรู้สึกรำคาญใจตัวเองที่เมื่อก่อน เวลาที่ยังไม่ได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายเขาสามารถมีสมาธิกับงาน ไม่ต้องมาคอยรู้สึกผิดที่ทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนอย่างเคย...ผิดกับตอนนี้ แค่เพียงทำอะไรตามใจตัวเองนิดหน่อยแล้วหันกลับไปสบสายตาผ่านดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจเขาก็พลอยรู้สึกผิดไปทุกที

                “แบร์รี่...นายจะยกโทษให้ฉันที่ผิดสัญญาหรือเปล่า?”

                และสุดท้ายคำพูดที่ไร้การกลั่นกรองนานๆครั้งก็หลุดออกจากปากพร้อมการจ้องหน้าคนรักอย่างรอคอยคำตอบ...เริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมานิดๆที่ต้องมาทำตัวเหมือนเด็กเกเรที่สุดท้ายก็ต้องกลับมาหาอาจารย์ที่สนิทและถามถึงการให้อภัยทั้งที่ไม่สมควรได้รับ

                “ฉันผิดสัญญาก่อน...ฉันสิต้องถามนายแบบนั้น สนาร์ท”

                คำตอบที่ไม่คาดคิดมักมาจากชายที่ไม่มีใครคาดว่าจะทำเพื่อเมืองได้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนอย่างเคยเรียกรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าคนที่รับฟังจนเริ่มรู้สึกปวดแก้ม ถึงปกติจะเป็นคนยิ้มไม่ค่อยบ่อยแต่พอมาอยู่กับคนรักแบบนี้ตรงๆแล้วก็เผลอเป็นอันหุบยิ้มไม่ได้ทุกที

                “งั้น..ก็เป็นอันว่าหายกัน..และนายยังติดหนี้การอยู่กับฉันอีกหลายวันนะ”

                แบร์รี่ยิ้มกว้างจนตาหยีเล็ก ทั้งน่าเอ็นดูและน่ารักในเวลาเดียวกันให้กับเขาก่อนความอดทนสุดท้ายจะหายไปพร้อมกับร่างที่อยู่ในชุดคอเต่าสีดำที่ขึ้นไปคร่อมดันอีกคนในชุดสีแดงสดเอาไว้นอนราบกับโซฟา พร้อมรอยยิ้มเล่ห์ร้ายตามประสาผิดกับคนที่เริ่มเลิ่กลั่กจากการตามเกมคนรักไม่เคยจะทัน

                “เดี๋ยวสิ..ขอเวลาวิเดียวฉันก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว”

                เดอะแฟลชพยายามเกลี้ยกล่อมคนร้ายอีกครั้งพร้อมมือที่ยกขึ้นมาดันอกคนที่ก้มลงมาเชิงว่าให้หยุดก่อนแม้ว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดแถมยังหัวเราะชอบใจขณะที่สองมือเริ่มเลื่อนไปสำรวจเรือนร่างใต้เครื่องแบบรัดรูปสีแดงอย่างใจเย็น

                “ไม่จำเป็น...ฉันชอบที่จะถอดนายในชุดนี้มากกว่านะ...เดอะ แฟลช”

                เครื่องแบบที่ทั้งเข้ารูป โชว์สัดส่วนเว้าโค้งของร่างกายคนรักจนต้องรู้สึกหวงทุกครั้งที่มองจอทีวีที่มีข่าวฮีโร่คนเดิมๆประจำเมืองเป็นสิ่งผิดพลาดที่อดไม่ได้ที่นึกแช่งให้คนที่ออกแบบป่วยซักวันสองวันจนกว่าจะพอใจ...มันทั้งเซ็กซี่ ดึงดูดสายตา และทำให้อาชญากรไม่มีสมาธิ รวมถึงตอนนี้ก็ดันทำให้กัปตันโคลด์ไม่ได้ออกไปปล้นอีกซักพักใหญ่ๆ....
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×