คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เหตุผลของคุณชายโอ : ข้อที่สาม พี่เขายอมให้ผมไปส่งด้วย
เหตุผลของคุณชายโอ : ข้อที่สาม พี่เขายอมให้ผมไปส่งด้วย
คาวาซากิ ZZR1400 คันหรูขับเคลื่อนผ่านประตูรั้วที่ใหญ่โอ่อ่าทันทีเมื่อเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยเป็นคนเปิดรั้วให้ โอเซฮุนขับมอเตอร์ไซค์คันหรูอ้อมลานน้ำพุไปหยุดที่หน้าบ้านโดยไม่เก็บเข้าโรงรถเพราะเขาแค่มาส่ง 'โอเยริม' ที่เป็นลูกสาวคนกลางของบ้านเท่านั้น
โอเซฮุนและโอเยริม หลานชายคนโตและหลานสาวคนกลางแห่งตระกูลโอ เจ้าของโรงแรมและห้างดังที่มีสาขาทั่วทั้งเกาหลีใต้และทั่วโลก ภายใต้ชื่อ H2OH Corporation ไม่มีใครที่ไม่รู้จักโรงแรมและห้างในเครือนี้ เพราะห้างของ H2OH นั้นถือเป็นศูนย์กลางของแหล่งช็อปปิ้งเลยก็ว่าได้
H2OH นั้นถือเป็นบริษัทที่สืบทอดมาจากรุ่นคุณปู่ของเซฮุน โดยตอนนี้คุณปู่ก็ได้แต่งตั้งให้ลูกชายหรือป่ะป๊าของเซฮุนและเยริมเป็นผู้ดูแลในเรื่องทั้งหมดในตำแหน่ง 'ประธานบริษัท' แต่ก็ใช่ว่าเซฮุนและเยริมจะมีหน้ามีตาทางสังคม ทั้งเซฮุนและเยริมต่างขอให้ตนเองใช้ชีวิตด้วยความสงบ จะออกงานร่วมกับป่ะป๊าก็ต่อเมื่อมันจำเป็นจริงๆ
เพราะงั้นการเข้าไปทำงานใน The Luciano Company จึงไม่เป็นปัญหา ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนของ H2OH ยกเว้นโดคยองซู และที่ลูกชายคนโตเข้าไปฝึกงานใน The Luciano ใช่ว่าคุณโอฮยอนจินจะไม่รู้ เขารู้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันคือการตัดสินของลูก แต่ยังไงถ้าเรียนจบแล้วเซฮุนก็ต้องมาสืบทอดบริษัทต่ออยู่ดี
“ฮุนนี่จะไปไหนต่อเหรอ” น้องสาววัยสิบหกเอ่ยถามพี่ชายพลางยื่นหมวกคืนไป ปกติแล้วเยริมจะกลับบ้านพร้อมกับเซฮุนเสมอ เพราะ เธอไม่ชอบให้คนของที่บ้านมารับ ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน มีแต่เพื่อนสนิทเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านหรูแห่งนี้
“ก็...นัด 'ใครบางคน' ดูหนังไว้น่ะ” พอวางหมวกแล้วเซฮุนก็หันมาตอบน้องสาวพร้อมกับยักไหล่อย่างกวนๆ
“ใครบางคนนี่ใครกันน้า ~” โอเยริมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “สงสัยเยริมคงได้พี่สะแภ้แล้วม้างงง ~”
“ฮุนฮุนนนนนน” พอเยริมพูดจบก็มีเสียงหวานเล็กอันคุ้นเคยของทั้งสองดังออกมาจากในบ้านก่อนจะตามมาด้วยร่างเล็กวิ่งดุ๊กดิ๊กออกมาจากบ้านตรงมาหาเซฮุนและเยริมที่กำลังยืนคุยกัน
ไม่ต้องสงสัยว่าคือใครหรอก ก็อย่างที่เคยบอกไปว่า เยริมเป็นลูกสาวคนกลางเพราะคุณโอฮยอนจินยังมีลูกสาวคนเล็กอีกคนที่เพิ่งอายุได้ 6 ขวบ หรือ 'โอมินอา' ลูกสาวคนเล็กนั้นได้ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากม่ะม๊าล้วนๆ
“ว่าไงครับตัวเล็ก” ร่างสูงย่อตัวลงแล้วใช้มือสอดใต้รักแร้ของน้องสาวคนเล็กแล้วอุ้มขึ้นมา หอมแก้มตามปกติที่ชอบทำ
“ไม่เห็นทักเค้าเลยนะมินอา” เยริมที่มองการกระทำของพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็กก็อดแขวะและเบะปากใส่ไม่ได้
น้อยใจน้า ~ เห็นเยริมคนสวยเป็นอากาศธาตุเหรอออออ
“โกรธออนนี่อยู่ เมื่อเช้าออนนี่แกล้งขโมยชุดคุณเจ้าหญิงซินเดอเรล่าของเค้าไปซ่อน”
“ก็เค้าอายแทนนี่ คิดได้ไงใส่ตัวนั้นน่ะ”
“ก็มันสวยนี่!”
โอเซฮุนหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสงครามย่อมๆ ของน้องสาวทั้งสอง ปกติมินอามักจะทะเลาะกับเยริมเสมอๆ จนเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว คนห้ามทัพก็คงเป็นเขาเนี่ยแหละ เพราะส่วนใหญ่ป่ะป๊ากับม่ะม๊าจะกลับดึก ม่ะม๊าของเขาทำงานในตำแหน่งเลขาของป่ะป๊า เลยจะชอบกลับพร้อมกันบ่อยๆ
“พอๆ ทั้งสอง” เซฮุนหยุดทัพก่อนที่จะทะเลาะจนถึงขั้นตบตี “เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกนะ เราสองคนทานข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอพี่”
ความจริงรอบดูหนังของเขาคือหนึ่งทุ่มแต่เขากะว่าจะไปหาเพื่อนๆ สักหน่อย เห็นแบคฮยอนส่งข้อความมาหาว่าชานยอลมีเรื่องจะบอก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงอยากไปฟังสักหน่อย ป่านนี้คงทำงานที่ร้านคาเฟ่ร้านประจำของเดอะแก๊งค์อยู่ล่ะมั้ง
เซฮุนรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเรื่องที่แบคฮยอน จื่อเทา และชานยอลไปสมัครทำงานพิเศษให้กับพี่อี้ฟาน (พี่ของว่าที่ภรรยาในอนาคต >_<) โดยจะทำตอนเย็นหลังเลิกงาน แต่วันนี้ที่บริษัทของจื่อเทาอนุญาตให้ทั้งสามหยุดงานหนึ่งวันและเริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้ ทั้งสามคนจึงมาทำงานพิเศษให้กับพี่อี้ฟานเลยทั้งวัน
“ฮุนฮุนจะไปไหน?” มินอาที่ถูกเซฮุนอุ้มฉงน
“ฮุนฮุนนอกใจเราสองคนแหละ” เยริมกระซิบบอกมินอาแต่เซฮุนก็ได้ยินเลยใช้มือข้างหนึ่งผลักหัวน้องสาวคนกลางไปเบาๆ
“นี่ฮุนฮุน! ม่ะม๊าก็สอนไว้ถ้าเรียนไม่จบอย่าเพิ่งมีแฟน!” ได้ทีก็สั่งสอนใหญ่ เซฮุนมองเด็กในอ้อมแขนแล้วขำออกมา ด้วยความหมั่นเขี้ยวจึงฟัดแก้มขาวๆ ไปหนึ่งที
“โธ่ ก็ฮุนฮุนชอบเขานี่ ~”
“ง่ะ!”
“อ่ะ ไปเล่นกับเยริมนะ พี่ไปละ” เมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่นก็ปล่อยให้ร่างของน้องสาวคนเล็กลงนั่งกับโซฟา
“ไม่เอา ถ้าฮุนฮุนไปต้องให้เค้าไปด้วย!” พอถึงเวลาที่พี่ชายตนเองต้องไปก็งอแงออกมาทันที มือเล็กไม่ยอมปล่อยจากชายเสื้อพี่ชายจนเซฮุนถึงกับปวดหัว มินอาเป็นเด็กที่หวงพี่ชายมาก ครั้งก่อนไปเที่ยวด้วยกันแล้วมีผู้หญิงมาขอเบอร์มินอาก็กลับให้เบอร์คนสวนไป
“พี่ต้องไปดูหนังนะ แล้วเราจะอยู่ที่ไหนล่ะ” เซฮุนก้มหน้าลงไปคุยอย่างมีเหตุผลด้วย ถามว่าพาไปได้มั้ย พาไปได้เพียงแต่ตอนเขาดูหนังจะให้มินอาไปอยู่ที่ไหน ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ด้วย
“ไม่รู้แหละ เค้าจะไปด้วย!”
“อย่าดื้อสิครับตัวเล็ก” เซฮุนถอนหายใจออกมากับความดื้อและขี้หวงพี่ชายของมินอา เขาใช้สายตาขอความช่วยเหลือไปที่น้องสาวคนกลางอีกคนแต่คนโดนขอความช่วยเหลือกลับยักไหล่แล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
“ไปทำการบ้านดีกว่า ~”
เซฮุนกำลังจนปัญญากับน้องสาวที่กำลังงอแงและแล้วในหัวก็คิดแผนการบางอย่างได้...
“โอเคๆ พี่พาไปก็ได้แต่ตัวเล็กต้องไม่งอแงนะครับ”
“เย่ ~” โอมินอาร้องดีใจทันทีเมื่อพี่ชายตนเองอนุญาตก่อนจะวิ่งเตาะแตะออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปที่ชั้นวางรองเท้าเลือกคู่นี้ตนเองพอใจที่สุดมา
เซฮุนบอกให้มินอารออยู่หน้าบ้านก่อนเพราะเขาจะไปเอากุญแจรถยนต์มา เพราะม่ะม๊าไม่อนุญาตให้พามินอาไปไหนโดยมอเตอร์ไซค์เด็ดขาดเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้เนื่องจากมินอายังเด็กไป ไปนั่งซ้อนท้ายคงไม่โอเคเหมือนกับเยริมที่โตแล้ว
ไม่นานมาเซราติแกรนคาบิโอสีขาวก็แล่นออกจากรั้วอันโอ่อ่าและตรงไปยังร้านคาเฟ่ของพี่เขย (ในอนาคต) ทันที ขณะขับรถไปยังเป้าหมายเซฮุนก็เปิดเพลงคลอไปด้วย ซึ่งก็เป็นที่พอใจกับลูกสาวคนเล็ก
OH’S REASONS
อีกสองชั่วโมงร้านก็จะปิดแล้ว เจ้าของร้านหน้าหล่อจึงขอตัวไปซื้อของเพื่อเตรียมทำเค้กในวันพรุ่งนี้
จึงฝากร้านไว้กับนักศึกษาทั้งสามคน
จื่อเทาที่ล้างจานเสร็จออกมาจากหลังร้านแล้วไปนั่งประจำที่เคาท์เตอร์ข้างๆ
บยอนแบคฮยอน ใช้ใบหน้าคลอเคลียไปที่ไหล่เล็กด้วยความออดอ้อน
“แบคคืนนี้ไปค้างบ้านเทานะ”
“ค้างไร ไม่ไปโว้ย”
แบคฮยอนที่วางปากกาจากการเขียนบัญชีโวยวายขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อเบาๆ
“ไปนอนค้างบ้านเทาที่ไร ระบมทุกที -////////-”
“ง่า ก็ไม่อยากนอนกอดหมอนข้างนี่นา”
ถึงโหมดอ้อนทีไรแบคฮยอนก็ต้องทำใจยอมรับกับความน่ารักของแฟนที่คบมาสองปี
“งั้นไปค้างคอนโดแบคก็ได้”
“เฮ้อ ห้ามเทาได้ซะที่ไหนล่ะ”
แบคฮยอนกรอกตาขึ้นลงอย่างเบื่อหน่าย
ถึงจะออกปากห้ามทุกทีแต่ทุกครั้งเวลาไปส่งเขาที่ห้องก็อ้างร้อยแปดเหตุผลที่ทำให้ตนเองต้องค้างที่ห้องเขาให้ได้ทุกที
“แหวะ หวานจังนะ”
ชานยอลเดินถือถาดที่มีจานเค้กมาพร้อมกับแขวะคู่รักแห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ยื่นถาดไปให้เทาก่อนจะเอ่ยปากไล่
“ไอ่เทาเอาไปล้างที”
“ขัดกูจังเลยชานยอล”
จื่อเทารับถาดมาด้วยความหัวเสีย
แบคฮยอนมองการกระทำแฟนตัวสูงของตนเองแล้วหัวเราะออกมา
“ว่าแต่มึงเถอะ
เล่าได้ยังว่าทำไมถึงเกลียดพี่ฟ่านจัง” แบคฮยอนหันมาสนใจเพื่อนตัวโย่งของเขาบ้าง
ชานยอลเดินอ้อมมาด้านหลังเคาท์เตอร์ หย่อนสะโพกลงกับเก้าอี้บาร์พลางทำหน้าเบื่อโลก
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคู่รักคนละสีผิวถึงต้องชวนเขามาทำงานในร้านที่มีเจ้าของเป็นอี้ฟานด้วย
ทำไมไม่ไปทำงานร้านอื่น วันนี้ทั้งวันเขาต้องพูดจาดีๆ กับคนที่ไม่อยากพูดจาดีด้วย
มันน่าขนลุกชะมัดที่ต้องไปเรียก ‘พี่ฟ่าน’ เขาอยากจะเรียก ‘ไอ้ฟ่าน’ มากกว่าอีก
“เออๆ เล่าก็ได้”
“เอ๋?”
พอชานยอลจะเอ่ยปากเล่าสายตาของแบคฮยอนก็ดันไปเจอรถคันหรูขับมาจอดหน้าร้านพอดี
ชานยอลที่เห็นแบคฮยอนร้องอย่างฉงนก็มองตาม และเมื่อเห็นมาเซราติที่คุ้นตาก็ร้องอ๋อทันที
“อ๋อ! นั่นมันรถไอ้ฮุนนี่
แปลกนะปกติมันติดคาวาซากิลูกรักมันจะตาย” ชานยอลหันหน้ามาบอกกับแบคฮยอน
“สงสัยไปรับสาวมา ดูดิ”
แบคฮยอนพยักเพยิดหน้าให้ชานยอลมองภาพของพี่ชายตัวสูงผอมที่เดินอ้อมมาเปิดประตูให้อีกฝั่ง
ไม่นานร่างเล็กของน้องสาวคนเล็กของเซฮุนหรือที่รักของเหล่าพี่ๆ ก็เดินออกมา
แบคฮยอนเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของโอมินอาที่วิ่งเข้ามาในร้านด้วยใบหน้าดีใจ
กรุ๊งกริ๊งงงงง!
“แบคกี้ ชยอลลลล ~” ที่รักของเหล่าพี่ๆ
เห็นว่าแบคฮยอนและชานยอลอยู่หลังเคาท์เตอร์จึงวิ่งไปหา
“คิดถึงจังเลยยย” ชานยอลย่อตัวไปรับเจ้าหนูขึ้นมาหอมแก้มขาวไปฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง
หลังจากนั้นชานยอลและแบคฮยอนก็เล่นกับน้องสาวคนเล็กของเซฮุนอยู่สักพัก
จนเซฮุนบอกให้มินอาไปนั่งที่โต๊ะและจะสั่งเค้กไปให้กินเล่น
ส่วนตัวเขาก็จะมาเคลียร์เรื่องที่แบคฮยอนบอกว่าชานยอลมีเรื่องจะบอก พอเซฮุนพาของว่างไปให้มินอาทานเล่นและบอกให้นั่งอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหนแล้วก็เดินกลับมาหากลุ่มเพื่อนที่สุมหัวอยู่ที่เคาท์เตอร์
“คือ...” ชานยอลเริ่มเอ่ยปากเล่า
‘มึงคืออู๋อี้ฟานใช่มั้ย?’ หลังจากร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาโบกมือลาเพื่อนแล้วก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นร่างสูงเดินเข้าไปในห้องน้ำจึงเดินตามเข้าไปและเรียกถามจนคนที่โดนเรียกหันมามอง
‘มีอะไรรึเปล่าครับ’ อู๋อี้ฟานทำหน้าฉงน ในใจก็อึ้งเล็กๆ
ที่คนตัวสูงน้อยกว่าเขานิดหน่อยถามแบบหาเรื่อง
ผัวะ!!
‘โอ๊ย!’
ร่างสูงถึงกับเซไปชนกำแพงทันทีเมื่อโดนซัดเข้าที่หน้าไปหนึ่งหมัด หยดสีแดงกำลังออกมาจากมุมปากจนต้องใช้หลังมือเช็ด
คนโดนต่อยใช้สายตามองไปอย่างไม่เข้าใจ ‘ต่อยผมทำไม?’
‘มึงมันเหี้ย!’
‘…’ อี้ฟานก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของอีกคนอยู่ดี
‘ภายนอกดูสุขุมแต่ความจริงได้ผู้หญิงแล้วทิ้ง
ไอ้เวรเอ๊ย!’
ผัวะ!!
ปาร์คชานยอลซัดไปอีกหมัดที่แก้มสากก่อนจะพาตัวออกมาโดยไม่ลืมทิ้งประโยคชวนอี้ฟานงงไว้อีก
‘กูจะไม่มาเหยียบร้านมึงอีกเลย!!’
จากนั้นเสียงโครมครามเหมือนคนถีบโต๊ะก็ดังไปทั่วร้าน
เมื่ออี้ฟานออกมาดูก็พบสภาพโต๊ะสะเปะสะปะไปหมด ลูกค้าที่ยังคงอยู่ในร้านก็ตกใจ
“โห
นี่เค้ารับมึงเข้าทำงานก็บุญแล้วนะชานยอล” แบคฮยอนพูด
“กูไม่ได้อยากมานะแบค
มึงอ่ะชวนกูมา” ชานยอลตอกกลับแบบเซ็งๆ จนแบคฮยอนเงียบไป
มันก็จริงที่แบคฮยอนเป็นฝ่ายลากชานยอลมาทำงานที่นี่
เขาไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยก็แค่อยากให้ชานยอลมาทำเพราะจะได้ไม่เหงา
“แล้วมึงไปต่อยพี่ฟ่านทำไมวะ”
จื่อเทาที่นั่งเงียบฟังมาตลอดเอ่ยถาม
“มึงจำแฟนเก่ากูได้ป่ะ
เรนะอ่ะ”
“อ๋อ
ที่บอกเลิกมึงกลางมหา’ลัย
พอมึงไม่ยอมแล้วไปทำรุนแรงจนเค้าตบหน้าหันกลับมาอ่ะนะ” เซฮุนเอ่ยติดตลก
เขายังจำวันนั้นได้อยู่เลย
วันนั้นเป็นวันที่เลิกคลาสสุดท้ายตอนเย็นจึงตกลงว่าจะไปเที่ยวด้วยกันต่อ
แต่ก็ไปเจอเรนะที่คบหากับชานยอลมา 4
เดือนที่กำลังเดินเข้ามาหาพอดี
ชานยอลเลยเดินไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจที่ได้เจอแฟน
แต่กลับโดนเรนะบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย
พอชานยอลไม่ยอมเลิกและไปเขย่าตัวถามอย่างไม่เข้าใจก็โดนตบกลับมา
ท่ามกลางสายตาของเหล่านักศึกษา
“เออนั่นแหละ
มึงก็พูดให้กูช้ำใจอีก” ชานยอลตบหัวคนที่พูดเมื่อกี้เบาๆ โทษฐานที่ทำให้ช้ำใจ
“แล้วไงต่อ?”
แบคฮยอนถาม
“ก็หลังจากเรนะเลิกกับกูไปสองวัน
กูก็รู้ข่าวว่าเรนะไปคบกับผู้ชายคนนึง
ตอนนั้นกูก็โกรธมากแต่ก็พูดกับตัวเองว่าถ้าไอ้คนใหม่นั่นทำให้เรนะร้องล่ะก็จะไปซัดหน้าให้
แล้วอาทิตย์ต่อมาจู่ๆ เรนะก็โทรมาหาพร้อมกับบอกขอโทษที่บอกเลิก
ตอนนี้กรรมตามสนองเธอแล้ว เธอโดนบอกเลิกจากผู้ชายคนนั้น” ชานยอลเล่าต่อ
“แล้วผู้ชายคนนั้นก็คืออู๋อี้ฟาน?”
แบคฮยอนเดา
“อื้ม
กูถามเรนะว่าเขาชื่ออะไร เรนะก็ตอบมาว่าอู๋อี้ฟาน พอกูบอกจะไปซัดหน้าให้เรนะก็ห้าม
จนมาเมื่อสามเดือนก่อนที่เจอกับอี้ฟานครั้งแรกอ่ะ
กูก็จำหน้าได้จากรูปคู่ที่ถ่ายเป็นโปรไลน์ของเรนะ”
ชานยอลพยักหน้าให้แบคฮยอนและเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเจือเคืองๆ เล็กๆ
“เรนะดูรักอี้ฟานมาก พอได้มาเจออี้ฟานที่ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ
ที่เพิ่งเลิกกับเรนะได้สามวันเอง กูเลยอดไม่ได้ว่ะ”
“มึงโหดชะมัด”
จื่อเทาว่า
“เป็นมึงทนได้รึไงวะ
ถ้าแบคเลิกกับมึงเพื่อไปคบคนอื่นที่ดูแลไม่ดี มึงยอมเหรอ”
“อะไรวะ
อย่ามาแช่งดิกูกับแบครักกันจะตาย” ไม่เพียงแต่พูด
จื่อเทาก็ลากแบคฮยอนเข้ามากอดให้ชื่นใจพร้อมกับซบใบหน้าลงกับไหล่เล็กจนแบคฮยอนต้องผลักหัวออกไปด้วยความเขิน
“พี่ฟ่านไม่เอาเรื่องมึงก็บุญแล้วนะ”
เซฮุนเอ่ยบอกชานยอล
“ว่าแต่มึงเถอะทำไมถึงพามินอามาได้”
ชานยอลเลิกสนใจเรื่องของตัวเองแล้วหันไปสนใจเรื่องของเซฮุนพลางชำเลืองมองหนูน้อยมินอา
“ก็คือวันนี้กูจะต้องไปดูหนังกับพี่ลู่หาน”
“ห๊ะ!!!”
ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เซฮุนพูด
พวกเขารู้เรื่องพี่หน้าหวานของเซฮุนหมดแล้ว
เพราะหมอนี่มาที่ร้านทีไรก็ต้องมองหาร่างเล็กตลอด โชคดีก็เจอโชคไม่ดีก็ไม่เจอ
มองแค่นั้นทุกคนก็รู้แล้วว่าเซฮุนชอบพี่หน้าหวานมากแค่ไหน
พอตอนฝึกงานก็ยังไปฝึกงานบริษัทของพี่หน้าหวานอีก อย่างนี้เค้าเรียกว่า ‘คลั่ง’ มากกว่า
ตอนนี้ทุกคนกำลังงงทำไมจู่ๆ
พี่หน้าหวานถึงไปดูหนังกับเซฮุนได้
เขาเลยเอ่ยปากเล่าเรื่องทั้งหมดรวมทั้งแผนที่วางไว้กับลูกพี่ลูกน้องตาโตทันทีและยังมีเรื่องที่มินอารู้แล้วขอตามมาด้วย
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” แบคฮยอนพยักหน้าเข้าใจหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด
“แล้วมึงจะทำยังไงกับมินอาวะ”
คนตัวสูงโย่งยกแก้วน้ำมาดูดก่อนจะถาม
“คืองี้
เดี๋ยวกูจะแอบออกไปทางหลังร้านตอนใกล้ถึงเวลานัด แล้วตอนหนึ่งทุ่มป๊าม๊าจะกลับบ้านกันเดี๋ยวกูโทรให้เขามารับมินอากลับด้วย”
“ทิ้งน้อง เลว” แบคฮยอนด่า
“อ้าว ก็ตอนกูดูหนังมินอาจะอยู่กับใครล่ะ”
“ถ้ากูเป็นมินอากูไม่ยอมนะเนี่ย” เทาเสริม
เซฮุนเลยส่งสายตาประมาณว่า ‘เสือก’ มาให้
จากนั้นทุกคนก็คุยเรื่องทั่วไปมีบ้างที่พี่ชายไปเล่นกับน้องสาว
เวลาล่วงเลยไปจวบจนใกล้ถึงเวลานัดแล้ว
เซฮุนก็เลยเริ่มแผนตามที่วางไว้โดยการย่องเบาๆ ออกจากร้านก่อนออกก็สังเกตน้องสาว
โชคดีที่มินอาชอบระบายสีภาพเลยไม่ได้เอะใจอะไรกับพี่ชายของตนเองที่ย่องออกทางหลังร้าน
ไม่นานมาเซราติแกรนคาบิโอก็แล่นออกจากหน้าร้านตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าที่พี่หน้าหวานนัด
(คยองซู) ไว้
ระหว่างทางร่างสูงก็จัดการโทรหาป่ะป๊าแอนด์หม่าม๊าให้มารับลูกสาวคนเล็กกลับ
เขาก็โดนสอบสวนไปพักใหญ่แต่สุดท้ายก็บอกว่าขับรถอยู่และวางสายไป
เล่าไปเพียงแค่ว่านัดเพื่อนไว้แล้วมินอาขอตามมาด้วยแต่เดี๋ยวพอป๊าม๊าไปรับ
มินอาก็คงฟ้องหมดเปลือกแน่นอน
“ทันเวลาแฮะ” ใบหน้าได้รูปก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
เนื่องจากห้างสรรพสินค้าที่มีโรงหนังและพี่หน้าหวานนัดไว้ค่อนๆ
ข้างห่างจากร้านคาเฟ่เหมือนกัน เลยใช้เวลาสักหน่อยในการมาที่นี่
ร่างสูงวิ่งตามทางมาโรงภาพยนตร์
ใช้สายตากวาดร่างอันคุ้นเคยที่น่าจะรออยู่แล้ว ในที่สุดก็เจอคนที่เขาลักลอบมาดูหนังด้วยกำลังนั่งบนโซฟาข้างหน้าโรงภาพยนตร์
เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปหาและใช้มือทั้งสองปิดดวงตาหวานไว้เหมือนต้องการให้ตกใจเล่น
“อ๊ะ!” คนที่โดนปิดตาสะดุ้งตกใจ
“ทายซิใครเอ่ย?”
เซฮุนพยายามบีบเสียงให้เล็กเพื่อให้ลู่หานทายว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
ก็แค่คิดจะแกล้งนิดๆ หน่อยๆ เอง : )
“คยองซูเหรอ” เข้าทางเขาทันที! ร่างสูงยิ้มกริ่มอย่างพอใจก่อนจะค่อยๆ
เปิดตาของคนตัวเล็กกว่าและโผล่หน้าไปให้เห็น
เท่านั้นแหละ...
“นาย!”
“ว่าไงครับพี่หน้าหวาน :)”
ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไปกวนใจอีกคนเล่นๆ
“มาแกล้งฉันทำไม?” ลู่หานขมวดคิ้วถามและไม่วายถามต่อ
“แล้วมาที่นี่ทำไม?”
“ผมก็มาดูหนังกับพี่ไง”
“ว่าไงนะ? ไม่มีทาง เพราะฉันนัดคยองซูไม่ใช่นาย”
ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ความจริงเขานัดคยองซูไว้นะ ทำไมกลับมาเจอหมอนี่ได้?
“ก็พี่คยองซูไม่ว่างก็เลยให้ผมมาดูเป็นเพื่อนพี่แทน”
เซฮุนหย่อนสะโพกลงบนเบาะเดียวกัน
“โกหกรึเปล่า”
พี่หน้าหวานของคุณชายโอกระตุกคิ้วถาม
“ดูตั๋วหนังได้เลย”
มือหนาชูตั๋วหนังที่ถือมาตลอดทางขึ้นเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาให้มาจริงๆ
“เฮอะ ขโมยมารึเปล่าก็ไม่รู้”
แค่นหัวเราะอย่างไม่เชื่อพลางยกแขนขึ้นกอดอกเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
“งั้นก็โทรไปถามพี่คยองซูได้เลย”
เห็นภาพที่พี่หน้าหวานเชิดหน้าแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
คนอะไรหน้าหวานแต่นิสัยกลับด้าน จึงจงใจแกล้งโดยการกระซิบข้างหูอย่างท้าทาย
พออีกฝ่ายหันมาปะทะหน้าก็ตกใจทันทีก่อนจะขยับตัวหนี
“ทำแน่!”
เมื่อลู่หานชี้หน้าเหมือนฝากไว้ก่อนแล้วก็ลุกขึ้นไปโทรศัพท์หาโดคยองซูผู้จัดการฝ่ายบัญชีทันที
สุดท้ายก็ต้องทำหน้ามุ่ยเดินกลับมาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ว่างอย่างที่เซฮุนบอกจริงๆ
จึงให้เด็กฝึกงานที่มาฝึกงานแค่วันแรกมาแทน
พอเดินกลับมาก็เจอกับหน้าตาอันกวนอวัยวะเบื้องล่างของโอเซฮุนก็ต้องหงุดหงิดเลยเดินผ่าหน้านำเข้าไปทางโรงภาพยนตร์
เซฮุนแอบยิ้มกริ่มอย่างชัยชนะก่อนจะลุกขึ้นตามพี่หน้าหวานที่ไม่พูดไม่จาไปทางโรงภาพยนตร์
ตามจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะเนียนๆ
แอบเป็นจับมือบางพาเข้าไปในโรงภาพยนตร์
แต่โลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่เคยทำให้ความคิดของเขาเป็นจริงเลย
พอจะทำเป็นแตะมือเท่านั้นแหละ... เงื้อหมัดจะต่อยเลย
เคยได้ยินสุภาษิตคำนี้มั้ยครับ...
เจ็บแล้วจำเป็นคน เจ็บแล้วทนเป็นควาย
และแน่นอนว่า...เซฮุนไม่อยากเป็นควายเลยต้องยอมเดินคอตกตามหลังพี่หน้าหวานมาจนถึงข้างในโรงภาพยนตร์
ถึงแม้ลู่หานจะดูเหมือนไม่เล่นด้วยและความหวังที่คนที่มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มจะมาสนใจมันริบหรี่เหมือนการตบแมลงวันให้ตายคามือ
แต่เขาก็ไม่คิดท้อถอยเลย ไม่รู้ว่าทำไมเวลานึกหน้าหวานๆ น่ารักๆ
หรือเวลาโมโหนั่นแล้วชอบทำให้เรี่ยวแรงกลับมาทุกที
คงเพราะเป็นคนแรกที่เขาออกตัว ‘จีบ’ ขนาดนี้...
เวลาดำเนินไปจนถึงครึ่งเรื่องของหนัง
สองมือบางประสานเข้าหากันด้วยความลุ้นระทึกกับภาพยนตร์
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ลู่หานติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกและเขาก็เป็นคนชอบหนังแนวแอคชั่นทริลเลอร์อยู่แล้วด้วย
ยิ่งได้เห็นท่าทางการแสดงของโทนี่จาแล้ว
ลู่หานยิ่งชอบบบบ >_<
จะว่าไปคนข้างตัวที่บอกว่าคยองซูให้มาดูหนังเป็นเพื่อนเนี่ยเงียบไปเลยนะ
ตอนหนังเริ่มแรกๆ ก็มีแกล้งใช้ลมเป่าหูบ้างก็เถอะ
ถึงมารยาทในโรงหนังก็บอกไว้ว่าไม่ควรคุยกันแต่แปลกๆ เหมือนกัน...
ที่มาดูเป็นเพื่อนเนี่ยชอบดูแนวนี้รึเปล่าก็ไม่รู้
...อืม
กูพบต้นเหตุล่ะ
“หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ”
ลู่หานเลิกสนใจหนังตรงหน้าแล้วหันมาสนใจกับคนข้างตัวแทน
คนตัวสูงห่อไหล่และเอียงก้มหน้าเล็กน้อย ดวงตาที่เลยเปิดกลับปิดแน่นสนิท
เสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา
ไม่แปลกหรอกที่จะหลับไปอย่างนี้ก็นี่เป็นหนังรอบดึก
ปกติเขากับคยองซูจะชอบดูหนังรอบดึกเพราะงานของคยองซูและเขาที่เป็นรองประธานรัดตัวพอๆ
กางเกงเอวยี่สิบห้ากับคนหนักร้อยกว่ากิโลกรัม แต่หลังๆ
มานี่ลู่หานมักจะเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลยมีเวลาว่างเยอะ ส่วนคยองซูนี่หาเวลาว่างน้อยมาก
กลับมาที่เด็กฝึกงานต่อดีกว่า...
นอกจากจะดึกแล้วคงเหนื่อยด้วยล่ะมั้งเพราะวันนี้เขาใช้ให้ไปซื้ออาหารมาแจกจ่ายให้พนักงานในบริษัทแถมแต่ละอย่างก็คนละร้านด้วย
มองไปมองมาก็หน้าตาดีนะเนี่ย...
ไม่ๆ คิดอะไรอยู่วะลู่หาน!
ส่ายหัวไปมาเป็นพัลวันจนคนข้างหลังอาจจะคิดได้ว่าเขากำลังสะบัดเหาใส่คนข้างๆ
รึเปล่าแล้วค่อยหันมาสนใจหนังตรงหน้าต่อ
ตุบ!
“อ่ะ...”
จู่ๆ
หัวทุยของอีกคนที่หลับไปแล้วเกยแหมะอยู่กับไหล่เล็กของลู่หานส่วนเสียงตุบไม่ใช่เสียงจากศีรษะของเซฮุนหรอก
เสียงหัวใจของลู่หานที่หล่นไปอยู่ตาตุ่มต่างหาก
ถึงไม่ใช่คนตกใจง่ายแต่พอโดนแบบนี้แถมยังมีลมหายใจอุ่นๆ รดคอแล้วใจก็อดสั่นไม่ได้
ไม่ได้ๆ
จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้นะโอเซฮุน!
“งืม...” พอโดนผลักหัวออกไปก็มีเสียงพึมพำๆ
เล็ดลอดออกมาอีก “พี่หน้าหวานใจร้าย...”
“...”
“เหนื่อยนะวันนี้”
“...”
“แต่พอเห็นหน้าพี่ก็หายเหนื่อยเลยว่ะ”
“...”
ตึกตักตึกตัก
เหมือนหนังที่กำลังฉายโดนแบนเสียง
เหมือนเสียงแอร์ที่เคยดังกลับเงียบ
และมีเสียงหัวใจของเขาที่ดังออกมาเมื่อประโยคสุดท้ายถูกกล่าวออกมา
โอเซฮุนละเมอออกมา... แม้จะมีคนประปรายแต่ทำถึงรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ก็ไม่รู้
คงเพราะเจ้าเด็กฝึกงานที่เพิ่งมาฝึกงานได้หนึ่งวันกำลังกระเซาะกระแซะตัวเขาอยู่ก็ได้มั้ง...
จากที่มีแค่หัวทุยๆ (ที่กลับมาซบไหล่ตามเดิมหลังจากโดนผลัก)
ก็ยังมีแขนที่เนียนมาควงเขาไว้อีกต่างหาก
“หนาวว ~” มีเสียงบ่นออกมาอีก
ตอนแรกไม่อยากให้หนังจบไวๆ หรอกนะ
แต่ตอนนี้อยากแล้ว อยากไปตัดช่วงตรงกลางออกให้หมดเลยจริงๆ...
โอเซฮุนไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตอนไหนตื่นมาอีกทีก็เจอกับใบหน้าหวานที่มีท่าทีไม่พอใจที่เผลอไปนอนหลับคาไหล่เล็กนั่น
นี่ถ้าพี่หน้าหวานของเขาเงื้อหมัดจะต่อยคงทำไปนานแล้ว
นอกจากจะเจอกับใบหน้าหวานแล้วยังเจอว่าภาพยนตร์จบเป็นที่เรียบร้อย
ผู้คนต่างทยอยกันออกมานอกโรงภาพยนตร์ โอเซฮุนและลู่หานก็เช่นกัน
ครั้งนี้เซฮุนเป็นฝ่ายเดินนำออกมา
และกำลังพยายามหาวิธีที่ได้อยู่ต่อกับลู่หานสักพัก...
จริงสินะ!? ดึกขนาดนี้น่าจะไม่มีรถกลับแน่ๆ
“พี่ลู่หานๆ”
ร่างสูงหยุดกึกแล้วหมุนตัวกลับไปมองคนข้างหลังที่เดินตามมาติดๆ
คนที่ถูกเรียกเงยหน้ามองอย่างฉงน
“มีอะไร?”
“เอ่อ...ให้ผมไปส่งที่บ้านมั้ย?”
รวบรวมความกล้าจนสุดท้ายก็พูดออกไป ทีแรกคิดว่าถ้าพูดไปแล้วลู่หานต้องปฏิเสธทันทีทันใดแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ลู่หานกำลังทำหน้าครุ่นคิด
“เอาสิ” แปลกว่ะ... ทำไมถึงมาตกลงง่ายๆ
และยิ้มหวานให้อีกต่างหาก
เมาป๊อปคอร์นป่ะวะ...
แต่ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงแค่นั้น
เซฮุนไม่ได้คิดอะไรมากเลยออกฝีเท้าก้าวเดินตามพี่หน้าหวานที่เหมือนจะเมาป๊อปคอร์น
“พี่...ผมว่าผมจำได้นะว่าจอดรถไว้ชั้น 4”
เซฮุนเอ่ยปากถามครั้งแรกหลังจากเงียบมานาน
เขาเริ่มเอะใจบ้างแล้วว่าทำไมเริ่มขึ้นบันไดมาสูงเรื่อยๆ ขาเริ่มหมดแรงแล้วด้วย
นี่ก็จะถึงชั้น 8 แล้ว
“แต่ฉันว่านายน่าจะจอดรถไว้ที่ชั้น 8 นะ”
ลู่หานหยุดเดินที่ขั้นบันไดที่สูงกว่าก่อนจะหันมาแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากพลางทำหน้าครุ่นคิด
“ระ...เหรอ”
บางทีคนตัวเล็ก่าจะรู้บ้างนะว่าใบหน้าเล็กนั่นจิ้มลิ้มและน่ารักแค่ไหน
จากที่เริ่มเอะใจก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “งั้นก็ไปต่อสิ”
“อื้ม”
เซฮุนไม่รู้หรอกว่าริมฝีปากเล็กน่าจุ๊บของลู่หานกำลังจุดรอยยิ้มอย่างร้ายกาจอยู่
ขาของลู่หานก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงชั้นที่หมาย
อีกครั้งที่เซฮุนเอะใจ ทำไมพี่หน้าหวานถึงได้ทำตัวเหมือนรู้ว่ารถของเขาจอดที่ไหนโดยการเดินนำไปอย่างนี้
แถมเซฮุนก็กำลังจะค้นพบบางอย่างแล้ว...
คนตัวสูงมองการกระทำของตัวเล็กที่ยกกุญแจที่เหมือนกุญแจรถขึ้นมา
กดระบบเปิดประตูอัตโนมัติก่อนที่รถคันหนึ่งมีเสียงปลดล็อค
เท่านั้นเซฮุนก็เข้าใจทันที... ว่าเขาโดนพี่หน้าหวานหลอกเข้าให้อีกแล้ว
ไอที่ยอมให้เขาไปส่งบ้านน่ะ ไม่ใช่หรอก ยอมให้มาส่งที่รถต่างหาก!
แต่การที่ไม่ยอมใช้ลิฟท์ขึ้นมาแสดงว่าจงใจแกล้งเขาชัดๆ
ความแค้นก็ผุดขึ้นในใจยิ่งคนตัวเล็กหมุนตัวกลับมาเพื่อส่งรอยยิ้มหวานที่เคลือบไปด้วยยาพิษแล้วยิ่งคับแค้นใจ
“ขอบคุณนะที่เดินขึ้นมาส่ง :)”
โดนหลอกขึ้นมาสิไม่ว่า
ก็ว่าทำไมถึงได้รู้ใจว่าเขาจอดรถไว้ที่ไหน...
พอคนตัวเล็กบอกขอบคุณและยิ้มให้แล้วก็เดินไปที่รถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำสนิทที่จอดไว้
เปิดประตูเข้าไปนั่ง มือที่กำลังจะเอื้อมไปปิดก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงที่ตนหลอกให้เดินขึ้นมาในที่จอดรถเป็นเพื่อนจับประตูไว้ก่อนจะแทรกตัวมา
ใบหน้าขาวเนียนของเด็กฝึกงานกำลังยื่นเข้ามาใกล้ๆ จนลู่หานต้องหลบหนี
“หลอกผมแบบนี้น่ะได้ แต่พี่หลอกตัวเองที่ผมชอบพี่ไม่ได้หรอกครับ”
โอเซฮุนขยับปากพูดแล้วจุดรอยยิ้มที่มุมปากตบท้าย
“ออกไป!” ดวงตาประดุจกวางกำลังสั่นด้วยความกลัวว่าเด็กคนนี้จตะเล่นอะไรแผลงๆ
ไม่นานก็ต้องหลับตาปี๋เมื่ออีกคนยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
และสุดท้ายเขาก็ได้สัมผัสบางอย่างมาที่ริมฝีปากอมชมพูเบาๆ และชั่วขณะเท่านั้น
“ฝันดีนะครับ”
ข้อที่สามจุดหนึ่ง : จุ๊บแค่นี้เรียกว่าจูบมั้ย .__.
100%
TO BE CONTINUED
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สวัสดีค่า ^__^ หายไปนานใช่ม้า5555555 ขอโทษน้าาาาา
หายไปกับเรื่องเรียนนานไปหน่อย555555 ช่วงนี้โรงเรียนเปิดแล้วเลยไม่ค่อยมีเวลาเลย
วันนี้ก็ว่างๆ (เหรอ?) ก็เลยมาแต่งให้ครบแล้วเอามาลง ถ้าเจอคำผิดก็บอกนะคะ
เหยแบบ ฮุนนี่รวดเร็วทันใจมากจ้า และทีนี้ทุกคนคงรู้เรื่องของคริสยอลแล้วเน้อออ
เราจะพยายามมาต่อนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ._.
โอเยริม
โอมินอา
จะเม้นต์หรือแท็ก #ฟิคเหตุผลของฮุน ก็ได้ค่ะ
อย่าลืมคอมเมนต์น้า ถ้าอ่านไม่คอมเมนต์จะให้ฝากเมลล์เวลามีฉากกุ๊กกิ๊กนะคะ
ความคิดเห็น