ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( fic exo ) OH'S REASONS, hunhan krisyeol

    ลำดับตอนที่ #3 : เหตุผลของคุณชายโอ : ข้อที่สอง พี่เขาตัวหอมจัง

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 58

















    เหตุผลของคุณชายโอ : ข้อที่สอง พี่เขาตัวหอมจัง










    หลังจากโดนพี่หน้าหวานทารุณเสร็จผมก็ต้องมานั่งให้พี่คยองซูช่วยหายามาทาตามรอยฟกช้ำตามร่างกายให้ ส่วนต้นเหตุที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ก็วิ่งแจ้นไปทำงานต่อข้างบนแล้ว ใครมันจะไปรู้ล่ะครับว่าพี่หน้าหวานนั่นจะมีแข้งโหดตามฉายาจริงๆ นอกจากจะโดนเตะ ต่อยแล้วพี่ลู่หานยังกัดหูผมจนต้องมานั่งลูบคลำป้อยๆ อย่างนี้แหละครับ

     

    “หูขาดรึเปล่านั่น” พี่คยองซูที่ยื่นยาหม่องให้ถาม

     

    “เปล่าหรอกแค่เจ็บเฉยๆ นี่ถ้าเปลี่ยนจากกัดเป็นไซ้ผมจะไม่ว่าเลย” พูดจบก็ใช้นิ้วปากยาหม่องมาก่อนจะทาไปที่หน้าท้อง

     

    “ยังไม่เข็ดเหรอ บอกแล้วว่าลู่หานน่ะโหด”

     

    “แหม ทีตอนวิ่งเข้ามาชวนพี่ไปดูหนังนะ คยองซูวววว คยองซูววววว” ผมไม่พูดเปล่าเลียนแบบน้ำเสียงและท่าทางไปด้วย

     

    “อ้าวก็ลู่หานสนิทกับพี่นี่” พี่คยองซูแย้งกลับ

     

    “ช่างเหอะ” ผมขี้เกียจเถียงด้วยแล้วก็เลยปัดๆ เรื่องไป สายตาดันเผอิไปเห็นตั๋วหนังที่พี่ลู่หานนำมาให้พี่คยองซูวางอยู่บนโต๊ะ ก็คิดอะไรดีๆ ออก “พี่คยองซู”

     

    “อะไร” พี่คยองขาน

     

    “ผมขอตั๋วหนังใบนี้ได้ป่ะ” ผมขอพร้อมกับหยิบตั๋วหนัง Fast & Furious 7 ขึ้นมา

     

    “หืม? จะดูทำไมไม่ไปซื้อใหม่ล่ะ ” พี่คยองซูเงยหน้าขึ้นมามองแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ก็อยากไปดูกับพี่ลู่หานนี่ *-*” ผมทำตาวิบวาวให้พี่คยองซูช่วยเห็นใจ

     

    “เฮ้อ เออๆ ก็ได้ แต่ถ้าไปแล้วบอกลู่หานว่าพี่ให้มา พี่โดนฆ่าแน่” พี่คยองซูขมวดคิ้วพูดพร้อมกับทำตาเหลือกๆ และทำท่าปาดคออย่างน่ากลัว (ผมกลัวตาพี่คยองจะหลุดออกมาน่ะ -_-;)

     

    “แล้วจะให้ทำไงอ่ะครับ” ผมถามกลับ

     

    “เอางี้นะ...” จากนั้นพี่คยองซูตัวเล็กก็อธิบายวิธีการให้ฟัง ผมพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ

     

    ผมว่าเริ่มจากตรงนี้แหละ :) อย่างน้อยก็ลองไปเที่ยวกับพี่ลู่หานสักครั้งน่าจะดี

     

     

     

    เมื่อคุยกับพี่คยองซูเสร็จผมก็เดินออกมาเพื่อกลับมาที่โต๊ะของตนเองที่พี่คยองซูจัดไว้ให้ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของเหล่าพนักงานในแผนก เรื่องที่ผ่านมาเมื่อกี้ผมไม่อายหรอกแต่ก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมองมาทางผมด้วย ผมถอนหายใจก่อนจะตรงไปที่โต๊ะของผม ซึ่งใกล้ๆ กับพี่ผู้หญิงที่พี่คยองซูฝาก

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...พี่คริสตัล” ผมวางกระเป๋าลงก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ บอกเธอพลางพิจารณาใบหน้าที่มองมาที่ผมและเรียกชื่อที่ผมเมกขึ้นมาให้

     

    “ยะ...ยินดีที่ได้รู้จัก เห? พี่ชื่อซูจองนะ” พี่คริสตัล (ที่ผมเรียก) เอียงหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย

     

    “ก็...พี่สวยเหมือนคริสตัลไงครับ” ผมเฉลยเหตุผลที่ทำให้ผมเรียกพี่ซูจองว่าคริสตัลพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ ม่ะม๊าผมน่ะท่านชอบอะไรที่เป็นคริสตัล เช่น แชนเดอเลียอะไรพวกนี้ ทำให้ผมต้องมองว่ามันสวยตาม พอสำรวจใบหน้าของพี่ซูจองแล้วพี่เขาสวยเหมือนคริสตัลจริงๆ

     

    เพราะพี่ซูจองผูกผมหางม้าทำให้เห็นใบหน้าเรียวสวยและขาวเนียนอย่างชัดเจน ดวงตาของเธอเรียวและสวยในสายตาผม จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูเพราะทาลิปกลอส

     

    “งะ...งั้นเหรอ” พี่ซูจองพูดตะกุกตะกัก แก้มของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนเขินๆ สงสัยคงเขินที่ผมชมล่ะมั้งครับ ที่ผมพูดไปเพราะผมพูดความจริงไม่ใช่เพราะปากหวานหรอก ดังนั้นอย่าหาว่าผมประจบเลยครับ

     

    “แล้วพี่มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ?” พอพยักหน้าตอบแล้วก็ถามต่อ นอกจากจะเข้ามาใกล้ชิดพี่หน้าหวาน (แข้งโหด) แล้วผมก็ยังต้องเข้ามาฝึกงานอีกนะ ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำ

     

    “ไม่มีหรอก พี่เคลียร์งานส่วนของพี่หมดแล้วน่ะ” พี่ซูจองตอบแล้วส่ายหน้าไปมา

     

    “ว้าแย่จัง” ผมทำหน้าเสียดาย นี่ยังไม่ผ่านครึ่งวันเลย สงสัยต้องไปหางานของคนอื่นช่วยทำแล้วล่ะ

     

    “ว่าแต่เราน่ะ ชอบคุณลู่หานจริงๆ เหรอ” พี่ซูจองประชันหน้าถามอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นที่ตั้งใจทำงาน

     

    “ชอบนะ...ชอบตั้งแต่แรกเห็นแล้ว” ผมพูดพลางยู่ปากและพยักหน้าให้

     

    “เหรอ...” ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าน้ำเสียงเธอดูตัดพ้อจัง คงคิดไปเองแหละเนอะ ._.

     

    “งั้นผมไปช่วยงานคนอื่นแล้วกันนะครับ”

     

    “จ้ะ”

     

    จากนั้นผมก็ลุกขึ้น เดินไปถามพนักงานในแผนกคนอื่นว่ามีงานอะไรให้ช่วยบ้าง และทำความรู้จักไปด้วยเลย พนักงานทุกคนอัธยาศัยดีแม้จะมีพนักงานหญิงบางคนพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความเขินก็เถอะ ทุกคนก็ต้อนรับผมอย่างดี

     

    ผมว่าเข้ามาฝึกงานที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ :)

     

     

     

     

     

     .

     .

     .

     .

     .

     

    เหรอ!

     

     

    “นี่! เด็กฝึกงานคนใหม่น่ะ” เสียงหวานที่หายไปช่วงหนึ่งเพราะหลังจากก่อวีรกรรมให้เด็กฝึกงานอย่างผมได้เจ็บตัวแล้วก็หายไปก็กลับมาพร้อมกับเรียกผมที่กำลังคุยเรื่องงานที่รุ่นพี่คนหนึ่งมาให้ช่วย

     

    “อะไรครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปขานรับ พี่หน้าหวาน (แข้งโหด) เดินเข้ามาหาผมก่อนจะยื่นกระดาษโน้ตที่ยาวเป็นหางว่าวมาให้ ผมรับมาอย่างงงๆ

     

    “ไปซื้ออาหารตามลิสต์ที่ให้ไปมา” สั่งด้วยเสียงห้วนๆ หน้าตาย ผมมองในลิสต์ที่พี่หน้าหวานเขียนลงบนกระดาษก่อนจะเบิกตากว้าง นอกจากจะเยอะแล้วนะ แต่ล่ะอย่างดูแล้วไม่น่าจะร้านเดียวกัน Y_Y

     

    “โห แค่นี้พี่ก็อ้วนแล้วนะ!” ผมร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับแซวเล่นๆ ผมได้ยินเสียงพนักงานแอบหัวเราะเบาๆ ด้วย

     

    “อะไร! ใครว่าฉันจะกินหมดนั่น ฉันจะซื้อมาฝากพนักงานด้วย”

     

    “ผมเพิ่งรู้นะ ว่าบ้านพี่ผลิตเงินให้ลูกเลี้ยงพนักงานเนี่ย สวัสดิการดีจัง” ผมประชดแล้วพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ ผมรู้นะว่าพี่เขาไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงพนักงานหรอกก็แค่อยากจะแกล้งผมเท่านั้นเอง

     

    “พูดมากไปแล้วโอเซฮุน!” พี่ลู่หานตะคอกใส่ด้วยความโกรธ “ไปซื้อมาซะ แล้วแจกให้พนักงานทุกแผนก”

     

    “แล้วเงินอ่ะ”

     

    “ก็จ่ายไปก่อนแล้วเอาบิลมาเก็บที่ฝ่ายการเงิน” ผมอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ลิสต์ยาวขนาดนี้เงินผมจะพอมั้ยเนี่ย!?

     

    “หน้าหวานแต่มารร้ายชัดๆ” ผมพึมพำ

     

    “อะไรนะ!

     

    “เปล๊า!” พึมพำเบาๆ แล้วนะเนี่ย ยังส.ได้ยินอีก

     

    “อ้อ! แล้วห้ามใครในนี้ช่วยเขาเด็ดขาด ถ้ารู้ล่ะก็...ตาย!” ไม่ว่าเปล่าทำท่าปาดคอให้ดูเป็นภาพติดตาเล่นอีกต่างหาก พอสั่งผมเสร็จแล้วก็เดินออกไป ป่านนี้คงหัวเราะลั่นลิฟท์แล้วมั้ง

     

    “พี่ๆ เด็กฝึกงานคนก่อนเจอแบบนี้ป่ะ?” ผมหันไปถามรุ่นพี่เฮซองที่คุยงานด้วยเมื่อกี้พลางมองลิสต์รายการอาหาร นี่ถ้าเลี้ยงบริษัทข้างๆ ได้คงทำไปแล้วล่ะมั้ง :(

     

    “ไม่นะ สงสัยนายไปแกล้งแสดงความเป็นเจ้าของตอนนั้นล่ะมั้ง คุณลู่หานเลยแกล้งกลับ” พี่เฮซองตอบ ผมก็คิดตามที่พี่เขาพูดนะ นี่มันจงใจแกล้งชัดๆ

     

    “เฮ้ออออออ”

     

    ผมถอนหายใจอีกครั้งในรอบวันก่อนจะเดินคอตกไปที่โต๊ะของตัวเอง หยิบกระเป๋าเป้เปิดข้างในเพื่อหยิบกระเป๋าเงินออกมา พี่ซูจองที่เห็นเหตุการณ์ก็เห็นใจจะช่วยผมแต่ผมก็ปฏิเสธไป กลัวว่าเธอจะเดือดร้อนเอา แต่ก็เอาเถอะมีอะไรทำก็แล้วกัน

     

    ข้อที่สองจุดหนึ่ง : พี่ลู่หานเป็นมารร้ายในร่างนางฟ้า (ร้ายแต่ก็รัก >_<)









     










    40%




     




     

     

     

     

     

    แฮ่กๆๆ

     

    เหนื่อยชะมัด T_T;

     

    หลังจากเอาอาหารที่พี่ลู่หานสั่งมาให้พนักงานไปส่งให้แผนกสุดท้ายเสร็จก็รีบนำส่วนที่เหลือมาส่งให้กับคุณเลขาของประธานบริษัทและสุดท้ายก็คือเจ้าตัวนั่นแหละ ชั้นส่วนของผู้บริหารที่อยู่ชั้นที่ 23 คือชั้นเป้าหมายในตอนนี้

     

    นี่บอกเลยว่าผมต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อสั่งอาหารในแต่ละร้าน เป็นอะไรที่เหนื่อยม๊ากกกกกกก กว่าจะเสร็จก็เกือบได้เวลาทานอาหารเที่ยงของทุกคนพอดี แต่ก็ยังเป็นโชคดีของผมที่เงินในกระเป๋าพอซื้อ แต่มันไม่พอค่าอาหารกลางวันผมน่ะสิ! ฮ่วยยยยยยยย T_T

     

    ไม่นานลิฟท์ก็มา ผมใช้แขนเสื้อ (ที่ถกให้มันมาอยู่ที่ข้อศอก) เช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาด้วยความร้อนบวกเหนื่อย ผมเดินเข้าไปในลิฟท์ ไม่นานมันก็พาผมมาถึงชั้นที่ 23 แล้วตรงไปที่โต๊ะเลขาของพี่ลู่หาน ทักทายเธอพร้อมกับแนะนำว่าตนเองเป็นเด็กฝึกงานใหม่ก่อนจะยื่นกล่องอาหารกลางวันให้เธอ

     

    มันอาจจะเป็นอาหารที่เธอชอบหรือไม่ชอบผมไม่รู้ ผมสุ่มหยิบให้ทุกคนเพราะในลิสต์ไม่ได้เขียนไว้ว่าแต่ละอย่างให้ใครบ้าง

     

    “เอ่อ...แล้วพี่ลู่หานอยู่ข้างในรึเปล่าครับ?” ยื่นกล่องอาหารให้เธอพลางเอ่ยถาม เธอดูตกใจที่ผมเรียกพี่ลู่หานห้วนๆ แบบนั้น แน่ล่ะ ก็พี่เขาเป็นถึงรองประธานและลูกประธานบริษัทนี่

     

    “อยู่ค่ะ” เลขาของพี่ลู่หานอ้าปากตอบ ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณ “เคาะประตูก่อนนะคะ”

     

    “สำหรับผมไม่จำเป็นหรอกครับ” ผมบอกเธอ เลขาคงงงกว่าเดิมแน่ๆ ว่าทำไมผมถึงได้ดูสนิทสนมกับพี่ลู่หานขนาดนี้ ฮ่ะๆ

     

    แต่ความจริงคือพี่เขาเกลียดขี้หน้าผมจะตายไป -_-;

     

    ผมถือวิสาสะเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะก่อน จากนั้นค่อยๆ โผล่หน้าเข้าไปดูลาดเลาแล้วก็เจอร่างเล็กของพี่หน้าหวานกำลังนั่งขัดสมาธิเล่นโทรศัพท์อย่างสนุกสนานบนโซฟาและดูแล้วน่าจะเพลินไปกับเกมจนไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเข้ามาในห้องโดยไม่มีมารยาท (เอ๊ะ เหมือนด่าตัวเอง)

     

    “...จะเล่นอีกนานมั้ยครับ?” ผมค่อยๆ ย่องเบาๆ เข้าไปหาก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ และกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา

     

    “แม่ตาเถรร่วง!” พี่หน้าหวานตกใจจนอุทานด้วยคำที่ทำให้ผมต้องถึงกับหัวเราะออกมา

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    “ขำมากมั้ยโอเซฮุน -_-

     

    “ขำมากกกกก” ผมตอบอย่างกวนชนิดที่ว่าอีกนิดก็ได้โดนบาทาพี่เขาแล้วก่อนจะวางกล่องข้าวส่วนของพี่ลู่หานไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา

     

    “ฮึ่ยยย! วางของแล้วก็ออกไปได้แล้ว”

     

    แหม พอได้ของแล้วก็ออกปากไล่ทันทีเลยนะ :(

     

    “เดี๋ยว” ผมเอ่ยรั้งตัวเองไว้ก่อน ถึงพี่เขาจะเป็นคนที่ผมชอบก็เถอะแต่เรื่องนี้ถึงขั้นชีวิตผมเลยนะ...

     

    “อะไร?”

     

    “เงินค่าข้าวอ่ะ” ผมแบมือเงินเหมือนกับเด็กขอเงินแม่ไปโรงเรียน แต่นี่ผมต้องขอเงินคืนเพื่อประทังชีวิตนะ T^T อีกอย่างผมไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยเลี้ยงพนักงานทั้งบริษัทด้วย

     

    “ไม่ให้!” ตอบกลับมาด้วยท่าทางดื้อรั้นก่อนจะหันไปสนใจกล่องอาหารกลางวันของตัวเอง

     

    “ต้องให้” ผมย้ำ ความจริงผมต้องไปเบิกจากฝ่ายการเงิน แต่เมื่อกี้ไปมาแล้วแต่ฝ่ายการเงินก็บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่สามารถเบิกได้ แถมผมไม่ใช่พนักงานบริษัทด้วย “ผมต้องประทังชีวิตเหมือนกันนะพี่!

     

    “เรื่องของนาย”

     

    มาไม้นี้เหรอ! ได้!

     

    “พี่ลู่หานง่าาาา ~” ผมถือวิสาสะหย่อนก้นลงไปนั่งข้างๆ รองประธานจากนั้นใช้หัวของตัวเองซบไปที่ไหล่เล็ก ถูด้วยความออดอ้อนอย่างน่ารัก ยังไงผมก็ต้องได้เงินคืนมาให้ได้ ไม่ยอมให้พี่ลู่หานแกล้งฟรีๆ หรอก

     

    “อะไรเนี่ย” เยี่ยม! คนหน้าหวานเลิกสนใจเกมในโทรศัพท์ก่อนจะออกอาการตกใจเล็กน้อยที่โดนผมกระทำแบบนี้ใส่

     

    “ก็...คืนเงินผมมาน้า ~” ผมใช้หัวทุยๆ ถูกับเสื้อสูทสีกรมท่าต่อไป

     

    “ไม่คืนไง!

     

    “แต่พี่สั่งให้ผมทำง่ะ ผมไม่ได้เต็มใจเลี้ยงสักหน่อย” เถียงกลับไป บอกเลยว่าหิวข้าวแต่เงินซื้อข้าวก็ไม่มีจะให้ทำยังไงล่ะ

     

    ม๊า! ทำไมการตามจีบพี่หน้าหวานถึงยากขนาดเน้ T^T

     

    “ไม่-ให้-ก็-คือ-ไม่-ให้” มีมาเน้นคงเน้นคำ ฮึ่ยยยย! จับทำเมียแม่ง

     

    ผมทำหน้างอด้วยความขัดใจ เริ่มหมดความอดทนแล้วนะ ในเมื่อแผนออดอ้อนไม่ได้ผลผมก็จะทำในสิ่งที่คิดไว้ในหัวลึกๆ ซะเลย หึหึ

     

    “งั้นเจอนี่!” ไม่พูดเปล่าผมจับให้กับคนที่ไม่ยอมคืนเงินผมแนบชิดติดพนักพิงก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนตักคร่อมพี่หน้าหวานที่ทำท่าทางตกใจกว่าเดิมไว้ ไม่ต้องกลัวว่าพี่หน้าหวานนี่จะหนักหรอกนะ ด้วยความที่รู้ว่าตัวเองตัวไม่ได้หนักมากเลยกล้านั่งไง (ท่ามันแปลกๆ อยู่นะ -_-)

     

    “นี่! ออกไปนะ!” พี่ลู่หานตะโกนใส่หน้าผมพลางพยายามใช้มือดันอกให้ผมออกไป

     

    แต่ผมไม่ทำหรอก :P

     

    ผมไม่ทำตามที่พี่เขาบอกก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งรวบแขนทั้งสองของอีกคนที่พยายามผลักไสไว้เหนือหัวเพื่อที่จะไม่ทำอะไรได้และยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ จนระยะใบหน้าของเราสองคนห่างแค่คืบ ผมเห็นได้ชัดว่าพี่ลู่หานพยายามหลบสายตาของผมที่กำลังสำรวจทั่วใบหน้าหวาน

     

    “ออกไปนะไอ้เด็กฝึกงาน!” ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ พอได้ยินแบบนั้น คำว่า ไอ้เด็กฝึกงาน มันดูห่างเหินจัง แต่มันก็จริงแหละผมเพิ่งรุกหนักวันนี้วันแรกด้วยซ้ำแถมดันไปก่อวีรกรรมไว้เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วอีก

     

    “นี่ผมกำลังจีบพี่นะ พูดดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ” ผมกำลังอยู่ในโหมดจริงจัง นัยตากำลังจ้องมองไปที่ดวงตาหวานประดุจกวางที่พยายามหลบ

     

    “แล้วใครใช้ให้มาชอบล่ะ!

     

    “ใจไงพี่! ผมไม่ได้ชอบพี่แค่วันนี้วันแรกนะ!” ผมบอก น้ำเสียงเหมือนโกรธแต่ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้โกรธพี่ลู่หานเพียงแค่มันเกิดฉุนเฉียวนิดๆ ที่พี่เขาพูดออกมาแบบนั้น ผมพูดต่อด้วยเสียงอ่อน “ผมแอบชอบพี่มาสามเดือนแล้วด้วยซ้ำ”

     

    “...” ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา เหมือนพี่ลู่หานจะอึ้งอยู่ในใจ

     

    “...”

     

    ผมเองก็เงียบตอบ ตอนนี้เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องยื่นใบหน้าไปใกล้กว่านี้... ใกล้เรื่อยๆ จนในที่สุดจมูกโด่งก็แนบกับแก้มเนียน ผมไล้จมูกไปทั่วแก้มที่เริ่มเห่อร้อนแดงฉานอย่างเห็นได้ชัด ในไม่ช้าริมฝีปากก็เป็นฝ่ายรุกบ้าง ผมประทับจูบลงไปด้วยความเคลิ้ม

     

    ผมเหมือนคนไม่มีสติที่กำลังเจอของหวานที่ทั้ง หวานและ น่ากิน แล้วไม่สามารถหยุดตัวเองได้ พี่ลู่หานมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมต้องเลื่อนใบหน้าลงมาต่ำกว่าซึ่งก็คือลำคอระหงส์

     

    ผมซุกไซ้ด้วยความเคลิ้ม สูดดมความหอมจากซอกคอเหมือนกำลังอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่หอมหวน กลิ่นของพี่ลู่หานไม่ใช่น้ำหอมแต่เป็นสบู่ เพราะผมเองก็ใช้สบู่เหลวกลิ่นแบบนี้อยู่เหมือนกัน ตอนนี้สติผมค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ ไม่สนใจเสียงหวานที่กำลังร้องผลักไสออกไปเลย...

     

    จน...

     

     

     

     

     

    ปั๊ก!

     

     

     

    “แอ่ก!

     

     

     

     

    ไอ้เหี้ย! ออกไปซะ

     

     

    สติกลับมาเลยครับ -,.- คงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะว่าพี่เขาทำอะไร จำฉายาพี่เขาได้มั้ย?

     

     

     

    พี่หน้าหวาน (แข้งโหด)

     

     

     

    ข้อที่สองจุดสอง : หน้าหวาน ตัวหอม แต่แข้งก็ยังโหดเหมือนเดิม -_-

     

     

     

     

     

     

    หลังจากโดนแข้งอันแข็งแรงและทรงพลังของรองประธานบริษัทแล้ว โอเซฮุนคนหล่อคนนี้ก็กลับมานั่งเอาทิชชู่ยัดจมูกเพื่อให้เลือดกำเดาหยุดไหลและต้องมานั่งรับความเจ็บปวดที่โอน้อย... เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่แข้งหรอกแต่เป็นหัวเข่าต่างหาก! พี่ลู่หานใช้หัวเข่าทุ้งไปที่โอน้อยอันเป็นเกียรติของผมจนมันบอบช้ำ

     

    เท่านั้นยังไม่สาสมใจของพี่เขานะ! ยังแถมหมัดหนักๆ มาให้ที่หน้าจนเลือดกำเดาไหลแบบนี้เป็นของขวัญให้อีก ลำบากต้องให้พี่ซูจองช่วยหาทิชชู่ให้อีก พอพี่ซูจองเห็นสภาพก็เดาได้ทันทีว่าโดนอะไรมาโดยที่ผมไม่ต้องเล่าให้เปลืองน้ำลาย ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กิน แต่เข่าบวกหมัดพี่เขาก็ทำให้ผมอิ่มทั้งวันเลยแหละ

     

    ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว... ผมที่ว่างทั้งวันเพราะไม่มีงานอะไรให้ทำเลยลงมาทันทีที่ถึงเวลา เมื่อกล่องโดยสารสี่เหลี่ยมพอมาถึงชั้นใต้ดินที่เป็นที่จอดรถผมก็ออกมาและตรงไปที่คาวาซากิ ZZR1400 สีดำคู่ใจที่ป๊าม๊าซื้อให้เป็นของขวัญสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

     

    ผมขึ้นคร่อมแล้วหยิบหมวกกันน็อคมาใส่จากนั้นสตาร์ทรถ ตรงออกมาหน้าบริษัทแต่แล้วก็ต้องหยุดทันทีเมื่อหันไปพบกับร่างเล็กของหญิงสาวที่เหมือนจะคุ้นเคยดีกำลังยืนถือโทรศัพท์เหมือนกำลังโทรหาใครแล้วอีกฝ่ายไม่รับก็เลยทำหน้าบึ้งตึง ผมเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะขับคาวาซากิไปหา

     

    “รอใครอยู่ครับน้องสาว” ผมแกล้งเอ่ยแซวโดยที่ยังคงสวมหมวกกันน็อคอยู่ ทำให้คนที่โดนแซวตกใจแล้วหันมาเพ่งมองว่าใคร

     

    “ยุ่งอะไรด้วยคะพี่” อีกฝ่ายตอบกลับมาเหมือนจะจำผมไม่ได้ ก็แน่ล่ะในเมื่อผมใส่หมวกกันน็อคเสียงเลยไม่เหมือนเดิม

     

    “นี่ยัยตัวแสบ” ผมถอดหมวกกันน็อคออกแล้วขยิบตาให้กับเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลาย

     

    “อ้าว! ที่แท้ก็ฮุนนี่เองเหรอ”

     

    “เออดิ หล่อๆ แบบนี้มีคนเดียว”

     

    “หลงตัวเองชะมัดเลยฮุนนี่ ~” เด็กมัธยมปลายกระแนะกระแหนพลางยิ้มที่มุมปากให้ ผมยื่นแก้มเข้าไปหา เหมือนอีกฝ่ายรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรจึงปฏิบัติกลับ

     

    จุ๊บ!

     

    “ไป...เดี๋ยวไปส่ง” เมื่อโดนหอมแก้มเสร็จผมก็ส่งหมวกกันน็อคให้เธอไปส่วนผมก็ไม่ใส่ ผมไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะกลับด้วยเลยไม่ได้เตรียมหมวกกันน็อคมาให้

     

    “พูดเหมือนมีนัดต่อเลยนะ”

     

    “ก็...นะ”

     

    “เหอะ” ยัยตัวแสบแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายผม “นอกใจเค้าอีกและ ฮุนนี่อ่ะ :(

     

    “จับไว้ให้ดีนะ โอเยริม :)

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้อ”

     

    ร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเพราะไม่มีอะไรทำก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา เมื่อเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานแล้วเลยตัดสินใจออกจากบริษัทเลยทันที ด้วยความที่เป็ฯคนชอบเคลียร์งานให้เสร็จ ลู่หานเลยว่างซะส่วนใหญ่ เขาถึงมีเวลามานั่งแกล้งจดลิสต์รายการอาหารให้เด็กฝึกงานคนนั้นไง

     

    จะว่าไปแล้วยังแค้นไม่หาย บังอาจมาขโมยหอมแก้มกันซึ่งๆ หน้า ลู่หานตกใจมาก ตกใจยิ่งกว่าตอนที่เด็กฝึกงานคนนั้นมานั่งตักอีกด้วยซ้ำ แถมยังมาสูดดมซอกคอเขาอีก

     

    โดนแค่เข่ากับหมัดยังน้อยไปด้วยซ้ำ -^-

     

    หลังจากที่สแกนบัตรเพื่อแสดงว่าเลิกงานแล้วเสร็จก็ตรงออกมาหน้าบริษัทเพื่อรอคนขับรถมารับกลับบ้านก่อนจะออกมาเพื่อดูหนังกับพนักงานคนสนิทอย่างโดคยองซูต่อ

     

    ระหว่างรอรถมารับก็เจอกับเด็กสาวมัธยมผมแกละคนหนึ่งกำลังยืนถือโทรศัพท์ในมือ แนบหูครั้งแล้วก็เอามากดอีก ทำซ้ำๆ จนลู่หานเดาได้เลยว่าเธอกำลังโทรหาใครบางคนอยู่ ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนไม่รับสาย ไม่นานก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบ คนขี่มอเตอร์ไซค์คันหรูใส่เสื้อหนังสีดำ ใส่ถุงมือ แถมมีหมวกกันน็อคที่ดูไม่รู้เลยว่าใคร

     

    และพอถอดหมวกเท่านั้นแหละ...

     

    โอเซฮุน...

     

    เด็กฝึกงานที่บริษัทเขาที่เอ่ยปากว่ากำลังจีบเขาอยู่... แต่ตอนนี้กำลังยืนคุยกับเด็กสาวในชุดมัธยมหน้าตาน่ารักแถมยังยิ้มให้กันอีกต่างหาก แต่ที่ทำให้อึ้งไปกว่านั้นคือเซฮุนเป็นฝ่ายยื่นแก้มเข้าไปให้เธอคนนั้นหอมก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคให้ จากนั้นก็ให้เธอขึ้นซ้อนท้ายกอดเอวสารถีแน่นซะด้วย

     

    หนอย... ไหนบอกจะจีบเราแต่ไหงไปให้ผู้หญิงหอมแก้ม ซ้อนท้ายแบบนั้น

     

    เอ๊ะ! แล้วลู่หานจะโกรธทำไม

     

     

     

    ดีแล้วนี่ จะได้ไม่มีใครมากวนใจเขาอีก ตัดใจไปยิ่งดีๆ

     

     

     

    TO BE CONTINUED

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     


    เหยยยย ใครมาบังอาจหอมแก้มฮุนของเราได้น้อออออ
    ให้เดา! ใครเอ่ย เกี่ยวพันกันยังไงน้า ~ ถถถถถถถถถถถถถ
    ส่วนตอนดูหนังขอไว้เป็นตอนหน้าแล้วกันนะ อิอิ
    ยังไงก็ขอให้คอมเมนต์ให้กำลังใจบ้างน้า เราอยากได้กำลังใจ *-*
    ช่วงนี้ปรับพื้นฐานทำให้ไม่ว่างมาแต่งให้เลย เอาเป็นว่าถ้าคอมเมนต์ดีจะรีบปั่นให้น้า
    ขอบคุณที่เฟบและคอมเมนต์นะคะ บัยยยยยย


     

    จะเม้นต์หรือแท็ก #ฟิคเหตุผลของฮุน ก็ได้ค่ะ





     

    อย่าลืมคอมเมนต์น้า ถ้าอ่านไม่คอมเมนต์จะให้ฝากเมลล์เวลามีฉากกุ๊กกิ๊กนะคะ



     
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×