ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] Bloody Love [1827 10069]

    ลำดับตอนที่ #9 : .:S Blood:.Love At First Sight {HBD My Friend} 50%

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 55


    Clou Dy








    *ฟิคนี้อาจมีคำไม่สุภาพ โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน*

     

     

    Love At First Sight





     






    Maybe I love you maybe I do

    บางทีฉันอาจจะหลงรักคุณเข้าแล้ว


    Maybe this feeling inside me is true

    บางทีความรู้สึกข้างในอาจจะเป็นเรื่องจริง


    And if I love you and if I do

    แล้วถ้าฉันรักคุณขึ้นมาจริงๆ


    Then maybe baby maybe you love me too

    ฉันก็แอบหวังให้คุณรักฉันบ้างเช่นกัน

    Maybe I Love You-Lenka

     









     

     

    คุณเชื่อในรักแรกพบมั้ย

    .

     

     

    .

    .

    มีคนเคยพูดเอาไว้ว่าคนเรา เมื่อพบใครสักคนที่ใช่แล้ว ในความรู้สึกแรกที่พบหน้ากัน มันจะมีความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นมา
    เหมือนเป็นสัญญาณที่จะบอกว่าเค้าคือคนที่ใช่

    .

    .

    .

    ผมเอง…ก็ไม่เคยเข้าใจเลย ว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไร

    .

    .

    .

    จนกระทั่ง…วันหนึ่ง เมื่อผมได้รับรู้ถึงมัน…ด้วยตัวของผมเอง

     

    .

    .

     

    “เฮ้ย เบียคุรัน อาทิตย์หน้าไปเที่ยวกันป่ะ” เสียงของ ซาคุโร่ เพื่อนสนิทของผม ดังขึ้นถามผม ถึงแผนการที่มันจะพาเพื่อนทั้งกลุ่มไปเที่ยวเพื่อเป็นการฉลองหลังสอบเสร็จ

     

    “อืม…ที่ไหนอ่ะ” ผมถามมันกลับไปโดยที่ไม่ได้หันไปสนใจอะไร เนื่องจากผมกำลังนั่งเล่นเกมในมือถือเพื่อคลายเครียดอยู่อย่างเมามันส

     

    ไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกเด็กติดเกมหรืออะไรหรอกน่ะครับ แต่มันว่าง ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งเรื่อยเปื่อยแบบไร้จุดหมายอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในคณะ เนื่องจากยังไม่มีแผลนอะไรเลย เพราะงั้นผมเลยต้องเอามือถือออกมานั่งเล่นเกมรอนี่แหละครับ อย่าว่าแต่ผมเลย เพื่อนคนอื่นๆของผมไม่ฟังเพลง อ่านการ์ตูน นอน ก็เล่นเกมเหมือนผมนี่แหละ ขนาดไอตัวคนถามเองมันยังนั่งกดพีเอสพีเครื่องโปรดของมันยิกๆอยู่เลย

     

    “ไม่รู้ดิ ยังไม่ได้คิดว่ะ” ไอเพื่อนเวรตอบกลับมา เล่นเอาผมแทบอยากจะเลิกเล่นเกมแล้วปามือถือใส่หัวมันกันเลยทีเดียว มันยังไม่รู้เลยว่าจะไปเที่ยวไหน แล้วมาชวนผมแล้วเนี่ยน่ะ

     

    “มึงยังไม่รู้ แล้วมาถามกูทำไมว่ะ” ผมถามมันกลับไป

     

    “ก็เผื่อมึงจะได้ช่วยกูคิดไง”  ไอซาคุโร่ตอบกลับมาก่อนจะเงยหน้ามายักคิ้วให้ผมเล็กน้อย แล้วหันกลับไปสนใจเกมของมันต่อ อืม…ถ้าผมถีบเพื่อนจะผิดมั้ยครับ ดูมันทำดิ

     

    “กูว่าไปทะเลกันป่ะ กูอยากไปเที่ยวทะเลว่ะ” คิเคียว เพื่อนอีกคนพูดขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเห็นด้วยของคนอื่นๆในกลุ่ม

     

    “ไปทะเลก็ดีน่ะเว้ย เห็นโชอิจิพูดๆอยู่ว่าอยากไป กูจะได้พาไปเที่ยวด้วยเลย” ไอสปาน่าพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย เพราะมันกะจะพาคุณแฟนสุดที่รักของมันไปเที่ยวด้วย

     

    “อืม งั้นก็ไปที่เดิมล่ะกัน กูจะได้โทรไปบอกให้คนเข้าไปทำความสะอาดบ้านพักให้” ไอซาคุโร่ตัดสินใจเสร็จสรรพ ก่อนจะจัดการโทรศัพท์ไปให้คนของมันไปทำความสะอาดบ้านพักตากอากาศของมันที่พวกเรามักจะไปพักเป็นประจำเวลาตัดสินใจที่จะไปเที่ยงกัน เพื่อให้พวกเราเข้าไปพักได้

     

    “เออ ว่าแต่คืนนี้อ่ะ เอาไง จะไปไหนป่ะ”คิเคียวถามขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ไปกินเหล้ากัน เลี้ยงฉลองๆ”เสียงไอซาคุโร่พูดขึ้นด้วยสายตาเป็นประกาย ไอนี่มันดื่มเหล้าแทนน้ำครับ เรียกได้ว่าวันไหนมันขาดเหล้า วันนั้นก็เหมือนปลาขาดน้ำนั้นแหละครับ

     

    “ว่าไง ไอเบีย เอาป่ะ” เสียงคิเคียวที่หันมาถามความเห็นของผม ก่อนที่ผมจะตอบไป

     

    “ตามใจมันเหอะ กูยังไงก็ได้อยู่แล้วว่ะ”และทันทีที่ผมพูดประโยคนี้ออกไป ไอซาคุโร่ก็จัดการวางแผนกำหนดการทุกอย่างเสร็จสรรพกันเลยทีเดียว

     

    “ดีเลย งั้นเดี๋ยวแยกย้ายกันกลับบ้านก่อน แล้วคืนนี้ สัก 2 ทุ่ม เจอกันที่เดิมน่ะเว้ย!!” พอพูดจบ มันก็วิ่งหนีหายไปลยครับ สงสัยมันคงจะรีบกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวออกมาลัลล้าในคืนนี้ หลังจากที่มันไม่ได้เที่ยวมานาน เพราะอยู่ในช่วงสอบ

     

    “เฮ้อ งั้นไว้เจอกันคืนนี้น่ะเว้ย” คิเคียวถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปอีกคน

     

    “งั้นกูขอตัวไปรับโชอิจิก่อนล่ะกันน่ะ”คราวนี้เป็นสปาน่า ที่จะรีบไปรับคุณแฟนสุดที่รัก ที่อยู่ต่างคณะกัน

     

    ทีนี้…ก็เหลือแค่ผมสิน่ะ…ไม่สิ ยังมีอีกคน…โกสต์ หมอนั่นนั่งหลับอยู่ข้างๆผมมาตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้…มันก็ยังหลับอยู่ล่ะครับ

     

    ผมหันไปปลุกมัน ก่อนจะพูดถึงแผนการของคืนนี้ และอาทิตย์หน้าที่เราจะไปเที่ยวกันให้มันฟัง ซึ่งมันก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเนือยๆออกไปอีกเช่นกัน

     

    คราวนี้ก็เหลือผมคนเดียวจริงๆซะแล้ว…ผมได้แต่ปลงตกกับเพื่อนของผมแต่ละคน ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งอยูา แล้วเตรียมตัวที่จะกลับบ้านพักสัก 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะออกไปตามที่นัดกันไว้

    .

    .

    .

    08:15 pm

     

    “เฮ้ย ไอเบีย แกใกล้ถึงรึยังว่ะ คนอื่นเค้ามากันครบแล้วน่ะเว้ย เหลือแกแค่คนเดียวเนี่ย!!”

     เสียงของซาคุโร่ดังออกมาจากปลายสายโทรศัพท์ ตามมาด้วยเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มลอดออกมาจากลำโพง ทำให้เจ้าของโทรศัพท์จำเป็นจะต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย เนื่องจากเสียงที่ดังจนเกินไป

     

    ตอนนี้เค้ากำลังอยู่บนรถระหว่างทางไปที่คลับที่นัดกันเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ก็สายไปจากเวลานัดประมาณ 15 นาทีแล้วล่ะครับ ไอเจ้าเพื่อนตัวดีมันก็เลยโทรมาตามเค้า ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไปไม่ถึง

     

    “เออๆ ใกล้ถึงแล้วน่า แค่นี้ก่อนน่ะเว้ย กูขับรถอยู่” ผมตอบมันกลับไป ก่อนจะตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงที่เบาะข้างๆ ก่อนจะขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นจุดหมายอยู่ข้างหน้า จึงเลี้ยวรถจอดลงที่หน้าคลับ แล้วจัดการส่งกุญแจให้พนักงานจัดการกับรถสปอร์ตสีแดงคันหรูที่เค้าเลือกที่จะขับมาที่คลับในวันนี้ ส่วนตนก็เดินเข้าไปข้างใน โดยที่ไม่ต้องต่อแถว หรือตรวจบัตรประชาชนใดๆทั้งสิ้น และแน่นอน…ที่ๆเค้านัดกับเพื่อนไว้ ย่อมต้องเป็นโซน VIP ก็ในเมื่อคลับนี้น่ะ เป็นหนึ่งในหลายกิจการของไอซาคุโร่ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนน่ะสิ

     

    อ้อ ไอซาคุโร่น่ะ ครอบครัวมันทำธุรกิจเกี่ยวกับคลับ และคาสิโนครบวงจร ทั้งแบบถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมายนั่นล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้ามาแหยมมันหรอก ถ้าไม่เบื่อชีวิตจริงๆน่ะนะ

     

    พอผมเดินเข้ามาในโซน VIP ภายในจะแบ่งออกเป็นห้องๆหลายห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขก VIP ในโซนนี้จะได้รับการดูแลอย่างดี ทุกๆห้องจะมีพนักงานคอยบริการประจำแต่ละห้องอยู่ถึง 3 คน หรืออาจจะมากกว่านั้น ตามสิทธิพิเศษ และแน่นอน ขนาดของห้องเองก็เช่นกัน ผมเดินลึกเข้าไปด้านในสุด โดยไม่สนใจห้องใดเลยที่อยู่รอบข้าง ก็ในเมื่อห้องประจำของพวกผมน่ะ ย่อมต้องเป็นห้องที่พิเศษที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุด และเป็นส่วนตัวมากที่สุด เป็นห้องเฉพาะที่พวกผมจะเอาไว้เลี้ยงฉลองกันเอง หรือจัดงานปาร์ตี้ในหมู่เพื่อนๆแวดวงไฮโซ ตามประสาพวกลูกเศรษฐีน่ะนะ ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง เสียงไอซาคุโร่ก็ตะโกนเรียกผมทันที

     

     

     

     

     

     

     

    “กว่าจะมาได้น่ะโว้ย!! คนอื่นเค้ารอแกจนจะรากงอกอยู่แล้วเนี่ย” มันพูดก่อนจะส่งแก้วเตกิล่าที่อยู่บนโต๊ะมาให้ผม

     

     

     

     

    “กูเพิ่งมาถึง มึงก็เล่นเตกิล่าเลยหรอว่ะ กลัวกูไม่เมารึไง” ผมถามมันกลับแบบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะหยิบแก้วเตกิล่าที่มันยื่นให้มากระดกเข้าปาก แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างๆไอซาคุโร่

     

     

     

     

     

     

    “เฮอะ ถ้าน้ำหน้าอย่างมึงเมาน่ะ กูก็คงน็อกสลบไปแล้วล่ะ” มันตอบผมกลับมาแบบประชดประชันเล็กน้อย อ่า…เห็นแบบนี้แล้ว ความจริงผมน่ะคอแข็งที่สุดในกลุ่มเลยน่ะครับ ไม่ว่าผมจะดื่มเยอะแค่ไหน ก็ยังไม่เคยเมาจริงๆจังๆกับเค้าสักที อย่างมากก็แค่มึนๆเท่านั้นแหละ เรียกได้ว่าผมน่ะ คอแข็งกว่าไอซาคุโร่ซะอีก ถึงผมจะไม่ได้กินเหล้าบ่อยแบบมันก็เถอะน่ะ

     

     

     

     

     

     

    “เออน่า…ว่าแต่นี่แกชวนใครมาเยอะแยะว่ะ ไม่ใช่ว่าแกจะปาร์ตี้กันแค่ในกลุ่มหรอ” ผมตอบปัดๆมันไป ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ ตอนแรกผมคิดว่าวันนี้มันแค่จะเลี้ยงฉลองกันในกลุ่มเล็กๆน้อยๆซะอีก แต่ที่ไหนได้ นี่มันเล่นไปชวนใครมาก็ไม่รู้เยอะแยะ จนตอนนี้ภายในห้องเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จักเต็มไปหมด แต่ละคนก็กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วห้อง จับกลุ่มคุยกันบ้างประปราย อ้อ…วันนี้น่ะไอซาคุโร่มันจัดให้ห้องนี้คล้ายกับเป็นคลับย่อมๆเลยล่ะ แทบจะเหมือนกับคลับข้างล่างร้านมันเลย เพียงแต่มีแค่แขกพิเศษที่ได้รับเชิญมาก็เท่านั้น

     

     

     

     

     

     

    “ไม่รู้ว่ะ ก็โทรๆไปชวนมานั่นล่ะ             แล้วที่เหลือก็ชวนกันต่อเอง ไปๆมาๆก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ” ไอซาคุโร่ตอบกลับมาแบบไม่ค่อยสนใจนัก ก่อนจะหันไปกระดกเหล้าต่อ ทำเอาผมถึงกับปลง แล้วหันไปมองรอบๆโต๊ะของกลุ่มเรา ก็เห็นไอสปาน่ามันก็นั่งจู๋จี๋กับแฟนมันอยู่ตรงโซฟาฝั่งตรงข้าม ส่วนโกสต์ก็…นั่งหลับอยู่ที่โซฟาตัวข้างๆไอสปาน่า จะเหลือก็แต่ไอคิเคียวที่อยู่ข้างๆผมนี่แหละ ที่ดูยังมีสภาพปกติดีสุด

     

     

     

    “เอาน่า คนเยอะๆก็สนุกดีออก จริงมั้ย” ไอคิเคียวพูดก่อนจะยิ้มตามแบบฉบับของมัน แล้วยกแก้วเหล้าของมันขึ้นดื่มบ้าง

     

    “หึ คนเยอะๆ แกจะได้หาเหยื่อได้ง่ายใช่มั้ยล่ะ” ผมถามไอคิเคียวกลับไป เห็นแบบนี้น่ะ มันน่ะเสือผู้หญิงตัวพ่อเลยล่ะ ควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำกัน และแต่ละคนก็ไม่มีคนไหนนนานเกิน 1 อาทิตย์ หรือบางคนอาจจะแค่คืนเดียวก็จบไปก็มี แล้วตอนนี้ มันก็คงกำลังมองหาเหยื่อของมันในคืนนี้อยู่ล่ะมั้ง ก็แขกในงานแต่ละคน เท่าที่ผมมองผ่านๆ ไม่ดารา ก็นางแบบ นักร้อง ลูกคุณหนูไฮโซ คนมีชื่อเสียง ซึ่งแต่ละคนก็หน้าตาดี หุ่นสะบึ้มกันทั้งนั้นล่ะ

     

     

    “แล้วไง…เจอยังล่ะ เหยื่อของแกคืนนี้น่ะ” ผมถามมันต่อ แต่ก่อนที่มันจะได้ตอบอะไร ผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกำลังส่งสายตาเชิญชวนมันอยู่

     

    “นั่นไง เหยื่อของกูคืนนี้” ไอคิเคียวพูด ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกผม

     

    “ขอโทษน่ะค่ะ ถ้าไม่รังเกียจขอนั่งด้วยคนน่ะค่ะ” หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีดำเงา สั้นเพียง 5 คืบ ใบหน้า กับส้นสูงกว่า 4 นิ้ว ริมฝีปากสีแดงสดที่เผยอออก ยั่วยวนอยู่ตลอดเวลา ถามก่อนจะนั่งลงตรงที่เท้าแขนโซฟาข้างๆไอคิเคียวโดยไม่รอคำอนุญาติ แต่ก็น่ะ ยังไงไอคิเคียวมันก็โอเคอยู่แล้วนี่ ก็ในเมื่อเหยื่อมาให้มันกินถึงที่ขนาดนี้           

     

     

    “ผมจะรังเกียจคนสวยๆแบบคุณได้ยังไงล่ะครับ”ไอคิเคียวพูด แล้วโอบให้หล่อนลงมานั่งที่ตักตนเองเบาๆ ก่อนจะลูบขาอ่อนของอีกฝ่าย

     

     

    “คิกๆ ปากหวานจังเลยน่ะค่ะ ฉันเมนี่ ค่ะ คุณ…”หญิงสาวที่ชื่อถามก่อนจะเอามือลูบไล้แผงอกอีกฝ่ายไปเรื่อยๆอย่างยั่วยวน

     

     

    “คิเคียวครับ”

     

    “ว่าแต่...คืนนี้หลังเลิกปาร์ตี้เลิกคิเคียวสนใจจะไปเที่ยวกับเมนี่ต่อมั้ยค่ะ…แบบสองต่อสองน่ะค่ะ…”เมนี่ถามคิเคียวแบบมีนัยแฝงที่เข้าใจกันดี เรียกรอยยิ้มจากคิเคียวได้เป็นอย่างดี ที่เหยื่อมาเสนอให้ถึงที่ขนาดนี้ แน่นอนเค้าจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย?

     

     

    “แล้วแต่เมนี่สิครับ” ทั้งสองคนต่างนัวเนียกันไปมาอยู่บนโซฟาโดยไม่สนสายตาใคร 

     

     

     

    ผมได้แต่มองอย่างปลงๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะ เพราะขี้เกียจเห็นไอเพื่อนเวรมันนั่งนัวเนียกับเหนื่อของมันโดยที่ไม่สนใจเพื่อนที่นั่งหัวโด่อยู่เลยสักนิด คิดแล้วผมก็ได้แต่ทำใจน่ะครับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ ต้องบอกว่ามันเป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วมากกว่า ผมเลยเดินเลี่ยงออกมา ก่อนจะเดินไปที่บาร์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง เพื่อสั่งเครื่องดื่มสักเล็กน้อย

     

    “น้อง ขอดรายมาร์ตินี่แก้วนึง”ผมเอ่ยสั่ง ก่อนจะนั่งลงที่เคาน์เตอร์แล้วมองไปรอบๆงานอย่างเบื่อหน่าย

     

     

    ความจริงแล้วผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวกลางคืนอะไรแบบนี้สักเท่าไรน่ะนะ ถ้าให้เลือก ผมชอบที่จะไปแข่งรถซะมากกว่า มันเหมือนงานอดิเรกของผมเลยล่ะ เพราะที่บ้านของผมทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ที่นำเข้าและส่งออกรถยนต์ อู่ซ่อม แต่งรถครบวงจร ไปจนถึงสนามแข่งรถ ซึ่งนั่นทำให้ผมอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิด จึงไม่แปลกเลยสักนิด ถ้าผมจะชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่ามันอยู่ในสายเลือดเลยก็ว่าได้

     

    ผมน่ังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับจิบดรายมาร์ตินี่ในมือไปด้วย โดยที่ไม่ได้สนใจผู้หญิงหลายๆคนรอบข้างที่พยายามส่งสายตายั่วยวนมาให้ผม สำหรับผมแล้ว การที่ผมจะยุ่งกับใครสักคน มันจะต้องเป็นคนที่ผมคิดว่าใช่จริงๆแล้วเท่านั้น 

     

     

    ‘ฮืม…’ ผมมองไปที่มุมห้อง ก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นผู้ชายสองคนกำลังฉุดกระชากแขนคนๆหนึ่งอยู่ ซึ่งดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ก็สู้แรงไม่ได้ ร่างนั่นถูกลากเข้ามุมอับสายตา ด้วยความสงสัย ผมจึงลุกขึ้นเดินไปดู เพราะมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และผมเองก็สังหรณ์แปลกๆเสียด้วยสิ…

     

    .

    .

    .

    “ปล่อยน่ะ!!” เสียงหนึ่งดังแว่วออกมา เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้

     

    “เรื่องอะไรจะปล่อยให้โง่ล่ะ หึๆ อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า รับรองเลยว่าพวกเราจะพาเธอขึ้นสวรรค์เอง” อีกเสียงที่ทุ้มกว่าเสียงเรียกมาก เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฉายถึงความหื่นกระหายอย่างปิดไม่บัง

     

    “ไม่เอาน่ะ ปล่อยผมไปเถอะน่ะ” เสียงแรกที่ได้ยินร้องขอด้วยความกลัว

     

     

    “ไม่ค้องกลัวหรอกน่า ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้หรอกน่ะ รับรองเลยว่าจะติดใจ!” เสียงอีกเสียงดังออกมา ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงร้องประท้วงของฝ่ายที่ถูกกระทำ เรียกให้ผมตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปห้าม

     

     

    “พวกแกจะทำอะไรน่ะ” ผมเอ่ยถามเสียงเย็น เมื่อเห็นผู้ชายสองคนนั้น กำลังใช้กำลังขมขื่นอีกฝ่าย

     

     

    “แกเป็นใครว่ะ มายุ่งอะไรด้วย!!” คนที่กำลังไซร้ซอกคอของร่างบางๆนั้น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

     

     

    ผมไม่รอช้า ซัดมันเข้าที่มุมปากของมันทันที  “กูจะเป็นใครก็ช่าง แต่กูไม่ยอมให้พวกมึงมาทำอะไรระยำๆแบบนี้หรอกเว้ย”

     

    “หนอยแก!! คิดจะทำตัวเป็นพระเอกรึไง” ไอเลวอีกคนที่ไม่ได้โดนผมซัดไป เงื้อหมัดตรงมาที่ผม ก่อนที่ผมจะเบี่ยงตัวหลบแล้วสวนหมัดเข้าที่ท้องจนมันล้มไปกองกับพื้น

     

    “มึงมาเสือกอะไรด้วยว่ะ!! หรือมึงเองก็อยาก มึงก็ไปหาเอาเองดิเว้ย!!” ไอคนที่โดนผมซัดไปคนแรกลุกขึ้นถามด้วยความโกรธ

     

    “กูก็แค่ไม่ชอบที่เห็นพวกมึงมาทำเรื่องเลวๆแบบนี้ในที่ของเพื่อนกู และถ้าพวกมึงยังไม่เลิก กูไม่รับประกันความปลอดภัยว่ะ” ผมพูดขู่ออกไป ถ้าพวกมันไม่โง่พอ มันคงพอจะรู้น่ะ ว่ามันควรจะทำยังไง…

     

    “เหอะ…ฝากไว้ก่อนเถอะแก!!”พวกมันพูดด้วยความโกรธจัดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนจะวิ่งหนีออกไป

     

     

    “เป็นอะไรมากมั้ย” ผมหันไปถามร่างบางๆที่ยืนตัวสั่นน้ำตาคลออยู่ตรงกำแพง

     

     

    “คะ…คุณเป็นใคร”เสียงหวานๆจากร่างตรงหน้าเอ่ยถามผม โดยที่ยังไม่หายสั่นจากเหตุการณ์เมื่อครู่สักเท่าไหรนัก

     

     

    “เบียคุรัน ผมชื่อเบียคุรัน” ผมตอบกลับไป ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเอง ยื่นไปให้คนตรงหน้า

     

    “เช็ดซะ เดี๋ยวก็หมดสวยหรอก” ผมเอ่ยขำๆ เพื่อหวังให้อีกฝ่ายหายกลัว แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่ออีกฝ่ายยิ้มออกมา ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าของเค้าไปเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า

     

    “ขอบคุณ…”เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา  ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนมาให้

     

    "ไม่เป็นไร ฉันว่าเธอกลับบ้านก่อนเถอะ จะได้ไปพักผ่อนน่ะ” ผมเอ่ยถาม เพราะสภาพร่างบางตรงหน้า คงต้องการการพักผ่อน

     

    “อะ…อืม”

     

    “ให้ฉันไปส่งมั้ย”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดประโยคนี้ออกมา ผมรู้แต่ว่า ผมรู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้าอย่างประหลาด อาจเป็นเพราะร่างที่บอบบาง ดูเปราะบาง น่าถนุถนอมล่ะมั้ง ที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงขนาดนี้…

     

    “เออ…มะ…ไม่เป็นไรหรอก ไม่รบกวนดีกว่า”อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก คงจะกลัวว่าผมจะเป็นแบบไอพวกเมื่อกี้สิน่ะ…


    “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า…ยังไงก็ผู้ชายด้วยกัน หรือกลัวฉันจะทำอะไรเธอรึไง??” ผมพูดออกมาเพื่อให้ร่างตรงหน้าคลายความกังวล ใช่แล้ว…คนตรงหน้าผมเป็นผู้ชาย นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อ ถ้าไม่ใช่ว่าชุดที่อีกฝ่ายแต่งเป็นชุดผู้ชาย และหน้าอกที่แบบราบไม่มีสิ่งที่ผู้หญิงพึงจะมี และที่ทำให้ผมแน่ใจก็คือสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกแทนตนเองเมื่อครู่นี่ ไม่อย่างนั้นผมคงคิดว่าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิงไปแล้วล่ะ

     

     

     

    “มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะครับ ผมแค่ไม่อยากจะรบกวนคุณไปมากกว่านี้ แค่คุณมาช่วยผม ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้วล่ะครับ” ร่างบางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นๆ เพราะกลัวผมจะเข้าใจผิดว่าเค้ากลัวผม

     

     

    “ไม่เกรงใจหรอกน่า เอาเป็นว่าฉันเต็มใจล่ะกันน่ะ ไปเถอะ”ผมพูดตัดบทไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสแย้งอะไร ก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายเดินออกมา

     

    “อะ…เอ่อ…”ร่างบางที่ถูกจับมือแบบไม่ทันตั้งตัว ได้แต่อึ้ง ก่อนจะก้มหน้างุดๆเดินไปตามแรงลากของอีกฝ่าย

     
     
     

     

     

    ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ เพื่อที่จะบอกเพื่อนๆว่าจะขอกลับก่อน แต่พอผมกลับมาที่โต๊ะ ผมก็ไม่เห็นไอคิเคียวแล้ว สงสัยมันคงจะออกไปกับเหยื่อของมันแล้วล่ะ ส่วนไอสปาน่ากับโชอิจิเองก็กลับไปแล้วเหมือนกัน เลยเหลือแค่ไอซาคุโร่กับโกสต์เท่านั้น ผมเลยเดินไปหาไอซาคุโร่ที่กำลังนั่งดื่มอยู่อย่างเมามันท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงที่ล้อมรอบมันอยู่

     

    “เฮ้ย ไอซาคุโร่ กูขอกลับก่อนน่ะ”ผมตะโกนบอกมันแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม

     

     

     

    ไอซาคุโร่หันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้ ผมจึงเดินจูงมือร่างตรงหน้าออกไปทันที

     

     



    ผมเดินออกจากคลับก่อนจะให้พนักงานไปขับรถของผมมาให้ โดยที่ผมยืนรออยู่หน้าคลับ  ระหว่างที่รอผมจึงถือโอกาสถามชื่อร่างบางที่อยู่ข้างๆ

     

     

     

     

     

     

     

    “จริงสิ เธอชื่ออะไรน่ะ ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลยน่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

    “มะ…มุคุโร่ ครับ”มุคุโร่ตอบกลับมาเสียงแผ่ว แต่ก็ดังพอที่จะให้เค้าได้ยิน

     

     

    ‘มุคุโร่…งั้นหรอ ชื่อน่ารักดีน่ะ…’ ผมคิด ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ พอดีกับที่รถของผมมาจอดอยู่ข้างๆ ผมจึงเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้มุคุโร่เข้าไปนั่ง ก่อนเดินไปฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    บรรยากาศภายในรถมีแต่ความเงียบ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ตั้งแต่ขึ้นรถมา หลังจากที่มุคุโร่บอกทางไปบ้านเข้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างนั่งเงียบอยู่แบบนี้ จนในที่สุด เบียคุรันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาทำลายความเงียบภายในรถก่อน

    .

     

     

     

     

    “จริงสิ ทำไมพวกมันถึงมายุ่งกับมุคุโร่ได้ล่ะ”เบียคุรันถามออกไปด้วยความสงสัย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ผะ…ผมก็ไม่รู้หรอก ความจริงวันนี้เพื่อนผมชวนมาด้วย แต่พอดีเพื่อนผมไปอยู่กับแฟนเค้า ผมก็ไม่อยากจะกวนเค้า เลยไปหามุมเงียบๆนั่งเล่น แล้วจู่ๆพวกนั้นก็เค้ามาเอง…”มุคุโร่อธิบายออกมา

     

     

     

     

     

     

     



    “แล้วทำไมไปนั่งอยู่ที่ลับตาคนแบบนั้นคนเดียวล่ะครับ รู้มั้ยว่ามันอันตรายน่ะ”เบียคุรันเอ่ยเสียงดุเล็กน้อย ทำให้ร่างบางถึงกับจ๋อย นั่งก้มหน้านิ่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

    “กะ…ก็ผมไม่รู้นี่ ใครจะไปคิดล่ะ…”ร่างบางเอ่ยเสียงหงอย ก่อนจะทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจนิดๆที่โดนคนตรงหน้าว่า ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดเรื่องได้ล่ะ เค้าก็แค่อยากหาที่นั่งเงียบๆ ก็แค่นั้น ทำไมคนตรงหน้าต้องมาว่าเค้าด้วย…

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้อ…เอาเถอะ คราวหน้าคราวหลังก็ระวังตัวด้วยล่ะ”เบียคุรันถอนหายใจ หลังจากเห็นคนตรงหน้าทำหน้าหงอยๆ แล้วยังแก้มป่องๆนั่นอีก…

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ‘น่ารัก…’คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเบียคุรันทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     





    ...TBC...

     




     
              Talk สักนิด          


    29/08/12
    =w= ไรเตอร์หายไปนานเลย~~ขอโทษน้า//โค้งขอโทษ 90 องศา แบบว่า เปิดเทอมแล้ว ยุ่งๆอยู่เลยไม่ได้มาอัพเลย ล่าสุดเพิ่งสอบมิดเทอมเสร็จก็ไปเข้าค่าย เพิ่งได้กลับมา เลยมาอัพ =..= ฟิคนี้ เป็น SF น่ะค่ะ แต่งให้เพื่อนเป็นของขวัญวันเกิด เนื่องจากสัญญาเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว -*- เลยโดนทวงแล้วทวงอีก แต่ก็แต่งไม่จบสักที 555+//โดนยัน ความจริงมันเลยวันเกิดเพื่อนไปแล้วน่ะนะ วันนี้เลยเอามาลง...20% =w=//โดนรุมกระทืบ  งือ TT ก็เค้าแต่งไม่ออกอ่า...ช่วงนี้ในหัวมีแต่เรื่องคิดหัวข้อโครงงานมรณะที่โรงเรียน -*- วันนี้เลยขอเข็นฟิคนี้มาแย้มๆก่อนโน๊ะ =__= แล้วจะทยอยอัพให้เสร็จ แล้วค่อยไปอัพฟิคหลักต่อ~~ 

    เอาเป็นว่า ขอโทษและขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนมากๆน้า ที่ยังตามกันอยู่ ^_____^  ไรเตอร์ขอโทษจริงๆ T^T 


    ปล.ใครอยากไปตามจิก ตามถาม ตามด่า ตามเกรียน ไรเตอร์ เชิญที่ทวิตเลยน้อ~
    @Moose_ClouDy ฟอลมาได้น่ะค่ะ ^^

     

     

    03/08/12
    30%
    มาอัพเพิ่มอีกนิดนึง =w= วันหยุดเลยถือโอกาสนั่งปั่น...แต่ก็ได้มาเท่านี้ TT มุคุยังไม่โผล่เลย โฮกๆๆๆๆ
    ถ้าจะยาวแน่งานนี้...นี่ยังเพิ่งเริ่มเรื่องเองอ่า...เอาเป็นว่าจะพยายามแต่งให้จบภายในวันนี้เนอะ =w= (หรอ??)

    50%
    มาลงเพิ่มให้ เป็นฉากมุคุเปิดตัว~~ จะบอกว่า...กว่าจะเอามาลงได้ สู้รบตบตีกับเว็บอยู่นาน =[]=
    ตั้งแต่เว็บหลุด ล็อกอินแล้วหลุด ค้าง มาเจอปัญหาเดิมๆที่ทำเอาเซ็งทุกครั้งที่ลงนิยาย
    คือ...'ขนาดตัวหนังสือ' ปรับยากมากๆๆๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร TT บางทีกด ใหญ่ ไซส์ก็ยังเป็นเล็ก
    เปลี่ยนไม่ได้เลย ไม่ก็เปลี่ยนเป็นรายบรรทัด -_- ทำให้ตัวหนังสือเละเทะมากๆ
    นั่งปรับไปปรับมา ครึ่งชั่วโมงเข้าไปล่ะ...เซ็งมากๆ -*- เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปแต่งต่อแล้วมาลงให้สักเย็นๆน่ะ
    อาจจะ 6 โมง (คิดว่ารวมเวลาปรับขนาดด้วยไม่น่าจะเกินนี้ TT)

     

     
     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×