ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC]__BLACK PARADISE__ :: 2JUN

    ลำดับตอนที่ #2 : ___BLACK PARADISE___ 2nd

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 56


    BLACK PARADISE
    DUJUNxJUNHYUNG
    TWO











    จุนฮยองเดินเลียบทางเดินในตึกของค่ายเพลงที่ตัวเองสังกัดอยู่พลางโค้งให้พนักงานแทบทุกคนที่ตัวเองเดินผ่าน กายุนมารออยู่ก่อนแล้วในฐานะผู้จัดการส่วนตัวคนเก่งที่มาปูทางให้ เพราะถึงแม้ว่าจะมีเด็กในสังกัดอีกหลายคนแต่เจ้าหล่อนก็ไม่เคยจะปล่อยให้จุนฮยองต้องเผชิญสิ่งใหม่เพียงคนเดียว




    “พี่กายุน”นักร้องคนใหม่เอ่ยเรียกหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่นั่งเช็คตารางงานของคนอื่นๆ ในสังกัดอยู่ หญิงสาวเงยหน้ามายิ้มพลางวางงานในมือลง 


    “มาแล้วหรอ..รู้ไหมว่านายโชคดีมากเลยนะเซ็นสัญญาพร้อมกับผู้บริหารคนใหม่เข้ามาทำงานต่อจากคนเก่า”จุนฮยองมองหน้าคนพูดแล้วได้แต่งงว่าโชคดียังไง กายุนอธิบายต่อ


    “ก็คุณดูจุนเนี่ยเขาเพิ่งจบมาแล้วก็ชอบแนวเพลงแบบที่นายอยากทำ พอเขารู้ว่ามีนายก็อยากเจอมากแล้วก็รีบหาโปรดิวซอร์ที่ทำแนวนี้เก่งมาให้ เตรียมดันนายเต็มที่เลยน้องรัก”พอได้ฟังก็อดดีใจไม่ได้เลยที่ทางที่เขาฝันมันจะเป็นจริงและดูสวยงามเหลือเกิน นายแบบหนุ่มที่กำลังจะได้ไปตามฝันยิ้มกว้าง พอดีกับที่เลขาของผู้บริหารคนที่ว่ามาเรียกตัวพวกเขาให้เข้าไปพบเจ้านาย 




    จุนฮยองเดินตามไปอย่างลิงโลด เขาอาจจะได้พบนรกที่เลวร้ายจากการกระทำไร้เหตุผลของใครก็ไม่รู้เมื่อหลายวันก่อน แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับกำลังได้เดินขึ้นสวรรค์ที่ตัวเองรอคอย










    แต่จุนฮยองอาจจะไม่รู้ว่า...


    ....บนสวรรค์ไม่ได้สวยงามแบบที่เขาคิด












    _____BLACK PARADISE______












    ‘Welcome’









    ป้ายต้อนรับหน้าร้านทำให้รู้ว่าคอฟฟี่ชอปบรรยากาศอบอุ่นที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจและมหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังพร้อมให้บริการกาแฟหอมกรุ่น เค้กและ เบเกอร์รี่ 



    พนักงานและบาริสต้าใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่ดึงดูดลูกค้าสาวๆ แต่ร้านของเค้าไม่ใช่คอฟฟี่ปริ๊นแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่มีหญิงสาวคนไหนกล้าพอจะมาสมัครที่นี่ 




    “ดงอุนคะ คิดเงินด้วยค่ะ”หญิงสาวในชุดทำงานร้องเรียกพนักงานหนุ่มหน้าคมซึ่งเอาแต่ทำหน้านิ่งเฉยไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่นักให้ไปหา คนที่ว่าเดินถือถาดแนบกับลำตัวสูงยาวแล้วหยิบเอากระดานเล็กขึ้นมาคิดค่าเสียหาย



    เจ้าของร้านตัวเล็กยืนแอบมองน้องชายของเพื่อนสนิทแล้วยิ้มจาง แผ่นหลังนั้นไม่ได้คล้ายคลึงกันเลยแม้แต่น้อย จุนฮยองตัวเล็กและดูจะมีเนื้อมีหนังมากกว่าน้องชายนิดหน่อย แถมคนคนนั้นยังหน้ากระเดียดไปทางน่ารักมากกว่าหล่อเหลาคมเข้มแบบน้อง ..ที่จะเหมือนก็คงที่นิสัยรั้นๆ ไม่ยอมแพ้กันและกัน หลายครั้งตอนที่เขายังคบกับจุนฮยองเกินเพื่อนที่ได้เห็นสองคนปะทะฝีปากไปจนถึงขั้นชกต่อย หลายทีที่ต้องเจ็บตัวเพราะเข้าไปห้าม และที่เหมือนกันอย่างสุดท้ายคือ ทั้งจุนฮยองและดงอุนรักอิลฮุนมาก ดูเหมือนจะมากกว่าตัวเองอีกด้วยซ้ำไป




    “จ้องไม่ละสายตาเลยนะพี่”ฮยอนชิคบาริสต้าฝึกหัดของร้านกระเซ้า โยซอบหันมามองแล้วเลยเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะมองจ้องน้องชายของคนรักเก่านานเกินไป


    “มองเพราะสนใจน้องเขาหรือมองเพราะคิดถึงพี่ชายเขาล่ะ”บาริสต้าที่หน้าตาออกจะมากเกินอายุไปเสียหน่อยเสริมทับมาด้วย โยซอบจิ๊ปากเพราะขัดใจที่อึนกวังดันมารู้ดี ก็แน่ล่ะ..อึนกวังเป็นบาริสต้าที่ทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเป็นแค่เพื่อนจนกลับมาเป็นแค่เพื่อนกับจุนฮยองนี่


    “ทำงานไปเถอะน่า”บอกแบบนั้นแล้วก็หันไปสบตากับดงอุนที่ถือเงินสดมาที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์พอดี ใบหน้าคมเหมือนจะรู้ว่าถูกพูดถึงเลยยิ้มน้อยๆ ให้รุ่นพี่ที่ทำงานมาก่อน 


    “ดงอุนอา วันนี้ไปส่งฉันที่บ้านหน่อยสิ”จู่ๆ ก็มีหญิงสาวตัวเล็กโผล่มาจากไหนไม่รู้กระโดดมาเกาะแขนดงอุนพร้อมกับออดอ้อน ร่างสูงเหวอไปนิดและพยายามจะหนีออกจากมือน้อยๆ ที่เกาะเขาหนึบ


    “โซยอน..อะไรของเธอเนี่ย”เอ่ยถามพลางยังไม่หยุดขัดขืน หญิงสาวในเดรสสีชมพูอ่อนยังไม่ยอมปล่อย แล้วพูดต่อเจื้อยแจ้ว


    “เย็นนี้เลิกงานแล้วไปส่งฉันที่บ้านนะดงอุนอา”บอกแล้วทำตาปริบๆ อย่างน่ารัก ดงอุนส่ายหัวแล้วบอกปฏิเสธ


    “ฉันต้องไปรอรับอิลฮุนกับนาอึน เธอก็ให้รถที่บ้านเธอมารับสิ”เพราะรู้จักกันมานานและโซยอนก็ตามจีบดงอุนมานานเช่นกัน
    เขาเลยรู้ดีว่าโซยอนเป็นแบบไหน


    “ก็ไปส่งฉันก่อนแล้วค่อยไปรับน้องไง ..น๊า~~~”ทำแก้มป่องมองหน้าเขาเหมือนลูกแมวอยากกินนม ดงอุนมีสีหน้าที่บอกได้ชัดเจนว่าไม่ต้องการจะทำแบบนั้นแต่ก็รำคาญที่มาถูกเกาะแขนเกาะขาแบบนี้


    “ดงอุนจะไปส่งโซยอนก็ได้ ที่เรานัดกันจะไปซื้อของเข้าร้านเอาไว้วันหลังก็ได้”โยซอบแค่อยากจะช่วยและดงอุนดูจะ
    งงไปครู่นึงแล้วค่อยรับมุก


    “ได้ไงล่ะพี่ ผิดนัดเจ้านายจะโดนหักเงินเดือนแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปผ่อนพี่จุนฮยอง”พอพูดแบบนั้นโซยอนเลยเริ่มคลายมือออกจากแขนของเขา ดงอุนหันไปมองนิดนึงก่อนที่สาวน้อยจะบอกออกมา


    “ไม่เป็นไร ถ้างั้นดงอุนอาก็ไปกับพี่โยซอบเถอะ เดี๋ยวฉันให้พี่ฮยอนซึงมารับก็ได้”พูดไปถึงพี่ชายลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกบเจ้าหล่อ
    นดี ดงอุนแกล้งทำท่าเกรงใจเธอนิดหน่อยแล้วกลับไปสนใจงานต่อ ใบหน้าคมโค้งน้อยๆ ขอบคุณโยซอบผู้เป็นทั้งเจ้านาย เพื่อนพี่ชาย...และคนที่ตัวเองแอบชอบ







    .....ถึงเขาจะทำท่าเหมือนไม่อยากจะทำงานที่นี่ แต่ที่จริงก็แค่ใจสั่นที่ได้รู้ว่าจะได้เห็นหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กนี่ทุกวันต่างหาก....
    .








    _____BLACK PARADISE______











    ‘ยินดีต้อนรับสู่สวรรค์อันมืดมิด’








     
    เนิ่นนานที่คนหน้าขาวนั่งนิ่งไม่พูดอะไรเลยหลังจากได้รับรู้ว่ากำลังก้าวเดินไปในเส้นทางไหน ประโยคแผ่วเบาที่กระซิบที่ข้างหูยังคงดังก้องไปทั้งหัว คนที่ว่ามีเพียงแต่รอยยิ้ม ไม่ว่าจะอยากได้อะไร ต้องการงานในรูปแบบไหน...เจ้าของรอยยิ้มที่จุนฮยองไม่มีวันลืมได้นั้นก็ยินดีจะมอบให้ทั้งหมด




    “คุณดูจุนนี่เขาใจดีมากเลยว่าไหมจุนฮยอง น้องพี่สบายแล้ว”กายุนชมเปราะ หญิงสาวใบหน้าสะสวยข้างๆเขาไม่ได้รู้อะไรเลย เจ้าหล่อนคงสัมผัสได้แต่ความแสนดีจอมปลอมนั้น แต่ไม่ใช่เขา ยงจุนฮยองรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นกำลังคิดอะไรกับเขา






    .....หากได้รู้ว่าจะต้องเจอกับคนคนนี้.....





    “พี่คิดแบบนั้นหรอ”พึมพำในลำคอ แต่ก็ดังมากพอจะทำให้ผู้จัดการส่วนตัวคนสวยได้สะกิดหู กายุนหันมองใบหน้าที่เหมือนจะเต็มไปด้วยความหนักใจของรุ่นน้องแล้วเอ่ยถาม


    “ว่ายังไงนะจุนฮยอง”คนถูกถามหันไปมองแล้วยิ้มจางพลางสั่นตัวปฏิเสธเป็นการตอบ 


    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่กังวลเรื่องงานแค่นั้น เรากลับกันเถอะผมรู้สึกเวียนหัว”เปล่าเลย ยงจุนฮยองไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นเขาเพียงแต่อยากจะไปให้พ้นที่นี่และทางที่ดีก็ไม่อยากจะกลับมาด้วยซ้ำ...แต่จะทำแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขามีความฝันที่ผูกติดอยู่กับค่ายเพลงค่ายนี้







    ขายาวก้าวขึ้นรถของตัวเองหลังจากล่ำลากับพี่สาวเรียบร้อย จุนฮยองเอนหลังพิงกับเบาะรถอย่างอ่อนใจ ในหัวมีเรื่องมากมายที่กำลังปนเปกันไปหมด ภาพที่เขาถูกกอดรัดด้วยอ้อมแขนแกร่ง ภาพของเขาขณะถูกรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย ความรู้สึกทุกอย่างยังคงชัดเจนแจ่มชัดในสมอง



    เสียงเคาะที่บานกระจกรถดังขึ้นขณะที่เขายังคิดหาทางไปไม่ได้สักอย่าง คนหน้าขาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นผู้...เอ่อ..น่าจะเป็นผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่งภายใต้แว่นสีดำราคาแพงลิ่ว ยืนยกยิ้มน้อยๆ ให้ จุนฮยองลดกระจกลงอย่างฉงน ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแนะนำตัว




    “ผมเป็นโปรดิวเซอร์ของคุณเลยแวะมาทำความรู้จัก”พูดแค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินไป 


    “เดี๋ยวสิครับ คุณชื่ออะไร”ร้องเรียกเอาไว้ คนที่ว่าหันมามองแล้วยิ้มให้อีกครั้ง


    “จางฮยอนซึง โปรดวเซอร์และผู้ถือหุ้น อ้อ...แล้วก็เพื่อนสนิทของยุนดูจุน ผู้ชายของคุณด้วย”












    ดงอุนนั่งพิมพ์รายงานอยู่ที่หน้าบ้านมองร่างที่ดูเหม่อลอยของพี่ชายคนโตที่กำลังก้าวเท้าช้าๆ เดินผ่านหลังตัวเองแล้วได้แต่ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย 




    “พี่ไหวไหม”พอเห็นว่าเท้านั้นกำลังจะสะดุดเข้ากับธรณีประตูบ้านก็เลยเรียกไว้ จุนฮยองหันมามองคนถามช้าๆ แล้วยิ้มให้ 


    “เราเข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันหนาว”บอกแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน ดงอุนเบ้ปากใส่แล้วหันกลับมาอมยิ้มน้อยๆ ที่ถูกคนเป็นพี่เรียกให้เข้าไปในบ้าน เด็กตัวสูงรวบเอาแม็คบุคเครื่องบางมาไวในมือแล้วตามเข้าไป




    จุนฮยองหย่อนตัวลงที่โซฟาข้างนาอึลที่กำลังดูฮาวทูเมคอัพอยู่ในโทรศัพท์มือถือ เด็กสาววัยมัธยมเงยหน้ามามองพี่ชายแล้วถาม


    “พี่ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น”เขาอาจจะทำให้คนที่บ้านห่วงใยแต่นาทีนั้นไม่สามารถจะปรับสีหน้าหรือแววตาให้กลับมาปกติได้เลยจริงๆ จุนฮยองยิ้มแล้วสั่นศีรษะ ในหัวเขามีเรื่องราวเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง....ความสัมพันธ์ที่ไร้ความรัก หรือไม่แม้แต่จะรู้จักกันเป็นที่รับรู้ของคนอื่นๆ 






    ยงจุนฮยองต้องทำยังไง ....มืดไปหมดเสียทุกทาง






    “เครียดอะไรก็โทรไปหาพี่โยซอบสิ รายนั้นอยากจะคุยกับพี่ตัวสั่น”ดงอุนพูดจบก็เดินเข้าห้อง จุนฮยองมองแผ่นหลังนั้นแล้วได้แต่ต่อว่าน้องเพียงในใจ เขาไม่รู้หรอกว่าพอไปทำงานที่นั่นดงอุนจะปากร้ายกับโยซอบแบบที่เขาเห็นหรือเปล่า แต่ต่อหน้าเขา น้องชายคนรองของบ้านไม่ได้ทำตัวให้น่ามารักเลยสักนิดเดียว









    _____BLACK PARADISE______










    ดูจุนวางแผนงานลงบนโต๊ะพร้อมด้วยรอยยิ้มแบบที่ชอบทำ เก้าอี้ตรงข้ามกับเขามีร่างผอมบางของเพื่อนซี้ที่รู้ดี รู้ใจ แล้วก็รู้ไปเสียทุกเรื่องนั่งอยู่ รายนั้นทำเพียงเอนหลังนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟสบายอารมณ์ 




    “แล้วไม่เจื่อนไปเลยหรอ”ถามเสียงเรียบ ฮยอนซึงยิ้มน้อยๆ แล้ววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ


    “ไม่รู้สิ แต่คงสติหลุดไปเหมือนกัน”แน่นอนว่าพวกเขากำลังพูดถึงศิลปินเบอร์แรกที่ดูจุนได้เข้ามานั่งเก้าอี้บริหาร และกำลังพูดถึงเรื่องระหว่างดูจุนกับคนคนนั้น มันไม่แปลกอะไรเลยที่คนที่รับรู้จะมีจางฮยอนซึงอีกคนเพราะตอนนั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ ไม่สิเรียกว่าอยู่จนก่อนจะเกิดเหตุการณ์มากกว่า


    “มึงว่ากูควรจะทำยังไงต่อดี”ดูจุนปรึกษา คนหน้าสวยมองแล้วแสยะยิ้ม


    “มึงอยากจะให้เป็นยังไงล่ะ แต่ดูแล้วเหมือนมึงจะติดใจอยู่นี่ อยากสานต่อ?”ถามเรียบๆ แต่แววตากลับแฝงด้วยความร้ายกาจ ดูจุนนิ่งไปครู่นึงเหมือนทบทวนความรู้สึกตัวเอง


    “ก็คงแบบนั้น”ตอบสั้นๆ แต่เรียกเสียงหัวเราะในลำคอของเพื่อนได้ 


    “ก็ถ้าอยากสานต่อก็เอาสิ ลู่ทางมึงหาได้อยู่แล้วล่ะยุนดูจุน”พูดจบก็จะลุกออกไป พอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นฮยอนซึงเลยชะงักขาไปนิด


    “ขออนุญาตครับ”เสียงใสร้องมาจากทางหน้าประตู ผู้บริหารใหญ่ร้องว่าอนุญาตก่อนที่บานประตูจะถูกผลักเข้ามาโดยคนตัวเล็กที่สวมเสื้อกล้ามสีดำลายกราฟฟิคสีสดใส ท่อนแขนที่โผล่พ้นเสื้อทำให้รู้ว่าคนที่ว่าดูแลตัวเองดีมากเพียงใด 


    “อ้าว มาพอดี...ฮยอนซึง นี่น้องกีกวังเป็นเทรนเนอร์เรื่องเต้นให้กับศิลปินใหม่ของเรา กีกวังนี่ฮยอนซึงโปรดิวเซอร์”คนหน้าตาน่ารักยิ้มหวานอย่างใสซื่อ ฮยอนซึงยืนมองนิ่ง


    “สวัสดีครับคุณฮยอนซึง ยินดีที่ได้รู้จักและจะได้ร่วมงานกันครับ”คนตัวเล็กตาสวยเอ่ยบอก ฮยอนซึงรู้สึกไม่สบอารมณ์เลยสักนิดที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้ 


    “ครับ...กีกวัง”ตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินจากไป กีกวังมองตามแผ่นหลังนั้นแล้วหันกลับมายิ้มให้ดูจุนที่รอเขาอยู่ คนตัวเล็กขยับกายเบียดไปที่เก้าอี้ตัวเดียวกับผู้บริหารหนุ่ม ดูจุนสอดแขนมาที่เอวของรุ่นน้อง 


    “เดินดูจนทั่วแล้วหรอ”เอ่ยถามอย่างสนิทสนมตามประสาคนคุ้นเคย กีกวังหัวเราะแล้วพยักหน้า


    “น่าสนุกมากเลย ขอบคุณมากเลยนะครับที่ไว้ใจผม”คล้องแขนไปที่รอบคออีกฝ่าย ดูจุนจับมือของคนเป็นน้องมาจูบเบาๆ ก่อนตอบ


    “สำหรับหลานชายคนโปรดของคุณแม่พี่ให้น้อยกว่านี้ได้ยังไง”ว่าถึงบุพการีของตัวเองที่มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของกีกวัง 


    “อย่าเรียกแบบนี้สิครับ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นน้องชายของพี่ ไม่เลยสักคนเดียว”จ้องลึกในดวงตาของคนเป็นพี่ ดูจุนมองดวงตาใสที่ไม่ได้ซื่อสมกับใบหน้าแล้วยิ้มกว้าง เขาไม่รู้หรอกว่าน้องชายตัวเล็กนี่จะทำอะไร เพียงแต่ขอมายุนดูจุนก็พร้อมจะให้


    “ได้สิ ได้อยู่แล้วครับคนดีของพี่”ยื่นหน้าคมไปจะหอมแก้มน้องชายอย่างนึกเอ็นดู พอดีกับที่ประตูห้องถูกผลักเข้ามาโดยคนที่เพิ่งจะออกไป ฮยอนซึงชะงักไปนิด กีกวังรีบเด้งตัวมายืนข้างๆ แล้วทำท่าไม่รู้ไม่ชี้


    “คะ...คือกูจะมาบอกว่า กูจะไปลองเครื่องที่ห้องอัด แต่กูไม่รู้ว่าใช้ห้องไหนได้”ดวงตาสวยมองเลิ่กลั่ก ดูจุนไม่ได้สังเกตเห็นอะไร ทำเพียงหันไปมองน้องชายของตัวเองก่อนจะเอ่ยบอกเพื่อน


    “กีกวังรู้นี่ พาพี่เขาไปหน่อยสิครับคนเก่ง”ดูจุนเผลอปากพูดอย่างคุ้นเคย และดูเหมือนกีกวังจะไม่ได้ว่าอะไร คนตัวเล็กพยักหน้ารับแล้วเดินไปหาคนหน้าสวยที่กำลังมองตัวเองอยู่


    “ไปกันครับ”บอกเสียงใส ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาขณะเดินผ่านไหล่กว้างของฝ่ายนั้น


    “ฮยอนซึงของผม....”














    ดูจุนมองโปรไฟล์ของนักร้องหน้าใสที่เขากำลังจะปั้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ดวงตาคมจำได้ดีว่าเมื่อเห็นรูปคนคนนี้ครั้งแรกเขารู้สึกยังไง....และเมื่อเห็นตัวจริงตอนนั้นเลยไม่รอที่จะเข้าไปหา แต่วิธีการมันอาจจะไม่ปกติเท่าไรนัก





    ‘ก็ลงจากรถ ฉุด ปล้ำ ปล่อยกลับบ้าน’





    ลีมูซีนคันเดิมขับไปตามทางที่เขาผ่านทุกวัน ดูจุนมองเบาะที่ตัวเองกำลังนั่งแล้วทำได้เพียงยกยิ้มเมื่อนึกถึงภาพของคนตัวขาว เสียงหอบกระชั้น เสียงครางหวานยังคงดังแว่วในหู ดวงตาใสปรอยมองเขาช่างน่าลุ่มหลงเสียยิ่งกว่าเก่า ...






    ....ยุนดูจุนอยากจะสัมผัสซ้ำเป็นบ้า....







    “เจ้านายจะกลับบ้านเลยไหมครับ”คนรถคนสนิทหันมาถามเสียงนุ่ม ดูจุนมองออกไปนอกหน้าต่างรถเห็นว่าพระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะตก 


    “นายคิดว่าฉันควรจะไปที่ไหนก่อนกลับไหมล่ะ”ถามกลับเพราะตัวเขาเองก็ยังไม่อยากจะเข้าบ้าน ชายวัยกลางคนยิ้มให้อย่างใจดี


    “ถ้าให้เดา ผมว่าคงต้องที่นี่ล่ะมั๊งครับ”รถหรูเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ที่เป็นทางผ่านกลับบ้าน ใบหน้าคมยกยิ้มกว้างเพราะจดจำได้ดี









    ประตูรั้วสีเขียวถูกปิดอย่างเบามือ จุนฮยองถอนหายใจคิดไม่ตกว่าต่อไปจะได้เจอกับอะไร จะว่าเขากำลังกลัวที่จริงก็ไม่ใช่ 




    “ถ้าเครียดมาก ก็ไประบายกับเพื่อนสนิทพี่สิ”ความหวังดีของดงอุนมักถูกเคลือบด้วยถ้อยคำร้ายๆ เสมอ จุนฮยองมองหน้าน้องชายที่คาบมวนบุหรี่แล้วสวนกลับ


    “เรื่องของฉัน สูบเสร็จก็รีบๆ กลับเข้าบ้านล่ะ”ไม่อยากทะเลาะด้วยเพราะแค่นี้เขาก็มีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด จุนฮยองทำท่าจะเดินเข้าบ้าน พอดีที่หางตาเหลือบไปเห็นลีมูซีสีดำสนิทมันขลับขับเข้ามากำลังจะผ่านหน้าบ้าน คนตัวเล็กกว่าน้องรีบหมุนตัวจะเดินหนีเข้าบ้านให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนยิ่งรีบจะยิ่งทำให้ยิ่งช้า มือขาขาวที่สวมเพียงถุงเท้าบางๆ ถูกซี่ไม้เกี่ยวเอาไว้ขาเลยขัดกันพาลจะล้มลง ดงอุนโยนบุหรี่ทิ้งคว้าแขนพี่ชายเอาไว้ก่อนจะดึงไม่ให้ล้มได้ แขนล่ำกระแทกกับอกของคนเป็นน้องก่อนจะพากันเซแท่ดๆ ไปชนกับรั้วบ้านเสียงดังประมาณนึง ดงอุนคลำเอวตัวเองป้อยเพราะแรงชนทั้งหมดตกระทบที่เขา ทั้งรั้วที่สูงแค่เอวแล้วก็ตัวของพี่ชายที่ล้มมาเต็มที่


    “พี่อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย หนักชะมัด”บ่นแต่มือใหญ่ของน้องคนกลางก็ยังคงจับพี่ชายเอาไว้แน่น จุนฮยองที่ร้องอูยเพราะถูกซี่ไม้แหลมพอประมาณทิ่มเข้าไปในเนื้อเท้าจนได้แผลแถมทำน้องเจ็บตัวก็พยายามจะลุกจากอกของดงอุนให้ได้สักที


    “เป็นอะไรไหม พี่ขอโทษ”ถึงจะเจ็บแต่ถ้าเทียบจุนฮยองก็รู้ว่าดงอุนคงจะเจ็บมากกว่าเขา คนเป็นน้องสั่นหัวแต่ก็ยังนิ่วหน้า 


    “พี่แค่กินน้อยๆ แล้วก็ออกกำลังกายมั่งก็ดี นี่ถ้าหนักกว่านี้อีกสักสามโลผมคงซี่โครงหักเพราะหมูทับ”ปากร้ายตามสไตล์ดงอุน จุนฮยองเง้อมือจะทุบน้องชาย ดวงตาใสก็พอดีเห็นว่าชายหนุ่มใบหน้าคมคายมองมาที่เขา แววตานั้นมองมาเหมือนไม่พอใจก่อนจะปิดกระจกพร้อมๆ กับที่รถแล่นออกไป






    ดงอุนเห็นว่าพี่ชายนิ่งไปเลยมองตาสายตานั้น เขาเห็นเพียงไฟรถที่แล่นไปแล้ว พอจะหันมาจับสังเกตอิลฮุนกับนาอึนก็วิ่งออกมาดูพวกเขาแล้ว...แต่ถ้ามองเห็นไม่ผิด เขาเห็นแววตาตระหนกของพี่ชาย





    แววตาที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักของยงจุนฮยอง....





    “พี่ดงอุนเป็นอะไรไหม”น้องสาวคนเดียวของบ้ายเอ่ยถามอย่างห่วงใย ดงอุนส่ายหัวตีหน้านิ่งมองพี่ชายของตัวเองอย่างสังเกต จุนฮยองก้มหน้ามองเพียงแต่เท้าตัวเองโดยมีอิลฮุนกำลังถามไถ่อาการอยู่


    “พี่จุนฮยอง นั่นรถใคร”โพล่งออกไปตรงๆ และดูเหมือนจะทำให้คนที่ถูกเขาถามตกใจได้ไม่น้อย อิลฮุนกับนาอึนมองหน้ากันเพราะรู้ดีว่าน้ำเสียงของดงอุนตอนนี้ไม่ใช่น้ำเสียงที่เห็นปกติ จุนฮยองมองน้องชาย พยายามจะปรับสีหน้าให้ดูไม่แปลกไปจากเดิม


    “พูดอะไรของนาย”ทำนิ่งไม่เข้าใจน้องทั้งที่จริงกำลังกลัวว่าจะถูกจับได้ ดงอุนขยับเดินเข้าไปใกล้ จ้องลึกในดวงตาที่มองก็รู้ว่ามีอะไรกำลังปิดบังอยู่


    “เพราะรถนั่นพี่ถึงได้รีบร้อนแบบนั้น ผมอาจจะเจ็บตัวเพราะมันผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้รู้ว่าคนในรถนั่นเป็นใคร”ไม่เลย มันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ดงอุนอยากจะรู้ เขาเพียงแต่เป็นห่วงว่าจะเกี่ยวกับท่าทางแปลกๆ ที่เห็นมาทั้งวันนี้ 


    “นายไม่จำเป็นต้องรู้ มันเป็นเรื่องของพี่ นายมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่ามาอยากรู้เรื่องคนอื่นให้มันมากนักดงอุน”จุนฮยองไม่ได้อยากพูดแบบนี้แต่มันคงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ไม่ต้องตอบความจริง คนเป็นน้องกำมือแน่น ความโกรธที่ถูกว่ากลับมาและมีมากพอเมื่อรวมกับความเป็นห่วงอันเก่า


    “ได้.... ถ้าอย่างนั้นพี่จะเป็นจะตายหรือผมจะเป็นจะตายเราก็ไม่ต้องมายุ่งกัน!”ขายาวเดินเข้าบ้านไปแล้วก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูห้องโครมใหญ่ จุนฮยองยืนนิ่งเพราะรู้ดีว่าคนที่ผิดคือตัวเอง อิลฮุนเดินมาจับแขนของเขาไว้และนาอึลกำลังร้องไห้


    “อิลฮุน นาอึลไปอาบน้ำนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”บอกน้องสองคนเสียงนุ่ม อิลฮุนบีบแขนเขาบาๆ ก่อนจะหันไปดึงแขนนาอึลให้เข้าไปข้างในด้วยกัน


    “พวกผมรู้ดีว่าพี่มีอะไรในใจ พี่ดงอุนเขาแค่เป็นห่วงพี่แค่นั้น ...ผมว่าครั้งนี้พี่พูดแรงไปจริงๆ”ร่างโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น ในใจได้แต่ตอบน้องคนเล็กของบ้านไปว่าเขารู้ดีว่ามันรุนแรงเกินไป







    ....แต่มันคงจะดีถ้าน้องของเขาไม่ต้องมารับรู้ว่าเขาได้เจอกับอะไร.....








    “พี่ขอโทษ...ดงอุน











    2 BE CON"


    taLk* นี่แต่งยากนะพอจะใส่อะไรลงไปก็กลัวจะแบไต๋ออกมาหมด ฮ่าๆ 
    ต่อไปคงพอจะเดาเรื่องกันได้มั๊ง แต่ขอบอกเลยว่าอย่ามั่นใจ อิอิ 
    ระหว่างสองคนจะเกิดอะไรบ้าง คนที่ร้ายในเรื่องมันร้ายหลายแบบ และทุกคนในเรื่องร้ายหมด
    ยงยงอ้อวนจะไม่ได้ถูกกระทำคนเดียวนะ นางสู้คนค่ะ #ต้องรออ่านต่อไปนะเธอววว


    ปล. ขอบคูณที่รักทูจุนค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×