คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
หวงจื่อเสียนั่งในห้องทำงานอย่างครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก
ปิปิตงนั่งอยู่ข้างๆมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
เด็กสาวอายุราว 7-8 ขวบปีนั่งอยู่ตรงหน้าของพวกนางหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตาสีฟ้าหม่น เส้นผมสีน้ำเงิน ขนาดตัวสูงแค่ช่วงเอวของพวกนางทำให้เด็กคนนี้ดูน่าทะนุถนอม
ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นสัตว์วิญญาณแสนปีที่เพิ่งจำแลงกายเป็นมนุษย์
อ่าใช่ พวกเจ้าอ่านกันไม่ผิดหรอก
เด็กตรงหน้าเป็นสัตว์วิญญาณจริงๆ
พวกเจ้ายังจำ "หวงเสี่ยวอิ๋น" ได้รึไม่?
สัตว์วิญญาณประเภทพืช หญ้าเงินคราม ที่นางเป็นคนนำมาเป็นของฝากให้จื่อเสีย
นางจำได้ว่ามันผ่านไปแค่ปีเดียวที่นางนำมันออกมาจากป่า นึกไม่ถึงว่ามันจะอายุครบแสนปีเมื่อไม่กี่วันก่อน
ออร่าสัตว์วิญญาณระดับแสนปีที่ปกคลุมไปทั่วสำนักวิญญาณยุทธทำเอาวุ่นวายกันไปหมด
ตอนแกนางตั้งใจว่าจะส่งสัตว์วิญญาณตนนี้ให้ท่านอาจารย์จัดการต่อแต่ไม่นึกว่าจื่อเสียจะเอ่ยปากขอร้องนางว่าต้องการเลี้ยงมันเอาไว้
นางปฏิเสธจื่อเสียไม่ลงจึงจำใจต้องปล่อยไปเลยตามเลย
ต้องรู้ก่อนว่า จื่อเสียแทบจะไม่เคยเอ่ยขออะไรกับนางเลยสักครั้ง
เมื่อจื่อเสียเอ่ยปากขอร้องนางจึงได้แต่ตอบตกลง
โชคดีที่คฤหาสน์หลังนี้ ไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าแม้แต่ท่านอาจารย์ของนางเองก็ยังต้องรอจื่อเสียยินยอมก่อนถึงจะเข้ามาได้
ทำให้เจ้าตัวน้อยตรงหน้านางรอดตัวไป
ท้ายที่สุดนางกับจื่อเสียต้องสร้างข้อมูลเท็จขึ้นมาเพื่อหลอกคนอื่น
ว่าเกิดการผิดพลาดตอนที่จื่อเสียดูดซับกระดูกวิญญาณ
แน่นอนว่ามีคนเชื่อด้วยฐานะของนางและจื่อเสียต่อให้พวกเขาไม่เชื่อแต่ก็ไม่มีหลักฐานที่บอกว่าพวกนางโกหกและต่อให้มีหลักฐานขึ้นมาจริงๆก็ไม่มีใครทำอะไรพวกนางได้อยู่ดี
อย่างมากก็อาจแค่บอกว่าพวกนางรำคาญพวกที่มาทำเสียงดังขณะที่พวกนางทำงานก็เท่านั้นหรือไม่ก็อาจบอกว่าเกิดผิดพลาดขณะทดลองงานวิจัยแค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าบ่นแล้ว
"แล้วจะเอายังไงต่อ?"ปี่ปิตงถามขึ้น
หวงจื่อเสียส่ายหน้าอย่างจนใจ
ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรต่อไปดี
ตอนนี้ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติแล้ว นางก็ไปติดตั้งค่ายกลปิดกันไว้รอบคฤหาสน์แต่มันก็มีบางครั้งที่องค์สังฆราชขอมาเยี่ยมถึงคฤหาสน์จะให้ปฏิเสธตลอดไปก็ไม่ได้แถมยังมีอีกหลายคนที่จำเป็นที่เข้าออกคฤหาสน์เพื่อนำงานเอกสารบางอย่างมาส่งให้นางและปี่ปิตง
นั่นทำให้ยิ่งเป็นไปไม่ได้และไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยถ้าจะซ่อนเสี่ยวอิ๋นไว้ไม่ให้ใครเห็น
หากเป็นจักรวรรดิเทียนโต่วหรือจักรวรรดิซิงหลัวอาจเป็นไปได้ที่จะซ่อนตัวเด็กคนนี้จากสายตาของเหล่าวิญญาจารย์โดยเฉพาะที่ซิงหลัวที่ไม่มีราชธินนามพรมยุทธแม้แต่คนเดียวแต่ที่ๆนางอยู่คือ เมืองวิญญาณยุทธ เป็นที่ตั้งของหอสังฆราชและหอบูชาพรมยุทธ
ที่นี่ถือเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในดินแดนโตวหลัว
เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามหาเหล่าวิญญาจารย์ธรรมดาเนื่องด้วยมีอยู่ทั่วเมือง
ราชธินนามพรมยุทธก็มีมากกว่า 20 คนไม่ต้องพูดถึงการออกไปเพราะมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดจาการบุกของสัตว์วิญญาณหรือวิญญาจารย์ชั่วร้าย
“อาจจะต้องหาสถานะปลอมๆให้เสี่ยวอิ๋นแต่ก็ไม่รู้จะให้สถานะไหนแถมข้าไม่รู้ขั้นตอนพวกนี้”
ปี่ปิตงถอนหายใจ “ปัญหาจริงๆคือใครจะให้สถานะกับนางต่างหากเสียเอ๋อและอีกอย่างถ้าเรามอบเสี่ยวอิ๋นสถานะให้เสี่ยวอิ๋นนั่นหมายความว่านางไม่สามารถอยู่กับพวกเราได้นะ”
ต้องไม่ลืมว่านางกับจื่อเสียเป็นใคร
คนนึงคือ ธิดาเทพ ว่าที่องค์สังฆราชในอนาคต อีกคนคือ นักปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งสำนักวิญญาณยุทธ
ทั้งสองคนล้วนเป็นบุคคลสำคัญของสำนักวิญญาณยุทธและที่ๆพวกนางอยู่คือ คฤหาสน์ของนักปราชญ์ของนักปราชญ์อันดับหนึ่ง การเข้าออกที่นี่แม้จะถูกอนุญาติโดยพวกนางแต่ทางสำนักวิญญาณยุทธก็ต้องกรองคนไว้เช่นกันเพราะฉะนั้นการที่มีการพบตัวของเสี่ยวอิ๋นในร่างมนุษย์ต่อให้พวกนางสามารถปกปิดออร่าสัตว์วิญญาณของเด็กคนนี้ได้แต่นางจะถูกบังคับให้ออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้อย่างแน่นอนและนางเชื่อว่าจื่อเสียคงไม่ยินยอมที่จะแยกกับเสี่ยวอิ๋น ตัวนางเองก็รู้สึกเป็นห่วงนิดๆต้องรู้ด้วยว่าเสี่ยวอิ๋นนิสัยไม่ได้ต่างจากจื่อเสียเลย เว้นแค่เรื่องความฉลาดเอาไว้นะ
นั่นทำให้นางรู้สึกจนปัญญา นางต้องยอมรับว่านางก็รู้สึกผูกพันกับเสี่ยวอิ๋นไม่น้อยและด้วยนิสัยที่ไม่ต่างกับจื่อเสียนางก็ไม่วางใจถ้าหากจะปล่อยให้เสี่ยวอิ๋นไปอยู่กับคนอื่น
( จบตอน )
ความคิดเห็น