คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7
5 ปีต่อมา
ร่างหญิงสาวนั่งหลับตาอยู่ภายในกรงขังหนามขนาดใหญ่ ออร่าสีแดงเปล่งประกายเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า นางดูดซับวงแหวนวิญญาณระดับแสนปี! นางนั่งอยู่ตรงนี้เกือบสามเดือนแล้ว
รอบๆมีทหารใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬมีดอกกุหลาบสีแดงที่อกข้างซ้ายหลายร้อยคนคอยดูและระวังภัยให้หญิงสาวที่อยู่ในกรงขังหนาม
“ระวัง! ยุพาชมพูมาทางนี้”
“คุมกัน ท่านนักปราชญ์!”
ยุพาชมพูหลายสิบตัวทุกตัวเป็นระดับพันปีขึ้นไปทั้งสิ้น หมอกสีชมพูเริ่มปกคลุม
“อย่าให้หมอกนี่เข้าใกล้ท่านนักปราชญ์ได้!”
เหล่าทหารทำงานกันเป็นทีมช่วยกันต้านกองทัพยุพาชมพู
ทักษะวิญญาณที่ 6 หนามแมงมุมดูดเลือด!
ตู้ม!! ตู้ม! โฮกกกก!
หนามแมงมุมหลายจำนวนมากพุงใส่เหล่ายุพาชมพูราวห่าฝน
เหล่ายุพาชมพูจำนวนมากล้มตายจนพวกมันต้องล่าถอย
“คารวะ ธิดาเทพ!”เหล่าทหารหันไปทำคุกเข่าความเคารพผู้เป็นเจ้าของทักษะวิญญาณเมื่อครู่
หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงาม เส้นผมสีชมพูดวงตาเรียวสีทับทิมมองเหล่าทหารเกราะทมิฬด้วยความพอใจ
ใช่ นางคือ ธิดาเทพแห่งสำนักวิญญาณยุทธ ปี่ปิตง!
“ไม่เลวสำหรับการต่อสู้จริงครั้งแรกของพวกเจ้า แม้จะผิดพลาดและมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่าง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะหาจุดผิดพลาดของตัวเองและปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ให้เสียชื่อของกองอัศวินกุหลาบโลหิต”
เหล่าทหารดวงตาเป็นประกายดีใจกันแต่ก็ต้องเก็บอาการกันเอาไว้
กองอัศวินกุหลาบโลหิตในเมืองวิญญาณยุทธเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นกองกำลังส่วนตัวของนักปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งสำนักวิญญาณยุทธที่องค์สังฆราชมอบให้
เนื่องจากความดีความชอบที่คิดค้นโอสถเพิ่มพลังวิญญาณที่ช่วยในการเพิ่มเลื่อนระดับพลังวิญญาณและโอสถฟื้นฟูพลังวิญญาณที่ช่วยในการรักษาและฟื้นฟูพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว
แต่มันก็มีอีกเหตุผลที่มอบเป็นกองกำลังส่วนตัว
เนื่องจาก นักปราชญ์คนนี้เป็นคนที่หวงความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก ถ้าไม่จำเป็นก็แทบไม่เคยให้ใครมายุ่งกับชีวิตส่วนตัวเลยสักครา
เว้นแค่ธิดาเทพที่เป็นสหายคนเดียวเท่านั้นที่เข้าไปวุ่นกับชีวิตเจ้าตัวแล้วไม่โดนเทศนา
พอเดากันได้ใช่ไหม?
ใช่! นักปราชญ์คนนี้ก็ คือ หวงจื่อเสีย
ห้าปีก่อน หวงจื่อเสียเข้าร่วมกับสำนักวิญญาณยุทธในฐานะผู้ติดตามคนสนิทของธิดาเทพ
สี่ปีก่อน นางใช้ความรู้ที่มีในการใช้สมุนไพรในการสกัดและหลอมสร้างยาตัวใหม่ๆแล้วเรียกมันว่า ‘โอสถ’
จนได้รับกองกำลังจำนวนสามร้อยคนไว้คุ้มกันตัวเอง แน่นอนว่าจื่อเสียยืนเถียงกับองค์สังฆราชไปหลายวัน
ต้องรู้ก่อนว่าหวงจื่อเสียเป็นคนที่ไม่ค่อยขึ้นเสียงหรือเถียงกับใครสักเท่าไหร่
แต่สุดท้ายก็ต้องรับมาเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
จื่อเสียไปคุยกับปี่ปิตงให้ช่วยควบคุมกำลังในฐานะผู้บัญชาการ ส่วนจื่อเสียจะออกแบบและวางแผนในการฝึกให้ เพราะกลัวว่านิสัยใจดี ใจอ่อนของตัวเองเป็นปัญหากับการที่จะเป็นคนที่บัญชาการ
ปี่ปิตงก็ไม่ว่าและตอบรับคำขอเพราะรู้นิสัยสหายของตนดี
หากให้จื่อเสียเป็นคุมก็คงไม่ไหวมีแววว่าจะมีทหารโดดฝึกมากกว่าครึ่ง
ด้วยการร่วมมือของทั้งสองคน ในปีต่อมากองอัศวินกุหลาบโลหิตกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือกว่ากองกำลังทูตสวรรค์ซะอีก
ทำให้องค์สังฆราชเพิ่มจำนวนคนให้กองกำลังในทุกๆปี ทำเอาหวงจื่อเสียและปี่ปิตงต้องปวดหัวกับการจัดการกองอัศวินจนไม่เป็นอันฝึกไปเกือบสองเดือนในทุกปี
จนปัจจุบันกองอัศวินกุหลาบโลหิตมีจำนวนกว่า 5,000 คน ความจริงมันควรมีมากกว่าหนึ่งหมื่น
หากไม่ใช่เพราะหวงจื่อเสียและปี่ปิตงวิ่งไปประท้วงถึงห้องบัลลังก์ขององค์สังฆราช
ทหารร้อยกว่าคนตรงหน้าปี่ปิตงคือ จำนวน 1 ใน 4 ของทหารใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าเมื่อครึ่งปีก่อน
ปัง!
เสียงระเบิดพลังวิญญาณสีแดงเข้มกระจายไปทั่วทำให้เกิดกระแสลมเชี่ยวกราด ทหารหลายร้อยนายกระเด็นไปคนละทิศละทาง
มีเพียงปี่ปิตงที่ยังคงอยู่ที่เดิม นางเรียกกระดูกวิญญาณภายนอกขาแมงมุมสีดำข้อต่อสีทองออกมาใช้ยึดตัวนางให้อยู่กับที่ไม่ให้นางกระเด็นอย่างคนอื่น
กระแสลมสงบลงนางมองไปที่กรงขังหนามเริ่มคลายออกเผยให้เห็นบุคคลที่อยู่ด้านใน
หญิงสาวผู้ครอบครองใบหน้างดงาม เส้นผมสีดำขยับเพียงเล็กน้อยมันไม่ได้รับผลกระทบกับกระลมก่อนหน้านี้
ดวงตาของหญิงสาวค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นนัยตาสีฟ้าใส
หญิงสาวคนนี้ คือ หวงจื่อเสีย!
“เป็นยังไงบ้าง?”ปี่ปิตงยิ้มทักทายสหายที่ไม่ได้พูดกันถึง 3 เดือนเต็ม
หวงจื่อเสียยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตงเอ๋อ ลำบากเจ้าแล้ว”
“อย่าเพ้อเจ้อน่า ข้าลำบากแค่ขยับปากสั่งงานเจ้าพวกหน้าใหม่ก็เท่านั้น”ปี่ปิตงกล่าวพลางชี้ไปที่กองทหารชุดเกราะทมิฬที่รีบวิ่งกลับมายืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
หวงจื่อเสียหัวเราะ “คิดถูกจริงๆที่ให้เจ้าบัญชาการ ไม่งั้นข้าทำเองคงไม่มีทางได้แบบนี้”
ปี่ปิตงยิ้มเดินนำจื่อเสียไปที่รถม้าที่จอดรออยู่ พวกนางออกมานานเกินไปถึงเวลาต้องกลับบ้านซักที
รถม้าออกตัวจากป่าล่าวิญญาณตรงกลับสำนักวิญญาณยุทธ เนื่องจากบุคคลที่นั่งอยู่บนรถม้าทั้งสองจำต้องกลับไปจัดการงานของตนต่อ
รถม้าหยุดที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้หอสังฆราช ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของจื่อเสียหลังรับตำแหน่งนักปราชญ์
นี่ต้องยกความดีความชอบให้ปี่ปิตง ที่วิ่งไปคุยเรื่องนิสัยรักพื้นที่ส่วนตัวของนางกับองค์สังฆราช
นับว่าเป็นสิทธิพิเศษของคนสนิทของธิดาเทพได้ล่ะนะ
แน่นอนว่าทำให้หลายคนไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นขององค์สังฆราช
ตัวองค์สังฆราชก็ทำเป็นไม่เห็นการท้วง เห็นได้ชัดว่าเข้าข้างให้ท้ายปี่ปิตงกับหวงจื่อเสียอย่างเต็มที่
สุดท้ายในเวลาไม่กี่เดือนหวงจื่อเสียก็สร้างผลงานมากมาย ทำให้พวกที่ประท้วงนั้นต้องเงียบปากแล้วกลับไปทำงานของตนโดยไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกเลย
หวงจื่อเสียและปี่ปิตงเข้ามาในห้องทำงาน
หญ้าสีฟ้าครามพุ่งเข้ามารัดข้อมือของทั้งสองทำเอาหวงจื่อเสียหัวเราะ
“พวกเรากลับมาแล้ว เสี่ยวอิ๋น”
ปี่ปิตงมองหญ้าที่รัดข้อมือตนอยู่ก็ทำหน้าเบื่อๆ “ข้าต้องทำงานปล่อยได้แล้ว”
ปี่ปิตงมองไปที่หญ้าเงินครามที่เติบโตจนสูงกว่าปกติ ปลูกอยู่ในกระถางขนาดใหญ่ใกล้หน้าต่าง
ครั้งที่นางไปล่าวงแหวนวิญญาณ เมื่อครึ่งปีก่อนไปเจอมันระหว่างทางกลับจากป่าล่าวิญญาณ
เห็นมันแปลกดีจึงเก็บมาเป็นของฝากให้จื่อเสียเพราะเจ้าตัวชอบพวกศึกษาพืชสมุนไพรอยู่แล้ว
ใครจะไปนึกว่าสิ่งที่นางเก็บมาจะเป็นสัตว์วิญญาณประเภทพืชอายุหมื่นปีและใครจะไปคิดว่าจื่อเสียจะชื่นชอบเจ้านี่จนขอนางเลี้ยงไว้แบบไม่บอกใคร
แถมตั้งชื่อให้ซะดิบดีว่า “หวงเสี่ยวอิ๋น”
ประเด็นคือ จื่อเสียคุยกับมันได้และคุยจนบางครั้งเมินนางก็มี
เมื่อนางเห็นจื่อเสียกำลังจะเดินเข้าไปเล่นกับหญ้าเงินครามทำนางต้องไปดึงหูเจ้าตัวดีให้หันกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วไม่วายหันไปดุเสี่ยวอิ๋นให้อยู่เฉยๆระหว่างที่พวกนางทำงาน
‘อย่าหวังว่าวันนี้ข้าจะยอมนั่งจัดการเอกสารคนเดียว’
เมื่อเห็นกองเอกสารที่ล้นโต๊ะทำงานทำเอาทั้งสองต้องหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
แต่ก็ต้องจำใจเข้าไปจัดการกองเอกสารทั้งหมด
“เอกสารพวกนี้จะเยอะเกินไปแล้ว...นี่ข้าใช้เวลาดูดซับวงแหวนแค่ 3 เดือนแน่หรอ? ตงเอ๋อ เจ้าแน่ใจนะว่าข้าใช้เวลา 3 เดือนไม่ใช่ครึ่งปี?”หวงจื่อเสียนั่งอ่านเอกสารทีละอย่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่ตัวนางใช้เวลาครึ่งปีในการดูดซับวงแหวนรึเปล่า?
เอกสารเหล่านี้มันดูเยอะกว่าปกติมาก
ปี่ปิตงขมวดคิ้วขณะอ่านเอกสาร “เสียเอ๋อ ข้าเองก็สงสัยไม่ต่างจากเจ้าหรอก”
“นี่คงไม่ใช่องค์สังฆราชโยนงานเอกสารมาให้เราอีกใช่ไหม?”หวงจื่อเสียกล่าวหยอกเล่นๆ
ปี่ปิตงหัวเราะก่อนจะก้มหน้าทำงานในส่วนของตนต่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ท่านอาจารย์ ธิดาเทพมีโองการจากองค์สังฆราชถึงพวกท่าน”
หวงจื่อเสียหันไปมองปี่ปิตงก็เห็นสหายของตนเหมือนจะงงเช่นกัน “เข้ามา”
หญิงสาวในชุดอัศวินทมิฬผมสั้นสีทองดวงตาสีเงิน รองผู้บัญชาการของกองอัศวินกุหลาบโลหิต เยว่ฉี เป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาติให้เข้าออกคฤหาสน์หลังนี้ได้ตามต้องการ
เยว่ฉียังมีอีกสถานะนึง นั่นคือ นางเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของหวงจื่อเสียแม้จะอายุของเยว่ฉีจะมากกว่าหวงจื่อเสียถึงสองปีก็ตาม...
เยว่ฉีส่งมอบจดหมายให้อาจารย์ของตน ก็รีบขอตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็วประหนึ่งต้องการหนีจากภัยพิบัติ
ปี่ปิตงงงงัน “เยว่ฉีเป็นอะไรไปทำไมรีบไปจัง”
หวงจื่อเสียก็สงสัยแต่ก็ปัดทิ้งไปแล้วหันมาสนจดหมายในมือ
เมื่อหวงจื่อเสียอ่านเนื้อความในจดหมายก็ต้องกุมขมับก่อนจะหันไปหาสหายตน “ข้าว่านางกลัวพวกเราโมโหล่ะมั้ง?”
ปี่ปิตงไม่เข้าใจแต่เมื่อรับจดหมายมาอ่านก็มุมปากกระตุก
ตอนนี้พวกนางรู้แล้วว่าทำไมเอกสารถึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
“องค์สังฆราช!!!!!/ท่านอาจารย์!!!!”
( จบตอน )
ความคิดเห็น