ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ douluo dalu ] .......

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 64


     

     

     

    วันต่อมา

     

     

    บ้านหวงจื่อเสีย

     

    “เสียเอ๋อ”

     

    “…”

     

    “นี่..”

     

    “…”จื่อเสียเดินหนี

     

    ปี่ปิตงเดินตาม “เสียเอ๋อ ข้าขอโทษ ยกโทให้ข้าเถอะนะ”

     

    จื่อเสียทำหน้านิ่ง “หม่อมฉันมิบังอาจรับคำขอโทษจากธิดาเทพได้หรอก”

     

    “เสียเอ๋อข้าขอโทษ ข้าแค่อยากแหย่เจ้าเล่นแค่นั้นเองนะ”

     

    หวงจื่อเสียถอนหายใจก่อนจะกล่าว “แล้วทำไมเสนอถึงชื่อข้าเป็นผู้ติดตามได้ นี่องค์สังฆราชทรงทราบเรื่องหรือไม่? ตงเอ๋อข้าเป็นแค่นักเรียกไร้พรสวรรค์คนหนึ่งเท่านั้น เจ้าเป็นถึงธิดาเทพ เจ้าช่วยรักษาภาพลักษณ์ของเจ้าหน่อยเถอะ เจ้าเสนอชื่อข้าเป็นผู้ติดตามตอนนี้ชื่อเสียงเจ้าถูกข้าทำให้แปดเปื้อนหมดแล้ว”

     

    ปี่ปิตงมองสหายเพียงคนเดียวของตนกล่าวก็ขมวดคิ้ว “เสียเอ๋อมีใครมาพูดอะไรให้เจ้าฟัง? อย่ามาเถียงข้าเชียวด้วยนิสัยของเจ้าสนใจเรื่องภายนอกซะที่ไหน? มีใครมาพูดว่าเรื่องของเจ้าอาจารย์ข้าไม่เห็นด้วย? อาจาร์อยากให้เจ้ามาเข้าร่วมสำนักวิญญาณยุทธตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะจะรับเจ้าเข้ามา เจ้าไม่รู้หรอกว่าท่านอาจารย์ดีใจแค่ไหนตอนข้าเสนอชื่อเจ้าขึ้นมา”

     

    หวงจื่อเสียปวดหัวทันที “ตงเอ๋อ เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ทำไมระดับองค์สังฆราชต้องมาสนใจข้า ข้าว่าเจ้าคงเหนื่อยจากฝึกมามากแล้วเดี๋ยวข้าไปเตรียมอาหาร เจ้าไปนั่งรอในห้องเถอะ วันนี้ข้าทำของโปรดเจ้าให้”

     

    หวงจื่อเสียกล่าวจบก็เดินหนีไปในครัวทันที ท่าทางวันนี้สหายของนางจะเหนื่อยจากการฝึกมามากจริงๆ 

     

    ปี่ปิตงหน้ามุ่ย เหตุใดสหายนางถึงชอบดูถูกตัวเองนัก? ทั้งๆที่นางมีพรสวรรค์ ทั้งๆที่มีความสามารถ นอกจากตัวนางเองแล้ว นางยังไม่เคยเห็นใครที่มีพรสวรรค์เท่าเสียเอ๋อมาก่อน

     

    แม้แต่อาจารย์นางยังเห็นดีเห็นงามด้วยทันทีที่ได้เห็นชื่อของเสียเอ๋อด้วยซ้ำ

     

    ‘จื่อเสียมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยไหม?’ปี่ปิตงคิดอย่างขมขื่น

     

    นางเองก็ไม่คิดจะบังคับจื่อเสีย หากสหายของนางไม่ต้องการเข้าร่วมจริงๆ นางก็เคารพในการตัดสินใจของจื่อเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์และมหาปุโรหิตสั่งลงมาว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องให้จื่อเสียเข้าร่วมกับสำนักวิญญาณยุทธให้ได้ นางคงไม่มานั่งเถียงกับจื่อเสียหรอก

     

    “อาจารย์คิดอะไรอยู่กันแน่ล่ะเนี่ย?”ปี่ปิตงบ่นแต่นางก็ไม่อาจคำสั่งอาจารย์

     

    ปกติสำนักวิญญาณยุทธให้เกียรติการตัดสินใจของผู้คนเสมอ แต่ในกรณีของจื่อเสีย...

     

    แม้แต่ท่านมหาปุโรหิตก็ยังมากำชับนางด้วยตนเอง

     

    “หรือมีผู้อาวุโสคนไหนอยากรับเสียเอ๋อเป็นศิษย์กัน”ปี่ปิตงเริ่มคาดเดา แต่สักพักนางก็ตัดข้อนี้ทิ้งไป หากพวกเขาคิดรับจื่อเสียเป็นศิษย์คงมาด้วยตัวเองแล้ว คงไม่จำเป็นต้องฝากให้นางมาเชิญหรอก

     

    แถมตัวของจื่อเสียก็มีอาจารย์อยู่แล้ว ถึงนางจะไม่เคยเจออาจารย์ของจื่อเสีย

     

    แต่เมื่อมองไปที่จื่อเสียนางก็รู้แล้วว่าเป็นอาจารย์ที่มีความสามารถมากแค่ไหน

     

    เมื่อเวลาจื่อเสียเอ่ยถึงอาจารย์นางสังเกตเห็นดวงตาของสหายว่ามีความเคารพและเทิดทูนอยู่ไม่น้อย

     


     ครึ่งชั่วโมงต่อมา


    กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นลอยออกมาจากในครัวทำปี่ปิตงกลืนน้ำลาย


    หวงจื่อเสียเดินเข้ามาพร้อมจานใส่สตูเนื้อหอมๆพร้อมกับมันบดนุ่มๆ จื่อเสียมองหน้าสหายที่ดวงตาเป็นประกายเพราะเห็นอาหารก็ยิ้ม


    “ระวังร้อนนะ”จื่อเสียกล่าวเตือนสหาย นางล่ะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกินโดยที่ไม่สนเรื่องความร้อนจนลวกลิ้นอีก


    ปี่ปิตงพองแก้มอย่างน่ารัก “รับทราบแล้วเจ้าค่ะ”


    จื่อเสียหัวเราะ นางมองที่อาหารที่ทำอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาจารย์ของตน แม้อาจารย์จะใช้ร่างวิญญาณแต่น่าแปลกที่อีกฝ่ายสามารถลิ้มรสอาหารได้


    นางรู้เรื่องนี้เมื่อ 4 ปีก่อนหลังจากที่รู้เรื่องในวันนั้นนางก็เริ่มทำอาหารให้อาจารย์


    บอกเลยว่าอาจารย์เป็นคนที่จุกจิกเรื่องรสชาติมากอาหารที่นางสามารถทำอาหารได้อร่อยเพราะคำติชมของอาจารย์จนสามารถคิดเมนูใหม่ๆออกมาจนอาจารย์ชื่นชอบ


    ‘ตอนนี้ท่านอาจารย์ทำอะไรอยู่กันนะ’จื่อเสียคิด


    “เสียเอ๋อเป็นอะไรรึเปล่า?”ปี่ปิตงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหลังจากทานอาหารเสร็จแล้วสหายของนางเหม่อลอยไปเฉยๆ


    หวงจื่อเสียหลุดจากห้วงความคิดก่อนจะยิ้มตอบ “ตงเอ๋อ ข้าไม่เป็นไร”


    “คิดถึงอาจารย์เจ้าอีกแล้วหรอ?”ปี่ปิตงคาดเดาได้ทันที


    หวงจื่อเสีย สหายของนางจะมีอาการแบบนี้หลายครั้งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอาจารย์ของจื่อเสีย


    “ใช่”จื่อเสียตอบรับเสียเบาจนแทบไม่ได้ยิน


    ปี่ปิตงถอนหายใจ สำหรับตัวสหายของนาง อาจารย์คงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับอีกฝ่าย


    บางครา นางก็อดอิจฉาอาจารย์ของจื่อเสียไม่ได้ หากมีใครสักคนที่นึกและคำนึงถึงนางในทุกวินาทีเช่นนี้


    ชีวิตนางยังจะต้องการสิ่งใดอีก?


    หวงจื่อเสียมองไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าปกคลุมด้วยความมืดมีเพียงแสงจันทราที่สาดส่องลงมาช่วยเหลือผู้คนให้มองเห็นหนทางเดินได้ ณ เวลาที่มืดมิด...


    นางมองที่นาฬิกาบอกเวลายามดึก ท่าทางวันนี้สหายของนางคงต้องค้างคืนที่บ้านนางตามเคย


    นางหันไปทางสหายของตนที่นั่งอ่านหนังสือ


    ‘เข้าสำนักวิญญาณยุทธอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของข้ารึเปล่านะ?’

     

     

     


    ( จบตอน )




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×