ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ douluo dalu ] .......

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 67


     

    คฤหาสน์นักปราชญ์

     

    “ปี่ปิตง!!!”

     

    “จื่อเสียเจ้าใจเย็นๆก่อน”

     

    “ใจเย็น? เจ้าคิดว่าข้าสามารถใจเย็นได้หรอ!”

     

    ปี่ปิตงเผยยิ้มขมขื่น กับท่าทางของสหายอันเป็นที่รักของตนที่เหมือนจะกลายร่างเป็นแม่เสือหวงลูกไปเสียแล้ว

     

    นี่เกือบสองเดือนแล้วที่นางแอบพาเสียวอิ๋นไปฝึกด้วยตัวเอง น่าเสียดายวันนี้เสี่ยวอิ๋นดันพลาดบาดเจ็บและบาดแผลมันเห็นได้ชัดจนนางไร้ข้อแก้ตัว

     

    หลังหวงจื่อเสียกลับมาสถานการณ์จึงกลายเป็นอย่างที่เห็นและอย่าถามหาเจ้าลูกตัวแสบนั่นโดนจื่อเสียสั่งให้ขึ้นไปให้สาวใช้ประคบสมุนไพรบนห้องแล้ว ส่วนนางนั่งรับกรรมอยู่เนี่ย

     

    “เสียเอ๋อเรื่องนี้ข้าไม่ได้บังคับเสี่ยวอิ๋นนะ มะ-..ลูกเองก็เห็นด้วย”ปี่ปิตงพยายามอธิบาย นางเกือบเผลอเรียกเสี่ยวอิ๋นว่า ‘มัน’ จนต้องรีบเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน

     

    ครั้งสุดท้ายที่นางเผลอพลั้งปากไปแบบนั้น เสียเอ๋อโกรธนางเป็นอาทิตย์ นับจากนั้นนางก็ไม่กล้าอีกเลย

     

    ปี่ปิตงเห็นจื่อเสียเงียบ นางจึงทำใจกล้าเข้าไปกอดเอวอีกฝ่าย

     

    “ที่รักของข้าจื่อเสีย เจ้าก็รู้เสี่ยวอิ๋นตอนนี้เด็กคนนั้นเป็นลูกของเราแล้วนะ เจ้าจะยอมให้นางถูกคนว่าร้ายว่าเป็นคนไม่ได้ความหรือ?”

     

    “…”

     

    “เราสองคนเป็นคนที่ฝึกกองอัศวินกุหลาบโลหิตขึ้นมานะ ทุกคนในสำนักวิญญาณยุทธต่างก็รู้กันดี หากเสี่ยวอิ๋นต่อสู้ไม่เป็นจะมีคนอีกกี่คนที่ไม่ชอบพวกเราส่งคนมารังแกเสี่ยวอิ๋น”

     

    หวงจื่อเสียถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่มันจะไม่ดีกว่าหรอถ้าเสี่ยวอิ๋นโตกว่านี้อีกหน่อย”

     

    ปี่ปิตงได้ยินก็แทบอยากจะเถียงกลับ หวงเสี่ยวอิ๋นเป็นสัตว์วิญญาณอายุแสนปี

     

    อายุแสนปีนี่ยังไม่โตพออีกหรืออย่างไร?

     

    หากแต่ปี่ปิตงไม่กล้าพูด นางรู้ว่าในสายตาของจื่อเสีย นางมองว่าเสี่ยวอิ๋นเป็นลูกของตัวเองไปแล้วจริงๆในสายตาของคนเป็นพ่อแม่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนหรือบุตรจะอายุเท่าไหร่ พวกเขาจะยังคงมองว่าลูกของตนเป็นเด็กอยู่ดี

     

    ตัวนางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใยดีเสี่ยวอิ๋น เด็กคนนั้นใช้เวลาอยู่กับนางที่ค่ายทหารมากกว่าจื่อเสียที่ช่วงนี้ต้องไปที่หอนักปราชญ์ทุกวันเพื่อหารือเรื่องบทเรียนที่จะต้องใส่ไปในหนังสือเรียนของโรงเรียนวิญญาจารย์

     

    นั่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์กับเสี่ยวอิ๋น

     

    ระหว่างนางกับจื่อเสียในยามนี้ก็แค่มีปัญหาในเรื่องการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกัน

     

    นางตั้งใจเลี้ยงเสี่ยวอิ๋นให้กลายเป็นนักรบ ในขณะที่จื่อเสียตั้งใจเลี้ยงเสี่ยวอิ๋นให้กลายเป็นนักปราชญ์

     

    “ถ้าเรามีลูกสองคนอาจไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันแบบนี้นะ”ปี่ปิตงกล่าวติดตลก

     

    หวงจื่อเสียยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “แค่คนเดียวยังวุ่นไม่พออีกหรอ? ถ้ามีอีกคนเราคงต้องนอนแยกห้องกันแล้ว”

     

    “อย่ามาพูดบ้าๆ ใครจะนอนแยกห้องกัน? อย่างมากก็แค่ซื้อเตียงใหม่”

     

    “ตงเอ๋อถ้าข้ามัวแต่ดูลูกจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงาน? รอให้เสี่ยวอิ๋นโตกว่านี้ก่อนถ้าเจ้าอยากมีลูกอีกคนข้าจะไม่ว่าอะไรดีหรือไม่”

     

    “อ่า นั่นก็ดี- เดี๋ยวก่อนนะ จื่อเสียเจ้าพาข้าออกนอกประเด็นแล้ว!”

     

    “จริงหรือ? ถ้าไม่มีลูกอีกคนจะไม่ใครสืบทอดวิชาต่อสู้ของเจ้านะ”

     

    “นั่นก็จริ- หวงจื่อเสีย! เจ้าตัวดีคิดปั่นหัวข้าหรอ?!”ปี่ปิตงพลันหงุดหงิดมือเอื้อมไปบีบแก้มสหายสนิทอย่างหมันไส้

     

    หวงจื่อเสียหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ “ตงเอ๋อดูเหมือนเจ้าจะมีสติสมาธิดีขึ้นเยอะนะ 76 คะแนน”

     

    ปี่ปิตงคิ้วกระตุก “ท่านอาจารย์ให้เจ้าทดสอบข้าอีกแล้ว?”

     

    หวงจื่อเสียส่ายหน้า “ข้าแค่เริ่มชินกับการให้คะแนนเจ้า”

     

    ปี่ปิตงทำหน้าจนปัญญา ในฐานะธิดาเทพ ว่าที่องค์สังฆราชในอนาคต นางจำเป็นต้องเริ่มฝึกควบคุมอารมณ์ตั้งแต่เด็กๆเพื่อตัวเองจะได้ไม่โดนผู้อื่นหลอกใช้ประโยชน์

     

    เมื่อก่อนท่านอาจารย์จะเป็นคนคอยทดสอบแต่หลังจื่อเสียเข้ามา ท่านอาจารย์ก็ปล่อยการทดสอบเรื่องนี้ให้จื่อเสียจัดการ 

     

    แหงล่ะ จื่อเสียเห็นนิสัยใจดีอ่อนโยนแบบนี้ พวกเจ้าเชื่อกันไหมล่ะว่าเสียเอ๋อปั่นหัวคนเก่งมาก

     

    นางไม่เคยเข้าใจจื่อเสียเลยจริงๆ คนที่มีทั้งความสามารถและสติปัญญาทำไมเมื่อก่อนจะพบกับนางถึงยอมปล่อยให้คนอื่นรังแกกัน

     

     

     

    ( จบตอน )


    :)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×