ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short & Song fiction KHR

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 9 [normal]:: Heart beat & The rose :: FonM :: (รีเควส)

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 56


    *กว่าตอนนี้จะคลอดออกมาช่างลำบากยากเย็น >< (ผ่านการดองและเกลาหลายต่อหลายครั้ง)

    ฝากคู่นอมอลเรื่องแรกในชีวิตเนปเปียด้วยนะคะรีดเดอร์ผู้น่ารักทุกคน ^^

    ปลลล.เนปเปียคองแป๊บเดียว เจ้าหนี้ตามทวงยาวเป็นพรวนเลย =w= ดีใจดีมั้ยเนี่ย

    CHAPTER 9

    :: Heart beat & The rose ::

    :: FonM (ฟง-มามอน) version normal ::

    (ตามรีเควสของ SUKAI)

    ปล.ในนี้เนปเปียจะเรียกมามอนว่าไวเปอร์นะขอรับ

                กลิ่นหอมของบุปผานานาพันธุ์ลอยฟุ้งปะปนอยู่ในอากาศยามเช้าอันบริสุทธิ์ แมลงต่างๆ บินว่อนไปทั่วสวนดอกไม้เล็กๆ เหล่านกหลากสายพันธุ์ตามต้นไม้ใหญ่ต่างขับร้องเจื้อยแจ้ว ราวกับเสียงดนตรีบรรเลงต้อนรับเช้าอันสดใสของวันใหม่

                เด็กหนุ่มสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เจือกลิ่นหอมจากดอกไม้เข้าไปจนเต็มปอดขณะนั่งจิบชาญี่ปุ่นร้อนๆ อยู่ที่โต๊ะน้ำชาเรียบๆ บริเวณมุมหนึ่งของสวนแห่งนี้ จากมุมนี้เขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ สวนดอกไม้เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 เมตร ได้ทั้งหมด ทำให้โต๊ะน้ำชาตัวนี้เป็นที่ประจำของเขาไปโดยปริยาย

                ฟงวางถ้วยน้ำชาลงบนจานรองถ้วยเบาๆ แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงเซรามิกชั้นดีกระทบกันเบาอยู่ดี เด็กหนุ่มลุกเดินออกจากสวนดอกไม้ พลางเหลือบมองนาฬิกาด้านในร้านคอฟฟี่ช็อปที่เขาเดินผ่าน

                เจ็ดโมงสิบห้า...

                ยังเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่เขานัดกับเพื่อนๆ ไว้ แต่เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ที่ต้องออกจากบ้าน ยังทันน่า...เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ฟงคิดในใจหลังคำนวนเวลาการเดินทางคร่าวๆ เขาเดินทอดน่องช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน ผ่อนคลายอารมณ์ไปกับอากาศสบายๆ ยามเช้าที่นานๆ ทีจะได้สัมผัส ปล่อยให้สายลมอบอุ่นต้นฤดูใบไม้ผลิกระทบใบหน้าหล่อเหลาเบาๆ เส้นผมยาวสีดำสนิทที่ถูกรวบไว้เป็นเปียด้านหลังปลิวไหวเล็กน้อยเมื่อร่างนั้นเดินทวนลมที่พัดมา

                ขณะที่สายตาสอดส่องมองทิวทัศน์ข้างทาง สมองของเด็กหนุ่มก็คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนี้.....

                เหล่าเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาที่ถูกขนานนามว่าอัลโกบาเลโน่

    หลังจบศึกมิลฟิโอเล่ก็ไม่ได้เจอกันเลย...

    เหล่าเพื่อนพ้องที่ไม่ได้เจอกันนานแรมปี ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ อยู่ก็นัดกันไปเที่ยวทะเลซะอย่างนั้น

                พลันใบหน้าของคนๆ หนึ่งก็เข้ามาในความคิดของฟง...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเลย

                ...อัลโกบาเลโน่ ไวเปอร์...

                วันนั้น หลังจากกลับมายังโลกอนาคตแล้วฟงได้พาไวเปอร์มาที่สวนดอกไม้(ที่ฟงเพิ่งไปมาอ่ะ)ก่อนยื่นดอกกุหลาบบานสีแดงสด*ให้กับเธอ ตัวเด็กหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจว่าไวเปอร์จะรับรู้ถึงความหมายของมันหรือไม่ แต่เหมือนเด็กสาวจะรับรู้ได้ ใบหน้าของเธอปรากฏสีแดงอ่อนๆ ท่าทางเหมือนกำลังสับสน

    *ดอกกุหลาบบานสีแดง=ฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว อ้างอิง http://www.siamkane.com/jstory_view.php?id=1306

                    เสียงโทรศัพท์มือถือของไวเปอร์ดังขึ้นขัดจังหวะ(?)ของทั้งคู่ เธอรีบคว้ามันออกจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดูชื่อผู้ที่โทร.เข้ามา พบว่าเป็นเบอร์ของคนในวาเรีย คาดว่าคงโทร.มาตามตัวกลับ เด็กสาวจึงได้โอกาส(เอาตัวรอด =v=)ขอตัวออกมา โดยยังถือดอกกุหลาบไว้ในมือ แต่ร่างนั้นกลับหยุดชะงักเมื่อฟงจับข้อมือบางของเธอไว้

                “แล้วผมจะรอคำตอบจากคุณนะครับ ไวเปอร์” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

                “อ...”  ไวเปอร์ขยับปากเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 “ฉ...ฉันขอตัวก่อนนะ” เด็กสาวพูดลอยๆ น้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่เหมือนเธอในยามปกติ(<<งก) ก่อนวิ่งออกไป เด็กหนุ่มได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยความหวังที่ริบหรี่...

                ....................

                เสียงแตรรถยนตร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกให้สติของฟงตื่นจากภวังค์ความคิด เด็กหนุ่มก้าวยาวๆ หลบไปชิดกำแพงด้านข้างเพื่อเปิดทางให้รถแล่นไป ดูเหมือนเขาจะเพิ่งรู้ตัวว่าถัดไปด้านหน้าเพียงไม่กี่ห้องก็ถึงบ้านของเขาแล้ว

                ฟงเปิดประตูบ้านออกช้าๆ แล้วก้าวเข้าไป ขาเรียวยาวทั้งสองก้าวช้าๆ พานายของมันไปยังบันไดที่อยู่ลึกเข้าไปไม่มากนัก เด็กหนุ่มเดินขึ้นบันไดด้วยจิตใจที่เหม่อลอย เขาเดินเข้าไปในห้องนอน ใช้เวลาเตรียมของไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สำหรับเดินทางขนาดพอเหมาะ

                ฟงสะพายกระเป๋าเป้ออกจากบ้านก่อนล็อกประตู เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูรถคันหรูของตน เข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ แล้วเสียบกุญแจสตาร์ทรถ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็มาถึงที่หมาย

                ฟงจอดรถไว้บริเวณหน้าออฟฟิศของรีสอร์ทริมทะเลระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง ก่อนเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานหญิงประจำเคาท์เตอร์กล่าวทักทายแขกพร้อมรอยยิ้มตามมารยาท “ขอทราบชื่อด้วยค่ะ” เธอถามต่อ “ฟงครับ...ห้องเบอร์ 13” เด็กหนุ่มตอบพร้อมยิ้มตอบ

                หลังใช้เวลาค้นหาชื่อแขกในคอมพิวเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง พนักงานสาวก็หันกลับไปค้นกุญแจห้องพักในตู้เก็บด้านหลังก่อนส่งให้เด็กหนุ่ม “กุญแจห้องพักค่ะ” ฟงรับกุญแจมาจากเธอ “เอ่อ...ไม่ทราบว่าคนที่ชื่อไวเ...มามอน มาถึงรึยังครับ?” พนักงานสาวเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยที่ได้รับคำถามแบบนี้ แต่เมื่อเธอคิดว่าอาจเป็นเพื่อนที่นัดกันมา ประกอบกับท่าทางไม่มีพิษมีภัยของฟง เธอจึงบอกให้เด็กหนุ่มรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพิมพ์ชื่อนั้นลงไปในคอมพิวเตอร์ค้นหา ไม่นานก็ได้คำตอบ “เธอมาถึงเมื่อครู่นี้เองค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องพัก”

                “ขอบคุณครับ” ฟงกล่าวด้วยท่าทางสุภาพ ก่อนพนักงานสาวจะบอกให้หญิงสาวอีกคนนำทางแขกไปยังห้องพัก “ขอให้สนุกนะคะ”

                ............

                “ตรู๊ด..ตรู๊ด...”

                โทรศัพท์มือถือรุ่นราคาประหยัดของไวเปอร์ทั้งดังทั้งสั่นอยู่บนเตียงนอนข้างๆ ตัวของเจ้าของเครื่อง เด็กสาวละมือจากการนั่งคิดดอกเบี้ยในบัญชีของเธอ เอื้อมมือไปกดปุ่มรับสายเพื่อให้มันหยุดส่งเสียงแล้วยกขึ้นมาแนบหู

                “ฮัลโหล?”

                “ไวเปอร์ใช่มั้ย เว้ยเฮ้ย?” ด้วงคำสร้อยอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยว่าใครโทร.มา “ออกมาที่ทะเลได้แล้ว! ทุกคนมากันครบแล้วนะเว้ยเฮ้ย”

                “โอเคๆ เข้าใจแล้ว” เด็กสาวทำหน้ามุ่ยก่อนตอบไปแบบซังกะตาย “อีก 3 นาที เดี๋ยวออกไป”

                “เร็วๆ ล่ะเว้ยเฮ้ย” ปลายสายพูดแค่นั้นก่อนวางสายไป ไวเปอร์หันไปเก็บสมุดบัญชีข้างตัวให้เรียบร้อย เก็บมือถือ และกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้น พลางเดินสำรวจในห้องว่าไม่มีของมีค่าอะไรที่ตนลืมเก็บใส่ตู้เซฟอีก เธอเดินตรงไปยังประตูห้องแล้วดึงการ์ดกุญแจออกมา เมื่อปิดประตูเรียบร้อยจึงล็อกมันอีกครั้ง ในบรรดาห้องพักของทุกคนก็นับได้ว่าห้องของไวเปอร์ถูกที่สุด ด้วยมาตรการจำกัดค่าใช้จ่ายของเธอ

                .............

                ที่ชายหาดห่างจากทะเลออกมาประมาณ 50 ฟุตเศษ มีเก้าอี้ชายหาดตั้งเรียงรายอยู่เป็นทางยาว ไวเปอร์เพ่งสายตามองหากลุ่มเพื่อนของเธอ เมื่อสายตามองเห็นเด็กหนุ่มที่มีผมยาวสีดำถักเป็นเปียไว้ ถูกรายล้อมด้วยกลุ่มคนประมาณ 4 คนก็มั่นใจอย่างไม่มีข้อกังขาทันทีว่าเป็นใคร เด็กสาวก้าวยาวๆ ไปทางคนกลุ่มนั้น ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะบังเอิญหันมาเห็นเธอ “อ้าว...ไวเปอร์” คนที่หันมาทักเธอเป็นหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มนั้น รัล มิลจิ... ก่อนที่คนอื่นๆ จะหันมา พอดีกับที่เธอก้าวมาถึง “กำลังรออยู่เลยเว้ยเฮ้ย” โคโรเนลโล่หันมาทักพลางยิ้มยิงฟันให้กับเธออย่างร่าเริง ตอนนั้นเองที่เธอได้สังเกตว่าบนโต๊ะกลมๆ ข้างเก้าอี้ชายหาดมีของบางอย่างวางอยู่

                “ไวเปอร์” ฟงเรียกชื่อของเธอ ก่อนหยิบสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้กับเธอ “ลองดื่มดูสิ” เขายิ้มอย่างสดใส ในขณะที่เด็กสาวเหมือนวางตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ด้วยกัน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนรับสิ่งนั้นมา เธอปรับตัวอย่างรวดเร็วก่อนเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องที่เธอถนัด “นายไปซื้อไอ้นี่มาจากไหนอีกเนี่ย?” ไวเปอร์พูดพลางมองลงไปยังลูกมะพร้าวในมือ ด้านในมีน้ำมะพร้าวอยู่ 3 ใน 4 มีหลอดปักไว้เอียงๆ พร้อมร่มกระดาษเล็กๆ กับดอกไม้เป็นออพชั่นเสริม “เศรษฐกิจมันไม่ดีนายก็รู้ แถมมีตั้งหลายอัน”

                “ผมไม่ได้ซื้อนะครับ มะพร้าวพวกนี้ผมใช้ลิงของผมไปเก็บมาต่างหาก” ฟงตอบ

                “แล้วดอกไม้กับร่มนี่ล่ะ?”

                “ผมไปจ้างคนในร้านอาหารช่วยผ่ามะพร้าวแล้วก็ตกแต่งให้ไง”

                “ห๊ะ!?! แพงจะตาย ทำไมพวกนายชอบหาเรื่องเปลืองเงินอยู่เรื่อยเลยเนี่ย?”

                “ก็นานๆ ทีนี่ครับ อีกอย่าง พวกนี้มันเงินผมด้วย”

                “ถึงงั้นก็เหอะ ก่อนหน้านี้นายยังติดหนี้ฉันอยู่เลย”

                ฟงดูแปลกใจเล็กน้อย ในเมื่อเขาไม่เคยยืมเงินของไวเปอร์ แล้วจะมีหนี้ได้ยังไง “ว่าไงนะครับ? ผมจำไม่เห็นได้ ว่าเคยยืมเงินคุณ” แต่ที่จริงเหมือนจะพอเดาได้ ว่าเธอพุดถึงอะไร

                “ก่อนหน้านี้ที่นายจะทำอาหารแล้วแป้งไม่พอ นายเลยยืมแป้งของฉันไปใช้ อย่าทำเป็นลืมนะยะ!

                “อ้าวก็ตอนนั้นคุณให้ผมใช้นี่ครับ ไม่ได้ยืมคุณสักหน่อย”

                “นี่...นาย อย่าหาเรื่องเบี้ยวนะ รู้มั้ย แป้งนั่นน่ะ...” ไวเปอร์ยังพูดไม่จบ ฟงก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

                “เอาน่า...ไว้ผมหาใช้ให้แล้วกัน บ่นมากๆ ระวังแก่เร็วนะครับ?”

                “นี่...นาย กล้าว่าฉันเหรอ!!” ไวเปอร์วางลูกมะพร้าวในมือไว้ในมือของสกัลที่อยู่ข้างๆ ก่อนเริ่มวิ่งไล่ฟงไปตามชายหาด จนอีกคนลุกหนีจากเก้าอี้แทบไม่ทัน “ค่าว่าฉัน นายจ่ายมา 1,000 เยน!!

                “ว้า...งกจังนะครับ ผมเตือนเพราะหวังดีต่างหาก”

                ขณะที่ทั้งสองวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนาน(?)อยู่นั้น รีบอร์นผู้มีความอดทนค่อนข้างต่ำ ได้ควักปืนจากเลออนมายิงขึ้นไปบนฟ้า “หยุดเล่นกันได้รึยัง?”

                ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาดของรีบอร์น ทำให้ทั้งสองคนที่วิ่งไล่กันอยู่หหยุดชะงักในทันที

                “ทำอะไรของนายฮะรีบอร์น!?!” สกัลที่ตกใจกับเสียงปืนที่ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวจนมะพร้าวเกือบตกจากมือโวยใส่คนยิง “ถ้ามีคนอื่นอยู่แถวนี้จะทำไงฮะ!?!

                “หนวกหู เจ้าเบ๊เสล่อ” แล้วสกัลก็เงียบจริงๆ...

                รีบอร์นหันไปพูดกับโคโรเนลโล่(ซะงั้น) “ฉันกลับห้องพักก่อนนะ ถึงมื้อเย็นค่อยมาเรียกแล้วกัน” ก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับไปซะเฉยๆ ในใจนึกอิจฉาเวลเด้ขึ้นมาที่ปฏิเสธไม่ยอมมาตามคำชวน น่าจะลากไอ้วัวบ้านั่นมาด้วย..

                 เมื่อรีบอร์นเดินลับตาไปแล้ว ผู้ใหญ่ 2 คนที่เพิ่งเล่นไล่จับแบบเด็กๆ ต่างพร้อมใจกัน...

                “นาย...มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องเลยนะ!!

                ...วิ่งไล่กันต่อ...

                “นี่ผมบอกว่าผมเตือน...ยังเคลียร์ไม่จบอีกเหรอครับ? ฮะ..ฮะ..” ถึงปากจะพูดอย่างนั้นก็ยังไม่วายหลุดเสียงหัวเราะออกมา แถมยังรับมุขเล่นบทวิ่งหนีต่ออีก

                “นี่!! นาย คิดว่าฉันโง่เหรอไงฮะ  จะหลอกด่าฉันล่ะสิ!!!

                พวกโคโรเนลโล่ที่ยืนดูอยู่บริเวณเก้าอี้ชายหาดห่างออกมาเล็กน้อย ได้แต่นั่งมองไปขำไปกับท่าทางที่เหมือนเด็กของทั้งสอง จนในที่สุดสกัลจึงยืนขึ้น ยืดแขนบิดขี้เกียจก่อนพูดขึ้น “งั้น...เราไปเล่นน้ำทะเลกันก่อนดีกว่า” เขาพูดขึ้นอย่างจงใจหันไปพูดกับโคโรเนลโล่ และรัล พลางขยิบตาให้ประมาณว่า คู่รักทะเลาะกัน อย่าอยู่เป็นกขค.ดีกว่า และดูเหมือนทั้งสองจะเห็นด้วย..

                “เฮ้!! ฟง ไวเปอร์ พวกฉันไปเล่นน้ำก่อนนะเว้ยเฮ้ย!!

                ....แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ฟังกันทั้งคู่...โคโรเนลโล่ถอนใจพลางยิ้มบางๆ ก่อนลาก(?)อีกสองคนไปที่ทะเล

                “นาย! แน่จริงอย่าหนีสิ...อ๊ะ!!

                เมื่อฟงได้ยินเสียงของไวเปอร์สะดุดลง จึงหันกลับไปมอง เห็นเด็กสาวนั่งกุมข้อเท้าอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต ด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการ “ไวเปอร์ เป็นอะไรครับ?” น้ำเสียง และแววตาของเขาแสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปกปิด เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าที่ข้อเท้าของเธอมีเลือดไหลอยู่ซิบๆ

                “สงสัย..โดนเปลือกหอยบาดเอาน่ะ ไม่เป็นไรมากหรอก”

                “ยังไงก็ไปทำแผลก่อนดีกว่าครับ” ฟงหันไปมองทางเพื่อนๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่ ก่อนตัดสินใจช้อนตัวอีกคนขึ้นในท่าเจ้าสาว ก่อนพาเดินขึ้นไปยังเก้าอี้ชายหาดที่นั่งกันอยู่เมื่อครู่

                “นี่..นาย! ปล่อยฉันลงนะ”

                “อย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก...” ฟงวางไวเปอร์ลงบนเก้าอี้ชายหาดตัวหนึ่งอย่างเบามือ “รอเดี๋ยวนะครับ” ฟงหยิบน้ำแข็งออกจากแก้วน้ำเปล่าที่อยู่บนโต๊ะมาประกบไว้เพื่อห้ามเลือด “นาย...นี่มันของกินนะ!!

                “น้ำแข็งไม่กี่ก้อน อย่างกเลยครับ”

                ฟงวิ่งไปขอกล่องปฐมพยาบาลในร้านอาหารใกล้ๆ (ร้านอาหาร?)เมื่อได้มาแล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเด็กสาว ก่อนเริ่มเอาสำลีชุบแอลกอฮอลล์มาเช็ดแผล “นี่ ฉันไม่เป็นอะไรซะหน่อย อย่าเว่อร์เลยน่า”

                “ทำแผลไว้ดีกว่าครับ เดี๋ยวติดเชื้อขึ้นมาจะยุ่ง”

                น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยทำให้ไวเปอร์ไม่ต่อล้อต่อเถียงเป็นครั้งแรก

                “จริงสิ...คำตอบเรื่องนั้นล่ะครับ?” ฟงหาเรื่องมาคุยขณะทายาสำหรับแผลสดลงบริเวณแผล แต่คำถามนี้ก็ทำให้ไวเปอร์พูดไม่ออกเช่นกัน “คือ...ฉัน...”

                “ไม่เป็นไรครับ คุณไม่รู้ผมก็ไม่ตื๊อ แล้วผมจะถามใหม่เมื่อคุณพร้อม” ใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มเศร้าๆ ขึ้น “เสร็จแล้วครับ”

                “อ..ขอบ..ขอบใจนะ” เด็กสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ในหัวคิดทบทวนวามรู้สึกของตนเองขณะที่ฟงวิ่งเอากล่องปฐมพยาบาลไปคืน

                ...มีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดีใจที่เขาเป็นห่วง พอเข้าใกล้กัน...ไม่สิ ค่เห็นหน้า หัวใจก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา มันใช่สิ่งที่เรียกว่าความรักหรือเปล่านะ...

                เมื่อฟงวิ่งกลับมาก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นอีกคนนั่งซึมอยู่บนเก้าอี้ ผิดกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

                เพราะเราพูดเรื่องนั้นออกไปเหรอ

              “ไวเปอร์...” เมื่อเข้ามาใกล้ในระยะที่พูดคุยกันได้ยิน เด็กหนุ่มจึงพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบา “ผมขอโทษที่พูดเรื่องนั้นออกไป...”

                “นี่ นายน่ะ...” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เบาพอกัน “บอกว่า ชอบฉัน..สินะ?”

                ฟงไม่ตอบ แต่พยักหน้าเบาๆ นึกสงสัยว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป

                “เรื่องคำตอบน่ะ ฉันไม่รู้จริงๆ แต่ถ้าเรื่องความรู้สึกของฉัน...” ตอนนั้น เด็กหนุ่มสังเกตได้ว่าใบหน้าของเธอเริ่มขึ้นสี แต่คำพูดถัดมา อยู่เหนือการคาดเดาของเขาเอามากๆ

                “ถ้านายอยากรู้ จ่ายมาแสนเยนแล้วกัน!!!” ไวเปอร์หันมาแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่ม ก่อนลุกขึ้นวิ่งไปตามชายหาดไปรวมกับพวกโคโรเนลโล่

                “ระวังแผลอักเสบนะครับ!!” ฟงตะโกนไล่หลัง ก่อนเดินตามลงไป ยังอึ้งกับคำตอบไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้น ปฏิกิริยาของเด็กสาวก็มากพอที่จะทำให้คิดเข้าข้างตัวเอง

                สักวันนึง ผมจะทำให้คุณยอมบอกผมให้ได้...

    …Can you feel my ‘heartbeat’?...

    ************************************

    Talk with Nebbia…=w=v

    CIAO~~

    หลังดองมาร่วมอาทิตย์ ตอนนี้ก็คลอดออกมา//เค้าดองมีเหตุผลน้า~

    นอมอลคู่แรก แปลกๆ ขออภัยค่ะ//โค้งงามๆ

    ตามรีเควสคืออยากได้แบบ”มาม่อนทะเลาะกับฟงบ่อยๆ”//แอบยากนิดนึง

    เนปเปียจนปัญญาเลยทีนี้ ด้วยความที่ฟงสุภาพเกิ๊น มาได้แค่นี้ สุดๆ แล้วค่ะ >[]<//อย่าว่ากันนะ

    คือ เนปเปียถนัดแนวสงบๆ มากกว่า ไม่เหมื่อนสุคาอิที่ถนัดแนวทะเลาะเบาะแว้ง//โดนยัน(ล้อเล่นนะฮะ)

    ต่อไปเป็น GG 1859 นะคะ ^^

    อาจมีการดองต่ออีก เนื่องจาก...เนปเปียป่วย(ระยะสุดท้าย//เว่อร์)

    คือช่วงนี้...ภูมิแพ้กำเริบ ปวดหัวหน้ามืดบ่อย เป็นหวัด ร้อนๆ หนาวๆ เหมือนมีไข้ ความดันต่ำลงค่อนข้างมาก T^T คือ เนปเปียโรคเยอะตั้งแต่เด็ก ขออภัยค่ะ แต่ยังไงจะพยายามมาอัพให้ ^0^/

    วันนี้พล่ามแค่นี้ค่ะ Bye bye ^^

    ปล.เม้นท์ซักนิด เป็นกำลังใจให้สายหมอกคนนี้หน่อยนะ ^^

    ปลล.ใครมียา(โอย)ดีมาแบ่งปันช่วยให้หายป่วยได้จะดีมากกกก//ผิด!!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×