ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : Don't trust
-4-
มาร์คกลับมาถึงที่พักเขาโยนกระเป๋าสัมภาระน้อยชิ้นของตัวเองทิ้งละเปิดโน๊ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานทันที ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบนรถไฟแค่ไหน ความสงสัยทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรต่อได้เลย เขาต้องรู้ให้ได้!
มาร์คเข้าสู่ระบบตำรวจสากลที่มีแต่คนในสำนักงานเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ถึงแม้ชายหนุ่มจะมีอายุงานเพียงห้าปี แต่ความสามารถทำให้เขาเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วจนตอนนี้สามารถทำงานนั่งโต๊ะเป็นผู้บริหารได้สบายๆ แต่มาร์คชอบที่จะปฏิบัติมากกว่านั่งเป็นง่อยแบบนั้น และอีกอย่าง เขาอยากที่จะทำตามคนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ทัศนคติ รวมทั้งเหตุผลที่มาร์คมาเป็นตำรวจสากล ก็เพราะคนๆนี้
...จิมมี่ หวัง...
คนที่เปลี่ยนแปลงโลกของเขา และเป็นรายชื่อที่เขาทำการพิมพ์ค้นหาข้อมูลคนในองค์กรลงไป
ไม่นานข้อมูลทั้งหมดของจิมมี่ก็แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ ภาระกิจที่เขาทำมาทั้งหมด ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตำแหน่งชั้นสูงในองค์กร เขาเป็นถึงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการที่ลงมือร่วมกับลูกทีมแทบจะทุกงาน
และหน้าสุดท้าย ประวัติส่วนตัว
ภรรยา อี้เหวิน หวัง เสียชีวิตเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
บุตรชายเพียงคนเดียว แจ๊คสัน หวัง อายุ 18 ปี เรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติฮ่องกง ภาพของเด็กหนุ่มคือสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้วแค่อยากทำให้แน่ใจ ที่แท้ไอ้เด็กนี่ก็เป็นลูกของพี่เจนี่เอง! ถึงว่าคุ้นหน้าคุ้นตา แถมท่าทางแบบนั้นอีกโคลนนิ่งชัดๆ!!! ความสงสัยที่เขามีกระจ่างทั้งหมด ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เหตุการณ์บนรถไฟก็คงเกิดมาจากความสามารถบ้าๆแบบเดียวกับพี่เจแน่ๆ แต่เขาก็อยากได้ยินความจริงจากหูของตัวเองอีกทีเหมือนกันว่าเจ้าเด็กนั่นอ่านใจคนได้จริงหรือไม่... นิสัยที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆคงหยั่งลึกเข้ากระดูกดำไปซะแล้ว เพราะไม่เชื่อใจใครเขาถึงต้องโดดเดี่ยวแบบนี้ แต่เขารักมัน ประสบการณ์ชีวิตสอนเขามาเยอะเหลือเกิน
มาร์คหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ขายาวเรียวเดินไปที่ระเบียง สระว่ายน้ำทอแสงระยิบระยับกับหมู่ดาวบนท้องฟ้า ภาพบรรยากาศของฮ่องกงยามค่ำคืนช่างวุ่นวายและสวยงามจนเขาเพลิดเพลิน ห้องเพนต์เฮ้าส์ชั้นสูงสุดและดีที่สุดในคอนโดจะเลือกมุมที่ดีที่สุดให้กับแขกที่มีเกียรติเสมอ แต่หัวสมองกลับทรยศ นึกถึงเรื่องแย่ๆไปซะได้...
เขามันเป็นคนสกปรก...
"มาร์คมาหาแม่หน่อย"
เด็กชายวัยสิบขวบเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่
"นี่รอบบ์ ต่อไปนี้เขาจะมาอยู่กับเรานะจ๊ะ"
มาร์คเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่าหลายช่วงตัว อีกฝ่ายยิ้มให้มาร์คอย่างเป็นมิตร และย่อเข่าลงมาให้อยู่ในระดับสายตา มือใหญ่ลูบหัวมาร์คอย่างเอ็นดู
"ไงมาร์ค แม่เล่าเรื่องของนายให้น้าฟังตลอดเลย ต่อไปนี้ฉันหวังว่าเราจะสนิทกันมากขึ้นนะ"
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มาร์คก็ได้รู้จักกับพ่อคนใหม่ เด็กหนุ่มที่ปกติเป็นคนเงียบๆ เริ่มคุ้นเคยกับรอบบ์มากขึ้น เขาเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีมาตลอด รอบบ์จะให้ความสำคัญกับครอบครัวและมาร์คเป็นอันดับหนึ่ง รอบบ์เอ็นดูมาร์คเหมือนลูกแท้ๆ ทุกอย่างปกติสุขดี เหมือนครอบครัวทั่วไป แต่แล้ว...
3 เดือน ต่อมา
"แม่ไปไม่นานหรอก ดูแลตัวเองดีๆนะจ๊ะ"
แม่จูบลาที่หน้าผากน้อยๆของเขา และถือกระเป๋าเดินทางจากไป ก่อนหันหลังมาร์คเห็นแม่ร้องไห้ สงสัยจะคิดถึงบ้านมากแน่ๆเลย แม่ต้องไปสัมนาที่สิงคโปร์หนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้มาร์คจึงอยู่กับรอบบ์เพียงสองคน เรื่องทุกอย่างควรจะดำเนินไปอย่างที่มันเคยเป็น รอแม่กลับมาให้อยู่พร้อมหน้าอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป...
รอบบ์ที่แสนดีคนนั้นตายไปแล้ว มาร์คไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ รอบบ์บีบแขนน้อยๆของมาร์คจนขึ้นรอยช้ำ รอยยิ้มที่อ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายที่หวังจะกินเหยื่อ ผลักไสเข้าไปในห้อง กระชากมาร์คไปมาเหมือนของเล่น แม้เด็กน้อยจะร้องไห้ขอความเมตตาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเข้าถึงหูอสูรตนนี้เลย ตัณหา ความตระกละตระกามบังตาจนทำร้ายเด็กคนนึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันต่อมามาร์คไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ความเจ็บปวดมันทำให้เขาลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาทำได้เพียงร้องไห้และเรียกแม่ที่เขารักกลับมา... จากหนึ่งวัน เป็นสอง สาม ทุกวันคืนคือความโหดร้าย มาร์คเริ่มเหม่อลอย เขาถูกขังอยู่ในห้องเก็บของไม่มีแสงรอดผ่านแม้แต่น้อย ทำเหมือนเป็นเพียงไม้ถูพื้นด้ามหนึ่ง เมื่อต้องการจึงจะเปิดประตูนำไปใช้สนองความใคร่ที่วิปริต เด็กน้อยพยายามขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยแผลที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น มาร์คสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถ
มันมาแล้ว... มันมาแล้ว...
เขาทำได้เพียงพึมพำอย่างหวาดกลัว สักพักประตูก็ถูกกระชากเปิดออกมา เด็กน้อยกรีดร้องทุกครั้ง เขาเกลียดมัน เขากลัวมัน น้ำตาเริ่มพลั่งพลูทันที เนื้อตัวสั่นเทา... ไม่เอา ได้โปรด...
"อะไร กลัวขนาดนั้นเลยหรอ"
อสูรร้ายในร่างมนุษย์เช็ดน้ำตาออกจากดวงตาเจ้าตัวน้อย
รอบบ์บีบใบหน้าของมาร์คให้หันมาสบตา
"กูบอกแล้วใช่ไหม ว่าเวลาที่กูพูดให้สบตาและฟัง!!!"
เสียงตะโกนก็ทำให้เขาร้องไห้หนักขึ้น รอบบ์สบถอย่างหยาบคายแล้วลากมาร์คออกมา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่มาร์คได้ออกมานอกบ้าน รอบบ์มัดมือมัดเท้าเขาให้นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับ เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เขาอยากตาย เขาอยากตาย ... คำๆนี้วนเวียนอยู่ในหัวนับครั้งไม่ถ้วน
"จะบอกอะไรให้เอาบุญนะ แม่ของแกขายแกให้กับฉันไปนานแล้ว"
"ไม่จริง..."
"ไอ้เด็กโง่ แกไม่รู้สินะว่าแม่แกผีพนันแค่ไหน มันมีหนี้ท่วมหัวจนต้องขายแกทิ้ง ตอนนี้ฉันจะพาแกไปหาลูกค้าจริงๆ ที่ผ่านมาถือว่าเทรนละกัน อย่าทำให้เขาผิดหวังละ"
มาร์ครู้สึกว่าเบาะหายไป มองไม่เห็นทางข้างหน้า เหมือนมีใครเอาไม้มาตีหัวซ้ำๆ ใครบีบคอเขาอยู่นะ มาร์ครู้สึกหายใจไม่ออก แม้แต่เสียงสะอื้นเขายังไม่มี น้ำตาเหือดแห้งไปตอนไหนมาร์คเองก็ไม่แน่ใจ
"น่าสมเพชเวลาที่แกร้องหาแม่ ฉันแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่"
เขาโดนหักหลัง จากคนที่เชื่อใจที่สุดในชีวิต
คนที่ให้ชีวิตและความบัดซบนี้กับเขา
"แม่ขายมึงให้กู!"
เขาอยากตาย...
เขาเกลียดโลกใบนี้...
เขาเกลียดการหักหลัง...
เขาเกลียดการเชื่อใจ...
เขาเกลียดความรัก...
เขาอยากตาย...
มาร์คถูกลากลงจากรถในสภาพไร้ชีวิตจิตใจ แววตาสีดำสนิทไม่สะท้อนภาพอะไรทั้งนั้น
มาร์คถูกส่งตัวไปมา เขาถูกเปลี่ยนชุดเป็นยูกาตะบางๆ นั่งสงบยิ่งอยู่ในห้องๆหนึ่ง
เขาอยากตาย...
ประตูถูกเปิดออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาร์คถูกผลักให้ล้มลง มือหนากำลังลากไล้ไปทั่วลำคอระหง เสื้อค่อยๆเลิกออกช้าๆ
ปัง!!!!
เสียงปืนดังขึ้นจนหูอื้ออึง คนที่คล่อมร่างเขาอยู่ล้มลง เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั่ว เสียงดังโหวกเหวกขึ้นข้างนอก เขาไม่รู้ว่าใครยิงชายคนนี้ แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว มาร์คเดินออกมาข้างนอก ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด มีเด็กหนุ่มที่สวมชุดแบบเขากำลังกรีดร้อง เสียงปืนดังเป็นระยะ มาร์คไม่สนใจ เขาเดินไปที่บันได ข้ามศพมากมาย หลายครั้งที่เหยียบเลือดสดๆเต็มฝ่าเท้า เขาก็ยังจะเดินต่อไป จนไปถึง...
ชั้นดาดฟ้า
เขาอยากตาย...
คำๆนี้ยังคงสะกดจิตมาร์คให้เดินต่อไปจนสุดขอบดาดฟ้าของตึก น่าสมเพชที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่เป็นซ่องแถวไหน เขากำลังจะตายทั้งที ยังไม่รู้อะไรเลย
สายลมพัดวูบวาบผ่านตัวเขาไปเหมือนเร่งเร้าให้กระโดด เสียงที่ดังเมื่อครู่เงียบสนิทแล้ว มาร์คกางแขนออกทั้งสองข้าง น้ำตาที่คิดว่าหมดไปจากชีวิตกำลังรินไหลอีกครั้ง
เขาอยากตาย...
มาร์คย้ำกับตัวเอง ก่อนทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปข้างหน้า
เขาเกลียดโลกใบนี้ เกลียดการหักหลัง เกลียดการเชื่อใจ และเกลียดความรัก...
หมับ!
แขนของมาร์คถูกกระตุกขึ้นสุดแรง จิมมี่พยายามดึงเด็กชายขึ้นมา ยังดีที่อีกฝ่ายร่างนิดเดียวเขาเลยดึงได้ง่ายหน่อย เขาหอบหายใจด้วยความตกใจมากกว่าเหนื่อย หลังจากยิงไอ้บ้ากามคนนึงได้ เขาก็รีบไปจับกุมตัวหัวหน้าใหญ่ หลังจากบุกทะลายซ่องประเวณีและจับกุมผู้ค้ายาได้เรียบร้อย จิมมี่รีบกลับไปยังห้องเดิมที่เขาพบเด็กชายซึ่งทำให้เขาหวาดกลัว ภาพเด็กคนนึงที่มีเลือดเปรอะเปื้อนแต่ไม่กรีดร้องสักนิด แววตาเหม่อลอยกับความคิดที่ย้ำซ้ำๆ ว่า อยากตาย เขาปล่อยไปไม่ได้หรอก!
"เฮ!!! ไอ้หนู!!! ได้ยินไหม!!!"
จิมมี่เขย่าคนในอ้อมกอด แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่รับรู้เลย เอาแต่หลับตานิ่งทั้งๆที่น้ำตายังไหลริน
"ปลอดภัยแล้ว!!! นายปลอดภัยแล้ว!!!"
เพี๊ยะ~!!!!!
มือหนาตบเรียกสติอีกฝ่ายกลับมา มาร์คลืมตาขึ้น เหมือนเขาลืมการหายใจไปชั่วขณะ มือเกาะแน่นที่แขนของจิมมี่ หายใจหอบถี่รัว
"ค่อยๆไอ้หนู หายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ ดี ค่อยๆปล่อย หายใจเข้า... ออก... ดีๆทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ"
"ผมอยากตาย..."
จิมมี่รู้สึกเจ็บแปลบที่ได้ยินเด็กตัวแค่นี้อยากตาย เขารู้ว่าเจ้าหนูคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง เขารู้...
เขาต้องช่วยมาร์คให้ได้ มันทำให้นึกถึงลูกชายของตัวเอง ซึ่งน่าจะอ่อนกว่านี้สักเจ็ดปีและเพิ่งเสียแม่ไป ทั้งๆที่เขาต้องอยู่กับลูก แต่จิมมี่เลือกที่จะมาปฏิบัติภารกิจ ไหนๆเขาก็เป็นพ่อที่เลวแล้ว ขอเป็นตำรวจที่ดีได้ไหม จิมมี่คิดอย่างปวดใจ
"ขึ้นรถ"
มาร์คไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินกลับไปที่รถเร่งเครื่องทันที แจ๊คสันไม่มีทางเลือกนอกจากตามขึ้นไปนั่งเบาะข้างๆ เขาจะไปไหนได้อีกละ ในเมื่อบ้านโดนลื้อ มีคนตามฆ่า แถมไอ้ตำรวจนี่ยังบอกพ่อเขาตายอีก!!!
แจ๊คสันรีบขาดเข็มขัดอย่างฉุนเฉียว
"พ่อผมเป็นอะไรกับคุณ"
เสียงล้อบดกับพื้นถนนดังลั่นเมื่อมาร์คถอนรถเพื่อตั้งลำใหม่
"เป็นผู้มีพระคุณ"
อื้ม... ช่วยไขความสงสัยได้มากเลย ตกลงนี่พี่แกจะเอาแต่ถามคำตอบคำใช่ไหม เอาละ แจ๊คสันถอนหายใจ เขาไม่อยากจะล่วงเกินความคิดของใคร แต่นี่มันจำเป็นจริงๆในเมื่อปากแข็งนัก ก็คงต้องขออนุญาติอ่านความคิดอีกชั้นนึง...
"อย่าเข้ามาในความคิดที่ลึกกว่านี้นะ"
กึก
แจ๊คสันรู้สึกเหมือนโดนสะกัดขานี่มาร์ครู้ได้ไงเนี่ย หรือว่า...
"อย่าโง่ ฉันอ่านความคิดไม่ได้"
"อ้าว แล้วคุณรู้ได้ไง"
"พ่อนายชอบเข้ามาในความคิดที่ลึกขึ้นประจำ แต่ฉันไม่ชอบ"
แจ๊คสันอ้าปากค้างจนแทบจะหุบไม่อยู่ มันเป็นภาพที่ตลกดี แต่มาร์คไม่มีเวลาขำหรอก
"คะ คุณหมายความว่า พ่อผมก็อ่านความคิดได้งั้นหรอ!!!"
"อื้ม"
"เดี๋ยวๆ ผมงงไปหมดแล้ว คุณช่วย..."
"หุบปาก และนั่งนิ่งๆ ไม่งั้นฉันจะไม่ตอบอะไรแกอีก ตอนนี้กำลังใช้สมาธิ"
คิ้วของมาร์คขมวดขึ้น ในหัวเขามีแต่เส้นทางที่ยุ่งเหยิง เหมือนกำลังพยายามจำทางไปที่ไหนสักแห่ง ซึ่งมันตีกันไปหมดเลย ทั้งๆที่แจ๊คสันสามารถอ่านความคิดที่ลึกขึ้นของคนข้างๆได้สบายโดยที่มาร์คไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ เพราะอีกฝ่าย บอกว่า ไม่ชอบ...
"ผมขอคำถามเดียวได้ไหม"
"..."
มาร์คเงียบเเทนคำตอบ เขาถือว่าได้ละกัน
"เราจะไปไหน!?"
"...คอนโดของพ่อนาย"
ตามพิกัดที่จิมมี่ส่งมาให้ มาร์ครู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น มันเป็นโค้ดลับขององค์กร เมื่อไหร่ก็ตามที่มีข้อความแบบนี้ขึ้นกับใคร แสดงว่าคนส่งจะไม่สามารถติดต่อได้อีก กำลังจะหายสาปสูญ หรือภารกิจล้มเหลว ข้อความนี้จะถือเป็นสวัสดิการของทางองค์กร ที่จะดูแลคนนั้นต่อจากเจ้าหน้าที่ตลอดชีวิต ให้ได้อยู่สุขสบายสมกับความเสียสละที่หาค่าไม่ได้ การได้ดูแลคนข้างหลังให้ผู้ที่จากไปคือหน้าที่อันชอบธรรม สำหรับมาร์คเขาคิดอย่างขำๆคงจะจากไปพร้อมความชอบธรรมงี่เง่านั่นแหละ ไม่เหลือไว้ให้ใครเหมือนพี่เจหรอก...
พี่มาร์ค...
เจ้ขอโทษ เจ้มันเลว ทำร้ายพี่มาร์คได้ลงคอ
แต่เพื่ออรรถรสเจ้ยอมคะ! ง่อววว สาวกพี่มาร์คอย่าพึ่งเผาพริกเผาเกลือนะคะ
5555555
แง้มๆ
ตอนหน้าเตรียมยากันมดด้วยนะเคอะ >////<
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น