ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hawkeye [Jark]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : WTF

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 57


    -3-



     
     
    แจ็คสันวิ่งเหนื่อยหอบออกมาจากซอยแคบ มาพบกับถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน... ดี!!! อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้! ย่านที่เขาอยู่เป็นชุมชนแออัดจึงไม่มีคนเดินเพ่นพ่านในยามวิกาลเช่นนี้ เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเร่งให้ชายหนุ่มวิ่งต่อไป
     
    ตรงหัวมุมแจ็คสันเห็นร้านสะดวกซื้อเปิดอยู่ เขาตั้งใจจะไปที่นั่น อย่างน้อยถ้าเขาตายกล้องวงจรปิดหน้าร้านน่าจะจับตัวคนร้ายได้บ้าง เหอะ! ตลกแล้ว จะไปขอความช่วยเหลือต่างหาก พอใกล้ถึงเขาสังเกตเห็นรถบีเอ็มดับบิว สีดำจอดสตาร์ทเครื่องไว้ ตอนแรกตั้งใจจะวิ่งผ่านแต่แล้วเขาก็ได้ยิน...
     
    ...แจ็คสัน หวัง...
     
    เสียงนี้มัน ไอ้ตำรวจหัวแดงนี่!!!
     
    ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มจัดการเปิดประตูเข้าไปนั่งสลอนในรถทันที อยู่กับตำรวจจะกลัวอะไรละจริงไหม ถึงตำรวจคนนี้คิดจะจับเขาเข้าคุกก็เถอะ 
     
    ใบหน้าที่ตกใจของมาร์คทำให้เขายิ้มออกมา แถมในสถานการณ์แบบนี้อีก บ้าสุดๆไปเลย
     
    "มัวมองอะไรอยู่ละคุณ รีบขับไปเลยมันตามมาทันแล้ว!!!"
     
    มาร์คถลึงตาใส่คนข้างๆมันกล้าสั่งเรอะ! พอหันกลับไปข้างหลังก็พบกับกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งไล่ตามมาจริงอย่างที่ไอ้เด็กนี่ว่า มาร์คสะบัดมวนบุหรี่ที่เหลือเกินครึ่งทิ้ง แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด เสียงล้อบดกับพื้นถนนดังลั่น ทิ้งรอยดำพร้อมควันสีจางไว้เบื้องหลัง
     
    เจบีที่กำลังจ่ายตังอยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้ยินเสียงรถพอเขาหันไป บีเอ็มดับบิวสีดำที่คุ้นเคยเคลื่อนผ่านหน้าร้านไปต่อหน้าต่อตา
     
    "เฮ้ย! มาร์ค!!?"
     
    เขารีบวิ่งออกจากร้านพอดีกับที่มีคนเดินสวนเข้ามา ทั้งสองชนกันแต่เป็นอีกฝ่ายกลับล้มลง
     
    "อ๊ะ ขอโทษครับ เป็นไรไหม"
     
    เจบีว่าพลางยื่นมือไปช่วยฉุดขึ้นมา 
     
    "คุณ...!"
     
    "อ้าว ยองแจ!"
     
    เจบียิ้มร่าเมื่อเจอกับเด็กหนุ่มอีกครั้งมันต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆ แต่ยองแจกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น มันต้องเป็นเวรกรรมแน่นอน จริงสิ! ที่แจ็คสันไม่รับสายอาจจะเป็นเพราะว่าโดนตำรวจพวกนี้จับไปแล้วก็ได้ ชายหนุ่มรีบหันหลังกลับเตรียมวิ่งทันที
     
    หมับ!
     
    แต่ก็โดนคว้าคอเสื้อไว้ได้ทัน เจบีออกแรงดึงอีกฝ่ายกลับมาอย่างง่ายดาย
     
    "จะรีบไปไหน อุส่าห์ได้เจอกันแล้วทั้งที"
     
    ยองแจทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ จะให้บอกได้ยังไงละว่ามาตามแจ๊คสันไปกินข้าว! ดูท่าทีอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะจับเขาด้วย ถือว่ารอดไป ขอโทษนะเพื่อน เดี๋ยวตามไปประกันตัวทีหลังนะ
     
    "แม่รอกินข้าวที่บ้านครับ"
     
    ยองแจตอบออกมาซื่อๆ ทำเอาอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมา น่ารักจริงๆ...
     
    "อ้าว ไม่ได้มาซื้อของหรอกหรอ"
     
    เจบีเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย พอเจอหน้าเขาถึงกับหมดอารมณ์ซื้อของเลยรึไง รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแหะ ทำตัวเป็นคนค้ายาไปได้ลุกลี้ลุกลน ตลกชะมัด
     
    "เอ่อ... เอ้อ! ใช่ครับๆ แม่ใช้ให้มาซื้อน้ำปลานี่นา ลืมเลย ฮะๆ"
     
    ยองแจเกาหัวเขินๆแล้วหัวเราะโง่ๆออกมา มันน่าตลกตรงไหนวะ มาซื้อน้ำปลาเนี่ย เขาก่นด่าตัวเองในใจ ทำไมทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะ
     
    แจบอมหลีกทางให้ ชายหนุ่มก็เดินตรงหยิบขวดน้ำปลาที่ไม่คิดว่าจะซื้อ เขาตั้งใจจะมาซื้อโค้กโวย!!! 
     
    ตื้อดึง...
     
    เสียงประตูอัติโนมัติร้องขึ้นเมื่อยองแจเดินออกมาพร้อมขวดน้ำปลาในมือ เขาไม่มีอารมณ์จะซื้ออะไรกินแล้ว จะกลับบ้าน!
     
    แต่ชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นคนร่างสูงผมดำยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ พอเจบีหันมาเห็นเขาก็ยิ้มให้พร้อมกับขยี้มวนบุหรี่ลงกับพื้น 
     
    เมื่อไหร่จะไปๆสักที นอนนี่หรอครับ!?
     
    ยองแจทำได้เพียงยิ้มรับ แล้วเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ
     
    "บ้านอยู่ไหนหนะ"
     
    ยุ่งไรด้วยวะครับ!?
     
    "อยู่ซอยถัดไปนี่เอง ทำไมครับ"
     
    "ปะ เดี๋ยวไปส่ง"
     
    เจบีอมยิ้มกับท่าทีตกใจที่โอเวอร์ของอีกฝ่าย อะไรแค่เดินไปส่งบ้านนี่น่าตกใจขนาดนั้นเชียว ยังไงตอนนี้เขาก็ว่างอยู่แล้ว มาร์คเพิ่งตัดหางปล่อยวัดสดๆร้อนๆ ก็เลยไม่มีที่จะไป ชายหนุ่มเอามือซุกกระเป๋ากางเกงท่าทางสบายใจ เขายังไงก็ได้อยู่แล้ว
     
    "ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้เดินประจำ"
     
    "เออหนะ มืดแล้วมันอันตราย อย่าขัดใจสิ"
     
    ยองแจทำได้เพียงชักสีหน้าเบาๆแล้วเดินนำไปก่อน แสงสว่างจากไฟข้างถนนทำให้เกิดเงาทอดยาว เงาของเจบีทาบทับของเขาจากข้างหลัง ยองแจแอบเดินไปเหยียบขยี้เงาหัวของคนเอาแต่ใจอย่างหมั่นไส้ หารู้ไม่ว่ามันอยู่ในสายตาคนข้างหลังตลอด
     
    เจบีเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิดเพื่อเดินข้างๆ เขายื่นกระป๋องโค้กออกจากถุงที่ซื้อมา
     
    "อะ แบ่งกัน"
     
    โค้ก!!!
     
    ยองแจแทบจะกรีดร้องออกมา แต่เขาทำเป็นไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ รับมาแล้วขอบคุณพอเป็นพิธี เจบีก็หยิบของตัวเองออกมาเหมือนกัน
     
    "คุณมาทำอะไรแถวนี้หรอ"
     
    "หลง"
     
    "หือ!? คุณเดินมาจากไหนเนี่ยถึงมาหลงเอาแถวนี้ ตั้งใจจะไปไหนครับ เดี๋ยวผมบอกทางให้"
     
    ยองแจรีบเสนอทางช่วยให้อย่างเป็นห่วง เขาไม่ชอบเห็นใครลำบาก มีอะไรที่พอจะช่วยได้เขาจะทำอย่างเต็มที่ เจบียิ้มให้กับท่าทางนั้น อะไรบางอย่างในตัวเด็กคนนี้ทำให้เขาเริ่มสนใจ
     
    "ฉันไม่ได้เป็นคนหลงหรอก มาร์คต่างหาก นายจำได้ใช่ไหมคนหัวแดงๆ"
     
    "อ่อครับ จำได้ๆ"
     
    ยองแจพยักหน้างึกงัก
     
    "เรากำลังจะไปสำนักงานใหญ่กันแต่ไอ้บ้านั่นกลับหลงทาง เป็นอย่างนี้ประจำ ขับรถเก่งแต่จำทางอะไรไม่เคยได้ ฉันบอกทางไปมันก็ไม่เชื่อ เลยเป็นอย่างที่เห็น"
     
    เจบีบ่นๆแล้วยกโค้กมาซดไปเกือบครึ่ง แล้วนี่ยังจะขับไปไหนอีก ชาติหน้าจะได้เริ่มงานไหมเนี่ย เจบีคิดอย่างขำๆ เขาไม่ค่อยซีเรียสอยู่แล้ว พักหน่อยก็ดี
     
    "แล้วตอนนี้คุณมาร์คไปไหนละครับ"
     
    เจบีหยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาไม่เข้าใจคนๆนี้จริงๆโดนเพื่อนทิ้งแล้วยังเอ้อระเหยกินลมชมวิวได้อีก อะไรมันจะสบายขนาดนั้น จะมีอะไรสักอย่างบนโลกนี้ไหมที่ทำให้คนอย่างเจบีใส่ใจ
     
    "ถึงแล้วครับ"
     
    ยองแจเดินไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ประตูเหล็กสูงเฉียดฟ้า มีกล้องวงจรปิดคอยสอดส่องทุกด้าน ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย
     
    "อะไร นี่นายอยู่บ้านหลังนี้เนี่ยนะ อย่ามาอำ"
     
    เจบีส่งสายตาไม่อยากจะเชื่อออกมาอย่างไม่ปิดบังมันเสียมารยาทสิ้นดี ยองแจเลยพิสูจน์ให้เห็นจะๆตากันไปเลย
     
    เขากดกริ่งเรียกคนในบ้าน หน้าจอก็ปรากฎเป็นผู้หญิงคนนึงที่ดูสูงวัยแต่ยังคงดูดีทีเดียว หน้าตาก็คุ้นๆ พอยองแจเรียกว่า แม่ เท่านั้นแหละ เจบีแทบทรุด ไอ้เด็กบ้าเนี่ยนะลูกเศรษฐี! ลูกคนมีตังที่ไหนเดินออกไปซื้อน้ำปลาตอนสองทุ่มเนี่ย! โลกนี้มีอะไรให้เขาเรียนรู้เยอะเกินไปแล้ว 
     
    ยองแจคุยกับแม่ผ่านกล้องวงจรสักพัก เขาก็หันหน้ามุ่ยๆกลับมา ประตูรั้วถูกเปิดออกอัติโนมัติอยู่ข้างหลัง
     
    "แม่ชวนคุณอยู่ทานข้าว ไม่สะดวกก็ไม่ว่านะครับ เดี๋ยวผมบอกแม่ให้"
     
    นายต่างหากที่ไม่สะดวก ดูทำหน้าเข้าสิ อยากให้เขากินข้าวด้วยสุดๆไปเลย เจบีนึกอย่างขำๆ สำหรับเขา ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เริ่มสนุกละสิ
     
    "สะดวกสิ กำลังหิวเลย ขอบใจนะที่ชวน"
     
    ยองแจทำหน้าแหยเหมือนกินยาขม ที่พูดเนี่ยไม่เข้าใจใช่ไหม! ว่าไม่ได้ชวนนนนน~!
     
     
     
     
    ปรื้นนนนนนนน~!!!
     
    แจ๊คสันรีบคาดเข็มขัดแทบไม่ทัน
     
    เฟี้ยววววววววว~!!!
     
    แรงเหวี่ยงทำให้สายรัดตรึงแทบขาด มือรีบเกาะขอบประตูไว้แน่น ขาชันขึ้นขดตัวอยู่กับเบาะอย่างไม่รู้ตัว สายตาจ้องเขม็งอยู่แต่ถนนตรงหน้า ปากก็ร้องโวยวายไม่หยุด
     
    "คะ คุณ คู้นนนนน ช้าๆหน่อย!!!"
     
    "เหวยย กรวยๆๆ หมาๆๆ จ๊อดดดด!!!"
     
    "@&฿)((;:/--;@&฿&"
     
    จากนั้นก็เริ่มพูดไม่เป็นภาษา คำพูดของแจ๊คสันเหมือนลมที่ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา เขาไม่เคยสนใจคนข้างๆเลย ออกจะดูสนุกเสียด้วยซ้ำ
     
    เอี๊ยดดดดดด~!!!!
     
    จู่ๆมาร์คก็เบรคกระทันหัน หน้าคนข้างๆกระแทกคอนโซนเข้าเต็มๆ
     
    แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมาหันขวับไปหาคนขับตีนผีทันที
     
    "Mother fucker mark god damn go the hell fuck you..."
     
    วันนี้มาร์คคงอิ่มฟักเลยทีเดียว แจ๊คสันพ่นมันไม่หยุดปาก มันคงเป็นรีเฟคที่อัดอั้นมากเลยทีเดียว เขาด่าอีกฝ่ายจนเหนื่อยเลยทีเดียว
     
    "ถ้าคุณอยากไปตายก็เชิญไปคนเดียว อย่าเอาผมไปด้วย!"
     
    แจ็คสันปลดเข็มขัด ดึงดันเปิดประตูและปิดอย่างดังด้วยความฉุนเฉียว เขาเดินออกมาสูดอากาศที่ไม่คิดว่าจะได้สูดอีก นี่เขาเกือบตายมากี่ครั้งกันนะ โอย นับไม่ถ้วน! นรกจริงๆ หนีเสือปะจรเข้ชัดๆ วิ่งหนีไอ้พวกเวรนั่นยังมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าอีก
     
    "ก็ไม่ตายไม่ใช่รึไง"
     
    มาร์คเดินมาสบายๆ ปากคีบบุหรี่ขึ้นมาจุดอย่างผ่อนคลาย ท่าทางน่าหมั่นไส้ชะมัด
     
    "คุณหุบปากไปเลย"
     
    แจ๊คสันพ่นลมหายใจอย่างหัวเสีย จู่ๆมือเย็นของมาร์คก็สัมผัสที่หน้าผากเขา มันเจ็บนะ มือหนักชะมัด
     
    "ช้ำเลยแหะ ขอโทษ"
     
    แค่คำว่า ขอโทษ ที่พ่นมาพร้อมควันบุหรี่ของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาหายโกธรไปเกือบครึ่ง แจ๊คสันขี้โวยวายคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว 
     
    "ขอโทษ"
     
    มาร์คยังย้ำคำเดิม สายตาที่เย็นชาของเขามองตรงมา มันทำให้แจ๊คสันเผลออ่านความคิดคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว
     
    ...ขอโทษ...
     
    คำขอโทษจากใจ แล้วแบบนี้เขาจะโกธรลงได้ยังไง บ้าเอ๊ย
     
    แจ๊คสันปัดมือของมาร์คออก แสร้งทำเป็นไม่สนใจ หันไปมองแม่น้ำแทน อื้อหือ นี่เขามาโผล่ถึงริมเกาะเลยเรอะ ขับมาได้ยังไงเนี่ย
     
    มาร์คขอโทษแล้วก็ถือว่าจบกันไป เขาไม่ใช่คนจุกจิกไร้สาระ ชายหนุ่มดูดจนหมดมวน แล้วก็เข้าประเด็นทันที เขาไม่ชอบอ้อมค้อม
     
    "แกค้ายาใช่ไหม"
     
    "ฮะ!? คุณเอาเรื่องอะไรมาพูดเนี่ย"
     
    "พวกที่ตามแกมาคือ แก๊งค้ายาที่ฉันต้องจัดการ นี่คือเหตุผลที่พวกเรามาฮ่องกง"
     
    "ผมคือผู้ถูกกระทำนะครับ คุณตำรวจ!"
     
    มาร์คเลิกคิ้วอย่างกวนประสาท ให้ตายเถอะ 
     
    "จู่ๆพ่อก็ส่งข้อความไม่ให้กลับบ้าน พอผมกลับไปก็เจอไอ้พวกเวรนั่นค้นบ้าน เหมือนหาเอกสารไรสักอย่าง แล้วพอเห็นผมเข้าก็วิ่งไล่ฆ่าซะงั้น เอกสารอะไรผมไม่เข้าใจ ผมไม่มีของที่มันต้องการหรอก มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ"
     
    "ไหน เอาข้อความมาดูสิ"
     
    จู่ๆเสียงของมาร์คก็แข็งขึ้น แจ๊คสันเปิดข้อความที่พ่อส่งมาให้อย่างไม่เข้าใจ มาร์คมองข้อความแวบเดียวคิ้วเขาก็ขมวดมุ้น ตามมาด้วยคำสบถหยาบคาย เป็นอะไรของเขาเนี่ย จู่ๆก็โมโหอะไร
     
    มาร์คหยิบบุหรี่มวนใหม่ออกมาทำท่าจะจุดสูบ แจ็คสันดึงออกจากปากชมพู่อิ่มอย่างไม่กลัวเกรง แล้วโยนมันลงแม่น้ำไป
     
    "เป็นอะไรของคุณ ผมไม่เข้าใจอะไร..."
     
    แต่แล้วเสียงในความคิดของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาเข้าใจ
     
    "คุณว่ายังไงนะ!!!!"
     
    มาร์คมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย เขายังไม่ทันพูดอะไรเลยนะว่า
     
    ...พ่อแกตายแล้ว...
     
    "มันไม่ตลกนะคุณ จู่ๆมาบอกว่าพ่อผมตายแบบนี้!!!"
     
    "แกรู้ได้ยังไง"
     
    แจ๊คสันมองอีกฝ่ายด้วยความเจ็บปวด เขาเกลียดความสามารถนี้ ทำไมมันต้องเป็นเขาที่มี!!!
     
    "ผมอ่านความคิดได้"
     
    ความสงสัยที่ติดค้างของมาร์คเริ่มต่อกันเป็นจิ๊กซอร์ที่สมบูรณ์ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
     













    เรื่องมันอืดๆเอื่อยๆไปไหมนะ-.,-
    กำลังไขปมพ่อของแจ๊คคะ ใจเย็นๆนะคะ55555
    ทุกเม้นคือกำลังใจค่าาา อยากรู้ว่ามีคนอ่านอยู่ไหม-.,-
    เข้ามาคุยกันได้ในทวิต นะคะ @fiyvarist
    #hawkeyejm

    เจอกันตอนหน้าค่าาาา
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×