ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [1D Fiction] Watch out! รักนี้ต้องระวัง!

    ลำดับตอนที่ #9 : -8- Something strange

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 55


    Chapter 8 : Something strange


    “ฉันอยากรู้จังเลยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่แฮร์รี่วิ่งออกไปจากห้องแล้วเซนวิ่งตามไป”

     

    ไนออลบ่นขึ้น ขณะที่เขากับเลียมกำลังนั่งอยู่ในรถที่มุ่งหน้ากลับสู่คฤหาสน์โฮรัน

     

    “ฉันก็สงสัยเหมือนกัน...แล้ว ทำไมนายไม่ถามแฮร์รี่ให้ละเอียดไปเลยล่ะ จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”

     

    ไนออลส่ายหัว “ไม่ถามหรอก เพราะถ้าแฮร์รี่อยากบอก เดี๋ยวเขาก็บอกเอง...นี่แสดงว่ามันต้องเกิดอะไรที่เขาไม่อยากบอกกันแน่ อืมมม....เกิดอะไรขึ้นนะ.....”

     

    ไนออลเงียบไป เลียมเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเหมือนกัน เพราะเขากำลังคิด......คิดด้วยประเด็นเดียวกับไนออลนั่นแหละ

     

    เกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น?

    เซนไปทำอะไร แฮร์รี่เลยดูนิ่งๆ ดูสบายใจและไม่เป็นอะไรดี ทั้งๆที่ตอนวิ่งออกจากห้องไปเลียมเห็นสีหน้าของแฮร์รี่แย่ขนาดนั้นแท้ๆ...ถ้าเซนทำให้สีหน้าแบบนั้นกลายเป็นสีหน้าสงบได้...แสดงว่าบอดี้การ์ดกับคุณหนูคู่นี้มันต้องเริ่มไม่ธรรมดาจริงๆ....

     

    ไม่ธรรมดาอย่างไง?....

    ....คงไม่ใช่อย่างที่เรากลัวหรอกมั้ง?

     

    ไม่ใช่แน่ๆ สองคนนั้นยังรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์นึงเลยด้วยซ้ำ....มะ...

     

    “โอ้ยยยยยยยยยย คิดไปก็ปวดหัว เลิกคิดเรื่องนี้แล้วไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า!” ไนออลแว้กขึ้นมา เอามือขยี้ผมอย่างคนหัวเสีย ทำเอาเลียมสะดุ้งตื่นจากความคิดของตัวเอง เขาหันไปกระพริบตามองไนออลปริบๆ เงียบกันไปพักหนึ่งก่อนไนออลจะเอ่ยขึ้น “นายไม่สนใจจะถามเลยหรอว่าฉันจะคิดเรื่องอะไรแทน?”

     

    เลียมหัวเราะเบาๆให้กับคำถามของไนออล

     

    เด็กเหมือนกันกับแฮร์รี่นั่นแหละ....แต่เด็กคนละแบบ

     

    เด็กแบบแฮร์รี่น่ะ คือเด็กเฮี้ยว ซน แสบ ต้องการคนดูแลเข้มๆ (อืม....ยอมรับล่ะว่าเอาเซนไปดูน่ะ เหมาะแล้ว)

    ส่วนเด็กแบบไนออล....ไม่ต้องการอะไรมาก แค่ต้องการคนใส่ใจ คนอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นเอง

     

    บอกตรงๆว่าชอบดูแลเด็กแบบหลังมากกว่าเยอะ...

     

    “ถามก็ได้....คิดเรื่องอะไรแทนล่ะ?”

     

    รถหยุดตรงหน้าประตูเข้าคฤหาสน์ ไนออลเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดประตู หลิ่วตาให้เขาแล้วพูด “คิดวิธีทำให้นายหายกลัวช้อนไงล่ะ!

     

    ไม่รอให้เลียมได้ปฏิเสธ มือที่ว่างอยู่อีกข้างของไนออลคว้ามือเขา เปิดประตู แล้วลากออกไปจากรถทันที

     

    .

    .

    .

    .

    เซนนั่งเงียบๆอยู่มุมห้อง ตาก็คอยจ้องมองครูสอนพิเศษกับลูกศิษย์เป็นระยะๆ แต่ระวังไม่ให้ทั้งสองคนรู้ว่าเขากำลังจับตามองอยู่ หูเขาก็เงี่ยงฟังบทสนทนาของทั้งคู่ตลอด แม้ภายนอกจะทำเป็นไม่ใส่ใจก็ตาม

     

    บอกแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย เจอใครก็จับผิดหมด แต่ ณ จุดนี้ ครูสอนพิเศษ...ลูอี ทอมลินสัน เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้มองคนๆนี้ในแง่ร้าย...เขาแค่ใช้ความรู้สึกของคนที่เป็นบอดี้การ์ดมอง.....

     

    ....แล้วเขาก็รู้สึกว่าคนๆนี้แปลกๆ....แปลกอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก

    ถึงแม้จะยังอธิบายไม่ได้...แต่เขาก็ต้องระวัง....

     

    ระวังทั้งตัวเอง ทั้งคุณหนูของเขาด้วย....

     

    คุณหนูของเขา......

    .....ที่นอกจากจะไม่รู้สึกแบบเดียวกับเขาแล้ว ยังรู้สึกตรงกันข้ามอีกต่างหาก

     

    ตรงกันข้ามอย่างไงน่ะหรอ? ก็........

     

    “มันไม่เข้าใจอ้ะ! ทำไมต้องใช้วิธีนี้ในการตัดสินคดีนี้ล่ะ?”

     

    “ก็ลองดูดีๆสิ คดีนี้มันคล้ายกับคดีที่แล้วมากเลยใช่ไหม? ถ้าคล้ายกันก็สามารถใช้มาตราเดียวกันมาตัดสินได้ แม้รายละเอียดของคดีจะต่างออกไปเล็กน้อยก็ตาม”

     

    “เออ จริงด้วยแฮะ....นายเก่งจัง!

     

    “นายเองก็เก่ง หัวไว เข้าใจง่ายดี”

     

    “แหะๆ”

     

    ......เรียนไป ยิ้มไป ทำหน้ามีความสุขไปอยู่นั่นไงล่ะ!

     

    เซนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน....เวลาอยู่กับไนออลก็ชวนเล่นสนุก อยู่กับเลียมก็พูดดีๆยิ้มสวยๆให้ พอมาอยู่กับครูสอนพิเศษของตัวเองก็เชื่องเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ....แล้วทำไมเวลาอยู่กับเขามันถึงเซี้ยว แสบ กวนโอ๊ยขนาดนั้นล่ะเว้ยเฮ้ย! เด็กคนนี้สองมาตรฐานนี่หว่า!!

     

    ก็.....ไม่ใช่ว่าแฮร์รี่เป็นคนสองมาตรฐานซะทีเดียวหรอก...เพราะมันก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกันที่เจ้าตัวทำเชื่อง เป็นเด็กน่าเอ็นดูแบบนั้นกับครูสอนพิเศษตัวเอง จากการที่เขาแอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ (ไม่ได้เจือก! เขาเรียกเก็บข้อมูลและดูแลความปลอดภัยคุณหนูต่างหาก!) ก็พอจับใจความคร่าวๆได้ เหตุผลที่ว่านั่นก็คือ....เพราะสองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อนที่แฮร์รี่จะรู้จักไนออลซะอีก

     

    ว่าง่ายๆ...ก็คือรู้จักก่อนที่พ่อกับแม่ของแฮร์รี่จะหย่ากัน...

     

    ดังนั้น ลูอีกับแฮร์รี่ก็เลยสนิทกันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ไม่ได้เจอกันนานหลายปีก็ตาม เพราะลูอีชวนแฮร์รี่คุยเรื่องเก่าๆมากมายก่อนจะเข้าบทเรียน และไอ้เปี๊ยกนั่น...ก็ดูมีความสุขที่ได้คุยเรื่องแบบนั้นซะด้วย

     

    โอเค...เขาบอกแล้วว่าเขาอยากจะเข้าใจเด็กน่าสงสารคนนี้ แล้วก็พยายามทำให้เด็กคนนี้มีความสุขด้วย

    แต่ทำไมความสุขของเด็กคนนี้ ต้องมาบนความไม่สบายใจของบอดี้การ์ดอย่างเขาด้วยนะ ให้ตายสิ.....

     

    บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้...ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้นหรอก...................มั้ง?

     

    แล้วอีกอย่าง....ครูสอนพิเศษก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว เพราะทั้งสองคนคุยถึงเรื่องเก่าๆก็จริง...แต่เรื่องเก่าๆเหล่านั้น....ลูอีไม่พูดเกี่ยวกับแม่ของแฮร์รี่เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันน่าจะจัดอยู่ในเรื่องเก่าๆด้วยก็ตาม

     

    ไม่ทำให้ไอ้เปี๊ยกเสียใจด้วยการพูดเรื่องแม่ของเจ้าตัวก็...ไม่น่าจะเลวร้ายหรือแปลกไปซะหมดหรอก.......มั้ง? (อีกแล้ว - -)

     

    เซนสังเกตคู่ครูสอนพิเศษกับลูกศิษย์ไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้สึกอะไรเพิ่ม แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรลดลง ความแปลกในสายตาบอดี้การ์ดของลูอียังคงมีอยู่เท่าเดิมในสายตาเซน

     

    “อ่าว...สองทุ่มแล้วหรอ? หมดเวลาแล้วนี่”

     

    “หา? สองทุ่มแล้ว? เมื่อกี๊ฉันยังรู้สึกว่าหกโมงอยู่เลย” แฮร์รี่ว่า ก้มมองนาฬิกาตัวเอง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคิ้วก็ขมวดมุ่นจนลูอีหัวเราะออกมา “ยังไม่อยากเลิกเลยอ่ะ สนุก ดีกว่าเรียนในห้องตั้งเยอะ”

     

    “ฉันก็ไม่อยากเลิกเหมือนกัน.....” ลูอีว่า ขยี้ผมของแฮร์รี่จนชี้ไปคนละทาง แต่เจ้าของผมก็ไม่บ่นเลยแม้แต่น้อย

     

    เซนคิ้วกระตุก

     

    “......แต่ว่าถ้าไม่เลิกตอนนี้ กว่านายจะไปกินข้าว อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ดึกพอดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหวหรอก” ลูอีปลอบ แต่แฮร์รี่ก็ยังเม้มปากแน่น พูดเสียงเซ็งๆผสมงอนๆ

     

    “ฉันยอมนอนดึกๆจนพรุ่งนี้มีสภาพเป็นผีไปเรียนแต่มีนายเป็นเพื่อนคุยดีกว่า....” ปรายตามาทางเซน เดี๋ยวพ่อก็ควักลูกตาซะหรอก! “.....นอนไวๆ แต่มีใครไม่รู้อยู่ด้วย”

     

    สงสัยยังอยู่ในโปรโมชั่นทำตัวดีๆ แฮร์รี่เลยพูดถึงเขาแค่ว่า ใครไม่รู้ถ้าไม่อยู่ในช่วงโปรโมชั่น มันคงเปลี่ยนเป็นคำว่า ตัวอะไรไม่รู้อย่างไม่ต้องสงสัย.....อย่างน้อยไอ้เปี๊ยกมันก็รักษาสัญญาละกัน

     

    ลูอีเหลือบตามองตามแฮร์รี่มาเจอเขา...ฉับพลัน....ความรู้สึกแปลกๆตามสัญชาตญาณบอดี้การ์ดพรุ่งปรี๊ดขึ้นมา....แต่แล้วมันก็ลดระดับเหลือเท่าเดิมเมื่อลูอีหันกลับไปพูดกับไอ้เปี๊ยกต่อ “อย่าดื้อน่า....”

     

    “ไม่ได้ดื้อ! ….แต่ที่คุณหนูทำตอนนี้ผมว่าดื้ออย่างเดียวไม่พอ...ต้องดื้ออิ๊บอ๋าย

     

    “...ถ้ายอมให้ฉันกลับบ้าน แล้วก็ไปอาบน้ำกินข้าวดีๆ คราวหน้าสัญญาว่าจะมาไวๆ เราจะได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อย ดีไหม?”

     

    “สัญญาว่าคราวหน้าจะมาไวๆ?”

     

    “สัญญาสิ เกี่ยวก้อยก็ได้อ่ะ” พูดจบก็ชูนิ้วก้อยขึ้นมา เอ่อะ....แบ๊วๆแบบนี้ไอ้เปี๊ยกจอมแสบมันทำเป็นเรอะ? แกได้ยกนิ้วเก้อแน่ๆ ครูสอนพิเศษอะ....

     

    “ก็ได้”

     

    เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!

     

    ไม่ใช่เสียงแม่ครัวทำอะไรในครัวหล่นหรอก...เสียงหน้าเซนแตกในใจเนี่ยแหละ!~ แตกเพราะคิดไว้อย่างดิบดีว่าแฮร์รี่คงไม่ทำอะไรแบ๊วๆแบบนั้น...ที่ไหนได้ ยกนิ้วตัวเองไปเกี่ยวแถมเขย่าไปมาอีกต่างหาก!!

     

    โอ เอ็ม จี โอ้ว มาย ก๊อด!

    ไอ้คุณหนูตัวแสบนี่...มันทำอะไรน่ารักๆกับเค้าเป็นด้วยเว้ย!

     

    “ดีมาก งั้น....ฉันไปละนะ”

     

    “เดี๋ยวไปส่ง” พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปนอกห้องกินข้าวด้วยกัน เซนมองตาม...แค่ไปส่งหน้าบ้าน ไม่ต้องตามไปก็ได้มั้ง...ดีไม่ดีตามไปอาจจะโดนหาว่าจุ้นก็เป็นได้

     

    แฮร์รี่กลับมาอีกที อาหารเย็นก็ถูกตั้งบนโต๊ะตัวยาวเรียบร้อย....แน่นอนว่าวันนี้ก็มีคนนั่งกินอยู่สองคนตามเคย คือเขากับตัวแฮร์รี่เอง พอแฮร์รี่เข้ามาปุ๊ปก็รีบดึงเก้าอี้ นั่ง แล้วกินเอาๆจนเซนต้องมอง....มองจนคนที่เจริญอาหารรู้สึกตัว แฮร์รี่เหลือบตาขึ้นมองก่อนจะถาม “มองอะไร?”

     

    ยังทำตัวดีอยู่ ถ้าไม่ดีคงถาม มองอะไร ไร้มารยาท!’ มากกว่า

     

    “ก็แค่แปลกใจ...คุณหนูดูเจริญอาหารพอๆกับไนออลเลย”

     

    ยักไหล่แล้วตอบ “เรียนมาเหนื่อยๆ หิวนี่นา”

     

    เซนกอดอก ไม่กินมันล้ะ ข้าวเย็น “เหนื่อยกว่าเรียนในห้องเรียนอีกหรอ?”

     

    “อื้อ...” แฮร์รี่พยักหน้า ส้อมที่เสียบเนื้อไก่ยังคาปากอยู่ “...ก็ฉันตั้งใจมากกว่าตอนที่อยู่ในห้องนี่นา”

     

    “แล้วทำไมตั้งใจมากกว่า?”

     

    “ถามทำไมนักหนา?” ...ก็แค่อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูอีให้มากขึ้น...นี่คือสิ่งที่เซนตอบในใจ แต่ปากก็พูดออกไปว่า

     

    “ก็แค่สงสัย”

     

    “วันนี้ฉันใจดี จะตอบให้ก็ได้...ก็เพราะลูอีสอนเข้าใจมากกว่าน่ะซี แล้วมันก็เรียนสบายๆ บรรยากาศเหมือนพี่สอนน้อง อืมมมม....ประมาณนั้น.....”

     

    “คุณหนูหน้าแดง...”

     

    “หา? อะ...อะไรนะ??...”

     

    “ผมบอกว่าคุณหนูหน้าแดง คิดอะไรทำไม...”

     

    “ไม่ได้คิด! กะ...ก็อากาศมันร้อน”

     

    “ไม่จริงมั้ง ผมว่าวันนี้อากาศดีออก ดีจนหาได้ยากซะด้วยซ้ำไป.....คุณหนูโดนเจ้าครูสอนพิเศษนั่นทำอะไรรึ....”

     

    “อย่ามากล่าวหาลูอีนะ!” เสียงตะกุกตะกักเมื่อกี๊เปลี่ยนเป็นตวาดแหวทันควัน “เขาไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้นแหละ ห้ามว่าเขาเด็ดขาดเลย!! ก่อนไปเขายังถามถึงเรื่องงานของพ่อฉัน เขาเป็นห่วงแม้กระทั่งพ่อเชียวนะ!!เขาเป็นคนดีจะตาย!!” แฮร์รี่รวบส้อม “ฉันจะหน้าแดง หน้าดำ หน้าเขียวอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง!!

     

    พูดจบก็เดินกระแทกเท้าแรงๆออกจากห้องกินข้าวไป เซนนั่งนิ่ง ในหัวมีแต่ความคิดที่กำลังประมวลผล

     

    ครูสอนพิเศษคนนี้แปลกจริงๆแหละ

    ทั้งแปลกในแง่ความรู้สึกของบอดี้การ์ด แล้วก็แปลกในแง่ความรู้สึกของคนธรรมดาด้วย

     

    แปลกในแง่ความรู้สึกของบอดี้การ์ดมันคงอธิบายไม่ได้ แต่ในความรู้สึกคนธรรมดาน่ะ มันอธิบายได้ง่ายมากๆ เพราะมันแปลกตรงที่คุณหนูของเขาดูจะปกป้องคนๆนี้ซะเหลือเกิน ปกป้องน่ะไม่เท่าไหร่ อาจจะทำไปในฐานะคนที่เคยสนิทกันเมื่อตอนเด็กๆ.....แต่ไอ้การที่คุณหนูเขาหน้าแดงเวลาพูดถึงเนี่ยซี่..................มันเกิดจากฐานะอะไร? คนที่เคยสนิทน่ะไม่น่าใช่.......

     

    เอาเถอะ คิดเรื่องครูสอนพิเศษไปก็เมื่อยตุ้มเปล่าๆ เรายังหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาไม่พอ ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้าสรุปอาจจะไม่เป็นผลดีก็ได้.....แต่ยังไงๆเขาก็ต้องหาข้อมูลมาให้เพียงพอในเร็ววัน จะได้สรุป ถ้าดีก็ปล่อยไป แต่ถ้าไม่ดี.....

     

    เซนกำมือ

     

    ....จะได้ไล่ไปให้ไกลจากคุณหนู เป็นหน้าที่ที่บอดี้การ์ดที่ดีสมควรทำ

     

    .....................

    ............

     

    มาสรุปเรื่องที่เรามีข้อมูลพอดีกว่า.....เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องคุณหนูแฮร์รี่ของเขานั่นไง

     

    เซนเอนตัวใส่พนักเก้าอี้ เอามือรองหัวต่างหมอน

     

    อย่างแรกที่เขารู้ก็คือคุณหนูแฮร์รี่คนนี้น่าสงสารจริงๆ เป็นเด็กขาดความอบอุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย และคงจะรักแม่มากๆ....สังเกตจากการร้องห่มร้องไห้ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเขานั่นแหละ อย่างที่สองก็คือลึกๆแล้วไอ้เปี๊ยกนี่ก็เป็นคนดี ไม่ได้เฮี้ยวสิ้นทุกสิ่งอย่างแบบที่แสดงออกมา ทั้งเป็นห่วงคนอื่น รักเพื่อน แล้วก็จริงใจ....แต่ความน่าสงสารและข้อดีเหล่านั้นถ้าไม่มองให้ดีก็จะไม่เห็น เพราะเจ้าตัวเองก็พยายามซ่อนมันลึกๆโดยการทำตัวเป็นเด็กแสบๆซนๆแบบนั้น…..

     

    เพราะร้องไห้แล้วไม่มีใครปลอบ เลยต้องเข้มเข็งจนดูก้าวร้าวไปเลยงั้นสินะ.....

     

    “นี่....”

     

    เซนหันไปมองต้นเสียง แฮร์รี่คงอาบน้ำเสร็จแล้ว หัวยุ่งๆโผล่ออกมาจากขอบประตู เมื่อเห็นเขาหันไปมองก็พูดต่อ “ไม่กินข้าวก็ไปอาบน้ำนอนสิ....”

     

    “ห่วง?” เซนย้อนถามเสียงสูงน้อยๆ....อารมณ์แปลกๆที่เกิดจากครูสอนพิเศษคนนั้นละลายหายวับไปทันที แฮร์รี่สะบัดเสียงตอบ

     

    “เปล่า! แค่...แค่....”

     

    เซนเลิกคิ้วมอง พยายามกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อได้ว่าถ้ายิ้มออกไป...ไอ้เปี๊ยกนี่คงไม่ยอมพูดต่อแหงมๆ

     

    “.....แค่...พอนายขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนแล้วไฟห้องนี้จะได้ปิด บ้านฉันจะได้ประหยัดไฟ แค่นั้นเอง!

     

    ทนไม่ไหวแล้ว....

    ...เซนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

     

    .

    .

    .

    .

     

    แฮร์รี่กระทืบเท้าเดินออกไป จำไม่ได้แล้วว่าวันนี้กระแทกเท้าเดินออกไปแล้วกี่หน ช่วยไม่ได้นี่นา...ไอ้บ้าเซนนี่มันน่าโมโหจริงๆ...คนอุตส่าห์มาตาม กลัวอาบน้ำดึกๆแล้วจะเป็นหวัด...แบบจะได้ตอบแทนที่หมอนี่ปลอบเขาตอนกลางวันซักนิดไง...แล้วดูมันทำ! มันหัวเราะใส่เขาอีกแล้ว!!~ เขาไม่ใช่หม่ำ จ๊กม๊กจะตลกทำเพื่ออออ???

     

    ทีหลังจะไม่ทำแล้ว ไม่ทำๆ ไม่ทำแล้ววววววววววววววว!

     

    ........................

    ...................

    ......มั้ง?.....

     

    ก็มือหมอนี่ที่ลูบหัวเขามันอุ่นดีนี่นา....

    .....รู้สึกดีแบบนั้น...แลกกับการโดนหัวเราะก็....แค่ขาดทุนนิดหน่อยเอง....

     

    ก็...พอจะทำต่อได้ล่ะมั้ง?

     

    .

    .

    .

    .

     

    เลียมกำลังพยายามหายใจเข้าลึกๆอยู่....ตอนนี้อารมณ์ของเขาคล้ายๆกับตอนเข้าคลาสยิงปืนครั้งแรกตอนปีหนึ่งไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงที่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หายกลัวกับการที่ต้องใช้ปืน กลับใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนใช้,ufหั่นเนื้ออย่างไงอย่างงั้น ผิดกับเจ้าสิ่งนี้......ที่ทำยังไงๆเขาก็ไม่หายกลัว ไม่ต้องพูดถึงการใช้มันให้คล่องเลยเถอะ....สิ่งนี้....ที่เรียกว่า....

     

    ...ช้อน!!!....

     

    “เลียม กินข้าวหน่อยเถอะน่า...” เสียงปะเหลาะของไนออลดังขึ้น แต่ที่เลียมทำกลับไปคือส่ายหัวยิก ถึงแม้ท้องจะร้อง และกลิ่นอาหารตรงหน้าจะหอมขนาดไหนก็ตาม เวลานี้...เขากินไม่ลงทั้งนั้นแหละ!

     

    “ไม่หิวหรอ?” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

     

    “หิว”

     

    “ทำไมไม่กินล่ะ?”

     

    “กินไม่ลง”

     

    “เพราะอะไร?” ยิ่งถามน้ำเสียงยิ่งอ่อนโยน ถ้าเป็นเวลาที่เขาเป็นปกติดี เขาก็คงจะเงยหน้ามาขอบคุณที่เป็นห่วงด้วยความซึ้งใจ แต่เวลานี้เขาไม่ปกติน่ะซิ ฮือออออ....

     

    “เพราะช้อนที่นายเอามาวางใกล้ๆฉันนั่นแหละ ฉัน...กิน...ไม่...ลง” เลียมมองไนออลด้วยแววตาวิงวอน “ได้โปรดเถอะ เอามันออกไปที”

     

    “ไม่ได้!” เสียงที่สดใสร่าเริงอยู่เป็นนิตย์เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว “ฉันบอกแล้วไงว่าจะทำให้นายหายกลัวช้อนให้ได้ นี่คือขั้นแรกของแผนการนี้ ถ้าฉันยอมเอาออกไปก็เท่ากับว่าแผนฉันล่มน่ะสิ!

     

    “ล่มไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” เลียมพูดเสียงสั่นๆ “ฉันกลัวช้อนต่อไปเหมือนเดิมก็ได้นี่นา”

     

    “ไม่ได้!” คราวนี้เสียงของไนออลแข็งกว่าเดิม “ถ้าเกิดไปที่ๆเขาไม่มีส้อมให้นายจะทำอย่างไง?”

     

    “ใช้มีดกินเอา”

     

    “แล้วถ้าไม่มีทั้งส้อมทั้งมีด?”

     

    “ก็ไม่กิน” ตอนนี้เขาจะร้องไห้แล้วนะ ฮือออออ....

     

    “ได้อย่างไง! ถ้าไม่กินอาหารให้ครบตรงเวลานายรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น? มันมีผลเสียมากกว่ากระเพาะของนายจะพังนะ!! ฉะนั้น...กินข้าว!!

     

    “กินไม่ลงจริงๆ” น้ำตาคลอแล้วมั้งเนี่ย ฮืออออ....

     

    ไนออลมองบอดี้การ์ดตัวเองด้วยแววตาหลากหลาย ทั้งสงสาร ทั้งเป็นห่วง ทั้งหนักใจ ก่อนจะพูดปลอบอีกครั้ง “น่านะ กินหน่อยเถอะ....ถ้ากลัวช้อนก็ไม่ต้องมองช้อนซี่....”

     

    เคยป้ะล่ะ? แบบว่ารู้ว่ากลัวแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้มองไม่ได้ เหมือนหนังผีนั่นแหละ รู้ว่ากลัว...แต่ก็ต้องดู กรณีของเขากับช้อนมันก็เหมือนกัน!!!

     

    แต่ไนออลดูเหมือนจะเข้าใจเขา เจ้าตัวเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ “งั้น....ถ้าห้ามตัวเองไม่ให้มองไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นคิดว่ามันเป็นอย่างอื่นละกันนะ”

     

    “อะไรล่ะ?” สมองช้าขึ้นหลายเท่าตัวเมื่ออยู่กับช้อน ต้องวอนให้คนอื่นคิดแทนแล้วล่ะ T T

     

    “อืมมม..ก็.....อะไรที่นายชอบเป็นไง?”

     

    “หา?”

     

    “อะไรก็ได้ที่นายชอบ คน สัตว์ สิ่งของ อะไรก็ได้”

     

    “อะ...อืม...” เลียมรับคำ พยายามทำอย่างที่ไนออลว่า คิดแบบนั้นไม่นานเขาก็หยิบส้อมกับมีด (ไนออลยังไม่โหดร้ายพอที่จะบังคับให้เขาใช้ช้อนกินตั้งแต่แผนแรก) มาเริ่มกินอาหาร ไนออลยิ้มกว้างทันที เลียมเองก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มน้อยๆตอบกลับไป

     

    น่าแปลกที่เขาพอจะกินลง ทั้งๆที่เมื่อกี๊กินไม่ลงอยู่ตั้งนานสองนาน อืมมม..อาจจะเพราะเขาคิดถึงสิ่งที่เขาชอบชัดเจนมากก็ได้มั้ง? ชัดเจนจนเขารู้สึกว่าข้างๆตัวนั่นคือสิ่งที่เขาชอบ ไม่ใช่ช้อน...

     

    ...ที่ชัดเจนแบบนี้....อาจจะเพราะ......

     

    เพราะ..............

     

    ..................

    ..........

     

    .....อาจเพราะเขาเพิ่งเจอสิ่งนั้นเมื่อตอนเช้า ตอนกลางวันแล้วก็ตอนบ่ายของวันนี้เอง....

     

    Continue -9-

    Talk


    ต้องขออภัยรีดเดอร์ทุกท่านที่ลงตอน 8 ให้ห่างกับตอน 7 ได้ขนาดนี้ ขอโทษค่าาาา T_________T
    มันเกิดจากการที่ช่วงนี้ยุ่ง...และช่วงต่อไปก็น่าจะยุ่งกว่านี้อีก ถ้ามาลงช้าอะไรไปก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยละกันนะค้าาาา

    รักกันจริงก็อย่าทิ้งกันเน้อ~

    และแล้วเราก็เดินทางมาถึงห้าสิบคอมเม้นท์แล้ว! ต้องขอขอบคุณทั้งห้าสิบคอมเม้นท์ (ที่ตอนนี้เป็นห้าสิบกว่าแล้วๆ ซึ้งแท้เหลา) มากๆเลยนะคะ เรารักทุกคนม๊ากมากกกกกกก แอร๊ยยยย~

    ขอบคุณทุกคลิ๊ก ทุกเม้น มีข้อติชมสงสัยอะไรก็ถามกันได้ตลอดเลยเน้อออ

    เอ็นจอยวิทฟิคค่า~!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×