ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [1D Fiction] Watch out! รักนี้ต้องระวัง!

    ลำดับตอนที่ #8 : -7- Crying over the song

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 55


    Chapter 7 : Crying


    “วันนี้เลิกเรียนแล้วไปหาไรกินกันป่าว?”

     

    ไนออลเอ่ยชวนอีกสามคนที่กำลังเอ็นจอยวิทลันช์กันอยู่ ไม่ทันที่จะได้คำตอบจากคนอื่น แฮร์รี่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ไม่ได้หรอก วันนี้ต้องกลับบ้านไวๆ”

     

    “หา? เห้ย...” ไนออลวางส้อม (สั่งห้ามไม่ให้ใช้ช้อนเด็ดขาดเพราะเลียมกลัว....ไว้สอนให้ไม่กลัวช้อนวันหลังละกัน วันนี้เวลาน้อย) ก่อนจะเอามือเสยผม อังหน้าผากเพื่อน “...ตัวร้อนเปล่าเนี่ย? หรือกินอะไรผิดสำแดงมาตอนเช้า?”

     

    แฮร์รี่ปัดมือไนออลออก “ฉันก็กินเหมือนทุกวันแหละน่า...แค่ฉันอยากกลับบ้านไวๆบ้างนี่มันผิดปกติขนาดนั้นเลยหรอ?”

     

    “ใช่ มาก มากที่สุด!....นายต้องมีเหตุผลแอบแฝงแน่ๆ ไม่ได้อยากกลับบ้านไวๆเพราะเป็นเด็กดีหรอก”

     

    “เหตุผลอะไรก็เรื่องของฉัน แบร่~” ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่เพื่อนรักของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าก้มตากิน ทิ้งให้ไนออลฮึดฮัด

     

    “เออ จำไว้นะ! มีไรไม่บอกกัน ไว้ฉันจะไม่ยอมบอกเรื่องของฉันมั่ง”

     

    “อยากรู้ตายล่ะ!” แฮร์รี่ตอบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหาร

     

    “หรอ? ว้า แย่จัง....ถ้านายไม่อยากรู้เรื่องของฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรมาขู่ให้นายบอกน่ะซี” เหตุผลซื่อๆของไนออลเล่นเอาอีกสามคนที่เหลือหัวเราะพรืด ไนออลดีดนิ้วดังเป๊าะ “แต่ถึงนายไม่บอกฉัน ฉันก็มีวิธีอื่นที่จะรู้อยู่ดีแหละ”

     

    “วิธีไหน?”

     

    “เซนไง! เขาเป็นบอดี้การ์ดนาย อยู่กับนายตลอดเวลา เขาต้องรู้อยู่แล้ว....ฮี่ๆ” ไนออลหัวเราะอย่างเป็นต่อ “เซน! ว่าไง? รู้ไหมว่าทำไมวันนี้คุณหนูแฮร์รี่ถึงอยากเป็นเด็กดีกลับบ้านแต่วัน?”

     

    “ก็.....”

     

    “ถ้านายบอกไนออล ฉันจะแกล้งนายให้หนักกว่าที่นายโดนเมื่อวานอีก”

     

    “กะ......” เซนอ้าปาก กะจะสวนกลับไปให้เต็มที่เลยว่า “กะ กะ กะ กลัวที่ไหน...” แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นสายตาเลียมเข้า สายตานั้นอ่านได้ง่ายๆเลยว่า บอกให้เข้าใจ ไม่ใช่เอาชนะ!’ เซนก็เลยต้องกลืนไอ้ที่จะพูดลงคอไป แล้วพูดใหม่ว่า “ทำไมไม่อยากให้บอกล่ะ...ครับ”

     

    ลืมไปว่าไอ้เปี๊ยกนี่ยังไม่ยอมให้เขาพูดธรรมดาๆด้วย...บรรยากาศแบบเพื่อนมันพาให้ลืมน่ะ

     

    “อยากแกล้งไนออล ฮี่ๆ” แฮร์รี่พูดเหตุผลจบแล้วหันไปยักคิ้วใส่ไนออลที่โวยวาย

     

    “แกล้งฉันอีกแล้วนะ! นี่ เซน สงสารฉันบ้างสิ!~ ฉันโดนแฮร์รี่แกล้งแบบนี้แทบทุกวัน ให้ฉันได้แกล้งคืนโดยการรู้เรื่องที่มันไม่อยากบอกหน่อยเถอะ บอกฉันหน่อยๆ เลียมมมมมมมม!!!!!” ว่าแล้วก็หันไปหาบอดี้การ์ดของตัวเองที่อมยิ้มมองอยู่ “บอกเซนเพื่อนนายให้ช่วยฉันหน่อยสิ”

     

    เลียมส่ายหัว “ไม่เอาล่ะ ถ้าเข้าข้างนาย ฉันอาจจะโดนแฮร์รี่แกล้งแทนเซนก็ได้ ไม่อยากลองเท่าไหร่อ่ะ”

     

    แฮร์รี่ยิ้มชอบใจกับคำตอบของเลียม หันไปเหลือบมองไนออลด้วยแววตากวนๆ เล่นเอาไนออลโวยวายหนักกว่าเดิม “ทำไมบอดี้การ์ดฉันไม่เขาข้างฉันล่ะเนี่ย!~ ไม่เข้าข้างฉันไม่เป็นไร ฉันยังมีเซน...เซนนนนน นายบอกมาหน่อยเด้!

     

    “เอ่ออออ....”

     

    “นายน่าจะโดนแฮร์รี่แกล้งมาเรียบร้อยแล้วนี่..” สมเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน รู้ได้แม้กระทั่งการกระทำของอีกฝ่าย ใช่ครับ ผมโดนแกล้งมาแล้ว เจ็บแสบจริงๆ “...น่าจะไม่กลัว ไม่ป๊อดเรื่องโดนแฮร์รี่แล้วนี่นา! บอกฉันหน่อยเถ๊ออออออออออออ”

     

    พูดคำว่าป๊อดขึ้นมาแล้ว...คันปากอยากบอก เขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าป๊อดกลัวไอ้เปี๊ยกนี่นี่นา!

     

    ....................

    .............

     

    แต่เขาลืมไปว่า ไอ้เปี๊ยกนั่นน่ะ ไม่ได้แสบอย่างเดียว แต่ฉลาดด้วย...

    ..แล้วก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเขาคันปากอยากบอกเพราะไม่อยากถูกหาว่าป๊อดด้วยแหละ เพราะ....

     

    หมับ!

     

    มือขาวๆข้างหนึ่งมาเกาะแขนเขาไว้ แค่เกาะนะ ไม่ใช่บีบ กำหรือทำอะไรที่มันเจ็บๆ เกาะเบาๆเหมือนนกเกาะมือน่ะ

     

    แค่เกาะแขนเซนอย่างสุภาพ เขาก็แทบตาถลนออกมาแล้วนะ ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เปี๊ยกจอมแสบจะทำอะไรแบบนี้เป็น...แต่วินาทีถัดมาตาของเซนก็แทบถลนออกมาจริงๆ เพราะอะไรน่ะหรอ?....

     

    ...เพราะวินาถีถัดมามันมีการเขย่า...แต่เขย่าแบบอ้อนๆน่ะเซ่!~ แถมมันยังมากับคำที่ว่า....

     

    “...อย่าบอกไนออลเลย น๊า~

     

    ...แบบเนี๊ยะ! ไม่ให้ตาถลนออกมาได้ไงวะ! ไอ้คุณหนูตัวกระเปี๊ยกจอมแสบนี่มันอ้อนคนเป็นกับเขาด้วยเรอะ!!

     

    “อย่าหันไปมองตาแฮร์รี่เชียวนะ!” ไนออลพูดเสียงเขียว แต่เคยได้ยินป้ะ? ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ....

     

    “ทำไมอ่ะ?” เซนถาม แต่ก็ห้ามตัวเองให้หันไปมองไม่ได้ ทำไมห้ามหันไปมองล่ะ? เด็กนี่มันคงไม่ใช่บาซิลิสก์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์หรอกมั้ง จะได้ฆ่าคนตายด้วยสายตา.....

     

    เซนหันไปเห็นหน้า..เอาจริงๆคือเห็นตาของแฮร์รี่พอดี....

     

    เอ่อะ............

    ……………………………………

    …………………….

     

    ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอ่ะ......หมายถึงฆ่าคนได้ด้วยสายตาน่ะนะ....

     

    ไม่อธิบายได้ไหมว่าเป็นสายตาแบบไหน เอาเป็นว่าผลจากสายตาแบบนั้นทำให้ปากของเซนพูดไปแบบอัตโนมัติว่า “ไม่บอกก็ได้”

     

    ไนออลทำหน้าเซ็ง “ฉันหมดหวังให้นายบอกตั้งแต่หันไปมองตาแฮร์รี่ล้ะ...ไม่เคยมีคนทนแววตาแบบนี้ได้ซักคนเลย แม้แต่ฉันก็เถอะ”

     

    แฮร์รี่แลบลิ้นใส่ไนออลอีกครั้ง หัวเราะดังลั่น “จนแล้วจนรอดนายก็ไม่รู้ว่าฉันอยากกลับบ้านเร็วเพราะอะไร”

     

    “ซักวันฉันต้องรู้ให้ได้”

     

    “ก็ไม่ใช่วันนี้ละกัน” แฮร์รี่พูดก่อนจะรวบส้อมกับมีดมาไว้กลางจานที่ว่างเปล่า

     

    .

    .

    .

    .

     

    บรรยากาศดีๆตอนกินข้าวหายวับไปกับตาเมื่อพวกเขาสี่คนเดินเข้าห้องบรรยายวิชาประวัติศาสตร์

     

    เมื่อเช้าเซนสังเกตเห็นว่าแฮร์รี่กับไนออลจะนั่งอยู่ตรงกลางๆห้อง แต่เป็นบริเวณที่เห็นกระดานได้ชัด นับเป็นการเลือกที่นั่งเรียนที่ไม่เลว แต่พอเข้ามาในห้องนี้ ทั้งสองคนก็เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง....นอกจากจะมองกระดานได้ไม่ดีเพราะอยู่มุมห้องแล้ว ยังติดกับโต๊ะอาจารย์อีกต่างหาก

     

    เซนคิดว่าสองสหายไม่ได้เลือกที่นั่งแย่ๆแบบนั้นด้วยตัวเองแน่ๆ.....และก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่ออาจารย์ที่สอนวิชานี้เดินเข้าห้องมา

     

    “สองคนหลังห้องน่ะใคร? นักเรียนใหม่หรอ” แค่เสียงก็ไม่น่าฟังล้ะ แววตาก็ไม่น่ามอง ท่าทางก็ไม่น่าจะโอเค เซนไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายหรือชอบจับผิดคนอื่น แต่สำหรับอาจารย์คนนี้...ถ้าไม่ให้อธิบายแบบนี้ก็ไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบาย

     

    คำถามนั้นถูกตอบโดยเด็กผอมๆใส่แว่นที่นั่งอยู่ตรงกลาง แถวหน้า “ก็บอดี้การ์ดของสไตล์กับโฮรันไงล่ะครับ ที่ผมเอาจดหมายแจ้งไปให้อาจารย์ไง”

     

    “อ่อ.....” อาจารย์ขยับแว่น “....สงสัยกลัวจะเด่นไม่พอสินะ เลยต้องพาคนมาเสริมให้ตัวเองเด่นมากขึ้นไปอีก”

     

    “หึ...”

     

    “หัวเราะอะไรไม่ทาบคะ? คุณสไตล์”

     

    “อาจารย์อย่าเอาผมไปสับสนกับตัวอาจารย์เองสิฮะ ผมไม่ต้องเอาใครมาประดับบารมีให้ผมดูเด่นหรอก ผมเด่นของผมเองได้”

     

    “คุณสไตล์! นี่คุณตั้งใจจะหาว่าอาจารย์ไม่มีบารมีพอจะเด่นงั้นสิ!!

     

    “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ อย่าตีความไปเองสิ”

     

    “คุณสไตล์!!!!!!!!!!!!” เสียงอาจารย์คนนี้เริ่มไม่น่าฟังหนักขึ้นกว่าเก่า ทั้งแหลม ทั้งโมโห ทั้งดูเหมือนจิกกัด....

     

    “ทำไม? จะเล่นงานผมอย่างไงอีกล่ะ?” แฮร์รี่เองก็เริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโหบ้าง จนไนออลที่นั่งข้างๆต้องดึงมือไว้ พูดกับเพื่อนว่า

     

    “ใจเย็นๆ แฮร์รี่...ไม่เอาน่า....” ไม่ทันที่ไนออลจะปลอบอะไรๆให้เพื่อนใจเย็นมากขึ้น เสียงอาจารย์ก็ขัดขึ้นมาแบบแสบหูว่า

     

    “บอกเขาไปก็เท่านั้นล่ะมั้ง คุณโฮรัน....เด็กที่ไม่มีแม่คอยสั่งสอนแบบนี้ คงไม่สามารถทำตามคำแนะนำดีๆของใครได้หรอก!

     

    ..........................

     

    เกิดความเงียบครั้งใหญ่หลังจากประโยคนั้นถูกส่งออกมาจากปากอาจารย์ จนกระทั่งไนออลเอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงตะกุกตะกัก “อะ...อาจารย์พูดแรงไปแล้ว...อาจารย์ควรจะขอโทษเพื่อนผม.....”

     

    “ไม่จำเป็นหรอก ไนออล.....ถ้าเขาพูดแบบนั้นใส่ฉันได้ คำขอโทษแบบไหนฉันก็ไม่รับทั้งนั้นแหละ” แฮร์รี่ว่า ฉวยกระเป๋าที่แขวนอยู่ตรงเก้าอี้ออกแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที ไนออลเองก็ตั้งท่าจะเก็บกระเป๋าตามเพื่อนไป ถ้าไม่มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นซะก่อน

     

    “ฉันไปตามเอง” พูดจบเซนก็เดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว ไนออลเหลือบตาไปมองเลียมอย่างเป็นกังวล...เมื่อเช้าทะเลาะกันแทบตาย แล้วให้เซนไปตามแฮร์รี่เนี่ยนะ......

     

    ...แต่พอมองตาเลียม เขาก็หายกังวลในทันที

     

    .

    .

    .

    .

     

    วิชาจิตวิทยาสอนให้เขารู้ว่าไม่ควรเรียกเจ้าเปี๊ยกนั่นในตอนนี้ คนที่อยู่ในอารมณ์แบบนี้ไม่ควรเรียก เพราะเรียกไปก็มีโอกาสน้อยมากที่เจ้าตัวจะตอบ เผลอๆนอกจากจะไม่ตอบแล้วยังจะเดินหนีให้ไวขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก เซนเลยเลือกที่จะเดินตามคุณหนูของเขาไปอย่างเงียบๆ หลังจากผ่านการเลี้ยวหลายหน เขาก็พบว่าเป้าหมายของแฮร์รี่ก็คือลานหญ้ากว้างๆที่ตอนนี้ว่างเปล่าเพราะเป็นเวลาเรียนหลังมหาวิทยาลัยนั่นเอง

     

    เซนหลบอยู่แถวๆมุมตึก (แต่ไม่ใช่โจรมุมตึกนะ) มองแฮร์รี่ทิ้งตัวลงนั่งบนผืนหญ้า แต่วางกระเป๋าลงอย่างทะนุถนอม..สงสัยจะเพราะไนออลช่วยเลือกนั่นแหละ...พอวางเสร็จแล้วก็ยกเข่าขึ้นมากอด โยกตัวน้อยๆ....แล้วโยกตัวทำไม???

     

    เซนลองตั้งใจทั้งมอง ทั้งฟัง และเขาก็รู้ได้ในเวลาไม่นานว่าแฮร์รี่กำลังทำอะไร ทำไมต้องโยกตัว...

     

    ...เด็กคนนั้นกำลังร้องเพลงปลอบตัวเองอยู่....

     

    ตั้งแต่ที่เขาได้ยินเสียงฮึมฮัมเพลงเบาๆนั่นแหละ เขาก็เชื่ออย่างหมดข้อแม้ ไม่มีข้อกังขาแล้วว่าเด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ...

     

    เซนเดินออกมาจากมุมตึก ระหว่างเดินก็คิดมาด้วย...

     

    เด็กคนนี้มีอะไรแปลกหลายอย่างมาก

    ทั้งๆที่เป็นเด็กแสบ เฮี้ยวตลอดเวลา แต่ก็มีมุมเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ดูได้จากตอนที่แจกที่อุดหูให้คนทั้งบ้าน (ยกเว้นเขาที่เป็นเป้าหมายการแกล้ง...คิดมาถึงตรงนี้แล้วเจ็บใจจริงๆ)

     

    ทั้งๆที่ดูเป็นเด็กไม่สนใคร แต่กลับทะนุถนอมกระเป๋าที่เพื่อนช่วยเลือกมาให้อย่างดี...แสดงว่าเป็นคนจริงใจและรักเพื่อนมาก...

     

    และสุดท้าย....ทั้งๆที่โวยวาย แว้กได้เรื่อยๆ แต่ทำไมร้องเพลงเพราะขนาดนั้นก็ไม่รู้....

     

    .

    .

    .

    .

     

    แฮร์รี่นั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงไป ร้องเพลงเพลงหนึ่งออกมา

     

    เป็นเพลงที่หลายๆคนไม่เคยได้ยิน หลายคนฟังแล้วอาจไม่สนใจ

    แต่สำหรับเขา เมื่อตอนเขายังเป็นเด็ก เขาได้ยินมันทุกวัน ถึงพอโตมาจะแทบไม่ได้ยินเลย แต่เพลงนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเขาทุกครั้งแม้ได้ยินมันแผ่วๆจากที่ไหนซักแห่งก็ตาม

     

    เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่แม่เขาใช้ร้องกล่อมนอนตอนเด็กๆ

    เด็ก....หมายถึงตอนที่คุณหนูสไตล์ยังมีครบทั้งพ่อและแม่ ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่นานมาแล้ว นานมากๆ.....

     

    เวลาที่เขาร้องเพลงนี้ ส่วนใหญ่เขาจะร้องให้กับตัวเองแบบนี้เนี่ยแหละ ไม่เคยร้องให้ใครฟัง เพราะคิดว่าร้องไปก็เท่านั้น ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ก็คงไม่คิดว่าเพราะ....และเหตุผลอีกอย่างก็คือเพลงนี้เป็นเพลงพิเศษของเขา...ถ้าจะร้องให้ใครฟัง คนๆนั้นก็ต้องพิเศษกับเขา....

     

    “ไม่ยักรู้ว่านาย...เอ้ย...คุณหนูร้องเพลงเพราะขนาดนี้”

     

    เสียงที่ชักคุ้นหูเขาขึ้นทุกทีดังขึ้นข้างหลัง แฮร์รี่รีบเช็ดอะไรเปียกๆแถวๆตาออกไป ไม่หันไปมองหน้าคนพูดแต่ก็ส่งเสียงเขียวๆไปหา “ตามมาทำไม?”

     

    “ก็ต้องตามมาสิครับ” เซนพูดเสียงสบายๆ ไม่แคร์เสียงขุ่นๆของอีกฝ่าย “เล่นหนีมาคนเดียวแบบนี้ เกิดมีคนมาลักพาตัวเด็กไปจะทำไง?”

     

    “ใครเด็ก!

     

    “คุณหนูนั่นแหละ” เซนว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆตัวแฮร์รี่ เหลือบตาไปมองรอยน้ำจางๆตรงกางเกงบริเวณหัวเข่า...เขาไม่ควรโมโหสายตาแบบนั้นสินะ...เพราะตาที่ส่งสายตาแบบนี้ออกมา คือตาคู่เดียวกับที่เพิ่งร้องให้ไปหยกๆเมื่อกี๊

     

    “อย่างไงไม่ทราบ?”

     

    “ก็วิ่งหนีปัญหาน่ะสิ”

     

    ตาสองคู่จ้องกันในความเงียบ มีเพียงเสียงลมกับเสียงหญ้าเสียดกันเบาๆ

     

    แฮร์รี่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น “นายไม่เป็นฉัน นายไม่รู้หรอก”

     

    “ผมไม่รู้แน่ๆล่ะ เพราะผมไม่มีทางเป็นคุณหนูได้”

     

    “..............”

     

    “แต่ผมว่า คนอย่างคุณหนู....เจ้าแผนการขนาดนี้...” แฮร์รี่เลิกคิ้วมองเซน แต่เป็นการเลิกคิ้วที่ทำให้ใจชื้นดีไม่น้อย เพราะเซนเห็นว่าแฮร์รี่แอบยิ้มนิดๆที่มุมปากด้วย “.....ไม่น่าจะวิ่งหนีปัญหาแบบนั้นนะ”

     

    แฮร์รี่กลับไปซุกหน้าตัวเองลงกับเข่าอีกครั้ง “ปัญหาบางปัญหา...ฉันคิดว่าวิ่งหนีออกมาน่าจะดีกว่าไปวางแผนแก้ไขมัน เพราะถ้าวิ่งหนีออกมา...ก็จะได้มีแต่ฉันคนเดียวที่โดน นายลองคิดดู...ถ้าฉันเล่นแผลงๆแกล้งยัยป้าขายไก่....”

     

    เซนหัวเราะเบาๆให้กับคำที่ใช้เรียกอาจารย์ของแฮร์รี่....แฮร์รี่เองก็อดยิ้มออกมาทั้งๆที่ยังซุกหน้าอยู่กับเข่าตัวเองไม่ได้

     

    ก็เขาไม่เคยเรียกฉายาอาจารย์ที่เขาตั้งให้ให้ใครฟังนอกจากไนออล พอเรียกให้คนอื่นฟังแล้วเขาหัวเราะมันก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆแหละเนอะ.....ดีไปอย่างที่เอาหน้าซุกเข่าอยู่ เพราะถ้าเงยหน้าตานี่ก็ต้องเห็นว่าเขายิ้ม ไม่เห็นน่ะดีแล้ว เขายังไม่อยากญาติดีกับตานี่เท่าไหร่หรอกนะ

     

     

    “.......ยัยป้านั่นก็จะเพ่งเล็งฉันหนักกว่าเก่า ลำพังฉันคนเดียวน่ะชิลๆ แต่ไนออลจะโดนไปด้วยเนี่ยสิ...แล้วอีกอย่างนะ....”

     

    แฮร์รี่เงียบไปอีกครั้ง เงียบไปนานจนเซนต้องหันไปมอง พอเขาหันไปมองเขาก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะไม่เห็นหน้าแฮร์รี่และอีกฝ่ายจะอยู่ในท่าเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยก็ตาม

     

    เขารู้ว่าแฮร์รี่ร้องไห้อีกครั้งแล้ว

     

    “ฉะ...ฉัน...” แฮร์รี่พยายามพูด แต่เสียงมันก็สั่นจนเขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไป...เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้น้ำตามันไหลอาบหน้าเขาขนาดไหน แฮร์รี่พยายามสั่งตัวเองให้หยุดร้อง พยายามคุมเสียงให้มั่นคงเป็นปกติ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะทำให้สำเร็จ

     

    แต่แฮร์รี่ก็พยายามไม่สำเร็จ

     

    ไม่ใช่เพราะเขาหมดความพยายามไปกลางคันหรอกนะ แต่เพราะมีมืออุ่นๆมือหนึ่งมาวางบนหัวเขาต่างหาก วางนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะลูบเบาๆพร้อมคำพูดที่ว่า “ถึงเสียงคุณหนูจะเป็นแบบไหนในตอนนี้ก็พูดออกมาเถอะ ผมจะฟัง...แต่จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเสียงคุณหนูถึงเป็นแบบนั้น”

     

    “.....ฉะ...ฉันไม่อยากให้ใครมาว่าผู้หญิงแสนดีคนนี้อีก...”

     

    “...............”

     

    “ฉันไม่อยากให้ใครมาว่า มาพาดพิงถึงแม่ของฉัน”

     

    “...............”

     

    “ฉันรักแม่มากๆเลย รู้ไหม?”

     

    เซนไม่ตอบอะไร สิ่งที่เขาทำก็แค่ลูบผมสีน้ำตาลเข้มนิ่มมือนั่นต่อไป เท่านั้นเอง

     

    .

    .

    .

    .

     

    สรุปคือเซนกับแฮร์รี่ก็ไม่ได้กลับเข้าห้องเรียนประวัติศาสตร์อีกเลย พอถึงเวลาเลิกเรียน ทั้งสองคนก็เดินไปที่รถ ซึ่งมีรถของไนออลจอดอยู่ข้างๆเพื่อบอกลาไนออลกับเลียม แค่นั้นเอง

     

    รออยู่ไม่นาน ร่างของไนออลกับเลียมก็ปรากฏขึ้น เลียมแค่เดินเร็วๆส่วนไนออลนั้นถึงขั้นวิ่ง ไม่สนใจกระเป๋าที่ตีสีข้างดังตั้บๆตอนวิ่งเลยแม้แต่น้อย พอวิ่งมาถึงตัวเซนกับแฮร์รี่ก็ไม่หยุดหอบ กลับพูดออกมาอย่างไวจี๋ “เป็นอะไรไหม? หายไปตั้งนาน เป็นห่วงนะ”

     

    “โถ่~ เก็บความห่วงของนายไว้ใช้กับคนอื่นเถอะ” แฮร์รี่ยิ้มกว้าง “นายคิดว่าคนอย่างฉันเป็นอย่างไง? แค่ยัยป้าขายไก่คนหนึ่งด่า ฉันไม่สะทกสะท้านหรอก สบายมาก แค่แค้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

     

    “งั้นก็ดีไป” ไนออลว่า รอยยิ้มกลับมาอยู่บนหน้าอีกครั้ง “วันนี้นายบอกจะกลับบ้านเร็วนี่นา? งั้นฉันไม่กวนล้ะ รีบกลับบ้านไปตามใจอยากเถอะ เจอกันพรุ่งนี้นะ แฮร์รี่ อ่อ...แล้วก็เซนด้วย”

     

    “อื้อ” ทั้งสองคนรับคำพร้อมกัน เซนอดดีใจนิดๆไม่ได้ที่ไม่โดนแฮร์รี่หันมาแหวใส่...ถ้าเป็นปกติ แฮร์รี่น่าจะหันมาแว้ดใส่เขาหนึ่งทีถ้วนว่า ใครใช้ให้พูดพร้อมกันกับฉัน ไร้มารยาท!’ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลยซักนิด สิ่งที่แฮร์รี่ทำก็คือโบกมือให้ไนออลที่ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ แค่นั้นแหละ

     

    อืมมม....

    ...ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อย เขาว่าเขาเริ่มเข้าใจคุณหนูคนนี้ขึ้นมานิดๆ....

    ....และคุณหนูคนนี้ก็เริ่มเปิดใจให้เขานิดๆแล้วเหมือนกัน

     

    รถของไนออลเลี้ยวหายไป แฮร์รี่หมุนตัวไปหาประตูรถ เซนเห็นแบบนั้นก็เลยอ้อมไปอีกด้านเพื่อจะขึ้นรถบ้าง

     

    มือที่กำลังจะแตะที่เปิดประตูของเซนชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรถ

     

    “ขอบคุณ...”

     

    เขาเงยหน้าขึ้นจากที่เปิดประตู มองไปยังแฮร์รี่ที่มือข้างหนึ่งอยู่ที่ประตู อีกข้างหนึ่งอยู่ไม่เป็นที่...เหมือนวางมือวางไม้ไม่ถูก ส่วนตาก็มองท้องฟ้า

     

    “....จะทำตัวดีๆให้ซักพักเป็นการตอบแทนละกัน...”

     

    “..................”

     

    “..ซักพักที่ว่าไม่รวมวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไปนะ ยังไงๆฉันก็ยังไม่ชอบนาย แล้วก็จะแกล้งนายจนกว่านายจะยอมไปอยู่ดีนั่นแหละ”

     

    ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่าย แฮร์รี่เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง แต่พอหันมองแล้วก็ก็สะบัดหน้ากลับแทบไม่ทัน...หมอนั่นยิ้มอยู่นี่นา ยิ้มแบบ...แบบ...โอ้ย! ช่างมันเถอะ!! เอาเป็นว่าเขาไม่ชอบยิ้มแบบนั้นแล้วกัน!! มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างไงไม่รู้นี่นา.....

     

    “ฮะๆ...”

     

    “หัวเราะอะไร! เมื่อกี๊ฉันพูดกับนกเป็ดน้ำตัวนั้นต่างหาก ไม่ใช่นาย!” เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ แฮร์รี่เลยหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างโมโหๆ....มีอย่างที่ไหน เขาอุตส่าห์ลดทิฐิพูดคำว่าขอบคุณออกไปแล้วมาหัวเราะใส่เนี่ย! ไม่น่าพูดกับหมอนั่นอย่างนี้เลยให้ตายสิ....ยอมแก้ตัวว่าพูดกับนกดีกว่ายอมรับว่าพูดกับหมอนั่นให้มันหัวเราะหนักกว่าเดิม!!

     

    “ผมก็หัวเราะคุณพูดกับนกเป็ดน้ำนั่นแหละ” เซนว่า เสียงสั่นไม่น้อยเพราะกลั้นหัวเราะ แฮร์รี่เห็นแบบนั้นเลยโมโหหนักว่าเก่า ตั้งท่าจะหยิบของในกระเป๋ามาปาใส่ แต่ก็โดนเซนดักคอ “เฮ้! ไหนบอกจะทำตัวดีๆไง หยิบของมาปานี่ไม่ดีแล้วนะครับ”

     

    แฮร์รี่ชะงักไป เซนเลยได้ที “อ่าว...ไหนบอกว่าพูดกับนกเป็ดน้ำไง แล้วหยุดตอนผมพูดทำไมล่ะ? แบบนี้ก็แสดงว่าคุณหนูพูดกับผมจริงๆ แล้วที่ว่าพูดกับนกเป็ดน้ำก็โกหกน่ะสิ? ใช่ไหม?”

     

    “..............”

     

    “คึคึ...”

     

    “ชึ่ยยยยย...ฝากไว้ก่อนเถอะ! ไว้ถึงพรุ่งนี้แล้วฉันจะเอาคืน!!” พูดจบก็กระชากประตูรถก่อนจะกระแทกตัวเข้าไปนั่งอย่างโมโห เซนมองตามคุณหนูตัวแสบของตัวเองแล้วหัวเราะออกมาดังลั่น กว่าจะหยุดหัวเราะได้ก็นานพอดู แต่แฮร์รี่ก็ไม่เปิดประตูมาเร่งเลยซักหน....น่าจะเพราะโมโหตัวเองที่เถียงเขากลับไม่ได้จนไม่ยอมออกมานั่นแหละ

     

    ถ้าไม่ติดว่าเขายืนอยู่ข้างนอกนานเกินไปแล้ว เขาก็อาจจะส่งข้อความหาเลียมซักข้อความ ประมาณว่า

     

    คุณหนูของฉันน่าสงสารจริงๆ...แล้วก็แอบมีมุมน่ารักจริงๆด้วยอีกเหมือนกัน

     

    เซนอมยิ้มกับมุมน่ารักๆของคุณหนูตัวแสบอีกหนึ่งทีก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไป

     

    .

    .

    .

    .

     

    รถจอดไม่ทันสนิทดี แฮร์รี่ก็เปิดประตูผลัวะออกมาจากรถ คิ้วขมวด ปากเม้มแน่น

     

    เปล่าหรอก...อิตาเซนไม่ได้หัวเราะหรือดักคออะไรเพิ่มตอนอยู่ในรถ ตรงกันข้าม หมอนั่นนั่งเงียบ..เงียบก็จริงแต่ไม่นิ่ง เพราะมันยิ้มนิดๆตลอดเวลา แต่พอเขาเหลือบมอง ไอ้ยิ้มนิดๆนั่นก็จะกลายเป็นยิ้มล้อๆขึ้นมาในทันที หน็อยแน่......ไว้จะเอาคืนให้เจ็บแสบเลย!

     

    ไม่น่าไปพลาดท่าให้มันเลย ให้ตายสิ!

     

    แฮร์รี่สะบัดผม คิดในใจอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องหงุดหงิดมากกว่าเก่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆแบบที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงใครดังขึ้นข้างหลัง

     

    ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้าบอดี้การ์ด ไอ้บ้าเซน มาลิค!!!!!!!!!!!!!!

    กล้าดีอย่างไงมาหัวเราะเยาะใส่แฮร์รี่ สไตล์คนนี้ หา!~ แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างงี้ ไอ้บ้าที่สุด!

     

    .

    .

    .

    .

     

    เซนพยายามกลั้นหัวเราะ แต่มันก็กลั้นยากเหลือเกินเมื่อเห็นท่าทางสะบัดผมแบบคนอารมณ์เสียของแฮร์รี่ เขาเลยหลุดหัวเราะออกไปเบาๆทีหนึ่ง...แต่แฮร์รี่ก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน พอได้ยินแล้วก็อารมณ์เสียหนักกว่าเดิมแน่ๆ เพราะไอ้เปี๊ยกนั่นกระทืบเท้าตึงๆเข้าบ้านไปแบบไม่กลัวพื้นหินอ่อนจะสึกเลยแม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนแมวโดนแหย่ไม่มีผิด

     

    เด็กหนอ เด็ก....เก็บอารมณ์ไม่เป็น ดูออกง่ายจริงๆ

    แล้วก็น่ารักมาก (แบบไม่รู้ตัว) จริงๆด้วย

     

    เซนรีบเดินตามคุณหนูของเขาเข้าไปบ้าน แต่พอเข้าบ้านไปได้หน่อยก็ต้องชะลอฝีเท้าลง เพราะคุณหนูของเขาไม่ได้เดินไปไหนไกล แฮร์รี่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องกินข้าว และใช้กระจกที่ติดอยู่ตรงประตูส่องดูความเรียบร้อยของตัวเอง เป็นภาพที่แปลกตาเอามากๆ เพราะเมื่อเช้าที่เซนเห็น..แฮร์รี่แทบไม่เหลือบมองดูกระจกเลยซะด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับทำตรงกันข้าม คือทั้งเอามือสางผมให้เรียบร้อย ลูบเสื้อให้เข้าที่ เมื่อหันมาเห็นเขายังถามด้วยว่า “ฉันดูเป็นไงบ้าง?”

     

    “ก็...ดูดี”

     

    “งั้นหรอ...โอเคแล้วล่ะ ถ้างั้นฉันก็เข้าไปเจอครูสอนพิเศษได้แล้ว....”

     

    คือทำตัวให้เรียบร้อยก่อนไปพบครูน่ะ เซนพอเข้าใจ (ถึงแม้มันจะดูขัดกับนิสัยของแฮร์รี่ไปเยอะเลยก็เถอะ) แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ......ทำไมต้องแก้มเป็นสีชมพูด้วย?

     

    ครูสอนพิเศษนะ ไม่ใช่รักแรกซักหน่อย เอ...หรืออากาศร้อน? ก็ไม่ใช่นี่ วันนี้อากาศดีจะตาย...

    ....สงสัยโกรธยังไม่หายล่ะมั้ง หน้าเลยแดง?

     

    .

    .

    .

    .

     

    แฮร์รี่หายใจเข้าลึกๆ พยายามปลอบใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะให้เข้าที่ซักที

     

    เขาเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูห้องกินข้าว ก่อนจะค่อยๆเปิดออกมาแล้วเดินเข้าไปข้างใน...เดินเข้าไปทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่นั่นแหละ เสียงประตูที่ปิดตามหลังมาทำให้เขารู้ว่าอิตาบอดี้การ์ดของเขาคงจะเดินตามเข้ามาแล้ว และตอนที่ปิดประตูคงเป็นจังหวะเดียวกับที่คนที่รออยู่ก่อนแล้วรับรู้ว่ามีคนเข้ามา เพราะไม่กี่วิหลังจากนั้น แฮร์รี่ก็ได้ยินเสียงพูดว่า “อ้าว มากันแล้วหรอครับ?”

     

    “ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ” แฮร์รี่พูด ยังคงก้มหน้าก้มตาเหมือนเดิม แต่ก็อดยิ้มเล็กๆไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของคนหน้าเข้มด้านหลัง.....จะให้ฉันพูดเพราะๆกับนายแบบนี้บ้างน่ะหรอ? ฝันเอาเถอะ แบร่~

     

    “ไม่ต้องพูดคงพูดครับหรอก ถึงผมจะเป็นครูสอนพิเศษ แต่ก็แก่กว่าคุณหนูไม่กี่ปีหรอก”

     

    “งั้นคุณเองก็ไม่ต้องสุภาพแบบนั้นกับผมก็ได้ครับ อย่างไงๆผมก็อายุน้อยกว่าคุณ” แฮร์รี่ตอบกลับไป เขารู้ตัวดีว่าเสียงที่ตอบกลับไปนั้นสั่นแค่ไหน...

     

    เปล่าๆ...ไม่ได้สั่นเพราะสาเหตุเดียวกับเหตุการณ์หลังมหาวิทยาลัยหรอก (ห้ามคิดไปยิ้มไปด้วย!) ที่ตอนนี้เสียงมันสั่น...เพราะเขากำลังใจสั่นเพราะตื่นเต้นต่างหาก

     

    ใช่แน่ๆ...เสียงนี้ ใช่คนๆนั้นแน่ๆ.....

    ชื่อก็ใช่ เสียงก็ใช่....ไม่ผิดแล้วล่ะ....

     

    คนๆนี้.....

     

    “งั้นเราก็ไม่ใช้คำเป็นทางการแบบนั้นพูดกันละกันเนอะ ดูเหินห่างอย่างไงชอบกล เอาล่ะ!” เสียงตบมือดังขึ้น “ถึงจะรู้ชื่ออยู่แล้ว แต่ก็ขอแนะนำด้วยตัวเองอีกทีละกันนะ ฉันชื่อลูอี ทอมลินสัน จะมาเป็นครูสอนพิเศษทุกๆวิชาของนายตั้งแต่บัดนี้ไป”

     

    “อื้อ”

     

    “แล้ว....ถึงฉันจะรู้ชื่อนายอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้แนะนำตัวเองอีกทีนะ....” อีกฝ่ายพูดก่อนจะเงียบไป เหมือนเป็นการเว้นให้เขาได้แนะนำตัวเอง แฮร์รี่สูดหายใจเข้าลึกๆอีกทีก่อนจะรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้น พูดชื่อตัวเองชัดถ้อยชัดคำ

     

    “ฉันชื่อแฮร์รี่...แฮร์รี่ สไตล์”

     

    “.................”

     

    “.................”

     

    “..................”

     

    “นะ....นายจำฉันไม่ดะ....”

     

    “แฮร์รี่!!” ไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดออกมาจนจบประโยค ครูสอนพิเศษของเขาก็ก้าวเร็วๆ จนเกือบเรียกได้ว่าวิ่งอ้อมโต๊ะกินข้าวมาหาเขา แล้วก็.....

     

    ....ลากเขาเข้าไปกอด

     

    กอดแบบนี้แหละ....กอดแบบเดียวกับที่เขาเคยได้รับเมื่อสมัยยังเป็นเด็กๆ

     

    “นายจริงๆด้วย! ตอนแรกที่ฉันเห็นชื่อนายฉันคิดว่าไม่น่าใช่ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แต่พอมาวันนี้...นาย...แฮร์รี่ นายคือแฮร์รี่ของฉันจริงๆด้วย....”

     

    แฮร์รี่ยกมือขึ้นกอดตอบอีกฝ่าย อย่างเก้ๆกังๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดเสียงตะกุกตะกัก “....ตอนแรกฉันก็คิดว่าไม่น่าใช่ คิดว่าบังเอิญเหมือนนาย...แต่ตอนนี้....”

     

    “...........” ไม่มีการตอบรับจากคนที่กอดเขาอยู่ มีแต่อ้อมแขนที่กระชับแน่นขึ้นเท่านั้น

     

    “.........ฉัน......เจอนายแล้ว...แล้วนายก็คือลูอีของฉันจริงๆด้วย...”

     

    บรรยากาศในห้องกินข้าวตอนนี้ดูอบอวลไปด้วยความอบอุ่น....แต่มีอีกคนในห้องที่ดูจะเกินคำว่าอบอุ่นไปเป็นคำว่าเดือดแล้ว

     

    คนๆนั้นชื่อเซน มาลิค

    และคนๆนั้นมีตำแหน่งเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูแฮร์รื่ สไตล์

     

    และบอดี้การ์ดก็ไม่สมควรไปยุ่มย่ามเรื่องคุณครูสอนพิเศษของคุณหนู

     

    .......................

    ................

     

    แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกว่าครูสอนพิเศษคนนี้มันดูแปลกๆแล้วก็ตาม….

     

    Continue -8-


    Talk


    ยอมรับกันตรงนี้ว่าตอนนี้เป็นตอนที่เราลบแล้วแก้ๆ ไปประมาณสองสามรอบ กว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ ฉากแบบนี้มันแต่งยากแท้เหลาาาาาา ฉากแสบๆ ป่วนๆ รวนๆ นั่นแต่งง่ายกว่าเยอะเลย (เป็นงั้นไป)

    เห็นคอมเม้นที่เพิ่มมากขึ้นแล้วก็ชื่นใจจจจจ แบบนี้มีกำลังใจแต่งขึ้นเย๊ออออ เราชอบอ่านคอมเม้นม๊ากมากกกก อยากจะตอบ อยากจะคุยกับคนเม้นจริงๆนะ!~ ไว้เดี๋ยวจะหาโอกาสคุยพร้อมแถมโบนัสอะไรแบบนี้ดีกว่า อุอิ

    ไม่มีอะไรจะพูดล้ะ..ยกเว้นขอให้รีดเดอร์ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยน้าาาา อากาศบ้านเรานี่เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก จะบ้าาาาา (เราเป็นคนไม่ชอบพกร่มอีก จะบ้าตรงต้องเอาร่มใส่กระเป๋าเนี่ยแหละ 5555)

    ขอบคุณทุกเม้น ทุกคลิ๊ก เอ็นจอยวิทฟิคค่าาาา ^____________^/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×