ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [1D Fiction] Watch out! รักนี้ต้องระวัง!

    ลำดับตอนที่ #7 : -6- Poor boy

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 55


    Chapter 6 :: Poor boy


    “เลียม”

     

    “หือ?”

     

    ผ่านไปวันหนึ่งเขาเริ่มชินกับการใช้คำพูดธรรมดา แต่คาดว่าไม่ได้ชินเพราะตัวเองปรับตัวเก่งหรอกนะ น่าจะชินเพราะกลัวตาสีฟ้าสดใสนั่นจะกลายเป็นตาสีฟ้าแสนดุต่างหาก

     

    “เมื่อวานน่ะ....”

     

    “อื้อ?” เมื่อวานตอนไหน? อย่าย้ำตอนที่ตกเก้าอี้เพราะกลัวช้อนเชียวนะ อายอย่างแรง

     

    “...ฉันติดคำอธิบายนายอยู่เรื่องนึงนี่นา”

     

    “อ๋อ...ใช่...” เลียมพูดขึ้น “เรื่องแฮร์รี่”

     

    “จำแม่นจังแฮะ”

     

    ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเศษๆ เขากับไนออลอยู่บนรถลิมูซีน (ใช่ ลิมูซีน กะจากสายตาแล้วดูเหมือนจะลิมูซีนกันกระสุนซะด้วย) ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังมหาลัยที่ไนออลเรียนอยู่ และน่าจะเป็นมหาลัยซึ่งคนที่ชื่อแฮร์รี่เรียนอยู่ด้วย

     

    “คือ แฮร์รี่เขาเป็นเพื่อนฉันน่ะ เป็นมาตั้งแต่เด็กๆเลย เพราะพ่อแม่..เอ่อ ไม่ถูก เพราะพ่อของแฮร์รี่กับพ่อแม่ของฉันรู้จักกัน เราเลยสนิทกันมาก ม๊าก มาก...มากถึงขั้นที่ว่าพอพ่อของแฮร์รี่จ้างบอดี้การ์ดมาดูแลลูกเขาแล้ว ก็ยังแนะนำพ่อกับแม่จ้างบอดี้การ์ดมาดูแลฉันด้วยเหมือนกัน” ไนออลยักคิ้วด้วยท่าทางทะเล้นๆ เลียมอมยิ้ม “ต้องขอบคุณแฮร์รี่และพ่อด้วย ที่ทำให้ฉันเจอกับนาย”

     

    “สรุปคือบอดี้การ์ดที่ไปดูแลเพื่อนนายก็เป็นอีกคนที่มากับฉันใช่ไหม?” เลียมรีบตัดบท เพราะเขาคิดว่าถ้าตัวเองมองสีหน้าทะเล้นๆแบบนั้นต่อไปอีกแป๊ปเดียว จากการอมยิ้มมันจะหลุดเป็นยิ้มกว้างแน่ๆ...

     

    “ช่ายยยยยยย เขาคือคนที่ได้ที่หนึ่งของโรงเรียนใช่ไหมล่ะ?”

     

    “อื้อ เป็นเพื่อนฉันเองแหละ...” เลียมก้มหน้า “...เป็นคนที่เก่งมากๆเลย”

     

    “หรอ..” ไนออลพูด แอบติดใจเล็กๆตอนที่เลียมก้มหน้าลงไป “..งั้นเดี๋ยวนายก็ได้เจอเพื่อนนายพร้อมๆกับที่ฉันเจอแฮร์รี่นั่นแหละ ว่าแต่...นายสงสัยไหมว่าทำไมแฮร์รี่ถึงต้องเอาคนที่ได้ที่หนึ่งไปดูแลน่ะ?”

     

    “สงสัย” เลียมเงยหน้าขึ้นมา

     

    “ก็เพราะ...แฮร์รี่น่ะ ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงและคนดูแลที่เฉียบขาดกว่าฉันน่ะสิ หมอนั่นชอบไปอยู่ในที่ๆอันตรายโดยไม่รู้ตัวอยู่เรื่อย”

     

    เลียมอดที่จะขมวดคิ้วให้กับคำพูดของไนออลไม่ได้ หมายความว่าไง?...

     

    ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงกว่าน่ะ เข้าใจ เพราะข้อมูลคร่าวๆที่เขารู้มาก็คือกลุ่มบริษัทของคุณสไตล์น่ะ มีการเติบโตที่ค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มบริษัทของคุณโฮรันมาก ก็ไม่แปลกที่จะมีคนปองร้ายคุณหนูมากกว่า

     

    แต่ที่ไม่เข้าใจน่ะ คือ คนดูแลที่เฉียบขาดกว่ากับไปอยู่ในที่ๆอันตรายโดยไม่รู้ตัวเนี่แหละ....คุณหนูแฮร์รี่ (เป็นเพื่อนคุณหนูก็ต้องเรียกคำนี้นำหน้าสิ เพราะยังไม่รู้ว่าเขาจะยอมให้เรียกลอยๆแบบไนออลรึเปล่า) คนนี้เป็นคนอย่างไงนะ? จะทำให้เซนหนักใจหรือสบายใจ?

     

    เฮ้ออออ...คิดเรื่องนี้ทีไร อดเป็นห่วงไม่ได้ทุกทีสิน่า....

     

    เลียมเหลือบมองไนออลที่เอาหูฟังขึ้นมาอุดหูตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

     

    แต่ถ้าไนออลเป็นคนดีแบบนี้...เพื่อนของไนออลเองก็น่าจะดีไม่ต่างกันหรอกมั้ง?

     

    .

    .

    .

    .

     

    ไอ้เปี๊ยกเด็กเปรตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต!

    ถ้าไม่ติดว่าเป็นคุณหนูที่เขาต้องดูแลนี่จะคว้าปืนมายิงใส่ให้ไส้พรุนเลย โว้ยยยยยยยยยย (เขายิงปืนแม่นมากนะ จะบอก! นี่คือหนึ่งในวิชาที่ดึงให้เขาได้ที่หนึ่งเลยล่ะ)

     

    “ยืนนิ่งทำไมล่ะ? ขึ้นรถดิ่” แหนะ ยังมีการมาทำเสียงซื่อๆใส่อีก เห็นนะว้อยว่าลูกตาแกวิบวับมาก สะใจใช่ไหมเนี่ย!

     

    “ก่อนผมจะขึ้น ผมขอถามอะไรคุณหนูก่อนได้ไหม?” เซนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหอยากชกเด็กเต็มที่

     

    “ถามมาสิ แต่เร็วๆนะ เดี๋ยวสายยยยยยย”

     

    “ทำไมผมต้องขับไอ้นี่ไป!~ ความจริงแล้วผมควรจะขึ้นรถไปกับคุณไม่ใช่รึไง?” เซนแว้กออกมาเต็มที่ ชี้มือสั่นๆ(เพราะความโกรธ) ไปยังเวสป้าคันเดิมคันเดียวกับเมื่อวาน ไอ้คันเดิมว่าอยากจะบ้าแล้วนะ นี่เล่นเป็นคันเดิมแต่มีดอกไม้สีชมพูหวานๆมาผูกติดอยู่ทั่วรถอีก!!

     

    ยอมตายดีกว่าจะขับไอ้รถคันนี้อีกที!

     

    “อ่าว...ก็รถฉัน ฉันมีสิทธิ์จะเลือกว่าใครจะมานั่ง แล้วฉัน-ไม่-อยาก-ให้-นาย-มา-นั่ง-กับ-ฉัน-ไง” พูดเน้นทีละคำ จบด้วยการแลบลิ้นใส่ “แต่จะไม่ให้นายไปดูแลฉันเลยก็เปลืองค่าจ้างฉันเปล่าๆ...ก็เลยเตรียมรถมาให้ขับตามไปนี่ไง อุตส่าห์เตรียมให้ ขอบคุณซักคำก็ม่ายมี”

     

    พูดจบแฮร์รี่ก็อมยิ้มมองสีหน้าคุณบอดี้การ์ดหน้าหล่อที่คิ้วกระตุก แกล้งหมอนี่แล้วสนุกเว่อร์ๆอ่ะ!~ คือไงดี...ไม่เหมือนคนอื่นที่เขาเคยแกล้งมา ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องโวยวาย ด่าทอหรือบางทีน่าจะเอาอะไรมาปาหน้าเขาแล้วซะด้วยซ้ำ (เคยมีคนนึงเอาขวดน้ำปาหน้าเขา...เขาก็เลยตอบแทนด้วยการเอาไข่เน่าปาคืนไป เหม็นแต่สนุกมาก!) แต่อิตานี่กลับยืนอดทนอดกลั้น อย่างมากก็แค่คิ้วกระตุก.....แต่ไม่เคยด่ากลับ

     

    โคตรท้าทาย! เขาจะแกล้งไอ้หมอนี่จนกว่ามันจะฟิวส์ขาดเลย ดูสิว่าจะทนได้ไปกี่น้ำ! ถ้าหมอนี่ฟิวส์ขาดเมื่อไหร่ก็ถือว่าการแกล้งขั้นแรกของเขาสำเร็จ!!

     

    “..............”

     

    “แต่จะให้ขับไปแบบเดียวกับเมื่อวานฉันก็กลัวว่านายจะน้อยใจหนักกว่าเดิม เลยฉันอุตส่าห์หาดอกไม้มาผูก เป็นการแสดงให้ใครๆรู้ว่าฉันยินดี๊ ยินดีที่มีบอดี้การ์ดแม้จะไม่อยากให้มานั่งรถคันเดียวกับฉันก็ตาม...ใจดีขนาดนี้ นายยังไม่เห็นอีกหรอ? คึ...”

     

    ใจดีกับผีอะไร! ที่เขาเห็นมีแต่ความแสบของไอ้เปี๊ยกนี่เท่านั้นแหละ!

     

    “คุณหนูครับ...ถ้าคุณหนูยังเล่นแบบนี้ไม่เลิก เห็นทีผมต้องโทรไปฟ้องคุณท่าน.....” ไม่ทันที่เซนจะพูดให้จบ เสียงของแฮร์รี่ก็ดังขึ้นซะก่อนว่า

     

    “ป๊อด!

     

    อ้าปากค้าง ไปไม่เป็นเลยครับ ป๊อด...แล้วมองด้วยหางตาอีกนะ ซี้ดดดเลย!

     

    “ไหนบอกว่าจะทนให้ฉันแกล้งไง? นี่เพิ่งเจอไปไม่กี่อย่าง....”

     

    แต่ไม่กี่อย่างของน้องมันแสบสะท้านทรวงทั้งนั้นเลยนี่!

     

    “...ก็บอกจะไปฟ้องพ่อฉันซะแหละ ไม่แน่จริงนี่นา ป๊อด..แถมขี้ฟ้องด้วย เด็กสามขวบรึเปล่าเนี่ย?”

     

    ใครกันแน่วะที่เด็กสามขวบ! ไอ้แกล้งกันไม่เลิกแบบนี้ต่างหาก! ไอ้เปี๊ยกตาเขียว แกนั่นแหละสามขวบ!

     

    เอ้อะ...สต๊อปๆ.....

     

    เซนกระตุกยิ้มมุมปาก ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าหมอนี่ยิ้มมุมปากได้ดูดีมาก...และในขณะเดียวกันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน...นี่คือความคิดของแฮร์รี่ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้านิ่งๆ

     

    แต่ความคิดของเซนที่อยู่ภายใต้หน้าที่ไม่นิ่งเพราะยิ้มมุมปากแล้วมันคือ.....

     

    ได้การละ! เขาได้แผนแก้แค้นแต่ไม่อันตรายมาเล่นกับไอ้เปี๊ยกนี่แล้ว เสร็จแน่!

     

    “ผมจะสามขวบรึเปล่าก็ปล่อยผมไปเถอะ....”

     

    “ได้ไง ฉันไม่อยากให้เด็กสามขวบมาดูแลหรอก” สวนกลับมา เล่นเอาเซนเกือบหงาย ฮึ่มมมมมม.....สู้กับไอ้เปี๊ยกนี่น่าจะต้องใช้สติปัญญามากพอๆกับการหลบกระสุนปืนเลยล่ะมั้ง!

     

    “ถ้าผมสามขวบ คุณก็สามขวบเหมือนกันแหละ”

     

    “ว่าไงนะ?” ทำตาเขียว (จากที่เขียวอยู่แล้ว) มองเขาทันที เซนยักไหล่ก่อนจะพูดต่อ

     

    “ก็สมัยผมอายุสามขวบน่ะ แม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า มีเด็กคนหนึ่งในชั้นเรียนผมน่ะ เขาเป็นเด็กหงอๆ แหยๆ ชอบทำอวดเก่ง...”

     

    “ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้นเลยนะ!

     

    “อ่าววว ผมคุยกับคุณหนู ไม่ให้มองคุณหนูแล้วจะให้มองใครล่ะครับ?” ชักสนุกขึ้นมาซะแล้วแฮะ....ดูสิ จากหน้าขาวๆเมื่อกี๊กลายเป็นแดงแปร๊ดด้วยความโมโหแล้ว เด็กหนอเด็ก...ดูง่ายและแกล้งสนุกจริงๆ

     

    “เออ มองก็มอง!

     

    “ผมไม่ได้หมายถึงคุณหนูซักหน่อย ผมหมายถึงเด็กคนนั้นต่างหาก อย่าร้อนตัวสิครับ...”

     

    “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่า...ชึ่ยยยย....” ท่าขัดใจนี่เพิ่งเคยเห็นแฮะ “.....จะพูดอะไรก็พูดไปสิ ไม่ต้องมาจับผิดฉัน!

     

    “ครับๆ” เซนรับคำน้ำเสียงล้อๆ ท่าขัดใจของแฮร์รี่เลยแสดงอาการมากกว่าเดิม แหย่เด็กมันสนุกขนาดนี้เลยหรอวะ! เพิ่งรู้!! “.....ไอ้เด็กหงอยแหยอวดเก่งคนนั้นน่ะ ด้วยความที่มันอวดเก่ง คนไม่ชอบมัน คอยแต่จะแกล้งมันก็เลยมีเยอะ มันเลยไม่ยอมเข้าใกล้ใครซักคน....”

     

    “นายหาว่าฉันกลัวคนจะแกล้งเหมือนไอ้เด็กคนนั้น เลยไม่ยอมเข้าใกล้นายงั้นสิ!” แฮร์รี่ว่า เสียงสูงด้วยความโมโห เซนยักไหล่ใส่อีกครั้งก่อนจะตอบ

     

    “ผมยังไม่ได้เอ่ยชื่อเลย ใครอยากร้อนตัวก็ร้อนตัวไปสิ...แต่ถ้าถามความคิดผมนะ ไอ้เด็กคนนั้นป๊อดน่าดูที่ไม่กล้าให้ใครเข้าใกล้เพราะกลัวโดนแกล้งน่ะ” ปิดท้ายแผนแก้แค้นโดยการใช้คำเดียวกับที่ไอ้เปี๊ยกนี่ใช้ด่าเขา เพิ่มความเคืองได้สี่จุดห้าเท่า สังเกตจากตาที่ขุ่นกว่าเดิมแล้วอ่ะนะ

     

    หลังจากเซนพูดจบ หลายวินาทีก็ผ่านไปในความเงียบ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ..เพราะตาสองคู่ของคนสองคนยังคงจ้องกันอย่างท้าทาย จนในที่สุดแฮร์รี่ก็เอ่ยทำลายความเงียบ

     

    “งั้นก็ได้...ฉันจะพิสูจน์ให้นายดูว่าฉันไม่ได้กลัวจนนายจนถึงขั้นไม่กล้าเข้าใกล้...อันที่จริงไม่กลัวถึงขั้นไหนทั้งนั้นแหละ” แฮร์รี่พูดแค่นั้นก่อนจะกระชากประตูลิมูซีนให้เปิดออกแล้วก้าวขึ้นไปนั่งรอ เซนยิ้มมุมปากอีกทีก่อนจะเปิดประตูตามเข้าไป

     

    ถึงจะฉลาดแต่เฮี้ยวขนาดไหน แต่อย่างไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีล่ะว้า....แหย่นิดแหย่หน่อยก็ขึ้นปรี๊ด ได้ผลตามที่ต้องการเป๊ะ.

     

    ได้ผลที่ต้องการมันก็ดีอยู่หรอก แต่สิ่งที่ดีกว่าคือ ยกนี้ เขาชนะ!

     

    .

    .

    .

    .

     

    มหาวิทยาลัยของไนออล ถ้ามองอย่างองค์ประกอบภายนอกถือว่าเป็นที่ที่น่าเรียนมากๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่น สบายตา มีตึกมากมาย แสดงให้เห็นว่านักศึกษาคงไม่ต้องเบียดเสียดกันเรียน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ด้วยความที่ตึกกระจายตัว ทำให้มองดูไม่อึดอัด....สมเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับคนมีเงินจริงๆ ขนาดการจัดเรียงตัวของอาคารยังพิถีพิถันเลย

     

    ตอนนี้เขากับไนออลนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นบีชที่แผ่กิ่งก้านบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี เลียมกวาดตามองไปรอบๆ...เขาต้องจำรายละเอียดของมหาวิทยาลัยนี้ให้ได้ไวที่สุด เพราะคนที่เขาดูแลต้องมาที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว..มาทุกวัน ก็หมายความว่ามีโอกาสสูงที่เหตุการณ์ที่ต้องการการคุ้มครองความปลอดภัยจะเกิดขึ้น

     

    ยิ่งจำให้ไว ให้ละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

     

    แต่เลียมก็ไม่ได้เก็บรายละเอียดของสถานที่อย่างเดียว เก็บไปก็เหลือบมองคนที่ตัวเองต้องดูแลไปนั่นแหละ....

     

    ไนออลนั่งอยู่กับที่ก็จริง แต่หัวและสายตาก็คอยชะเง้อชะแง้มองเพื่อนตัวเองไปด้วย ปากก็บ่นพึมพำไม่หยุด

     

    “ทำไมวันนี้มาสายจัง...ปกติน่าจะมาแล้วนี่นา.....”

     

    “นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงสิบห้าเองนะครับ...เข้าเรียนตั้งแปดโมง บางทีคุณหนูแฮร์รี่อาจจะไม่รีบ...”

     

    “ไม่มีทางงงงงงงงงง” ไนออลหันควับกลับมามองเลียม “แฮร์รี่นั่นน่ะ ชอบมาโรงเรียนเช้าๆ เพราะจะถ้ามาเช้าจะได้ส่องสาวๆลีดเดอร์ซ้อมเชียร์...”

     

    ไนออลบุ้ยหน้าไปทางอีกฝั่งของสนามฟุตบอลที่ๆสาวหลายคนกำลังซ้อมลีดอยู่จริงๆ อือหื้อ....

    ....เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณหนูแฮร์รี่ถึงอยากมาเช้า....ลีดแต่ละคนนี่ช่าง......

     

    “เฮ้ นั่นไง...มาแล้ว!” ไนออลร้องขึ้น ความสนใจของเลียมเลยดูดึงมาจากสาวๆกลุ่มนั้นทันที

     

    อยากเห็นคุณหนูเพื่อนรักของไนออลก็อยากเห็นหรอก แต่ที่อยากเห็นมากกว่า...คือเพื่อนรักของเขาต่างหาก....แต่....ไหนบอกว่ามาแล้ว เขามองไปจนทั่วกรอบสายตาของไนออล ก็ยังไม่เห็นใครที่มีทีท่าคล้ายเซนซักคน เห....

     

    “อ่าว...มองผิดอ่ะ” ไนออลว่า หัวเราะแหะๆ เลียมเลยหันกลับมาที่หน้าไนออล “แล้ว..ทำไมนายทำหน้าผิดหวังจังตอนฉันบอกว่ามองผิดอ่ะ?”

     

    “อ้ะ...เอ่อ..ก็......” ไม่ทันที่เลียมจะเรียบเรียงคำพูดได้ ไนออลก็ร้องขึ้นตัดบทอีกทีว่า

     

    “มาแล้ว! อันนี้ของจริงแน่ๆ! พนันด้วยมื้อกลางวันวันนี้เลยอ่ะ!” เลียมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพรืดใหญ่เมื่อได้ยินของที่ไนออลเอามาพนัน เขาหันไปมอง ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองกำลังเดินมา...ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลง กลายเป็นขมวดคิ้วแทน ไม่ใช่เพราะเซนทำหน้าบึ้งไม่มีความสุขหรอกนะ เซนที่เขาเห็นกำลังยิ้มน้อยๆตามปกติ ที่ทำให้เขาขมวดคิ้วน่ะ..เป็นเพราะหน้าคุณหนูของเซน คุณหนูแฮร์รี่ต่างหาก....

     

    ...หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเด็กโดนขัดใจไม่มีผิด

     

    นายดูแลคุณหนูเขาอีท่าไหนเนี่ย เซน!

     

    “ว้าวววว..ดูเหมือนเพื่อนนายจะมีของแฮะ”

     

    “หา? ของอะไร?....”

     

    “ก็สามารถดูแลเพื่อนฉันได้ดีน่ะซี”

     

    “ได้ดี? ดีอย่างไงนั่น?” เลียมอดจะถามออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ สองคนในบทสนทนาก็เดินมาถึงโต๊ะซะก่อน

     

    ตุ้บบบบบบบบบบบบบบ!

     

    “เฮ้ แฮร์รี่ วางกระเป๋าให้มันเบาๆหน่อยเด้ ใบนี้ฉันอุตส่าห์ไปช่วยเลือกนะ” มาถึงก็แหย่เพื่อนปั๊ป...เอ่อะ...สงสัยไนออลกับคุณหนูแฮร์รี่จะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กจริงๆ เพราะยังกล้าแหย่กันแม้ในชณะที่หน้าบึ้งสนิทอย่างนั้น ถ้าให้เขาแหย่เซนตอนทำสีหน้าอย่างนี้เหมือนกันละก็ บรื๋ออออ....

    “เออ ลืมไป โทษที” นั่นไง สนิทกันมากจริงๆด้วย...เพราะพอเพื่อนแหย่แทนที่จะโกรธมากกว่าเก่า กลายเป็นไม่โกรธ แถมยิ้มนิดๆซะด้วยซ้ำไป “พอดี.....ความโมโห....”

     

    เน้นหนักแล้วปรายตามองไปยังเซนอย่างน่ากลัว เล่นเอาเลียมอดนับถือเพื่อนตัวเองไม่ได้ โดนมองน่ากลัวขนาดนั้นยังยิ้มแต้อยู่อีก!

     

    คุณหนูกับบอดี้การ์ดคู่นี้มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นแน่ๆ...

     

    “.....มันพาไปน่ะ” พูดจบก็ยกกระเป๋าขึ้นมาปัดๆด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะหันมามองหน้าเขา “แล้วนี่.....”

     

    “บอดี้การ์ดฉันไง ชื่อเลียม เลียม นี่แฮร์รี่ ที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อวานไง”

     

    เลียมยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูแฮร์รี่”

     

    “โอยยยย ไอ้คุณนงคุณหนูน่ะ เอาออกไปเถอะ เรียกฉันแฮร์รี่เฉยๆก็ได้” แฮร์รี่พูดแล้วส่งยิ้มให้บอดี้การ์ดของเพื่อน แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกระแอมกระไอด้านหลัง “....อะไรติดคอหรอ คุณบอดี้การ์ด? ให้ฉันเอาเท้าล้วงออกให้ป้ะ?”

     

    “ผมไม่รบกวนคุณหนูขนาดนั้นหรอกครับ” เซนตอบกลับ ฟังจากเสียงแล้ว เลียมว่าไม่น่าตอบกลับด้วยอารมณ์ดีแน่ๆ แล้วทำไมแฮร์รี่ถึงพูดดีๆกับเขา แต่กลับพูดกวนประสาทใส่เซนซะงั้น

     

    สองคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นจริงๆนั่นแหละ!

     

    “ไม่เป็นการรบกวนหรอก ยินดีทำ!” พูดกระชากเสียงก่อนจะหันกลับมาหาไนออลเหมือนเดิม...เปลี่ยนสีหน้าอย่างว่องไวจนเลียมอดทึ่งไม่ได้ “วันนี้มีเรียนอะไรมั่งอ่ะ?”

     

    “แปปนะๆ” ไนออลว่า หยิบกระเป๋าแล้วล้วงตารางสอนออกมา...เป็นตารางสอนที่ตกแต่งด้วยใบแชมร็อคเขียวๆพร้อยเลยล่ะ “มีแค่ครึ่งเช้าแฮะวันนี้ มีวิชากฎหมายแล้วก็ประวัติศาสตร์การเมือง....”

     

    แฮร์รีทำหน้าเบ้ ไนออลเลยพูดกับเพื่อนเป็นเชิงปลอบว่า “เถอะน่า แค่สองวิชาเอง...”

     

    “ฉันยอมเรียนทั้งวัน แลกกับการไม่ต้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์วิชาเดียว”

     

    ไนออลส่ายหัวให้กับความดื้อของเพื่อน หันไปหาเซนแล้วพูด “นายต้องดูแลคุณหนูของนายในคาบประวัติศาสตร์ดีๆนะ มันโดดมาไม่ต่ำกว่าสามหนแล้วเทอมนี้....โอ้ยยยย แฮร์รี่!

     

    ไนออลคลำหัวป้อย สีหน้าแสดงชัดเจนว่าเจ็บจริงไม่พึ่งสตั๊นท์แมน กำดินสอที่แฮร์รี่ปามาใส่หัวตัวเองไว้แน่น “ปามาทำไม!

     

    “ไอ้ขายเพื่อน!

     

    “เขาเรียกว่าหวังดีต่างหาก!

     

    “หวังดีหรอ? ถ้าหวังดีจริงแล้วทำไมไม่เคยห้าม? ไอ้สามหนที่โดดนั่น นายก็โดดเป็นเพื่อนฉันหมดเลยไม่ใข่รึไง?!

     

    “งั้นฉันก็ต้องดูแลนายให้ดีตอนเรียนประวัติศาสตร์เหมือนกันใช่ป้ะ? ไนออล?” เลียมพูดขัดสองสหายที่กำลังเถียงกันยิ้มๆ

     

    “อ่าว...เห้ย แฮร์รี่! ขายเพื่อนนี่หว่า!!

     

    “ขายมาขายกลับ ใครขายฉันก่อนละวะ! แล้วการเถียงกันของสองสหายก็ไม่สิ้นสุด แถมยังบานปลายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังข้ามสนามไปจนสาวๆเชียร์ลีดเดอร์ต้องหยุดซ้อมมายืนมอง แต่เซนกับเลียมก็ไม่มีอารมณ์ห้ามหรอกนะ....เพราะสองคนนี้ถึงเถียงกันเสียงดังขนาดไหน แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความสนุก ดูมีความสุขที่ได้เถียงกันจริงๆ มีความสุขจนคนที่มองอยู่อดหัวเราะตามไม่ได้

     

    เซนกับเลียมเบือนหน้ามาสบตากัน หัวเราะให้กับคนที่ตัวเองต้องดูแลทั้งคู่

     

    แต่หัวเราะไปเซนก็คิดไป....

     

    แววตาที่แสดงถึงความสุขและความสนุกแบบที่ตอนนี้ไอ้เปี๊ยกมันมีอยู่น่ะ.....นอกจากตอนนี้และตอนที่แกล้งเขา...เซนก็ไม่เคยเห็นแฮร์รี่มีแววตาแบบนั้นเลย

     

    .

    .

    .

    .

     

    ทั้งคุณสไตล์และคุณโฮรันได้แจ้งทางมหาวิทยาลัยแล้วว่าลูกชายของทั้งคู่จะมีบอดี้การ์ดมาดูแล เขากับเลียมก็เลยมีที่นั่งที่กันไว้ให้แล้วอยู่หลังห้อง

     

    หลังจากสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดแล้ว เซนก็ใช้เวลาที่เหลือในการมองคุณหนูของเขา ไม่อยากยอมก็ต้องยอมรับล่ะว่า มองเพลินดีจริงๆ มีทั้งตอนตั้งใจเรียน ตอนเหม่อลอย ตอนแกล้งเพื่อน (คือแกล้งไนออลอ่ะนะ...มีหนนึงแกล้งจนเกือบตกเก้าอี้) ตอนหันมาแลบลิ้นใส่เขายังมีเลย แล้วก็มีตอน.....

     

    “เป็นอย่างไงบ้าง? ทำงานวันแรก?”

     

    เสียงนิ่มของเลียมหยุดเขาจากการสังเกตแฮร์รี่ เซนหันหน้าไปมองเพื่อน ทำหน้าเมื่อยๆใส่แล้วถามกลับ “นายคิดว่าเป็นไงล่ะ?”

     

    เลียมหัวเราะเบาๆกับหน้าเมื่อยๆก็เพื่อน “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่งั้นหรอ?”

     

    “ไม่ค่อยดีงั้นหรอ?....เรียกว่าวินาศสันตะโรเลยดีกว่า”

     

    “ขนาดนั้น? เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเป็นไง?” เผื่อเขาจะได้ช่วยแก้ไขไง....ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซักวันหน้าเมื่อยๆของเซนอาจเปลี่ยนเป็นหน้าอยากตายก็ได้นะ เขาต้องรีบช่วย!

     

    “นายเล่าของนายให้ฟังก่อนดีกว่า ฉันว่าเรื่องน่าจะสั้นกว่าของฉันนะ”

     

    “ก็ได้” เลียมรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะเริ่มเล่า...แอบเห็นว่าเซนเกือบหลุดขำตอนเขาเล่าเรื่องตกเก้าอี้เพราะช้อน (ถ้าเซนขำออกมาบางทีเขาอาจจะฟิวส์ขาดยันเจ้าตัวตกเก้าอี้ก็เป็นได้)

     

    “......แล้วเขาก็บอกว่าจะช่วยฉันให้หายจากการกลัวช้อนล่ะ” เลียมปิดท้ายเรื่องเล่าของตัวเองด้วยประโยคนี้

     

    “โห อิจฉา คุณหนูนายน่ารักอ่ะ”

     

    “แล้วคุณหนูนายไม่น่ารักหรือไง?” เลียมถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ก็น่ารักดีนี่ ยกเว้นตอนกวน...”

     

    “น่ารักดีเฉพาะกับเพื่อนแล้วก็กับนายน่ะซี” เซนพูด หน้ามุ่ย “กับฉันงี้แสบสุดๆ....ไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน เด็กก็จริง แต่เฮี้ยวได้สุดยอด...ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องดูแลนะ พ่อจะจับขังลืม...”

     

    “เห้ย ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง”

     

    “น้อยไปน่ะสิ ฉันจะเล่าเรื่องของฉันให้นายฟัง แล้วนายจะรู้ว่ามันน้อยไปจริงๆ” เซนพูด แล้วเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ตั้งแต่เวสป้าสีชมพู ซอสเกรวี่สูตรพิเศษ เพลงของมิก แจกเกอร์ ก่อนจะจบลงด้วยเรื่อง ป๊อด...ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า

     

    “......ถ้านายไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเล่าก็ดูหลักฐานซะ....” เซนว่า ชี้ที่ใต้ตาคล้ำๆของตัวเอง “.....เชื่อรึยังว่าไอ้ขังลืมนี่ไม่ยังน้อยไปซะด้วยซ้ำ”

     

    “โอเค นายน่าสงสาร.....” เลียมยอมรับ จ้องไปยังเพื่อนนิ่งๆ

     

    “ใช่ไหมล่ะ”

     

    “....แต่คุณหนูของนายน่าสงสารกว่า”

     

    “หา?” เซนร้องออกมาเสียงดัง เล่นเอาอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องหันมามองเขาด้วยตาเขียวปั้ด เขาเลยรีบก้มหัวขอโทษ...แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นว่าไอ้เปี๊ยกนั่นหัวเราะไม่มีเสียงด้วยท่าทีสมน้ำหน้า...

     

    ......เลียมมองอย่างไงว่าทั้งน่ารัก น่าสงสารวะนั่น?! น่าหมั่นไส้กับน่าถีบล่ะสิไม่ว่า!

     

    เซนหันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ “นายประสาทกลับหรือหูฉันเพี้ยน...น่าสงสาร? แถมน่าสงสารกว่าฉันเนี่ยนะ!

     

    “อื้อ” เลียมพยักหน้า แถมแววตาจริงจังซะอีก

     

    “ทั้งๆที่เมื่อกี๊ไอ้เปี๊ยกตัวแสบนั่นเพิ่งจะหัวเราะเยาะเย้ยฉันเนี่ยนะ?”

     

    “ใช่ สงสัยล่ะสิ ว่าทำไมฉันคิดแบบนี้”

     

    เซนพยักหน้า “ถ้านายไม่ตอบว่าทำไมนายถึงคิดแบบนี้ คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆ มีเพลงของมิก แจกเกอร์กวนอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องมีความสงสัยค้างคามากวนเพิ่มหรอก”

     

    “นายอ่านประวัติของแฮร์รี่ละเอียดแล้วใช่ไหม? ไหนลองทวนให้ฉันฟังหน่อยว่ามีอะไรบ้าง?”

     

    “ก็...ชื่อจริงแฮร์รี่ เอ็ดเวิร์ด สไตล์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย อยู่กับพ่อ..เอ๊ะ...” เซนชะงักไป “...หรือว่าน่าสงสารเพราะ...พ่อกับแม่หย่ากัน?”

     

    “ใช่ พ่อกับแม่หย่ากัน”

     

    “ไม่หรอกมั้ง...” เซนพูดเสียงแข็ง แม้ในใจจะเริ่มเอียงๆไปทางเลียมแล้วก็เถอะ ว่าแฮร์รี่น่าสงสาร “....ฉันก็มีเพื่อนหลายคนที่พ่อแม่หย่ากัน ไม่เห็นใครเขากลายเป็นเด็กแสบ มีปัญหาแบบไอ้เปี๊ยกนี่เลยนะ”

     

    “แล้วเพื่อนนายเขามีพ่อแบบเดียวกับแฮร์รี่ป้ะล่ะ?”

     

    “หมายความว่าไง?”

     

    “เพื่อนนายน่ะนะ ถึงพ่อแม่เขาจะหย่ากัน แต่เขาอาจจะมีพ่อ หรือมีแม่ที่มีเวลา ดูแลและให้ความรักเขาอย่างเต็มที่ ทดแทนกับการที่ต้องขาดพ่อหรือแม่ไปได้ แต่กับพ่อของแฮร์รี่มันไม่ใช่อย่างนั้น นายก็เห็นว่าคุณสไตล์เขาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เวลาทุกวินาทีของเขาเป็นเงินเป็นทอง....”

     

    “.......เป็นเงินเป็นทอง? มีค่ามากกว่าลูกชายคนเดียวของเขาอีกรึไง?”

     

    “เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก....แต่ที่แน่ๆคือเขาต้องไม่มีเวลาดูแลลูกมากเท่าพ่อหรือแม่ของเพื่อนๆนาย ดังนั้น ก็ไม่แปลกหรอกที่แฮร์รี่จะกลายเป็นเด็กมีปัญหา ทั้งเฮี้ยว แสบขนาดนั้น”

     

    “.......................”

     

    “นายเป็นคนเก่ง แถมยังฉลาดอีกต่างหาก ฉันคิดว่านายน่าจะเข้าใจเขา มากกว่าจะไปสู้รบปรบมือกับเขานะ” เลียมปิดท้าย ก่อนจะหันไปมองกระดาน เป็นสัญญาณแสดงว่าปิดบทสนทนาครั้งนี้

     

    เขาอยากให้เซนทำงานแบบมีความสุขนี่นา วิธีที่ช่วยได้เห็นจะมีแต่พูดตรงๆแบบนี้ไปเนี่ยแหละ...

    ...เป็นห่วงนะ ถึงทำ

     

    เลียมคิดในใจ ตาสีน้ำตาลช็อคโกแลตเหลือบมองเพื่อนหน้าเข้มที่ดูท่าทางกำลังจมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง

     

    .

    .

    .

    .

     

    เซนมองแผ่นหลังของแฮร์รี่ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตั้งใจ แววตานิ่งสนิทจ้องไปยังตัวอักษรบนกระดาน

     

    นิ่งสนิทจริงๆแหละ..แววตาน่ะนะ

     

    พอพูดถึงแววตาเขาก็อดคิดไปถึงความคิดของตัวเองเมื่อเช้าไม่ได้...เขาไม่เคยเห็นแววตาสดใสร่าเริงจากแฮร์รี่เลย นอกจากเวลาที่แกล้งเขา กับเวลาที่เล่นสนุกกับไนออล

     

    ..........................

    ...............

     

    ดูเหมือนเด็กคนนี้จะน่าสงสารจริงๆ ชักจะเห็นด้วยกับเลียมแล้วล่ะว่าเขาควรจะทำความเข้าใจกับแฮร์รี่ ไม่ใช่ไปสู้รบปรบมือ เพราะถึงแกล้งเขาแล้วแฮร์รี่จะดูมีความสุข แต่นั่นมันก็เป็นความสุขประเดี๋ยวประด๋าวไม่ใช่รึไง? เขาอยากให้เด็กน่าสงสารคนนั้นมีความสุขเพราะตัวเองมากกว่า เพราะมันดูจะเป็นความสุขที่ยืนยาวกว่าแบบอื่นๆ

     

    ตอนที่จบจากโรงเรียนบอดี้การ์ดมาน่ะ ผู้อำนวยการให้โอวาทไว้ว่า “คนภายนอก จะคิดว่าเราดูแลคนที่เราต้องดูแลแค่ภายนอก แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอเป็นอย่างที่คนภายนอกมอง ฉันอยากให้พวกเธอเป็นอย่างที่โรงเรียนแห่งนี้ได้สอนไป นั่นก็คือดูแลทั้งภายนอกร่างกายและภายในจิตใจของคนที่เราต้องดูแล”

     

    เขาเป็นคนที่จบมาเป็นที่หนึ่งของรุ่น แถมเป็นคนที่ท่านผู้อำนวยการเสนองานให้ด้วยตัวเองอีก...ไม่ปฏิบัติตามโอวาทนั้นคงเสียชื่อแย่...เอาล่ะ.....ต่อจากนี้ หน้าที่ของเขานอกจากจะดูแลภายนอกของไอ้เปี๊ยกตัวแสบแล้ว ก็จะเพิ่มไปอีกอย่างนั่นก็คือพยายามทำความเข้าใจด้วย

     

    แต่ก่อนจะเข้าใจกันได้ เขาคงต้องอดทนรับแผนการแสบๆซนๆของไอ้เปี๊ยกนั่นไปอีกหลายอย่างแน่ๆ...แค่คิดก็เพลียซะแล้ว.....

     

    เอาน่า! อดทนไปหน่อยแล้วกัน! นึกว่าสงสารเด็กตาเขียวๆ(???)ซักคน!

     

    Continue -7-

    Talk

    ชะแว้บบบบบบ เจอกันอีกแล้วจ้าาาาา ~
    ต้องขอโทษจริงๆที่รอบนี้ทิ้งไปนาน พอดีเอ็นจอยกับการไปเที่ยวมากไปหน่อย ใช้เวลาให้หายมึนนาน 55555

    เห็นเม้นทวงถามถึงเฮียลูแล้วรู้สึกสะท้อนใจ เราเองก็โมโหตัวเองนะ ที่เขียนไม่ถึงตอนเฮียลูออกซักที แง่งงงงงง!
    เอาเป็นว่า ถ้ารักคนแต่ง เอ้ย! รักเฮียลูก็รออีกแปปนึงนะฮ๊าบบบบ ยังไงๆเฮียก็ต้องออกมาแน่นอน ตำแหน่งสำคัญขนาดนี้ ฮี่ๆ (สำคัญจะใดหนอ??? ^________________^)

    หวังว่าจะอ่านานุกๆกันนะค้าาาา
    เจอกันตอนหน้า ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกคลิ๊กค่ะ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×