คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : -4- Dinner time
Chapter 4 : Dinner time
“มาแล้วหรอๆ นั่งเลยๆ”
เสียงเรียกแสนสดใสทำให้เลียมอดยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ เลียมที่ตอนนี้อยู่ในชุดสบายๆไม่ใช่ชุดสูทแบบตอนที่เข้ามารายงานตัวเดินเข้ามาในห้องกินข้าว บนโต๊ะยาวๆนั้นมีคนนั่งอยู่คนเดียวคือคุณหนู...เอ้ย ไนออล
“แล้ว..นายท่านกับคุณนาย?”
ไนออลยกมือขึ้นโบก “ไปประชุม...” ก่อนจะพึมพำ “...เออ สงสัยแฮร์รี่จะต้องกินข้าวเย็นคนเดียวเหมือนกันล่ะมั้ง?”
พอพึมพำจบไนออลก็เหลือบตาขึ้นเห็นสีหน้างงๆของเลียมพอดี “อ่า...สงสัยสินะว่าแฮร์รี่เป็นใคร....”
“ก็นิดหน่อยครับ”
ชะอุ๋ย....หลุดคำว่าครับออกไปอ้ะ....ช่วยไม่ได้ มันชินนี่นา.....แต่ดูท่าทางคุณหนู..โอ้ยยยยย ไนออล! จะไม่เข้าใจถึงความเคยชินข้อนี้ของเขา คิ้วเหนือตาสีฟ้าสดใสนั่นขมวดทันที...น่ากลัวอ้ะ T_______________T
“ครับ?”
“ขอโทษทีคะ....เอ้ย ขอโทษที คือมันเป็นความเคยชินอ่ะ เลยเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ” เลียมว่า เกาหัวแกรกๆแบบลำบากใจ “แต่จะพยายามแก้ละกันนะ!”
ไนออลยิ้ม
ท่าเกาหัวน่ารักอ่ะ! จริงๆนะ!! แต่น่ารักน้อยกว่าเวลายิ้มจิ๊ดนึง
“ถ้าสัญญาว่าจะพยายามแก้ ฉันก็จะไม่โกรธเวลาหลุดออกมาละกัน แต่อย่าใช้เวลานานนักนะ ฉันไม่ชอบ” รอยยิ้มหวานๆปรากฏบนหน้าเลียมทันที “แล้วจะยืนอยู่อีกนานไหม นั่งสิๆ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว”
เมื่อโดนเร่งแบบนั้นเลียมก็เลยรีบนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามไนออลที่ยังพูดต่อเรื่อยๆ “อันที่จริงแล้วเวลาฉันหิวเนี่ย ฉันไม่เคยรอใครนะ นายเป็นกรณีพิเศษ”
“พะ...พิเศษ?”
“อื้อ พิเศษ ขนาดแฮร์รี่ฉันยังไม่เคยรอเลยเถอะ .... หยุดทำหน้าสงสัยเถอะน่า กินก่อนๆ เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังเองว่าแฮร์รี่เป็นใคร นายเป็นบอดี้การ์ดฉัน ยังไงๆก็ต้องได้เจออยู่แล้ว รู้จักไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน”
“ก็ได้” เลียมรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองไปยังอาหารนานาชนิดที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะกินข้าว...โอยยย เราห่างจากกับข้าวสไตล์อังกฤษแท้ๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วแฮะ....เห็นแล้วตาลาย ท้องร้องขึ้นมาทันทีทันใด....
กินเลยละกันนะ!
ไนออลเหลือบมองเลียมที่ดึงจานอาหารเข้ามาใกล้ตัว หยิบช้อน-ส้อมและมีดที่ห่อรวมกันในทิชชู่ออกมาแล้วค่อยๆแกะ....มองเพลินดีแฮะ แบบยังไงดีล่ะ...ปกติเวลาเขากินอาหารกับพ่อแม่ ทั้งสองคนก็จะรีบแกะรีบกินเพราะธุรกิจรัดตัวด้วยกันทั้งคู่ หรือถ้ากินที่มหาลัยกับแฮร์รี่ รายนั้นก็ต้องแกะแบบพิสดารๆ...เพิ่งเคยมีคนมานั่งแกะช้าๆแบบนี้เนี่ยแหละ...
แต่แล้ว ความเพลิดเพลินที่ทำให้เขาถึงขั้นหยุดกินก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อเลียมแกะเสร็จ....เพราะพอแกะเสร็จ เจ้าตัวก็โยนทั้งช้อน ส้อม มีดใส่จานดังเพล้งแล้วตกเก้าอี้ไปทันที!
“เลียม!”
.
.
.
.
ที่ไนออลคิดว่าแฮร์รี่กินข้าวคนเดียวน่ะ ผิด ผี้ดดดด ผิด! เพราะถ้าแฮร์รี่ได้กินข้าวคนเดียวจริงๆ เขาก็คงไม่ต้องมายืนหน้ามันแผล็บอยู่ในครัวแบบนี้หรอก!!
อย่าเพิ่งงงว่าไม่ได้กินข้าวคนเดียวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการมาอยู่ในห้องครัว เกี่ยวสิ! เพราะ...ถ้าเขากินข้าวคนเดียว...เหมือนทุกๆวันที่เคยกินมา เขาก็คงจะแค่เดินไปนั่งบนโต๊ะ (ใช่! บนโต๊ะ!) แล้วรอกินอะไรซักอย่างที่แม่ครัวจะเอามาเสิร์ฟ แต่วันนี้เขามีคนกินด้วย...แล้วไอ้คนกินด้วยคนนั้นมันดันเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของเขาที่ชื่อเซน ดังนั้น....เขาก็เลยต้องมาทำให้กิน....
บรรทัดข้างบนตกไปคำ อันที่จริงมันต้องเป็น “ทำให้กินไม่ลงต่างหาก”
“วันนี้กระเพาะ ลำไส้ ตับ ไต นายต้องวินาศสันตะโรแน่ๆ นายบัง! เตรียมใจไว้เหอะ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า....” ถ้าให้เขาเดา สภาพตัวเอง ณ ตอนนี้คงคลับคล้ายคลับคลาแม่มดในเรื่องสโนว์ไวท์เข้าไปทุกทีแน่ๆ
ช่างมันเรื่องแม่มด....เหมือนแม่มดก็ช่างปะไร แค่ได้แกล้งให้หมอนั่นเก็บกระเป๋ากลับบ้านแทบไม่ทัน...แค่คล้ายแม่มดน่ะ มันเรื่องจิ๊บๆ!
.
.
.
.
หลังอาบน้ำเสร็จควรจะเป็นเวลาที่สบายตัว สบายใจสินะ....
เซนก็เคยสบายตัว สบายใจแทบทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จ...ที่ว่าแทบทุกครั้งน่ะ ก็เพราะครั้งนี้เขาเล่นสบายตัวอย่างเดียว แต่ใจไม่สบายไปด้วยแล้วน่ะสิ
ใครมันจะไปสบายใจลงวะ....งานแรกหินซะขนาดนี้.....
คุณหนูแฮร์รี่ สไตล์....
เฮี้ยวอย่างเดียวท่าทางจะไม่พอ ต้องโคตรพ่อโคตรแม่บรมเฮี้ยวถึงจะถูก....
ท่าทางจะคุมให้อยู่ได้ยากน่าดู แต่ยังไงๆ.....ถึงต่อให้เฮี้ยวขนาดไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี เขาที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าก็น่าจะคุมได้ล่ะน่า....ต้องคุมได้แน่ๆ!
เซนคิดปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเอาผ้าจนหนูขยี้ผมที่เปียกๆจากการสระผมเมื่อครู่ ยังไม่ทันแห้งดีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ครับ?” เขาส่งเสียงกลับออกไป เสียงของแม่บ้านก็ดังกลับเข้ามาว่า
“อาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ เชิญคุณลงไปกินได้ค่ะ” พอพูดจบเธอคงเดินจากไปทันที เพราะได้ยินเสียงฝีเท้า
อืมมมม.... คิดไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้.......
แต่เขาว่าเสียงแม่บ้านแปลกๆ...แปลกเหมือนเสียงพ่อบ้านที่เอารถเวสป้าตามคำสั่งของคุณหนูมารับเขาเลย....
เซนขมวดคิ้วจนเป็นร่องลึก เอาผ้าเช็ดผมไปแขวนกับราวผ้าในห้องพลางคิดในใจ
เขาไม่ได้คิดไปเองหรอก...ไอ้เปี๊ยกนั่นต้องทำอะไรแผลงๆแกล้งเขาระหว่างมื้อเย็นวันนี้ชัวร์ๆ!
.
.
.
.
โต๊ะกินข้าวของบ้านสไตล์เป็นโต๊ะหินอ่อนที่ใหญ่มาก ใหญ่เกินกว่าที่จะมีเด็กคนเดียวนั่งอยู่ ทำให้เซนคิดถึงภาพในพวกซีรีย์ต่างๆ ที่มีลูกนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ส่วนพ่อแม่หายจ้อยไปประชุม...มีแนวโน้มสูงมากว่าเด็กคนที่นั่งอยู่คนเดียวนั้น ต่อไปมันจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา แต่สำหรับไอ้เปี๊ยกนี่มันคงไม่ใช่จะ...เพราะมันกลายเป็นเด็กมีปัญหาเรียบร้อยแล้ว
หมายถึงมีปัญหากับเขาน่ะนะ...
“นั่งลงดิ่ ยืนทื่อทำไม?”
“...........”
“หรือเห็นว่าต้องกินข้าวกับฉันเลยเปลี่ยนใจไม่อยากกิน...ถ้าเปลี่ยนใจไม่อยากกินก็ช่วย.....”
“....เปลี่ยนใจกลับบ้านไปด้วย อยากจะพูดอย่างนี้ใช่ไหมล่ะครับ?” เซนเอ่ยตัดบท แอบสะใจเล็กๆที่แฮร์รี่หน้ามุ่ย ปากพึมพำไม่เบานักว่า
“เกลียดจริงๆคนรู้ทัน”
“งั้นคุณหนูก็เตรียมความเกลียดไว้เยอะๆเลยนะครับ เพราะผมคงรู้ทันอีกเยอะ” เซนพูดก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับแฮร์รี่ ถึงปากจะคุยกันอยู่แต่หางตาของเขาก็แอบเหลือบมองไปรอบด้าน….ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจากตอนที่เห็นห้องนี้ครั้งแรก....การเหลือบมองครั้งนี้เป็นการตรวจตราสองสิ่ง สิ่งแรกคือศัตรู ส่วนสิ่งที่สอง...ก็คือแผนแผลงๆของไอ้เปี๊ยกนี่เนี่ยแหละ!
“ให้มันจริง” พูดด้วยเสียงเยาะๆ เอามือที่กอดอกตัวเองลง “อาหารวันนี้ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ฉันไม่ได้สั่งให้แม่บ้านทำอะไรเป็นพิเศษ....เพราะคิดว่าจะกินกับคนที่อยู่กันไม่นาน ไม่ต้องพิเศษอะไรมากมายก็ได้”
แน่ะ...ยังไม่เลิกพูดเป็นเชิงขับไสไล่ส่งเขา อยากจะบอกให้รู้จริงๆเลยว่าเขาเป็นคนที่ต่อให้ไล่ก็ไม่ไปถ้าใจอยากอยู่!
“ไม่เป็นไรครับ ผมกินอะไรก็ได้......” เซนว่า หยิบช้อน ส้อม มีดที่ห่ออยู่ในผ้าเช็ดปากมาแกะ “....เพราะผมคิดว่าอีกไม่นาน ผมกับคุณหนูคงได้กินมื้อพิเศษกันแน่ๆ”
คิ้วเหนือตาสีทุ่งหญ้านั้นขมวด ในความคิดเซนแล้วมันเหมือนเด็กที่ทำการบ้านคณิตศาสตร์ไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้ คิดแล้วอดยิ้มเล็กๆไม่ได้ “ทำไมคิดงั้น? นายคิดว่าฉันจะยอมแพ้นาย เป็นเด็กดี เชื่อฟัง แล้วก็เคารพรักถึงขั้นต้องมีมื้อพิเศษด้วยกันเลยรึไง?”
“ทำนองนั้นแหละครับ”
“ฝันไปเถอะ!”
“ฝันไปเถอะเหมือนกันครับ!” เซนสวนกลับไป “แต่ก่อนจะไปนอนฝัน เราควรกินข้าวกันก่อน ดีไหมครับ?”
“ใครใช้ให้เรียกว่าเราไม่ทราบ? ฉันไม่ยอมถูกเรียกรวมกันนายแบบนั้นแน่ๆ”
เซนถอนหายใจ ไอ้เปี๊ยกนี่มันบรรยายได้ว่าไงบ้างเนี่ย? ดื้อ? แผลง? ขี้แกล้ง? ฉลาด....แถมหยิ่งอีกต่างหาก นี่พ่อเขาเลี้ยงลูกมาแบบไหนกันเนี่ย? “ครับๆ ผมขอโทษ ผมกับคุณ กินข้าวกันก่อนดีไหมครับ?”
แฮร์รี่ก้มลงแกะช้อนส้อมของตัวเองบ้าง “กิน แต่ฉันไม่ได้กินเพราะนายชวนหรอกนะ ฉันกินเพราะฉันหิวต่างหาก”
เอ้อะ.....
นอกจากการกระทำจะแสบแล้ว คำพูดยังซี้ดอีกต่างหาก!
เดี๋ยวค่อยไปแก้เผ็ดทีหลังตอนท้องอิ่มละกัน หิวๆอย่างนี้คงคิดแผนแก้แค้นที่แสบระดับเดียวกันไม่ออกหรอก (หมายถึงแผนที่แสบ แต่ไม่เป็นอันตรายนะ อย่างไงๆหน้าที่หลักของเขาก็คือดูแลไอ้เปี๊ยกนี่ ไม่ใช่ผลักให้ไปอยู่ในอันตรายเพราะความแค้นส่วนตัว(ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา)
เซนก้มลงมองอาหารเย็นตรงหน้า สเต๊กเนื้อราดซอสเกรวี่ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็น่ากินไม่หยอก เซนเงื้อมีดจะตัดสเต๊ก แต่ก็หยุดกึก.....
แผนการแกล้งคนเวลากินอาหารเย็นที่ง่ายและเด็ดที่สุดคืออะไร?
ก็คือ....การเอาสิ่งที่จะแกล้งมาไว้ในอาหารน่ะสิ!
“เป็นอะไร? ทำไมไม่กิน?”
เสียงของแฮร์รี่เรียกให้เซนที่พินิจพิเคราะห์สเต๊กอยู่เงยหน้าขึ้นมอง......
ก่อนที่จะพูดเรื่องอื่น ขอเรื่องนี้นิดนึง
คือที่เขาว่าคุณหนูแฮร์รี่ สไตล์เป็นเด็กน่ะ ไม่ผิดเลยซักนิด
หน้ายุ่งๆเมื่อกี๊เหมือนเด็กตอนแก้โจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้ ส่วนตอนที่กำลังกิน เคี้ยวตุ้ยๆท่าทางอร่อยนั้นก็ดูเป็นเด็กน้อยจริงๆ...
ขอแอบยิ้มซักทีเหอะ...เด็กแบบนี้เขาจะคุมไม่อยู่ได้ยังไงกัน?
“ฉันไม่ใช่แม่มดนะ ไม่ต้องกลัวฉันจะใส่อะไรไว้ในสเต๊กให้นายกินแล้วหลับสันหลังยาวไปหลายปีเหมือนสโนว์ไวท์หรอกน่า” พูดจบก็ตัดสเต๊กขึ้นมากินอีกหนึ่งคำเล็กๆ อืมมมม...ถึงจะเซี้ยว จะซนอย่างไงก็ยังเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดีสินะ? กินคำเล็กแทบไม่ต้องอ้าปากเลย
“ผมไม่กล้าเสียมารยาทว่าคุณหนูเป็นแม่มดหรอกครับ” เซนพูด เพราะท่าทางคุณเหมือนเจ้าชายจอมซนมากกว่าเยอะ....วางส้อมกับมีดลงข้างจาน “เพียงแต่นิสัยที่ได้รับการอบรมมาจากโรงเรียนบอดี้การ์ดมันสอนให้ผมระวังตัวน่ะ”
“หือ? นิสัยอะไร?” มารยาทดีมาก พอเห็นว่าบทสนทนาเริ่มจะยาวก็วางมีดกับส้อมลงทันที ดูท่าไม่อยากจะคุยไปกินไป
“ก็คุณบอกว่าจะแกล้งผมด้วยอะไรที่มากกว่าเวสป้า”
“ใช่ แล้วรู้ไว้ด้วยนะ ว่าฉันเอาจริง จริงๆด้วย! เปลี่ยนใจกลับบ้าน...”
“ไม่เปลี่ยนครับ” เซนเอ่ยตัดบทเป็นหนที่สอง...ยิ้มอีกทีเมื่อเห็นหน้าแก้โจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้ของแฮร์รี่ ทีหลังแกล้งแบบนี้บ่อยๆดีกว่า เห็นหน้าแบบนี้แล้วอารมณ์ดีชอบกล “แต่พอคุณพูดแบบนั้น ผมก็ต้องระวังตัวขึ้นนี่นา โดยปกติแล้ว คนธรรมดาได้ยินแบบนี้ยังระวังตัวมากขึ้นเลย แต่ผมไม่ธรรมดาไง....”
“นายเป็นเอเลี่ยนหรอ? ให้ฉันเรียกยานแม่กลับมารับป้ะ?”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมใช้โทรจิตติดต่อเองได้.....พอใจรึยัง?”
“ไม่ขำหรอ เออๆ งั้นก็พูดต่อไปเหอะ” แฮร์รี่ว่า ยักไหล่เป็นเชิงไม่แคร์..แต่สีหน้าก็ฟ้องอยู่ว่าเซ็งไม่น้อยที่โดนตัดมุก เซนรีบกลั้นหัวเราะ
“....แต่ผมเป็นบอดี้การ์ดไง ก็ต้องระวังมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าคุณทำจริง เพราะสีหน้าคุณตอนบอกนั่นไม่เล่นซักนิด...ผมก็เลยคิดว่า สเต๊กจานนี้...” เซนชี้มือไปยังอาหารเบื้องหน้า “...อาจจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้แกล้งผมก็ได้”
“แล้วถ้าเป็นงั้นจริง นายคิดว่าฉันจะแกล้งนายอย่างไง?” พูดลอยหน้าลอยตาอีกหน แล้วโต๊ะกินข้าวมันเปลี่ยนเป็นโต๊ะปาฐกถาไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย?
“คุณอาจจะยัดไส้วาซาบิมา หรือ....ไอ้ซอสเกรวี่นี่อาจจะทำจากส่วนผสมปริศนาก็เป็นได้”
“ฉลาด...แต่ถ้าฉันจะทำแบบนั้นจริงๆ ฉันก็ต้องเข้าครัวไปทำเองใช่ไหมล่ะ? นายคิดว่าตัวนายมีค่าให้ฉันไปยืนหน้ามันในครัวขนาดนั้นเชียว?”
เซนจ้องหน้าแฮร์รี่...หน้ายังเหมือนตอนที่เขาเจอหนแรกไม่ผิด ขาวโบ๊ะ...
“คุณอาจจะไปล้างหน้าล้างตาก่อนมากินข้าวกับผมก็ได้ ไม่มีอะไรยืนยันใช่ไหมล่ะว่าคุณอยู่ที่ไหนตอนผมไปอาบน้ำแต่งตัวอยู่บนห้องน่ะ”
“เรื่องมากจริง” แฮร์รี่เคี้ยวฟันเบื่อๆ “สรุปคือยังไงๆนายก็คิดใช่ไหมว่าฉันเป็นแม่มดเอายาพิษหรืออะไรปริศนาๆใส่ในสเต๊กของนาย”
“ครับ ขอโทษที่เสียมารยาทกล่าวหา”
“งั้นเตรียมคำขอโทษไว้อีกคำด้วย แบบว่า ‘ขอโทษที่เสียมารยาทสงสัย’” แฮร์รี่พูด โน้มตัวมาดึงจานสเต๊กไปจากเซน “ฉันจะกินพิสูจน์เลยก็ได้ว่าสเต๊กจานนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับมันทั้งสิ้น”
“งั้นขอโทษที่เสียมารยาทสั่งครับ แต่ช่วยกินตรงกลางๆเลยได้ไหม?”
“ทำไมอ้ะ?” คราวนี้เป็นสีหน้าเหมือนเด็กเพิ่งเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ไม่รู้จะเล่นอย่างไงดี
“ก็ในเรื่องสโนว์ไวท์ฉบับหนึ่ง แม่มดก็กินข้างที่ไม่มียาพิษหลอกให้สโนว์ไวท์หลงเชื่อไม่ใช่หรอครับ? ถ้าอยากพิสูจน์จริงก็ต้องกินตามที่ผมบอกสิ จะได้หลบยาพิษไม่ได้”
“เอางั้นก็ได้” แฮร์รี่ว่า ก่อนจะเงื้อมีดขึ้นมาตัดสเต๊กกลางที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเกรวี่ ชิ้นใหญ่ด้วย ก่อนจะจิ้มเข้าปากไป...เคี้ยวตุ้ยๆด้วยท่าทางอร่อยเหมือนเดิม...แล้วก็ค่อยๆขมวดคิ้ว.....
ขมวดคิ้วทำไม? ถ้าจะบอกว่าขมวดคิ้วเพราะไอ้ที่เข้าปากไปเป็นสารปริศนาก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเป็นงั้นจริงน่าจะวิ่งไปคายทิ้งตั้งแต่วินาทีแรกที่แตะโดนลิ้นแล้วนี่นา?
แล้วคำตอบก็เฉลยออกมาว่า..
“ลำเอียง”
“หา?”
“แม่บ้านลำเอียงอ้ะ! จานนายอร่อยกว่าจานฉัน!” พูดจบก็ทำปากบู่แบบไม่พอใจ คราวนี้ไม่ไหวล่ะ...เซนหัวเราะพรวดออกมาทันที “ตลกตรงไหน? ฉันเป็นคุณหนูของบ้านนี้ทำไมได้สเต๊กจานที่อร่อยน้อยกว่าบอดี้การ์ดอ่ะ? ลำเอียงแบบนี้ต้องไปโวยหน่อยแล้ว!”
พูดจริงทำจริงจริงๆแหละ พอพูดจบปุ๊ป แฮร์รี่ก็โดดผึงออกจากเก้าอี้ ตั้งท่าจะพุ่งไปที่ห้องครัว เซนเลยรีบคว้าข้อมือขาวๆนั้นไว้ แฮร์รี่หันมาทำหน้ายุ่งใส่ ขึ้นซับไตเติ้ลได้ว่า ‘จับหาพ่องเรอะ?’
“ไม่ต้องไปโวยหรอกครับ ถ้าคุณว่าจานผมอร่อยกว่า ก็เอาจานผมไปกินเลยก็ได้”
“จริงดิ่? แต่จานฉัน ฉันก็กินไปเยอะแล้วนะ” พูดจบก็เหลือบตามองไปยังจานเสต๊กของตัวเอง...ถึงคราวเซนขมวดคิ้วบ้างล่ะ นั่นเรอะที่เรียกว่าเยอะ?
“ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ...แลกกันก็ได้ อย่าไปโวยแม่บ้านเขาเลย”
“ก็ได้.....แต่ฉันไม่ได้ยอมแลกกับนายเพราะใจดีหรอกนะ แค่ขี้เกียจเดินไปห้องครัวให้หน้ามันเล่นแล้วแค่นั้นเอง”
เซนหัวเราะออกมาเบาๆ แฮร์รี่ขมวดคิ้วเป็นรอบที่ล้านของวัน หัวเราะอะไรของมันวะ?...ช่างเหอะ....
แฮร์รี่ดึงจานสเต๊กของเซนมาไว้ตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะผลักของตัวเองไปตรงข้าม “ทีนี้ก็กินได้อย่างสบายใจแล้วใช่ไหม? รู้ซักทีว่าฉันไม่ใช่แม่มด...ถ้าจะแกล้งใคร ฉันไม่แกล้งโดยแผนที่คิดว่าเขารู้ทันหรอก”
“ครับๆ” เซนรับคำยิ้มๆ ดึงจานสเต๊กมาใกล้ตัว...บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเมื่อกี๊ถึงต้องหัวเราะ เขาพยายามคิดหาคำตอบให้ตัวเองขณะหั่นสเต๊กเข้าปาก
อืมมม.....
.......................................
……………….
…….
เซนรีบเอามืออุดปากตัวเอง หันซ้ายหันขวาอย่างเร่งรีบ...ห้องน้ำๆ.....!!! เขาอยากจะอ้วกเอาของที่อยู่ในปากออกไปเต็มทนแล้ว!
“ถ้าหาห้องน้ำละก็...ออกจากประตูนี้ไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย...”
พอได้ข้อมูลแล้วเซนก็ลุกพรวดจากโต๊ะไปทันที ถึงปากจะอยากอ้วกขนาดไหนประสาทหูก็ยังไม่ถูกทำลายตามไปด้วย เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นตามออกมา โถ่เว้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ! รอให้คายไอ้สารปริศนานี่ออกจากปากได้เมื่อไหร่จะรีบไปเอาคืน..ว่าแต่ไอ้สารปริศนานี่มันประกอบด้วยอะไรมั่งวะ! รสชาติถึงได้ห่วยโคตรแบบนี้!!!!!!!!!!!
เซนพุ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ คายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในปากออกมา...แต่ไม่น่าเชื่อ..ว่าไอ้เปี๊ยกตัวแสบนั่นยังมายืนเย้ยหยันดูเขาอ้วกอีกต่างหาก!
แสบจริงๆ!
“ระหว่างที่อ้วกเดี๋ยวจะอธิบายอะไรให้ฟัง ดีป้ะ?” ถามเสียงกวนๆ แต่เซนก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบกลับไปได้ รสชาติเลวๆนั่นยังติดอยู่ในปากไม่หาย “อย่างแรก....ตอนที่นายไปอาบน้ำแต่งตัวน่ะนะ ฉันเข้าไปอยู่ในห้องครัวมาล่ะ แม่บ้านหน้าเสียเลยตอนที่ฉันไล่เธอออกมาจากครัวน่ะ”
นี่สินะ สาเหตุที่น้ำเสียงของแม่บ้านเป็นแบบนั้น!
“พอเธอออกไป ฉันก็เห็นว่าเธอทำสเต๊กค้างไว้ ขาดแค่ราดซอสเกรวี่ลงไป ฉันก็เลยเอามาราดจานนึง อีกจานนึงก็ผสมน้ำเกรวี่แบบพิเศ๊ษ พิเศษลงไป ขอโทษด้วยนะที่ฉันจำไม่ได้ว่าใส่อะไรลงไปมั่ง หลักๆก็มีพวกของสีน้ำตาลๆคล้ายเกรวี่ ทั้งช็อกโกแลต มันเชื่อม อะไรอีกนะ...พริกไทยก็ใส่มั้ง? ผงอะไรไม่รู้ที่เป็นสีน้ำตาลๆหลายๆอย่างในครัวก็ใส่ไปหมด แต่พอใส่เสร็จแล้วมันดันไม่เหนียวเหมือนน้ำเกรวี่แฮะ ฉันเลยใส่คาราเมลลงไปปิดท้าย ทีนี้แหละ ใช่เลย...”
“.............” ถึงหวาน ทั้งหวาน ทั้งเผ็ด ฮึ่มมมมม
“แล้วฉันก็ตักเกรวี่สูตรพิเศษราดลงไปอีกจาน ถือออกมาวาง แล้วก็จัดโต๊ะเองด้วย ขอบคุณฉันด้วยน้า~”
ขอบคุณด้วยการตบกะโหลกซักทีได้ไหม ไอ้เด็กบ้า!
“แต่ฉันรู้ว่านายฉลาด คงไม่ยอมกินจานของตัวเองแน่ๆเพราะกลัวโดนฉันแกล้ง ก็เลยอาสาเอาจานพิเศษมาไว้กับตัว เอาจานปกติไปไว้กับนาย รอจังหวะที่จะแลกกัน แล้วฉันก็รู้ด้วยว่านายจะไม่ยอมเชื่อฉันแน่ๆถ้าฉันไม่กิน ก็เลยกลั้นหายใจกินของตัวเองไป...พอไม่มีกลิ่นก็ไม่มีรสจริงอย่างที่ไนออลบอกด้วยแฮะ...แล้วก็กินจานของนายด้วย ยอมทำตามที่นายบอกนั่นแหละ...”
ไนออล...คุณหนูของเลียมน่ะเรอะ? หวังว่าคงไม่แสบสะเด็ดแบบไอ้เด็กนี่หรอกนะ!..แล้วที่กินคำเล็กนั่นไม่ใช่เพราะนิสัยผู้ดีสินะ..แต่เพราะอยากรับรสชาติเลวๆนั่นเข้าปากให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้...ส่วนตัวเขาก็ซวยสุดๆที่กินเข้าไปเต็มๆ!!!
“...แล้วผลสุดท้ายแผนของฉันก็สำเร็จ นายหลงเชื่อ ยอมแลกจานกับฉัน....ถ้าไม่ยอมเชื่อแล้วกินจานตัวเองต่อไปก็จะไม่โดนอะไร แล้วฉันก็ต้องเป็นฝ่ายทนทรมานกลั้นหายใจไปกินไปแท้ๆ....”
แต่ตอนนี้คนทรมานน่ะ เขา! รสชาติเลวๆนี่ยังไม่หายไปจากปากเลย ใครมีลิสเตอรีนให้ล้างปากบ้างไหม? แหวะ....
“ผิดที่นายเองนะ ที่รู้ไม่ทันแผนฉัน....ที่บอกว่านายไม่มีค่าให้ฉันเข้าครัวน่ะ ใช่ ไม่มี แต่ที่ฉันยอมไปทำน่ะ...เพื่อตัวเองล้วนๆ ฉันอยากแกล้งนายเล่นๆจะได้ไล่นายไปไกลๆให้ไวที่สุดไงล่ะ รู้ไว้ด้วย แบร่!” จบการอธิบายด้วยการแลบลิ้นใส่แล้วหัวเราะดังลั่น เซนก็ได้แต่ก้มหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ไอ้เปี๊ยก! ไอ้แสบ! ไอ้คุณหนูแฮร์รี่...สาบานต่ออะไรก็ได้บนโลกนี้เลยว่าถ้าไม่ได้เอาคืนไอ้เด็กนี่ให้เจ็บพอกัน เขาก็ไม่ใช่เซน มาลิคแล้วล่ะ!
.
.
.
.
จู่ๆการหัวเราะเยาะเย้ยบอดี้การ์ดของเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงข้อความเข้า แฮร์รี่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พอเปิดดูข้อความก็ทำหน้ามุ่ย ทวนข้อความในนั้นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่เซน (ซึ่งยังอยากอ้วกไม่หาย) ได้ยินด้วย
“พรุ่งนี้ครูสอนพิเศษของลูกที่พ่อหามาให้จะมา ต้อนรับเขาให้ดี อย่าเฮี้ยว อย่าซน...”
“.................”
“.....ครูของลูกเขาชื่อลูอิส ทอมลินสัน”
Continue -5-
Talk
สวัสดีทุกคนค่าาาาาา ^_______________^
ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์ อ่านแล้วยิ้มกว้าง มีกำลังขึ้นเยอะเลยยยย รักจริงๆ >3<
ในที่สุด(ชื่อ)ลูก็โผล่มาแว้ววว ให้เอากลับไปคิดกันเล่นๆละกันว่าโผล่มาแล้วจะเป็นอย่างไงต่อไป? อิอิ
หวังว่าจะสนุกกับตอนนี้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊าย บายยยยย ~
ปล. อันที่จริงเราชอบทุกคู่เลย มีแค่ชอบมากกับชอบเฉยๆ....ไม่ว่าใครคู่ใครก็เป็นวันดี ก็น่ารักทั้งนั้นแหละ จริงไหม๊ล่า~ (ปล.เอ็งช่างไร้สาระจริงๆ =____________=)
ความคิดเห็น