ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [1D Fiction] Watch out! รักนี้ต้องระวัง!

    ลำดับตอนที่ #3 : -2- Pink Vespa

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 55


    Chapter 2 : Pink Vespa

    หือ?......

     ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?

    ไม่ใช่โรงเรียนบอดี้การ์ดที่อเมริกาที่เราเคยอยู่

    ไม่ใช่เกาะอังกฤษที่เขาจะไปทำงานแน่ๆ

     

    เอ....ที่ไหน คุ้นๆ.......เหมือนเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว...ต้องเคยเห็นแน่ๆ....

     

    ................อ๋อ............

     

    ปากีสถานนี่เอง......

     

    ตาสีน้ำตาลเข้มกระพริบช้าๆ มองไปรอบๆที่ที่เขาจากมานานแล้ว หลายๆสิ่งหลายๆอย่างยังคงเหมือนเดิม ความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดทุกครั้งเมื่อได้มาที่นี่ก็ยังคงอยู่

     

    “เหมียว....”

     

    การชมเมืองของเขาต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงแหลมเล็กที่เกิดขึ้นใกล้ๆเท้า เซนก้มลงมองก็เห็นลูกแมวตัวนึงอยู่ตรงนั้น ,มันดูน่ารักจนทำให้ทำให้เขาคิดว่ามันคงเป็นแมวของใครที่หลงทางมา อืมมม...ตัวเปรอะก็จริงแต่ดูท่าทางไม่ใช่แมวต่างถิ่น สงสัยคงหลงมาได้ไม่ไกล เอากลับไปคืนเจ้าของดีกว่า...

     

    เซนทรุดตัวลงกับพื้น ยื่นมือก็ไปลูบหัวของเจ้าแมวเบาๆ “ไง แมวเหมียว หลงทางมาหรอ?”

     

    “เมี๊ยวววววว...” เหมือนจะตอบว่าใช่อย่างไงไม่รู้สิ

     

    “งั้นจะพากลับบ้านละกัน ดีไหม?”

     

    “เมี๊ยวววววววววววว” เจ้าแมวน้อยร้องเสียงแหลม เซนหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะอุ้มแมวน้อยมาไว้ระดับเดียวกับสายตาของตัวเอง แมวตัวนี้ตาสีเขียวแฮะ.....

     

    “เอาล่ะ งั้น...โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!

     

    “เซน!

     

    “โอ๊ย เจ็บ! แมวบ้า!

     

    “เห้ย!

     

    เสียงโวยวายลั่นเครื่องบินของเซนถูกหยุดลงด้วยมือของเลียมที่พุ่งมาปิดปากอย่างทันท่วงที เมื่อเห็นว่าเพื่อนเลิกแหกปากแล้วเลียมเลยเอามือออก คิ้วขมวดมุ่น “แมวอะไรของนาย?”

     

    “หา....เอ่อ......” เซนกระพริบตาปริบๆ “......เมื่อกี๊ฉันฝันว่าโดนแมวข่วนน่ะ ลูกแมวซะด้วย....ขอบคุณที่ปลุกนะ ถ้าปลุกช้ากว่านี้บางทีไอ้แมวแสบตัวนั้นอาจจะข่วนตาฉันหลุดออกมาก็ได้”

     

    “เว่อร์ไป๊” เลียมขึ้นเสียงสูง หัวเราะเบาๆ “ที่ปลุกเนี่ย จะบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงเราจะถึงแล้วต่างหาก”

     

    “หรอ....ไวเหมือนกันแฮะ” เซนว่า อ้าปากหาว “พอไปถึงที่สนามบินฮีทโทรว์ฉันจะมีคนมารับ นายล่ะ?”

     

    “ฉันเองก็เหมือนกัน อืม...แต่รู้สึกว่าคนที่มารับฉันจะมาช้ากว่าคนที่มารับนายนะ งั้นเราก็คงต้องแยกกันที่สนามบินนั่นแหละ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ดูจากข้อมูลดูเหมือนคุณหนูทั้งสองของเราจะรู้จักกันไม่ใช่หรอ? ก็คงได้เจอกันตอนทำงานแหละ”

     

    เลียมยิ้มบางๆ “อือ หวังให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”

     

    .

    .

    .

    .

     

    ตามข้อมูลที่ให้มาในซอง เขาต้องไปรอที่ด้านข้างของสนามบิน ขึ้นรถที่มีทะเบียนตามที่บอกไว้แล้วรถคันนั้นจะพาเขาไปส่งที่บ้าน....ไม่ใช่สิ คฤหาสน์ของตระกูลนี้อย่างปลอดภัย ดังนั้นเขาเลยบอกลาเลียมแล้วเดินฉายเดี่ยวมาที่ข้างสนามบิน......รถอยู่ไหนหว่า?......

     

    หันซ้าย หันขวา......ไม่มี.....

    ไม่น่ามารับเขาสายนี่ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ? ไม่เห็นมีรถยนต์คันไหนมีทะเบียนแบบที่แจ้งมาซักคัน

     

    เขารู้สึกได้ถึงเสียงเท้าที่เดินเข้ามาใกล้จึงเหลือบมอง ก็พบชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังเดินมา ประเมินจากสายตาบอดี้การ์ดจบใหม่อย่างเขาแล้ว ดูท่าทางจะไม่มีพิษมีภัย “ขอโทษครับ คุณคือคุณเซน มาลิครึเปล่า? ผมคือคนที่จะมารับคุณไปคฤหาสน์ของเราครับ” พูดจบก็แสดงหลักฐาน เซนพยักหน้า

     

    “ครับ ผมเอง ว่าแต่...รถที่จะมารับผม.....?”

     

    “ทางนี้ครับ” พูดจบก็เดินนำเขาไปอีกทาง .... คิดไปเองรึเปล่าว่าตาลุงคนนี้ดูแปลกๆ ไม่ได้แปลกในความหมายที่ว่าเป็นคนไม่ดี แต่แปลกแบบ...แบบเหมือนโดนบังคับให้ทำอะไรซักอย่างโดยไม่เต็มใจมากๆ....

     

    หรือเขาจะมโนภาพบอดี้การ์ดว่าต้องบึ้ก ถึก ดำวะ? เลยกลัวจนไม่กล้ามารับ แต่ถ้ามโนงั้นจริงเห็นหน้าเขาก็น่าจะเปลี่ยนความคิดได้แล้วนี่นา..... (เขาอาจจะบึ้กและถึก แต่ไอ้ดำนั่นไม่น่าจะใช่นะ....ไม่ได้เข้าข้างตัวเองด้วย พูดความจริงเห็นๆ อย่าอ้วก!)

     

    ไม่ทันที่เซนจะคิดต่อ ตาลุงก็หยุดกึก ผายมือไปยังพาหนะที่จะพาเขาไปยังคฤหาสน์

     

    ทะเบียนถูกต้อง………แต่ประเภทน่ะ ผิดคาดอย่างร้ายแรง!

     

    ใครจะไปคิดว่าเขาต้องขับมอเตอร์ไซค์ผ่าการจราจรของกรุงลอนดอนเพื่อไปทำงานบอดี้การ์ด...

     

    .....แล้วไม่ใช่มอเตอร์ไซค์แบบแมนๆ เท่ๆ สมตำแหน่งอย่างช็อเปอร์ด้วยนะ มันเป็นมอเตอร์ไซค์เวสป้า! เวสป้าไม่พอ สีชมพูอีก! แมทช์กับเซน มาลิคคนี้ที่ไหนละวะเฮ้ย!

     

    “คะ...คุณ.....” กำลังจะอ้าปากถามว่า คุณจะให้ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปเนี่ยนะ?แต่อีกฝ่ายก็ชิงถามตัดหน้าก่อนว่า

     

    “คุณไม่ชอบสีชมพูหรอครับ? งั้นเปลี่ยนกับคันของผมก็ได้” พูดจบก็ชี้ไปยังคันสีขาว...แต่ลายดอกพร้อยยิ่งกว่าเสื้อสงกรานต์ซะอีก!

     

    เอ่อะ....

    ดูท่าทางที่เขาคิดว่างานนี้คือโชคดีนั้น มันจะผิดไปหน่อยนึงแล้วล่ะ

     

    .

    .

    .

    .

     

    เขามองลูกชายของเขามาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ยิ่งมองยิ่งปกติ...แต่นั่นแหละ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาผิดปกติ

     

    วันนี้เขาบังคับให้เจ้าลูกชายจอมซนอยู่บ้านได้สำเร็จ ใช่ ซน ถึงจะโตจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แต่เขาก็คิดคำบรรยายอื่นนอกจากคำนี้ให้ลูกชายไม่ออก ซนในที่นี้ไม่ใช่ซนธรรมดาด้วยนะ ซนอย่างวายร้ายเชียวล่ะ....ไม่โดดเรียนก็หนีเที่ยว ไม่เที่ยวก็แสบ ไม่แสบก็แพลง...ทำตัวชนิดที่ว่าคนเป็นพ่ออย่างเขากุมขมับหนักยิ่งกว่าดัชนีดาวโจนส์ร่วงอีก

     

     

    ที่ต้องอยู่บ้านเนี่ย เพราะว่าวันนี้บอดี้การ์ดที่เขาจ้างให้มาดูแลลูกชายเขาจะมาปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก ถ้าลูกเขาไม่อยู่บ้านแล้วเจ้าบอดี้การ์ดมันจะรู้ไหมว่าควรจะดูแลแบบไหน? ตอนแรกก็เตรียมใจไว้เต็มที่แล้วว่าเจ้าลูกชายของเขามันต้องโวย วีน เหวี่ยงหนักๆให้สมกับท่าทางที่แสดงออกเต็มที่ว่าแอนตี้บอดี้การ์ด แต่เอาเข้าจริงๆ...ลูกชายของเขามันดันนั่งเรียบร้อยอยู่บนโซฟา กดมือถือแล้วหัวเราะคิกๆแค่นั้นเอง

     

    “แฮร์รี่”

     

    “ฮะ?” เหลือบตาสีเขียวขึ้นจากหน้าจอมือถือมามองเขา

     

    “..................”

     

    “พ่อมีไร?”

     

    “เปล่า”

     

    “ผมกำลังคุยกับไนออลสนุกๆเลย ไม่มีอะไรก็อย่าขัดจังหวะสิฮะ” ถึงมันจะลงท้ายด้วยฮะ แต่ดูเนื้อความซะก่อน...เพื่อนสำคัญกว่าพ่อสินะ ไอ้ลูก!

     

    เฮ้อ......

    ........ถ้ามันจะผิดที่ใคร ก็คงผิดที่เขา ที่ปล่อยให้เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมาโดยไม่มีใครดูแลนั่นแหละ

     

    “ว่าแต่...ทำไมมากันช้าจังนะ”

     

    “บอดี้การ์ดผมตกเครื่องบินคอหักตายรึเปล่า?” ถ้าเป็นงั้นได้จริงล่ะ โคตรเจ๋งเลย!

     

    “ปากเสีย! โรเบิร์ตเขาโทรมาหาพ่อ บอกว่ารับมาเรียบร้อยแล้ว”

     

    “งั้นเดี๋ยวเขาก็มาเองแหละ” แฮร์รี่พูด ยักไหล่น้อยๆเป็นเชิงไม่สนใจ

     

    “เออ เดี๋ยวเขาก็มา แล้วตอนมาเนี่ย...เราช่วยนั่งนิ่งๆเรียบร้อยเป็นผู้เป็นคนแบบตอนนี้หน่อยนะ ไม่ใช่ไปเฮี้ยวใส่เขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้ากัน”

     

    “พ่อเห็นผมเป็นคนหรือลิงแสมเนี่ย?”

     

    “ลิงแสมในร่างคน”

     

    “ผมไม่ได้ซนขนาดนั้นซักหน่อย”

     

    “ใช่ เราซนยิ่งกว่าคำว่าขนาดนั้นไปเยอะ!” พูดจบคุณสไตล์ก็จ้องหน้าลูกชาย..แฮร์รี่เบะปากเป็นเชิงไม่พอใจ “เราน่ะ ซนขนาดหนัก รายงานความประพฤติล่าสุดที่ทางมหาวิทยาลับส่งมาให้พ่อน่ะ ยืนยันได้”

     

    “พ่อเชื่อมหาวิทยาลัยมากกว่าผมหรอเนี่ย? เศร้าจัง”

     

    “เราทำตัวน่าเชื่อตายล่ะ อันที่จริงก็อยากจะเชื่อลูกตัวเองอยู่หรอก แต่รูปมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าเราไปเลื่อยขาเก้าอี้อาจารย์เขาไว้จริงๆ....”

     

    “ก็อาจารย์คนนั้นชอบหาเรื่องผม ชอบเพ่งเล็งหาว่าเป็นคนรวยไม่ตั้งใจเรียน...ผมหมั่นไส้ก็เลย....”

     

    “แล้วมันไม่มีวิธีดีกว่านั้นรึไง?”

     

    “ก็มีนะ แต่ผมไม่ได้ใช้ ตอนแรกกะจะไปราดน้ำมันหน้าห้องเรียนให้เจ๊แกลื่นล้มตอนเดินออกไป แต่ไนออลบอกว่าเปลืองน้ำมัน เก็บไว้ทอดอะไรดีกว่าเยอะ...”

     

    “เลิกพูดๆ ยิ่งพูดพ่อยิ่งปวดหัว....นี่ไง เหตุผลที่พ่อต้องจ้างคนมาดูแลเรา”

     

    “มันเกี่ยวอะไรกัน!

     

    “เกี่ยวสิ! เราน่ะทั้งซนทั้งแผลง แกล้งคนอื่นไปทั่วแบบนี้พ่อว่าเราต้องมีศัตรูเยอะ...แล้วสองสามปีที่ผ่านมานี่บริษัทของเราโตขึ้นมาก ศัตรูมันจะไม่ได้มีแต่คนที่เราแกล้งอย่างเดียว มันจะมีคนอื่นมาด้วย....”

     

    “.................”

     

    “พ่อเป็นห่วงเรานะเลยทำแบบนี้”

     

    “...............ชีวิตผม ผมดูแลได้”

     

    “ดูแลได้อะไร...”

     

    “ผมก็ดูแลตัวเองมาตั้งแต่พ่อกับแม่หย่ากัน พ่ออย่ามาพูดเลยว่าผมดูแลตัวเองไม่ได้” แฮร์รี่พูดเสียงนิ่งๆ แต่คนเป็นพ่อก็รู้ดีว่าใจของลูกตอนนี้มันไม่นิ่งอย่างเสียงที่ส่งออกมาหรอก...

     

    นี่ไง..พ่อเลยต้องจ้างคนที่อายุใกล้ๆเรามาดูแลเราน่ะ พ่อ...พ่ออยากให้เราเหงาน้อยลงนะ...

     

    อ้าปากจะพูดให้ลูกชายที่รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าแล้วฟัง แต่ก็....

     

    ตื๊ดดดดดด

     

    “คุณสไตล์ครับ โรเบิร์ตกับบอดี้การ์ดคนใหม่มาถึงแล้ว จะให้เข้าไปเลยไหมครับ?” เสียงเลขาหน้าดังผ่านสปีกเกอร์เข้ามา คุณสไตล์เหลือบมองเสี้ยวหน้าของแฮร์รี่ที่ตอนนี้ไปซ่อนอยู่หลังแม๊กกาซีนเล่มหนึ่ง มองไม่เห็นว่าสีหน้าเป็นไง...แต่ก็พอมีลางสังหรณ์ (เมื่อตอนวันลอยกระทง...อันนี้ไม่เกี่ยว) ว่าความหวังที่จะให้แฮร์รี่ทำตัวดีๆกับบอดี้การ์ดคนแรกของตัวเองลดลงเรื่อยๆ

     

    “เข้ามาๆ” อวยพรให้เจ้าบอดี้การ์ดคนใหม่...จงเป็นสุขๆ และรอดพ้นอันตรายที่จะเกิดจากลูกเขาด้วยเถิด!

     

    .

    .

    .

    .

     

    โชคดีที่คฤหาสน์อยู่ตรงชานเมืองลอนดอน ถ้าไกลกว่านั้น บางทีเค้าอาจจะมาที่นี่โดยไร้หัวก็เป็นได้ ไม่ได้เว่อร์นะ...ก็อังกฤษเล่นมีลม ฝน ลม ฝน สลับกันไปมาอยู่นั่น.....บ้านก็หลังตั้งใหญ่ตั้งโตยัดห้องนอนเก่าในหอของเขากับเลียมลงมาได้เจ็ดสิบแปกรอบถ้วนแล้วทำไมไม่มีรถดีๆไปรับบอดี้การ์ดสำหรับคุณหนูคนเดียวของบ้านวะ!

     

    เลิกเป็นบอดี้การ์ดแล้วกลับไปขายโรตีที่บ้านจะดีกว่าไหมเนี่ย! (ล้อเล่นน่า....)

     

    เซนลากเจ้ารถเวสป้าสีชมพูตามหลังพ่อบ้าน..ที่ชื่อโรเบิร์ตตามไป ซ่อนความหงุดหงิดไว้ลึกๆภายในใจ เอาน่า...กว่าจะเรียนจบมาได้ ผ่านอะไรมาตั้งเยอะแยะ จะมายอมแพ้อะไรกับการต้องขับรถกระป๋องมาทำงานล่ะวะ!

     

    “คุณต้องการจะไปพักผ่อนก่อนไหมครับ? หรือจะไปพบคุณสไตล์กับคุณหนูเลย”

     

    “ไปพบเลยดีกว่าครับ” เขาเคยเห็นคุณสไตล์บ่อยๆผ่านหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจฝีมือดี วางแผนเก่งทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด อยากรู้เหมือนกันว่าตัวจริงจะเหมือนในโทรทัศน์ไหม? (แต่ ณ ตอนนี้เขาคิดว่าไม่น่าจะเหมือน ในโทรทัศน์บอกว่าเป็นนักธุรกิจที่กล้าได้กล้าเสีย...ถ้าเป็นงั้นจริงทำไมเอาเวสป้ามารับเขาล่ะเห้ย?)

     

    “งั้นตามผมมาเลยครับ” โรเบิร์ตว่า ปัดเวสป้าลายดอกเป็นครั้งสุดท้าย (ไม่ได้เข้ากับชุดพ่อบ้านเลยซักนิด - -) ก่อนจะเดินนำเขาเข้าคฤหาสน์ไป อืมมมม....ก็ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไหร่แฮะ หรู รวย เยี่ยม อะไรประมาณนั้นแหละ

     

    พ่อบ้านนำเขาไปยังชั้นสอง พาเดินไปจนสุดทางเดิน เบื้องหน้าคือประตูไม้โอ๊คหนาหนักขนาดมหึมา ข้างๆประตูนั้นมีโต๊ะและผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้น ขยับแว่นกรอบหนาในมือเล็กน้อยก่อนจะถาม “บอดี้การ์ดของคุณหนู?”

     

    “ใช่ แจ้งคุณท่านให้ด้วย” โรเบิร์ตตอบกลับไป เอ....คิดไปเองรึเปล่าว่าเจ้าเลขามันมองเขาแปลกๆ..... พอมองเขาเสร็จก็กดปุ่มสปีกเกอร์ ไม่นานนักก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “เชิญเข้าไปได้”

     

    “คุณเข้าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้” พ่อบ้านพูดจบก็ค้อมหัวแล้วก็เฟดอะเวย์จากไป เขาหายใจเข้าลึกๆสองสามทีแล้วเดินไปเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป

     

    เขาควรจะมองนายจ้างของเขา คุณสไตล์เป็นคนแรกตอนเปิดประตูเข้าไป แต่เขาก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆสายตาของเขามันถึงตวัดไปมองโซฟาที่ตั้งอยู่เกือบชิดหน้าต่างด้านซ้ายของห้องซะก่อน

     

    บนโซฟานั้นมีคนนั่งอยู่ แต่อย่าถามนะว่าหน้าตาเป็นอย่างไง เขาเห็นแต่รองเท้าผ้าใบสีขาวกระดิกยิกๆอยู่เท่านั้น หน้าของคนที่นั่งอยู่ถูกซ่อนอยู่หลังแม๊กกาซีนเล่มหนึ่ง....ซึ่งบางที แม๊กกาซีนเล่มนั้น...อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาเขาตวัดไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะบนปกแม๊กกาซีนเล่มนั้น...เหมือนเปี๊ยปเลยล่ะ เหมือนโคตรๆ......

     

    ไอ้เวสป้าสีชมพูบนปกน่ะ เหมือนไอ้คันที่เขาขับมาโคตรๆ!!!!!.....

     

    ไอ้เปี๊ยก (จากสไตล์รองเท้า น่าจะเป็นเด็ก) นี่มันช่างเลือกหนังสือมาอ่านได้กวนตับ(???)เขามากๆ แต่มันคงไม่ใช่คุณหนูหรอกมั้ง...คุณหนูอะไรจะกระดิกเท้ายิกๆ ใส่รองเท้าที่ถึงจะแบรนด์ดังแต่ก็มอมๆอย่างนั้นกัน? ไม่ใช่หร๊อกกก ไม่ช่ายยยยย

     

    “อา นายคือคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกชายของฉันสินะ ชื่อเซน มาลิคใช่ไหม?”

     

    รองเท้าผ้าใบคู่นั้นหยุดกระดิก เขาถอนสายตากลับมามองคุณสไตล์..เหมือนในโทรทัศน์ทุกกระเบียดนิ้ว แต่งตัวภูมิฐาน ดูดีและมั่นใจสมเป็นนักธุรกิจ

     

    “ครับ” เขารับคำ ค้อมหัวน้อยๆให้อย่างสุภาพ

     

    “งั้นก็ ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ของฉัน ที่ที่นายต้องทำงานเป็นที่แรกนะ”

     

    “ยินดีและเป็นเกียรติมากครับที่ได้มาทำงานในตำแหน่งนี้”

     

    “รู้รายละเอียดของงานแล้วใช่ไหม?”

     

    “ครับ ผมอ่านจากเอกสารที่ท่านส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว ผมจะทำหน้าที่ให้ถูกต้องและเต็มความสามารถครับ...”

     

    “คิก.....”

     

    เสียงหัวเราะที่อยู่ดีๆก็ดังขึ้นมาทำให้เขากับคุณสไตล์หันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าใครทำ.....

     

    คือมันก็เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังแล้วน่าสบายใจดีนะ แต่ทำไม...เขารู้สึกว่ามันแปลกๆไงไม่รู้...แล้วหัวเราะทำไม?

     

    คุณสไตล์หันกลับมาจากทางนั้น ไม่ใส่ใจไอ้เปี๊ยกหลังแม๊กกาซีน “ถ้างั้นก็ดีมาก นายรู้รายละเอียดทุกอย่างแล้ว ขาดอย่างเดียวคือยังไม่รู้จักคนที่นายต้องดูแล”

     

    เซนพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับคำพูดของคุณสไตล์ กะจะถามซักหน่อยว่า คุณหนูอยู่ที่ไหนครับ? ให้ผมไปพบเองก็ได้ แต่คำว่าคุณยังไม่ทันหลุดออกจากปาก คุณสไตล์ก็เหลือบตาไปมองคนที่เอาแม๊กกาซีนปิดหน้าอยู่

     

    สงสัยจะให้ไปตามคุณหนูล่ะมั้ง?

    ว่าแต่ไอ้เปี๊ยกนี่มันเป็นใคร? ทำไมมานั่งในห้องนี้ได้ตั้งนานสองนานโดย แถมมาฟังเรื่องบอดี้การ์ดอีกต่างหากแน่ะ จะว่าเป็นพ่อบ้านส่วนตัวก็ไม่น่าใช่ พ่อบ้านที่ไหนใส่รองเท้าผ้าใบ?

     

    “แฮร์รี่....”

     

    อ๋อ ชื่อแฮร์รี่...นามสกุลพอตเตอร์ป้ะเนี่ย?

     

    ............................

    .................

    ..........

     

     

    ปกติเซนเป็นคนที่คาดการณ์อะไรค่อนข้างจะแม่นใช้ได้ ก็นะ...ถ้าคาดการณ์ไม่แม่นก็คงไม่จบโรงเรียนบอดี้การ์ดด้วยคะแนนดีเยี่ยมหรอก แต่....วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ จะเป็นเพราะเขาเปลี่ยนแผ่นดินที่อยู่รึเปล่าก็ไม่แน่....ทำให้วันนี้เขาคาดการณ์ผิดไปสองอย่างแล้ว

     

    “.............เอาหนังสือนั่นออกจากหน้า แล้วทำความรู้จักกับบอดี้การ์ดเราได้แล้ว!

     

    ถ้าคุณสไตล์ไม่มัวมองคาดคั้นลูกชายอยู่อย่างนั้น ก็คงได้เห็นคนตาถลนแน่ๆ และคนตาถลนที่ว่าก็คือเขา เซน มาลิค บอดี้การ์ดใหม่ปืนแดงเนี่ยแหละ (เออ ปืน บอดี้การ์ดต้องใช้ปืน เหมาะกว่าคำว่าป้ายนะ)!

     

    ไอ้เปี๊ยกใส่ผ้าใบเขรอะๆเนี่ยนะ คุณหนูสไตล์?

    ไอ้เปี๊ยกที่อ่านแม๊กกาซีนที่มีรูปเวสป้าสีชมพูขึ้นปกเนี่ยนะ? ลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจพันล้าน?

    จริงดิ่เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย 0.o!!!!!!!

     

    เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่ทำตามคำสั่ง คุณสไตล์ก็เริ่มเสียงเข้มขึ้น “แฮร์รี่....”

     

    “โอ้ยยยยยยยยยย” เสียงโอดเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ยอมเอาแม๊กกาซีนลง “จะเห็นตอนนี้หรือตอนไหนมันก็เหมือนกันแหละ! ยังไงๆก็ต้องเห็นหน้ากันทุกวันต่อจากนี้เพราะต้องตัวติดกันเหมือนหมากับเห็บอยู่แล้วนี่ รีบเห็นเพื่อ?.......”

     

    มะ...หมากับเห็บ?

    แล้วเราเป็นหมาหรือเห็บวะเนี่ย? ขอเป็นหมาได้ไหม?....โว้ยยย นี่ไม่ใช่ประเด็น! ประเด็นคือนี่เรอะคำพูดคุณหนู!

     

    “ปากคอให้มันน้อยๆหน่อยได้ไหม?” ครับ ผมเห็นด้วย(ในใจ)เต็มที่ คุณสไตล์ “เอาหนังสือนั่นลง เดี๋ยว-นี้!

     

    “โหยยยยยยยยยย...”

     

    “แฮร์รี่!

     

    พอได้ยินพ่อตัวเองเสียงขุ่นมากขึ้นทุกทีๆ ไอ้เปี๊ยก (ต่อไปนี้คงเรียกได้แค่ในใจ..ถ้าไปเรียกคุณหนูว่าไอ้เปี๊ยกสงสัยจะหอบข้าวของกลับบ้านเก่าแทบไม่ทัน) ก็เลยยอม ลดแม๊กกาซีนลงจากหน้า...แต่ก็ยังไม่วายลดช้าๆยั่วประสาทคนเป็นพ่อ...รวมทั้งประสาทเขาด้วย

     

    ค่อยๆโผล่มาเริ่มตั้งแต่ผม...หยิกเว่อร์เลยแฮะ.....

    ตา...สีเขียว เอ่อ...ทำไมคุ้นๆ.....

    จมูก...ปาก...ทั้งหน้า...คุ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เขาว่าเขาไม่เคยเจอคุณหนู...คุณหนูแฮร์รี่ สไตล์คนนี้ที่ไหนแน่ๆ แล้วทำไมคุ้นขนาดนี้นะ???......

     

    ไม่รู้ว่าสกิลบอดี้การ์ดทำให้เขาจำได้หรือเขาคุ้นมากๆจนจำได้เอง....นี่.....

     

    ……………….

    ……….

     

    .....มันเหมือนลูกแมวในฝันของเขากลายร่างมาเป็นคนอย่างไงอย่างงั้น!

    Continue -3-

    Talk

    ก่อนจะพูดอะไรอื่นๆ ก็ต้องพูดเรื่องสำคัญที่สุดก่อน นั่นก็คือการขอบคุณ ขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจขึ้นโขเลยยยย ไหนมาจุ้บที =3= (สงสัยจะโดนถีบกลับ 55555)

    สำหรับเรื่องที่สำคัญเป็นลำดับต่อมาคือเรื่องคู่ (เรารู้ว่าคุณอยากรู้ 55555) ระหว่างนี้เราจะจัดเฉลี่ยๆถัวๆให้ทุกคู่ที่ขอค่ะ แต่ขอโผล่มาตอนละคู่สองคู่ ไม่งั้นตอนนึงอาจจะยาวไปถึงอังกฤษได้ (เว่อร์ไป๊!) ใครรอคู่ไหนก็รอต่ออีกนิดดดด อยากได้คู่ไหนก็ทิ้งเม้นท์ไว้ได้นะจ้ะ จะพยายามจัดห้ายยยยย

    ติชมได้ตามใจชอบจ้าาาา ไม่โกรธๆ ชอบซะอีก มีคนคุยด้วย อิๆ :)

    เตือนอีกหน่อย ฟิคนี้เป็นฟิคที่สถานการณ์ไม่อิงความเป็นจริงใดๆทั้งสิ้น ที่จะอิงคือคาแร็คเตอร์ของทั้ง 5 คนเท่านั้น ถ้าอ่านไปแล้วมันหลุดโลกก็อย่าแปลกใจนะคะ 555

    สปอยล์นิดนึง ตอนหน้า เราจะพาไปอันซีนบ้านอีกหลังของบอดี้การ์ดอีกคนฮับ!

    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกคลิ๊ก ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่าาาา รักคุณ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×