คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : -9- Unpromising
Chapter 9 : Unpromising
หลายอาทิตย์ผ่านไป แต่สำหรับเซน.....เหมือนหลายปีผ่านไปอย่างไงอย่างงั้น เพราะสำหรับเขา แต่ละวินาทีมันผ่านไปช้า ช้าและช้ามากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เพราะว่าทุกๆวันของทุกๆอาทิตย์เขายังต้องทนกับการกลั่นแกล้งสารพัดรูปแบบที่ไอ้เปี๊ยกตัวแสบทำกับเขา
ยกตัวอย่างเช่นอาทิตย์ที่แล้ว วันอาทิตย์...เขาอดข้าวเที่ยง เพราะแม่บ้านบอกว่า ‘ก็คุณหนูลงมาบอกดิฉันว่าคุณปวดหัว กินอะไรไม่ลง ดิฉันก็เลยไม่ได้ทำ’ วันจันทร์ เขาใส่รองเท้าที่ข้างในเต็มไปด้วยเมเปิ้ลไซรับเข้าไปเต็มๆ เพราะมัวแต่รีบจนไม่ทันมอง (มาจับผิดเอาได้ตอนหลังว่าไอ้เปี๊ยกนั่นมันแกล้งสาย ทำตัวช้าๆเพื่อที่เขาจะได้รีบ) วันอังคาร เขาแทบไม่ได้นอน เพราะไอ้เปี๊ยกนั่นเคาะประตูแกล้งเขาทุกๆสามนาที (แต่มันก็แลกมากับการที่ใต้ตาของแฮร์รี่คล้ำไม่แพ้กับเขา) วันพุธต้องนอนบนพื้น เพราะระหว่างที่เขาตามแฮร์รี่ไปที่โรงเรียน มีใครไม่รู้เอาน้ำหวานมาราดบนเตียงเขาจนชุ่มไปหมด! (คิดว่าคนทำน่าจะทำเพราะไอ้เปี๊ยกสั่ง....และหลังจากนั้นมาเขาก็ต้องเอาวิธีล็อคห้องแบบบอดี้การ์ดมาใช้)
คงไม่ต้องยกตัวอย่างวันอื่นๆเพิ่มหรอกเนอะ...แค่นี้เขาก็อนาถจับจิตจับใจพออยู่แล้ว....แต่ที่ยังยอมให้แกล้งอยู่น่ะ มันมีเหตุผลที่เขาได้ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วอยู่สองข้อ ข้อแรกคือเขาจะไม่ยอมแพ้ กับข้อที่สองคือเขาต้องเข้าใจไอ้เปี๊ยกนี่ให้ได้.....ซึ่งการอดทนต่อการโดนแกล้งนี่น่าจะเป็นด่านแรกๆที่จะนำไปสู่การเข้าใจล่ะนะ
เฮ้อ....
วันนี้เป็นวันจันทร์ของอาทิตย์ใหม่ ดูเหมือนไอ้เปี๊ยกตัวแสบนั่นจะเหนื่อยๆจากการหาสารพัดแผนการมาแกล้งเขา วันนี้ก็เลยดูนิ่งๆ เงียบๆ และไม่หาเรื่องถึงขั้นยอมให้เขาขึ้นรถนั่งด้วยดีๆไม่มีคำแขวะเลยซักนิด
รถเคลื่อนตัวออกจากบ้านได้ไม่นาน แฮร์รี่ที่ใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือเล่มโต (ที่ครูสอนพิเศษแนะนำให้อ่าน) ก็พูดขึ้นมาว่า “นายรู้เรื่องรึยัง?”
“รู้เรื่องอะไรล่ะครับ? รู้ว่าเรื่องเมเปิ้ลไซรับนั่นเป็นฝีมือคุณหนูรึไง?”
แฮร์รี่ยิ้มนิดๆมุมปากด้วยแววตาสนุกสนาน “ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องไหน?”
“เรื่องที่ว่า...” แววตาสนุกนั้นเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายทันที “...ฉันต้องไปงานกะลา...”
“กาล่า”
“...สำหรับฉันมันคือกะลา” แฮร์รี่แย้งเสียงแข็ง เซนเลยหัวเราะออกมา...ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคุณหนูของเขาคงไม่ถูกโรคกับงานเลี้ยงเท่าไหร่นัก “..ฉันต้องไปงานกะลาดินเนอร์แทนพ่อเย็นวันพรุ่งนี้น่ะ”
“รู้แล้วครับ คุณท่านบอกผมแล้วเมื่อวาน”
“งั้นก็ดี...รู้ไว้ด้วยว่าไม่ต้องแต่งตัวให้ดูดีมากมายอะไร...”
“ทำไมล่ะครับ?”
“เพราะฉันจะเผ่นออกนอกงานให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่งตัวดีไปก็เสียดายปะ....” ไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดจบ พ่อบอดี้การ์ดส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอ่ยขัดเสียงเข้ม
“ดูท่าทางจะไม่ได้หรอกครับ” แฮร์รี่เลิกคิ้วมอง “คุณท่านกำชับให้คุณอยู่ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าภาพ...”
“สองชั่วโมง!” แฮร์รี่แว้กออกมา เซนรีบเอามือป้องหูตัวเอง..โชคดีที่รถมันกันทั้งกระสุน กันทั้งเสียง ถ้าไม่กันเสียงด้วย คนขับคงจะตกใจกับเสียงจนอาจจะเหยียบเบรกกะทันหันทำเขาสองคนคอหักก็เป็นได้... “สองนาทีฉันยังแทบจะทนไม่ไหวเลย นี่ตั้งสองชั่วโมง!~”
“ก็แค่งานเลี้ยงน่า...” เซนทำเสียงปลอบๆใส่ ที่กล้าทำแบบนี้น่าจะเพราะดูแลมาได้ระยะหนึ่งแล้ว “....กินๆ คุยๆแล้วก็กลับ”
“ถ้ามันมีแค่อย่างที่นายพูด ฉันจะยอมอยู่อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง...”
“แล้วมันมีอะไรนอกเหนือจากที่ผมพูดหรอ?”
“เยอะแยะ!” แฮร์รี่ว่า ทำหน้าบูด ยกมือขึ้นมาแล้วชูนิ้วตัวเองขึ้นทีละนิ้วตามจำนวนสิ่งที่พูดออกมา “มีคุณป้าใส่น้ำหอมกลิ่นฉุนที่ชอบมาพูดเสียงแหลมๆว่า ‘ต๊ายยยย นี่หรอคะ ลูกชายคุณสไตล์ น่ารักจริงๆ’….”
เซนพูดกลั้วหัวเราะ “เขาอุตส่าห์ชมคุณหนูนะ...”
“ถ้านายได้ยินเสียงแหลมแยงรูหูขนาดนั้นล่ะก็...นายจะไม่อยากให้พวกป้านั่นได้เจอ แล้วชมอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ....แล้วอะไรอีกล่ะ.....มีพวกขี้ประจบ...แบบว่าพอรู้ว่าฉันเป็นใครก็แทบจะกรากเข้ามากราบ...ทั้งๆที่ฉันอายุน้อยกว่านี่แหละ เป็นซะแบบนี้ใครก็รู้ว่าถูกประจบ....แต่สิ่งที่แย่ที่สุด...” แฮร์รี่ทำท่าจะอ้วกอย่างสมจริงสมจัง เซนหัวเราะเบาๆอีกทีก่อนจะถาม
“คือ?”
“ผู้หญิง”
“หา?”
“ตกใจขนาดนั้น?” แฮร์รี่เลิกคิ้วมองเขายิ้มๆ ทำเอาเซนตกใจกว่าเดิมหลายเท่า “ฉันชอบดูสาวๆลีดเดอร์ก็จริง...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชอบผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาคุยกับฉันซักหน่อย”
สีหน้างงผสมตกใจไม่หายของเซนทำให้แฮร์รี่อธิบายต่อ หน้าขาวๆเบือนไปมองกระจกก่อนจะพูด “สาวๆลีดเดอร์น่ะ เขาไม่ได้เข้ามาพูดกับฉัน ฉันก็เลยชอบมอง แค่มองน่ะนะ....พวกเธอสวยดี มองไปก็ไม่รำคาญลูกตาเท่าไหร่ แต่พวกผู้หญิงในงานน่ะ...นอกจากจะรำคาญลูกตาเพราะแต่งตัวประชันโฉมกันมากเกินควรแล้วยังรำคาญ...รำคาญใจอีกด้วย”
“หืม?”
“พวกเธอทอดสะพาน...ชนิดลอนดอนบริดจ์ให้ฉันเลยน่ะ”
“ขนาดนั้น?”
“อื้อ...คือตอนแรกพวกเธอก็อาจจะมองฉันนิดหน่อยๆตามประสาคนมาร่วมงานเดียวกัน แต่พอรู้ว่าฉันนามสกุลอะไรก็แทบจะรักเธอเสนอตัวให้เลย...ไม่คิดบ้างรึไงว่าผู้ชายน้อยคนที่จะชอบผู้หญิงแบบนี้...แบบที่สนใจตัวผู้ชายคนนั้นเพราะนามสกุล สนใจเพราะเงินน่ะ เฮ้อออออ...แค่คิดว่าต้องไปเจออะไรแบบนั้นฉันก็แทบอยากจะเอาหัวชนกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ชีวิตคุณหนูมีค่ามากกว่าจะเอาหัวไปชนกำแพงตายเพราะผู้หญิงแบบนั้นน่า” เซนปลอบต่อ นี่ตูเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือบอดี้การ์ดฟ่ะ? ช่างเถอะ....ไหนๆก็ตั้งปฏิญาณไว้แล้วนี่นะว่าจะดูแลทั้งร่างกายและจิตใจให้สมกับโอวาทของท่านผู้อำนวยการ
“แต่ถึงจะเป็นงั้น ฉันก็ไม่อยากอยู่ในกะลาตั้งสองชั่วโมงอยู่ดี”
เซนทำหน้าหนักใจ เฮ้อ....ยังไงๆเขาก็ต้องทำให้ไอ้เปี๊ยกอยู่ในงานเลี้ยงให้ครบสองชั่วโมงให้ได้แหละ คุณท่านอุตส่าห์ฝากฝังเพราะมั่นใจว่าเขาจะคุมคุณหนูได้อยู่ “ไม่มีอะไรทำให้คุณหนูทนอยู่ในงานได้ครบสองชั่วโมงเลยหรอ? อะไรก็ได้...”
แฮร์รี่เลิกคิ้ว “ถ้าฉันขอนายจะหาให้ได้งั้นสิ?”
“ยังไงๆก็ต้องหาให้ได้ล่ะครับ คุณท่านกำชับผมมาเต็มที่ว่าอย่างไงๆก็ต้องอยู่ในถึงสองชั่วโมง”
“ขอคิดก่อนละกัน” แฮร์รี่ว่า มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ในระหว่างนั้นเซนก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ถ้าเกิดแฮร์รี่ขอให้เขาไปทำอะไรแผลงๆแบบว่า....ขี่ช้างรอบเมือง กินกระเบื้องแทนข้าว เล่นสกีหน้าร้อนนี่เขาจะทำไงละว้า....
แต่เสียงของแฮร์รี่ก็ขัดความคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยของเซน “ทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์ให้หน่อย”
เซนมองแฮร์รี่เหมือนจะขอคำอธิบายเพิ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีอธิบายต่อ “คือรายงานมันก็ไม่ได้ยากอะไรมาก แต่...แค่คิดว่าต้องตั้งใจทำงานส่งยัยป้าขายไก่นั่น ก็เกิดอาการขนลุกเกรียวเหมือนคิดถึงผีอย่างไงอย่างงั้นขึ้นมาน่ะ”
“ผมว่าไม่ใช่แค่เหมือนหรอก มันใช่เลยต่างหาก เจ๊แกช่างน่ากลัวจริงๆ” เซนงึมงำ แต่แฮร์รี่ก็หัวเราะคิกออกมาก่อนจะพูดต่อ
“ถ้านายคิดเหมือนกันก็แสดงว่านายเข้าใจฉันว่าฉันรู้สึกอย่างไง ดังนั้น...ตอบมาซะดีๆว่าจะทำหรือไม่?”
“ทำ”
“เยี่ยมมาก” แฮร์รี่ว่า ทำท่าจะเอนตัวลงเบาะรถอีกครั้ง แต่รถดันหยุดซะก่อน “ถึงแล้ว วันนี้มาไวกว่าทุกวันแฮะ ดีจัง จะได้ดูพวกเชียร์ลีดเดอร์นานๆ...”
พูดจบเจ้าตัวก็คว้ากระเป๋า (แต่คว้าเบาๆเหมือนเดิม ดูท่าทางจะรักใบนี้จริงๆ) เปิดประตูรถพรวดแล้วเดินออกไปจากรถทันที เซนเปิดประตูก่อนจะรีบเดินตามไปข้างๆ สายตามองทิวทิศน์ยามเช้าของมหาลัยก็จริง แต่หัวกลับคิดถึงบทสนทนาของเขากับแฮร์รี่เมื่อครู่
‘…..แสดงว่านายเข้าใจฉัน…..’
ยิ้มให้กับแสงอาทิตย์ที่ดูจะสดใสกว่าทุกวัน
ถ้าลองเจ้าตัวพูดแบบนี้ แสดงว่าเขาก็ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กได้ดีใช้ได้สินะ ฮ่าๆ....คิดแล้วอารมณ์ดีจริงๆ...เราทำหน้าที่ดูแลจิตใจได้ดีแล้วสินะ! เหลือแค่แสดงฝีมือดูแลภายนอกให้ดีเท่านั้น เราก็จะได้พิสูจน์ว่าเป็นคนเก่งที่สุดของรุ่นซักที!!~
.
.
.
.
แฮร์รี่เดินไวๆ ไม่ใช่เพราะอยากเจอสาวๆเชียร์ลีดเดอร์หรอกนะ แต่เพราะอยากหนีให้พ้นอิตาบอดี้การ์ดนี่ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่างหาก
เปล่า เขาไม่ได้เดินหนีมาเพราะกลัวมันนะ เรื่องอะไรจะต้องไปกลัว แบร่ๆ :P
ที่หนีมานี่...เพราะอยากหลบไปหัวเราะต่างหาก
หมอนั่นย่ามใจไปแล้ว คิดว่าเขาจะว่าง่ายอยู่ในโอวาทเพราะรายงานแค่เล่มเดียวรึไงกัน? ฝันกลางวันเถอะจ้ะ พ่อคุณ! รายงานเล่มนั้นน่ะ มันทำง่ายจะตาย เขาทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฮี่ๆ =v= ดังนั้น......
....เขาก็แค่สัญญาไปงั้นๆให้หมอนั่นตายใจ บวกกับแสดงละครอีกนิดหน่อย หมอนั่นเลยเชื่อ.....
ถึงหมู่นี้หมอนั่นกับเขาจะสนิทกันมากขึ้น แต่ความสนิทนั้นก็เจือจางความยากไล่ตะเพิดหมอนั่นออกไปจากใจขอเขาแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 80 น่ะนะ....ก็ยังอยากตะเพิดมันออกไปอยู่ดีนั่นแหละ! และไอ้งานกะลานี่ก็เป็นโอกาสดีมากที่จะใช้ไล่มันออกปายยยยยยยยยยยย!
เดี๋ยวแฮร์รี่ สไตล์คนนี้จะสอนให้เซน มาลิครู้เองว่าการทำสัญญาโดยไม่สืบหาต้นตอน่ะ มันผิดพลาดได้ร้ายแรงแค่ไหน คอยดูไปเถอะ!
.
.
.
.
“ฉันดีใจมากกกกกกกกกกกกเลยล่ะ ที่พรุ่งนี้จะได้ไปงานเลี้ยงน่ะ”
เสียงไนออลพูดขึ้นอย่างร่าเริง เลียมมองหน้าคนพูดก็พบว่าสีหน้าและแววตาช่างสดใสไปกับคำพูดจริงๆ เขาเลยถามอย่างสงสัยออกไปว่า “ทำไมดีใจถึงขนาดนั้น?”
“นายเดาสิ” ไนออลพูดยิ้มๆ เอนตัวลงเบาะแล้วยักคิ้วให้กับเลียมที่เอามือเกาหัวแกรกๆ
ชอบให้เลียมทำท่ากำลังคิด กำลังสับสนแบบนี้เหมือนกันแฮะ มันน่ารักไปอีกแบบ.....
....อย่าเพิ่งรีบคิดได้ละกันน้า~ ขอดูท่าแบบนี้ให้นานๆ.....
“อ๊ะ!” ดีดนิ้วดังป๊อก....และเหมือนไอ้เสียงป๊อกนั่นจะเป็นเสียงบอลลูนความฝันที่จะได้เห็นเลียมทำท่าแบบนี้ของไนออลแตกกระจาย....ไนออลทำหน้ามุ่ยๆให้กับตัวเองแปปนึงก่อนจะย้อนถามเลียมด้วยเสียงเหมือนเดิม
“คิดออกแล้วหรอ?”
“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็คงตอบว่าเพราะจะได้ไปเห็นสาวๆแต่งตัวสวยๆแต่สำหรับนาย.....” เลียมหันมายิ้มให้เขาล้อๆ “....เพราะอาหารอร่อยใช่ไหมล่ะ?”
ไนออลอึ้ง
1 เปอร์เซ็นต์ที่เขาอึ้ง เกิดจากการที่เลียมเดาความคิดของเขาได้ถูกเป๊ะๆเหมือนเจ้าตัวเป็นสเนปมาอ่านใจเขาอย่างไงอย่างงั้น
ส่วนอีก 99 เปอร์เซ็นต์......
....เขาอึ้งไปเพราะรอยยิ้มของเลียมต่างหาก...
จริงๆนะ....
ถ้าทุกเช้าเขาตื่นมาแล้วจะได้เห็นยิ้มแบบนี้ เขายอมอดกินขนมตลอดชีวิตเลยก็ได้อ่ะ...
“เฮ้!”
ไนออลกระพริบตาปริบๆ มือของเลียมโบกไปมาอยู่ตรงหน้าเขา “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรอ? หรือว่า...อึ้งกับคำตอบของฉันขนาดนั้น?”
ไนออลรีบจูนตัวเอง “อึ้งสิ....นายตอบได้ตรงใจฉันเป๊ะๆเลย”
เลียมหัวเราะออกมาเบาๆ แค่เบาๆ...แต่ไนออลรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเขามันสดใสขึ้นอย่างเยอะเลย ให้ตายสิ.... “บอดี้การ์ดที่ดีน่ะน้า ต้องดูแลมากกว่าเรื่องความปลอดภัย....ในเมื่อต้องดูแลมากกว่านั้นก็ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะรู้ว่าคำตอบของนายคืออะไร”
“อ่า...งั้นหรอ?”
“แต่ว่า....”
“ว่าอะไร?” ไนออลถามอย่างเป็นห่วง ไม่ให้เป็นห่วงได้ไง ก็เสียงเล่นกังวลขนาดนั้น
“นายไปกับแฮร์รี่ใช่ป้ะ?”
“ก็อยู่แล้ว....มีไม่กี่งานหรอกนะที่เชิญบ้านแฮร์รี่แล้วไม่เชิญฉันน่ะ...ยกเว้นงานที่สำหรับพวกบิ๊กจริงๆ เขาก็เชิญแค่บ้านแฮร์รี่ แต่งานนี้ไม่บิ๊กขนาดนั้นก็เลย.....” ไม่รอให้ไนออลพูดจบ เลียมก็รีบพูดแทรก
“แล้วแฮร์รี่เคยอยู่จนงานจบไหม?”
ไนออลระเบิดหัวเราะก่อนจะตอบ “ไม่เคย! สถิติที่มากที่สุดคือสิบห้านาที จากนั้นก็โกยแน่บ ฉันก็เข้าใจหมอนั่นอยู่หรอกว่าไม่ชอบงานเลี้ยง เพราะหมอนั่นไม่ชอบกินแบบฉัน แล้วอีกอย่างก็คือหมอนั่นชอบโดนรุม ฉันยังรำคาญแทน....”
“แล้วนายก็ออกมาพร้อมๆแฮร์รี่ทุกครั้งเลยรึเปล่า?” เป็นอีกครั้งที่ไม่รอให้ไนออลพูดจบ
“ก็แหงสิ ถึงอยู่คนเดียวจะมีของกินอร่อยๆ แต่ฉันก็เหงาเป็นเหมือนกันนี่นา...”
พอไนออลพูดจบเสียงก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเลียมจะพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆ “มีข่าวจะบอก ให้เลือกก่อนว่าจะฟังร้ายหรือดีก่อน”
“เอาดีก่อน”
“นายจะได้กินอาหารมากขึ้น”
“โอเย....ดีจัง ว่าแต่...ทำไมเป็นงั้น? แล้วข่าวร้ายคืออะไร?”
“จะตอบสองคำถามนั้นให้ฟังในคำตอบเดียว...”
“หา?”
“พรุ่งนี้ ฉันกับเซน ได้รับคำสั่งว่าต้องคุมให้นายกับแฮร์รี่อยู่ในงานให้ครบสองชั่วโมง แล้วถ้าแฮร์รี่ไม่เคยอยู่ให้ครบสองชั่วโมง ต้องพานายชิ่งตลอดละก็.....” เลียมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อคิดถึงแผนการแสบๆของแฮร์รี่ที่เซนเคยเล่าให้ฟัง “...ยากของฉันกับเซนแล้วล่ะที่ต้องดึงพวกนายให้อยู่ในงานให้ครบเวลาให้ได้”
.
.
.
.
“อา...ลูอี” แฮร์รี่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องสมุดที่เขาใช้เป็นที่เรียนพิเศษอย่างเกรงๆ ครูสอนพิเศษของเขาเงยหน้าขึ้นมามอง ยิ้มให้น้อยๆก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า
“มีอะไร? ไม่เข้าใจตรงไหนรึเปล่า?”
“เปล่า ไม่ นายสอนเก่งจะตาย ฉันจะไม่เข้าใจได้อย่างไง” แฮร์รี่ว่าแล้วยืนยันด้วยการส่ายหัวจนผมหยิกๆสีน้ำตาลนั้นกระจาย เล่นเอาเจ้าตัวเอามือสางๆกลับให้มันอยู่ที่เดิมแทบไม่ทัน ลูอีหัวเราะให้กับท่าทางนั้นก่อนจะถามใหม่อีกครั้ง
“งั้นเรียกทำไม? หรือเหนื่อยอยากพักแล้ว?”
“เราเพิ่งเรียนมาครึ่งชั่วโมงเอง ยังไม่เหนื่อยหรอก”
“งั้นเรียกครูทำไมครับ?” ลูอีถามเสียงหยอกๆ แฮร์รี่หัวเราะก่อนจะพูด
“คือฉันคิดว่านายน่าจะยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้นายไม่ต้องมาสอนฉัน”
ลูอีพลิกหนังสือหน้าต่อไปพลางถาม “ทำไมล่ะ? เกิดเบื่อครูคนนี้แล้วรึไงครับ คุณหนู”
“ไม่ใช่ซักหน่อย” เสียงแฮร์รี่กลายเป็นแบบง้องแง้งทันที เล่นเอาลูอีหัวเราะใส่หนังสือพรืด “อย่ามาทำเป็นพูดหน่อยเลย นายก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเบื่อนายหรอก อย่าแกล้งกันสิ”
“ดีใจจังแฮะที่ได้ยินคำพูดแบบนี้” ลูอีเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันไปส่งยิ้มให้กับแฮร์รี่ที่ยิ้มกลับมาแบบเขินๆ “โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วๆ....แล้วทำไมไม่ต้องมาล่ะ?”
“เพราะฉันขี้เกียจเรียน คึๆ...”
“นี่แน่ะ ขี้เกียจเรียน” ลูอีเอาหนังสือในมือเคาะหัวแฮร์รี่ที่หัวเราะไม่คิกคักไม่เลิกเบาๆ “บอกไม่ให้คนอื่นแกล้งแล้วมาแกล้งคนอื่นโดยการบอกเหตุผลมั่วๆ...”
“ก็เอาคืนไงเล่า..”
“จะบอกดีๆได้รึยัง?”
“บอกก็ได้ ทำมาเป็นขู่ กลัวตายแหละ” แฮร์รี่พูด แลบลิ้นนิดๆใส่ลูอีที่เอาหนังสือเคาะใส่หัวแฮร์รี่เบาๆอีกที “คือฉันจะไปงานกะลาดินเนอร์แทนพ่อน่ะ คือพ่อติดประชุมกับกลุ่มธุรกิจอเมริกา....”
“ประชุมตอนเช้า เก้าโมง งานดินเนอร์เริ่มตอนค่ำๆ..คุณพ่อนายประชุมนานขนาดนั้นเชียว?”
“ถ้าประชุมกับคนอื่นก็ไม่นานหรอก แต่นี่เป็นกลุ่มธุรกิจอเมริกาไง ฉันเคยไปฟังหนหนึ่ง...โดนลากไปฟังนะ ไม่ใช่สมัครใจไปเอง....โอโห....ถกกันยาวนานยิ่งใหญ่มาก ฉันว่าความยิ่งใหญ่ของการประชุมนี้น่าจะพอๆกับการประชุมแผนปล่อยจรวดของนาซาอะไรอย่างนั้น....”
“เว่อร์ล้ะ” พูดปนหัวเราะ
“ไม่เว่อร์ ถ้านายไปฟังด้วยก็จะคิดแบบฉันเนี่ยแหละ...เอาเป็นว่าถ้ามีการประชุมแบบนี้อีกคราวหน้าฉันจะพานายไปฟังด้วย ดีไหม?”
“ดีเลยๆ จะได้เอามาเก็บเป็นประสบการณ์”
“โอเค งั้นฉันจะได้บอกพ่อไว้ให้...ว่าแต่....” แฮร์รี่นิ่งไป ขมวดคิ้วเข้าหากัน ลูอีอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจิ้มให้มันคลายออกด้วยความเอ็นดูก่อนจะถาม
“ว่าแต่อะไร? ขมวดคิ้วซะ สงสัยอะไรงั้นหรอ?”
“อื้อ ฉันสงสัย” แฮร์รี่รับคำก่อนจะดึงมือลูอีออกจากหว่างคิ้วตัวเอง “สงสัยว่านายรู้ได้ไงว่าพ่อฉันประชุมตอนเก้าโมง...เคยเห็นตารางงานพ่อฉันหรอ?”
“ไม่เคย...แต่การประชุมส่วนใหญ่ก็เริ่มเก้าโมงทั้งนั้นไม่ใช่หรอ? ไม่เช้า ไม่สายจนเกินไปนี่”
“อื้อ ก็จริงแหละ..นายนี่รู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ เก๊ง เก่ง”
“ไม่เก่งจะเป็นครูได้ไง สรุปคือ...พรุ่งนี้ฉันไม่ต้องมาใช่ไหม?”
“ถูกต้อง...แต่วันมะรืนต้องมานะ!”
“มาอยู่แล้ว ใครจะใจร้ายใจดำทิ้งลูกศิษย์ผู้น่ารักได้ลงคอ....คุยจบแล้วใช่ไหม? งั้นกลับไปทำแบบฝึกหัดต่อซะดีๆ”
“รู้แล้วคร้าบบบบบบ”
แล้วการสนทนาของครูสอนพิเศษกับลูกศิษย์ก็จบลงด้วยการที่แฮร์รี่ก้มหน้าลงไปทำแบบฝึกหัดต่อด้วยความตั้งอกตั้งใจมากกว่าตอนอยู่ในห้องเรียนสามเท่าได้
บทสนทนาน่ะ มีแค่สองคนที่พูดโต้ตอบกันไปมา ทั้งๆที่อันที่จริงแล้วในห้องมันมีคนอยู่ตั้งสามคน คนแรกชื่อแฮร์รี่ สไตล์ คนถัดมาคือลูอี ทอมลินสัน...และคนสุดท้ายที่ไม่ได้พูดอะไรกับเขา ดูไร้ความสำคัญ แต่ก็นั่งอยู่ในห้องด้วยก็คือเซน มาลิค....เซน มาลิคที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก!
ที่เขาใช้ความคิดอย่างหนักไม่ใช่เพราะเขารู้สึกแปลกที่แฮร์รี่ชอบทำท่าเขินๆ ยิ้มอายๆ แก้มแดงๆเวลาอยู่กับลูอีหรอกนะ เขาใช้ความคิดอย่างหนักเพราะตัวลูอีเองตรงๆเลยต่างหาก....เขามั่นใจว่าสัญชาตญาณบอดี้การ์ดของเขาไม่น่าจะผิด และตอนนี้ไอ้สัญชาตญาณที่ไม่น่าจะผิดของเขามันฟ้องว่าลูอีผิดปกติ
หลักฐานมันทนโท่ ก็ตอนที่หมอนั่นบอกว่าเวลาประชุมของคุณท่านคือเก้าโมงนั่นไง
คือ....ในสายตาคนธรรมดา รวมไปถึงคุณหนูของเขาอาจจะไม่รู้สึกผิดสังเกตที่หมอนั่นรู้เวลาประชุม เพราะเหตุผลที่ยกขึ้นมาอ้างนั่นก็ฟังได้ แต่ไม่ใช่กับเขา.....เพราะเขาสังเกตเห็นว่าลูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง...แวบหนึ่งจริงๆ น่าจะไปถึงห้าวินาที แต่ก็ถือว่านิ่งไป...
...นิ่งไปเหมือนคนที่หลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา....
...และนั่นทำให้เซนสรุปได้ว่าหมอนั่นรู้เวลาประชุมของคุณท่านจริง แต่ไม่ได้รู้เพราะเหตุผลที่เจ้าตัวยกขึ้นมาอ้างให้แฮร์รี่ฟังหรอก แต่เพราะเหตุผลอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้ได้
เซนกำหมัดแน่น ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังคนสองคน...คนหนึ่งกำลังเช็คกำลังอ่านหนังสือ อีกคนหนึ่งกำลังทำแบบฝึกหัดอย่างตั้งอกตั้งใจ
ถ้าไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้ได้ เป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดี เมื่อผนวกกับสัญชาตญาณที่แล้วๆมา.....ทำให้เซนรู้สึกว่าลูอีอาจจะไม่ใช่คนแปลกอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นคนไม่ดีด้วยก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้น.....ไม่ว่าจะทำร้ายความรู้สึกของแฮร์รี่ขนาดไหน เขาก็ต้องกระชากหน้ากากแสนดีนั่นออกมา....เพื่อเป็นการปกป้องคุณหนูแฮร์รี่ของเขานั่นเอง....
Continue -10-
Talk
ชะแว้บบบบ สวัสดีรีดเดอร์ที่น่ารักของเราทุกคนนนนน~
ช่วงนี้หลายๆคนคงเปิดเทอมแล้ว ไรเตอร์ก็เลยมาลงฟิคเป็นของขวัญวันเปิดเทอมให้กับทุกคนซะหน่อย ขอให้ทุกๆคนมีปีการศึกษาใหม่ที่สดใสซาบซ่านนะฮร้า~~
หลังจากตอนที่แล้วมีการวิพากย์วิจารณ์ต่างๆนานาเกี่ยวกับลูอี ดังนั้นตอนนี้เราก็เลยให้ข้อมูลในการเดาเพิ่มอีกนี้ดเนิงงงง ฮี่ๆ อยากรู้ว่ามันจะเป็นจะใดต่อไปก็ตามอ่านกันต่อไปนะฮับบบบ > <
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และคำชมมากๆเลยนะคะ อ่านแล้วตัวลอยไปชนเพดานกันเลยทีเดียว (โดยเฉพาะคุณดั้งแหมบเนี่ย...เราเขินอ่ะ > <...อันที่จริงก็เขินทุกเม้นท์แหละ 55555) อยากดูไรเตอร์ชนเพดานก็เม้นท์หวานๆกันบ่อยๆนะเอออ (ใครจะอยากเห็น?)
เอ็นจอยวิทฟิคค่าาาา รักทุกคนนนนน <3
ความคิดเห็น