[One Shot] คืนนี้ พรุ่งนี้ และวันหลังจากนี้ (YulSic) - [One Shot] คืนนี้ พรุ่งนี้ และวันหลังจากนี้ (YulSic) นิยาย [One Shot] คืนนี้ พรุ่งนี้ และวันหลังจากนี้ (YulSic) : Dek-D.com - Writer

    [One Shot] คืนนี้ พรุ่งนี้ และวันหลังจากนี้ (YulSic)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,054

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    2.05K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    34
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 57 / 05:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [One Shot] This Night (YulSic)

       

      “ความรัก ทำให้คนทั้งร้องไห้และหัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะหัวเราะด้วยความขมขื่น หรือร้องไห้ด้วยความปีติ รักน่ะ ทำให้ฉันทั้งสุขและปวดร้าว แต่ฉันก็ไม่อาจปล่อยให้ใจเงียบเหงาได้เลย ไม่ แม้สักนาที”

      เจสสิก้า

       

      วางมือลงบนโทรศัพท์เครื่องโปรด เลื่อนนิ้วไปบนหน้าจอเรียบลื่น ฉันกดนิ้วลงไปบนแอพลิเคชั่นที่ใช้เป็นประจำ เช็คดูข้อความจากเพื่อน พ่อแม่และคนรู้จัก ยิ้มจางกับข้อความอวยพรให้มีความสุขในวันสำคัญสำหรับคู่รัก และถึงฉันจะไม่มีคู่  วันนี้ก็เป็นวันสำคัญเหมือนกัน สำคัญตรงที่ฉันต้องไม่พาสายตาออกไปพบกับความบรรยากาศความรักอันลอยอวลอยู่ทั่วทุกมุมถนน

      มันน่าตื้นตันที่เห็นคนรักกัน แต่หัวใจฉันไม่อาจยินดีกับความสุขของคนอื่นอย่างที่อยากทำ ในเมื่อมันยังโหยหาใครสักคนมาอยู่ข้างๆ จับมือฉันเอาไว้ไม่เฉพาะวันนี้

      ฉันมันคนขี้เหงา และเวลานี้ฉันก็เหงามากจริงๆ

      โทรศัพท์สั่นอยู่ในอุ้งมือ มองดูเบอร์โทรเข้า คนมีแฟนและควรจะสวีทหวานกลับมีเวลากดเบอร์หาฉัน กำมันไว้สักครู่ก่อนคิดว่า ถ้าไม่รับ ปลายสายอาจคิดว่าฉันกำลังเศร้าจนไม่อยากพูดคุย สุดท้ายฉันก็ยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแนบหูและเอ่ยทักทาย

      “เจสซี่ ไปเที่ยวกันเถอะ” ไม่พูดพร่ำคนโทรมายิงคำชักชวนที่ทำให้ฉันงงงวย

      “แล้วไม่ไปฉลองกับแทยอนรึไง” เอ่ยถามเพื่อนสนิทถึงแฟนที่รักกันนักหนา ในเมื่อวันนี้มันวันแห่งความรัก แล้วทำไมยังคิดจะออกไปข้างนอกอีก

      “ไม่ คนแบบนั้นจะไปไหนก็ไปเถอะ” น้ำเสียงไมพอใจเปล่งออก ฉันเข้าใจทันทีว่าแทยอนคงทำอะไรเข้าสักอย่าง

      “ทะเลาะกันเหรอ ไปปรับความเข้าใจกันดีกว่าไหม ยังไงวันนี้ก็วาเลนไทน์นะ” ฉันพยายามให้คำแนะนำที่คิดว่าดีที่สุด

      “ไม่ล่ะ ให้โอกาสมาพอแล้ว จากนี้ไป คิม แทยอนจะไม่มีความหมายอะไรกับฉันอีก” ทิฟฟานี่เอ่ยมุ่งมั่น อันที่จริงฉันได้ยินมันมาเป็นรอบที่เท่าไรก็จำไม่ได้

      “อืม ก็แล้วแต่แกแล้วกัน” ฉันเอ่ยไป ในเมื่อไม่นานแทยอนก็คงงัดสารพัดวิธีมาง้อทิฟฟานี่จนสำเร็จ

      “ไปเที่ยว ไปหาเหยื่อกันเถอะ” เธอเอ่ยชวนฉันอีกครั้ง และเพราะความเหงาจนไม่อยากอยู่คนเดียวในห้องแคบในคืนที่ใครๆต่างเริงร่ากับคนรัก การออกไปหาอ้อมกอดของใครสักคนในค่ำคืนว่างเปล่าไร้ความรู้สึกหวาน มันก็คงไม่เลวนัก

      “ก็มารับสิ จะแต่งตัวรอ”

       

      ฉันนั่งรอทิฟฟานี่อยู่ใต้หอพัก วางเสื้อคลุมปิดขาที่โผล่พ้นกระโปรงสั้น อากาศค่อนข้างเย็นแต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ใส่ชุดรัดกุม ก็มันควรหรือ ในเมื่อวันนี้เป็นวันที่ฉันจะออกล่าอย่างที่ทิฟฟานี่ชวน ฉันไม่ได้ชอบนะ ที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้ แต่ในเมื่อ ฉันเหงา และการมีใครสักคนมากอดในวันที่ใครๆต่างหลับตาลงข้างคนอื่น มันก็น่าจะดีกว่า

      อีกอย่าง ถ้าจะมีใครสักคนมาเที่ยวในวันแบบนี้ ถ้าไม่โสด ก็ต้องเป็นพวกเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา อย่างนั้นแล้วโอกาสจะเจอคนโสดก็ย่อมสูงกว่าวันปกติ ฉันคิดแบบนั้น อาจจะได้เจอใครที่ใช่ ใครสักคนที่ช่วยให้ฉันเลิกเหงาอย่างที่เป็นอยู่

      รถของทิฟฟานี่เทียบเข้ามาจอด ฉันลุกขึ้นและเดินออกไป ก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ มองดูใบหน้าที่แต่งจัดจ้าน วันนี้ทิฟฟานี่ดูสวยโฉบเฉี่ยวกว่าปกติ ไหนจะชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังนวลเนียน ถ้าแทยอนมาเห็น คงได้มีทะเลาะกันหนักกว่าเดิม

      “เปรี้ยวนะจ๊ะ วันนี้” ฉันเอ่ยแซวขณะคาดเข็มขัด ขยับตัวเล็กน้อยให้นั่งสบาย มองสายตาและรอยยิ้มที่ยกขึ้นของเพื่อนก็ให้ขำ จริงๆคงกำลังทำประชดแทยอนอยู่ แล้วแทยอนจะมาเจอหรือเปล่า

      “ให้ฉันโทรบอกแทยอนมั้ย”

      “เอาไว้ถึงแล้วค่อยบอก ให้มีคนเข้ามารุมฉันเยอะๆก่อน ดูซิว่าแม่คนเสน่ห์แรงจะทำยังไง” ฉันเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาทันที วันนี้คงมีคนมาสารภาพรักกับแทยอนอีกแล้ว ความจริงทิฟฟานี่น่าจะดีใจที่แฟนตัวเองเป็นที่หมายปองของคนอื่น แล้วไหงถึงโกรธแบบนี้ หรือแทยอนจะเผลอไปรับของขวัญใครมา

      “เผื่อเจอพวกรุกหนักจะทำไงล่ะแม่คนสวย” ฉันเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี ก็ทิฟฟานี่ใช่ว่าไม่น่ามอง แค่เดินลงไปคงมีคนตามติดตั้งแต่ประตูทางเข้ายันโต๊ะที่นั่ง

      “ก็ช่วยกันให้ฉันสิ แต่ดูแล้ว แกก็ไม่น่ารอด ดูชุดวันนี้ กะไม่กลับด้วยกันใช่มั้ย” ทิฟฟานี่ปรายหางตามอง รอยยิ้มบนมุมปากเผยอ ก่อนจะกลายเป็นหัวเราะในลำคอ

      “ก็ฉันไม่มีแฟนเหมือนแกนี่”

      “ตอนนี้ฉันก็ไม่มีย่ะ” ทิฟฟานี่หันมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคเดิมๆ

      “ก็อย่าเลือกให้มากนักซี ถึงจะสวยดูดีก็ใช่ว่าจะมีคนทนอารมณ์ติ้สแกได้ตลอดเวลานะ” แล้วอารมณ์ติ้สแกล่ะ ทำไมแทยอนยังทนมาได้ถึงทุกวันนี้ นี่ถ้าพูดกันจริงๆ วันนี้แทยอนก็คงไม่ได้ทำอะไรหรอก แม่เพื่อนสาวตัวดีก็หาเรื่องไม่พอใจไปอย่างนั้นแหล่ะ

      “ยังไม่เจอคนถูกใจนี่” ฉันตอบออกไป มองดูรถราเคลื่อนไปบนถนน วันนี้คนมากมายต่างออกมาข้างนอก ก็คงเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความรักของพวกเขานั่นแหล่ะ

      “แล้วมาวันนี้ กะว่าจะเจอเหรอ”

      “ก็ไม่ แค่ไม่อยากนอนคนเดียว คืนนี้” มันดูเหมือนฉันง่ายไปหรือเปล่า ถึงฉันจะสวยแต่ใช่ว่าจะเหงาไม่เป็นนี่นา

      “อ่าฮะ ดูดีๆแล้วกัน หาคนที่แกจะไม่อ่อนไหวให้เค้าง่ายๆนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมานั่งงอแงกับฉันอีก” ทิฟฟานี่มองถนนไม่ได้สนใจขณะเอ่ยประโยคนั้น แต่ความหมายมันพุ่งเข้ามาในใจฉัน

      ก็ใช่สิ นอกจากจะขี้เหงาแล้วฉันยังขี้อ่อนไหว แต่มันก็เฉพาะกับบางคนเท่านั้น บางคนที่แค่สบตาก็รู้สึกหัวใจเต้นแรง มันอาจจะดีถ้าไม่บังเอิญว่าครั้งที่แล้วดันไปถูกใจคนมีเจ้าของเข้า

      คนสวยไม่จำเป็นต้องสมหวัง ก็บางทีคนที่เราสนใจ ก็ไม่ว่างจะเป็นของเราแล้วนี่นา

       

      ภายในร้านตกแต่งด้วยดอกกุหลาบ ธีมแห่งความรักและมือที่เกาะเกี่ยว สายตายามผู้คนมองกันทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังคิดผิด ทำไมพวกคนมีคู่จะต้องออกไปทุกที่ แล้วทำไมทิฟฟานี่ถึงไม่เลือกไปในที่ที่มีแต่คนโสด สายตาฉันจับจ้อง กวาดไปทั่วทั้งร้านที่คลาคล่ำ เมื่อสังเกตให้ดีถึงได้รู้ว่า มันก็ไม่เลวร้ายนัก หลายคนกำลังยืนนิ่ง ส่งสายตามองหาคนที่คิดว่าจะฝากร่างกายไว้ในค่ำคืนนี้ เหมือนกับฉันที่กำลังประเมินสถานการณ์

      อาจเพราะยังไม่ดึกมาก จึงยังไม่มีคนที่ต้องตา ฉันจึงได้แต่รอคอย ก็แค่หวังว่าจะเจอใครสักคนที่น่าพอใจ แม้ไม่ได้คิดจะมีสัมพันธ์ยาวยืด แต่อย่างน้อย ก็ไม่สมควรเป็นใครก็ได้

      เราทั้งสองคนยืนอยู่ที่โต๊ะสูง เครื่องดื่มมึนเมาถูกยกมาเสิร์ฟ เร็วพอๆกับหนุ่มที่เริ่มเข้ามาทำความรู้จัก ดอกกุหลาบถูกส่งมาให้ฉันและทิฟฟานี่ รับเอาไว้และมองสำรวจดูรูปร่างของคนที่เข้ามาเสนอตัว แม้หน้าตาไม่จัดว่าโดดเด่น แต่เพราะรูปร่างสูงและแขนที่ดูมีกล้ามเนื้อ ทำให้เขาดูน่าสนใจ

      ก็แค่น่าสนใจเท่านั้น ฉันยิ้มกว้าง เอ่ยตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ พยายามไม่ออกปากอะไรที่ดูจะเป็นการให้ความหวังมากไปกว่าการเป็นเพื่อนดื่มในค่ำคืนที่ต่างคนต่างแสวงหาสิ่งเดียวกัน

      ก็ย่อมเป็นสิ่งเดียวกัน ในเมื่อฉันเองก็ต้องการผู้หญิงสักคน ไม่ใช่ชายหนุ่มกำยำล่ำสันเช่นเขา แม้มันจะยากอยู่บ้างตรงที่ทิฟฟานี่พาฉันมาผับที่ไม่เฉพาะ เพราะเพื่อนสาวจอมประชดรู้ดีว่า แทยอนจะโกรธจัดเวลาที่มีผู้ชายสักคนเข้ามายุ่งกับเธอ สายตาของชายหนุ่มตรงหน้าฉันลากไปบนร่างจนฉันรู้สึกได้ เขาดูมุ่งมั่นที่จะทำให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเขาให้ได้ในคืนนี้ ในขณะที่ภายในหัวฉัน กำลังคิดคำพูดที่จะไล่เขาออกไปจากโต๊ะเสียที แค่อยากลองดูว่าจะน่าสนใจขนาดไหน แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแม้จะเอ่ยปากพูดคำสั้นๆ

      “ขอโทษนะคะ พอดีฉันไม่ได้สนใจคุณ” ฉันเอ่ยง่ายๆ พลางยื่นดอกไม้กลับไปให้ มองดูเขาหรี่ตา พลางขบกรามเบาๆ เขาหันหลังกลับไปทันที ในเมื่อที่นี่ ยังมีผู้หญิงอีกมากคงไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ฉันถอนใจโล่ง ขณะหูแว่วเสียงทิฟฟานี่ว่าเดี๋ยวจะกลับมา

      รูปร่างสมส่วนภายใต้แสงไฟกำลังยักย้ายเข้ากับจังหวะคึกคัก ทิฟฟานี่กำลังสนุก สองมือของชายหนุ่มลูบไปบนไหล่ที่เปิดกว้าง แสงไฟกระพริบต้องกับเครื่องหน้าเฉี่ยว รอยยิ้มของเธอยามปรายตา เดาว่าผู้ชายคนนั้นคงหลงเธอเข้าเต็มเปา ดูจากใบหน้าเคลิ้มฝัน สายตานั้นจ้องมองทิฟฟานี่ตลอดเวลา

      เพลงดังก้อง หัวใจเริ่มร่ำร้อง หรือว่าที่มาจะเสียเปล่า

      ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทิฟฟานี่เริ่มจะส่งยิ้มให้คนมากขึ้น และชายเหล่านั้นก็เริ่มจะมองกันด้วยสายตาฟาดฟัน

      “แทยอนเหรอ” เพราะเสียงที่ดังเกินไป ทำให้ฉันไม่สามารถจะสื่อสารกับปลายสายรู้เรื่อง สุดท้ายจึงตัดสินใจส่งไปเป็นข้อความ เชื่อว่าไม่นานทิฟฟานี่คงได้เจอปัญหา และก็เชื่อว่า ท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงของแทยอนจะทำให้เธอพอใจ ชอบประชดแบบนี้ ไม่รู้แทยอนทนเข้าไปได้ยังไง ทีฉันล่ะ ออกจะเป็นคนหน้าตาดี นิสัยหรือก็ดี ทำไมไม่มีใครอยากมาอยู่ใกล้ๆบ้าง

      ถอนหายใจเบาๆ มือคลึงแก้วสั้นไปมา ของเหลวสีเหลืองทองกับน้ำแข็งลอยล่อง ฉันยกมันขึ้นดื่ม รสชาติขมเฝื่อนผ่านลิ้นสู่ลำคอ ท้องร้อนขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮฮล์ บางที แค่ดื่มก็ทำให้เราอุ่นได้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องหาใครอีก หัวเราะพลางยิ้มเยาะตัวเอง แล้วฉันก็มองเห็นเป้าหมายที่ทำให้หัวใจอ่อนไหวทันทีที่พบเห็น

      ผู้หญิงในชุดเดรสสีดำ ผิวสีเข้มกว่าปกติกับรูปร่างสมส่วนพร้อมสะโพกและอกได้รูป ใบหน้าคมคายและรอยยิ้มน่าหลงไหล แค่มองไกลๆยังทำฉันหายใจขัด เธอเดินเข้ามาภายในร้านกับหญิงสาวอีกสองคน และทั้งคู่ก็สวยไม่ต่างกัน ฉันจ้องมองดูทุกอริยาบถ ตั้งแต่การก้าวเท้าไปยังโต๊ะ มือที่ยกขึ้นโอบเอวหญิงสาวข้างๆ ปากยามอ้าขึ้นสั่งเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ยามเธอหัวเราะ

      ฉันหลงไหลผู้หญิงเซ็กซี่ และเธอคนนี้ ฉันให้คะแนนเต็ม

      หัวใจฉันเต้นกระหน่ำ ร่างกายสั่นระริก อยากเข้าไปหา อยากทำความรู้จัก อยากสัมผัสเธอให้มากขึ้น อยากให้เธอเป็นคนนอนข้างๆฉัน ในคืนแห่งความรักนี้

      “แท ปล่อยนะ” เสียงโวยวายดังมาจากกลางร้าน ฉันจะไม่สนใจ ถ้าแม่สาวเซ็กซี่คนนั้นไม่หันไปมอง ฉันมองตามสายตาเธอ แทยอนมาถึงแล้ว ตอนนี้กำลังยื้อยุดกับทิฟฟานี่ สาวเปรี้ยวที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่เชื่อเถอะ ข้างในของเธอกำลังหัวเราะพอใจเลยล่ะ แทยอนจับข้อมือและลากแม่เพื่อนตัวดีมาที่โต๊ะ พลางส่งสายตาอาฆาตให้หนุ่มๆที่ละมือออกจากร่างกายแฟนสาวของตัวเองหลังจากแทยอนประกาศขึ้นมาว่านี่คือแฟนเธอ ทิฟฟานี่ยอมเดินตามมา และยังคงสีหน้าไม่พอใจ

      “ทำไมฟานี่ต้องทำแบบนี้ ฟานี่ก็รู้ว่าแทไม่ชอบ” แทยอนกระแทกเสียง

      “แล้วทีแทรับกุหลาบพวกเด็กสาวๆล่ะ คิดว่าฟานี่ชอบหรือไง” คนตอบเองก็ใส่อารมณ์ไม่ต่างกัน

      “แทบอกแล้วไงว่าแทไม่รู้ แทนึกว่าเป็นของฟานี่ก็เลยถือติดมือมา พอรู้ว่าไม่ใช่ แทก็เอาทิ้งแล้วไง” แทยอนเถียงกลับ

      “เอาทิ้งแล้วไง ก่อนนั้นแทจูบมันด้วยซ้ำ” แทยอนพ่นลมออกจมูกอย่างระอา

      “ก็แทไม่รู้ ปกติมีแต่ฟานี่ที่ชอบเซอร์ไพรซ์ แทก็เอามาจูบโชว์ให้ดูว่าแทชอบมันนะ ก็แล้วทำไมวันนี้ฟานี่ถึงไม่มีของขวัญอะไรให้แทเลยล่ะ” แทยอนหาเรื่องกลับมา ฉันรู้สึกว่าการทะเลาะจะต้องรุนแรงขึ้นในอีกไม่ช้า

      “อ้อ นี่ฟานี่ผิดเหรอ ที่ไม่มีของขวัญให้แท” ทิฟฟานี่หัวเราะ พลางออกสีหน้าเยาะ

      “ก็ไม่ใช่อย่างนั้น แทแค่อยากอธิบาย” แทยอนอ่อนลงก่อน เมื่อเห็นว่าทิฟฟานี่กำลังโมโหมากขึ้น

      “อธิบายด้วยการบอกว่าฟานี่ผิดเนี่ยนะ”

      “ฟานี่ไม่ผิด แต่แทก็ไม่ผิดเหมือนกัน ทำไมฟานี่ถึงไม่เข้าใจบ้าง”

      “ใครว่าแทไม่ผิด แทนั่นแหล่ะผิด ที่ไม่รู้จักดูให้ดีก่อนที่จะทำอะไร” ทิฟฟานี่จิ้มนิ้วไปบนหน้าผากของคนรักตัวเล็ก ใบหน้าขาวใสขยับตามแรงเล็กน้อย ฉันมองเห็นสายตาของแทยอนกลับกลายเป็นความไม่พอใจ

      “ฟานี่ก็แบบนี้ทุกที” แทยอนหายใจฟืดฟาด ขณะมองไปทางอื่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ร้อน

      “แบบนี้น่ะแบบไหน” ทิฟฟานี่ดึงใบหน้าเล็กให้หันมาเผชิญ จ้องสบตาไม่ลดละ

      “ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ เป็นแบบนี้ ใครที่ไหนจะทนได้” สิ้นคำพูดแทยอนก็สะบัดใบหน้าออกจากมือเรียว ร่างเล็กเดินลิ่วฝ่าฝูงชนที่มองดูการทุ่มเถียงทันที

      “หยุดเดี๋ยวนี้นะแทยอน ฟานี่บอกให้หยุด คิม แทยอน” ทิฟฟานี่ตะโกนตามหลัง สองมือกำแน่นพลางทุบลงบนโต๊ะ

      “แกไม่ตามเหรอ แทยอนอาจจะโกรธจริงๆนะ แกจะหาใครที่ไหนดีเท่าแทยอน ไม่มีอีกแล้วนะ” ฉันพยายามเอ่ย เพราะรู้แน่ว่าหลังจากสงบแล้วทิฟฟานี่ต้องมานั่งครำครวญ และที่พูดไปก็เรื่องจริง จะหาใครดีกับทิฟฟานี่เท่าแทยอนไม่มีอีกแล้ว

      “ไม่ เตี้ยก็เตี้ย หน้าตาก็ไม่ดี ปากก็ไม่ดี คนแบบนั้นมีดีตรงไหน ฉันหาดีกว่านั้นได้เยอะแยะ” ทิฟฟานี่เอ่ย กัดฟันเหยียดๆ มือยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดัง ตามด้วยกุญแจรถและเอ่ยประโยคสั้นๆ

      “ขับกลับเองแล้วกัน จะกลับกับแท” แล้วทิฟฟานี่ก็แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้น ทิ้งให้ฉันแอบกลั้นขำ มองตามแม่สาวเปรี้ยวปากแข็ง ง้อคนอื่นซะบ้างก็ดีนะ ทิฟฟานี่เอ๋ย ฉันหยิบกุญแจรถมาเก็บ หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะนิ่งค้างเมื่อพบว่า หญิงสาวเซ็กซี่ที่ฉันแอบมอง ตอนนี้กำลังมองมาทางฉัน รอยยิ้มของเธอ สายตาของเธอ ทำฉันแทบหยุดหายใจ ทำไมฉันใจง่ายนักนะ อยากจะละสายตาแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับ เธอยกแก้วขึ้นทักทาย ฉันเองก็ยกแก้วในมือขึ้นพลางก้มศีรษะให้

      เธอเลิกสนใจฉันแล้ว แต่ฉันยังคงมองเธออยู่ ชุดเดรสรัดรูปนั่น ช่างเข้ากับรูปร่างของเธออย่างลงตัว มันน่ามองจนฉันไม่สนใจว่าจะดูเสียมารยาท ฉันอยากเห็นรูปร่างของเธอภายใต้เดรสสั้นนั่น อยากไล้มือไปบนผิวน้ำผึ้ง อยากได้ยินเสียงเธอใกล้ๆ อยากรู้ว่ามันจะหวานหรือเซ็กซี่กันแน่

      เธอเดินเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคน ชายหนุ่มทั้งหลายต่างเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง เมื่อเธอเริ่มต้นโยกตัวและขยับสะโพก เท่านั้นฉันก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด และตัดสินใจเดินเข้าไปหา ยิ่งใกล้ยิ่งมองเห็น หุ่นเอสไลน์นั่นแสนเย้ายวน เธอขยับร่างกายได้อย่างลื่นไหล และชักนำให้ฉันเดินไปราวต้องมนต์

      “มีอะไรหรือคะ” เธอถามฉันเมื่อเรายืนเผชิญหน้า ฉันมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วฉันเอาแต่จ้องหน้าเธอแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้ว

      “อยากเต้นด้วยกัน” เธอยกคิ้วเข้มขึ้นเสียงสูง ยังไม่ได้คำตอบเธอก็ยกยิ้มก่อนวางมือมาที่เอว เพียงสัมผัสเท่านั้นขนทั้งร่างฉันก็ลุกชัน เงยหน้าสบตาเธอที่ยิ้มให้

      “เต้นสิคะ” เธอเอ่ยขณะส่ายสะโพกที่ฉันแอบมองตั้งแต่เดินเข้ามา ถือวิสาสะวางมือที่เอวคอด ก่อนจะเลื่อนลงไปสัมผัสเหนือสะโพกกลมกลึง ฉันกำลังฉวยโอกาส แต่มันก็ให้ความรู้สึกดีจนไม่อยากชักมือกลับ เธอหัวเราะน้อยๆแต่ไม่ว่าอะไร คนมากมายที่อยู่รอบๆผลักให้เราเข้าใกล้กันมากขึ้น ฉันมองสายตาเธอ ใบหน้าเธอ ช่างสวยไม่มีที่ติ สวยแบบที่ฉันชอบ

      “คุณชื่ออะไรคะ ฉันยูริ” กลับเป็นเธอที่เอ่ยถามก่อน ในเมื่อฉันเอาแต่เหม่อมองรูปร่างหน้าตา และคิดภาพที่เด็กๆไม่ควรจะมองเห็น กับเธอคนนี้

      “เจสสิก้าค่ะ” ฉันตอบพลางโปรยยิ้มหวาน ไม่แน่ใจว่าเธอจะชอบแบบเดียวกันหรือไม่ แต่การที่เธอยอมให้ฉันลวนลามด้วยสายตาขนาดนี้ แสดงว่าเธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกัน

      “คุณชอบฉัน” ยูริเอ่ยเสียงสูงอีกครั้ง คำถามของเธอทำให้ฉันยิ้มมากขึ้น เธอรู้และยินยอม

      “ค่ะ ชอบ” เธอยกคิ้วคล้ายประหลาดใจกับการรับคำง่ายๆ ก่อนจะเอ่ยคำถัดมา

      “ชอบแบบไหนคะ” เธอยังคงถามคำถามต่อ ฉันลงน้ำหนักที่สะโพกเธอมากขึ้น ยืดตัวขึ้นไปกระซิบข้างหู ถือโอกาสสูดดมกลิ่มน้ำหอมที่ซอกคอ

      “ถ้าคืนนี้ยังไม่มีคนนอนกอด สนใจให้ฉันกอดคุณไหมคะ” ยูริขมวดคิ้วเมื่อฉันกลับมายืนปกติ มองดูแววตาสับสนของเธอ มือยังฉวยโอกาสอยู่เช่นเดิม

      “ฉัน ไม่ใช่แบบเดียวกับคุณ” เธอตอบออกมาในที่สุด ฉันยิ้มจางๆ รู้สึกเสียดายอยู่บ้างแต่ในเมื่อเธอตอบออกมาตรงขนาดนี้ จะให้ฉันทำอย่างไร

      “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันเอ่ยยกมือออกจากเนื้อนุ่มด้วยความเสียดาย เธอกลับรั้งเอวให้ฉันเข้าไปใกล้มากขึ้น

      “แต่ฉันอยากรู้” ยูริเอ่ยขึ้นมา ฉันวางมือไปบนแผ่นหลังของคนตรงหน้า ลากไปยังผิวเนื้อที่เปิดออกสู่สายตา

      “ฉันจะทำให้คุณรู้” ฉันยิ้มที่มุมปาก พลางไต่มือบนหลังให้เธอรู้สึกวาบหวาม

      “แค่ไปกับฉัน คืนนี้” ฉันเอ่ยอีก

      “ไปกันตอนนี้เหรอ” เธอถามอีกครั้ง

      “ถ้าตามใจฉัน ก็ตอนนี้ค่ะ ในเมื่อฉันเจอคนที่ตามหาแล้ว” ยูริหัวเราะออกมา

      “ฉันคือคนที่คุณตามหาเหรอ” ฉันพยักหน้าและเอ่ยสำทับ

      “แค่คุณเดินเข้ามาฉันก็รู้แล้วว่าใช่”

      “ถ้าอย่างนั้น ขอตัวไปบอกเพื่อนก่อนนะคะ” ยูริบอกออกมา

      “คุณมีแฟนหรือยัง” ฉันถามก่อนที่เธอจะเดินออกไป

      “ไม่มีค่ะ ฉันแค่มาหาใครสักคนสำหรับคืนนี้ เหมือนกับคุณ” รอยยิ้มคมคายของเธอทำหัวใจฉันกระตุกอีกครั้ง อยากให้ห้องพักย้ายมาอยู่ข้างผับเสียเลย

      “แล้วฉันจะทำให้คืนนี้ของคุณ เป็นค่ำคืนที่น่าจดจำ” ฉันยกตัวอวดอ้าง เธอหัวเราะน้อยๆก่อนจะเอ่ย

      “ฉันหวังแล้วนะคะ” ฉันมองแผ่นหลังต้องแสง มันต้องเป็นคืนน่าจดจำ สำหรับเธอและฉันแน่นอน ฉันมั่นใจเหลือเกิน

       

       

      ยูรินั่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักของฉัน เธอกำลังสำรวจดูรอบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

      “เราเรียนที่เดียวกันนะคะ” เธอชี้มือไปยังปฏิทินมหาวิทยาลัยที่ฉันติดไว้ข้างฝา ฉันเอียงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา เวลายูริอยู่ในแสงสีขาว เธอก็ยังดูเซ็กซี่ ฉันเดินไปปิดไฟดวงใหญ่ ก่อนจะเปิดไฟหัวเตียง แสงสีเหลืองยิ่งทำให้เธอดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เธอยังไม่มีแฟน อย่างน้อยพรุ่งนี้หรือหลังจากนี้ คงไม่มีใครมาหาว่าฉันแย่งแฟนใครหรอกนะ

      ฉันเดินไปใกล้เธอ วางมือลงบนแขนเสื้อที่ไหล่ จากนั้นดึงลงเผยเห็นเนื้อนวลเนียน ยูริเงยหน้ามองฉัน ไม่ว่าอะไร แต่ดูจากสายตาฉันรู้ว่าเธอกำลังกลัวนิดหน่อย

      “คุณสวยจัง” ฉันเอ่ยชม ในขณะที่เธอยิ้มมากขึ้น

      “คุณก็สวยค่ะ” ยูริเอ่ย

      “ที่มาด้วยเพราะเห็นว่าฉันสวยหรือเปล่า” ฉันเอ่ยถามเธอด้วยคำถามที่ออกจะหลงตัวเอง

      “ก็มีส่วน” เธอตอบออกมา พลางเอนตัวลงตามแรงผลัก ฉันมองหน้าอกใต้เสื้อสะท้อนขึ้นลงตามลมหายใจ มองดูริมฝีปากของเธอที่เผยอราวเชิญชวน

      “กรุณาอ่อนโยนกับฉันด้วยนะคะ” เธอบอกฉันเมื่อถูกคร่อม มือเธอจับที่ต้นแขนของฉัน สองแขนฉันเท้าบนเตียง สายตาสบกับดวงตาคม ฉันยิ้มให้เธอ ไม่มีคำตอบนอกจากก้มลงจูบที่ริมฝีปากอิ่ม อ่อนโยนและแผ่วเบา ดูดกลืนกลีบปากช้าๆ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น

      “แน่นอนสิคะ ในเมื่อคุณหวานขนาดนี้” ฉันรู้แล้วว่ารสชาติเธอไม่ได้เซ็กซี่ตามรูปร่าง มันช่างสดใสและหวานฉ่ำ ยูริปรือตามองฉันหลังจากผ่านจูบร้อนแรง

      “คุณ อยากกอดฉันแค่คืนนี้” ยูริตั้งคำถาม เมื่อฉันก้มลงจูบไปบนทรวงอกผ่านเสื้อผ้า ฉันเงยมองอีกฝ่ายกัดริมฝีปาก มันช่าง น่ากิน

      “เรื่องนั้น เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกันอีกทีดีมั้ย” ฉันเอ่ย ลงมือถอดชุดของเธอออก มองดูร่างกายที่สวยกว่ายามก่อนหน้า ยูริมองฉันคล้ายกับจะบอกให้รีบสัมผัสเธอเสียที

      ฉันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ เราทั้งคู่จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน รู้แค่ว่าคืนนี้ ฉันจะไม่เหงาแน่นอน

       

       

       

       

      Morning After

       

      ฉันกะพริบตาช้าๆพร้อมกับความรู้สึกถึงไออุ่นจากบางสิ่งข้างตัว เมื่อมองเห็นท่อนแขนเรียวยาวพาดบนลำตัว และใบหน้าด้านข้างของคนที่ผ่านคืนหวามไหวมาด้วยกันฉันก็ยิ้มออก

      ยูริยังคงหลับสนิท ลมหายใจถอนเข้าออกสม่ำเสมอ ฉันแตะปลายนิ้วไปบนไรผมที่ปรกบนหน้าผากกว้าง เกลี่ยเปิดขึ้นมองดูสีสันที่ยังไม่ลบเลือนจากใบหน้าเรียวงาม ก็ตั้งแต่มาถึงห้อง ฉันก็ไม่ยอมเสียเวลาไปกับอะไรทั้งนั้น นอกจากการจูบไปบนร่างกายของหญิงสาวตรงหน้า ผิวกายเนียนนุ่ม ทรวงอกเต่งตึงและสะโพกที่กอบกุมเท่าไหร่ก็ไม่สาแก่ใจ เสียงร้องครวญครางและลมหายใจหอบยามยูริโดนเร่งเร้าหรือเหนื่อยอ่อน ทั้งหมดนั่นทำให้ฉันหลับไม่ลง และยังคงตื่นเพื่อสร้างร่องรอยบนผิวน้ำผึ้ง

      ฉันแตะมือเบาๆบนรอยเล็กๆที่กระจายตัวอยู่ทั่วร่างของยูริ พยายามลงน้ำหนักให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เธอตื่นขึ้นมา แต่คงเพราะถึงเวลาอันสมควรแล้ว คนที่กำลังหลับอยู่ถึงได้ขยับตัวและค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ แพขนตาหนาขยับเป็นจังหวะ ดวงตาสีดำสนิทค่อยเผยออกและจ้องมาหาฉัน คนที่มองเธออยู่ทุกการกระทำ

      “คุณตื่นนานแล้วเหรอ” ยูริเอ่ยถามพลางขยับตัวอีกครั้ง ใบหน้านั้นขึ้นสีหลังจากมองเห็นว่าฉันนอนเปลือยกายโดยไม่มีอะไรปกปิด ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก เธอควานมือลงไปด้านล่าง ดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเราทั้งคู่ จากนั้นจึงหันกลับมาสบตาใหม่

      “เมื่อคืน เหมือนอย่างที่หวังไหมคะ” ฉันยกยิ้มมั่นใจ แม้จะรู้ว่ายูริคงผ่านบทรักมาบ้าง แต่คงไม่มากมายเท่าไหร่ และการจบลงบนเตียงหลังจากพบกัน ฉันเชื่อว่านี่อาจเป็นครั้งแรกของเธอ อาจเพราะฉันเป็นผู้หญิง เธอถึงได้ตัดสินใจอะไรง่ายๆ อย่างไรซะยูริก็ไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ได้ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าน่าจะดีกลับไป

      “ก็ดีค่ะ เป็นคืนที่น่าจดจำจริงๆ” เธอรับพร้อมรอยยิ้มที่ฉันชื่นชม ยูริสวย ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังโสด แต่ก็นั่นแหล่ะ ในเมื่อฉันเองยังโสดได้ แล้วทำไมเธอจะโสดบ้างไม่ได้

      ฉันเลื่อนมือใต้ผ้าห่มไปบนผิวกายเธอ ยูริสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ มือของฉันเคลื่อนไปตามส่วนโค้งเว้า นอกจากใบหน้า รูปร่างของยูริก็ไม่มีที่ติ ฉันค่อยไล้มือช้าๆ บ้างบีบลงเพื่อให้เธอรับรู้ว่าฉันกำลังเรียกร้องเช่นคืนที่ผ่าน

      “คุณถามฉัน ว่าฉันจะกอดคุณแค่คืนเดียวหรือเปล่า” ฉันเอ่ยถึงคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ ยูริจับมือฉันเอาไว้ก่อนจะดึงมันขึ้นมาจูบ ท่าทางของเธอน่ารักอย่างไม่ต้องพยายามอะไรมาก

      “ฉันแค่ ไม่รู้สิ ไม่เคยทำแบบนี้ ตอนนั้นเลยสับสนว่า ในเมื่อเราจะมีอะไรกันแล้ว อย่างน้อยก็ควรคิดถึงวันพรุ่งนี้หรือวันต่อไปดีไหม ก็เลยถามแบบนั้น แต่พอมาคิดอีกที ถ้าเราจะตกลงคบกันเพียงเพราะเรานอนด้วยกัน ทั้งที่เราไม่รู้จักกันเลย แบบนั้นก็ดูจะแปลกไปหน่อย”

      “ไม่รู้จัก ก็เรียนรู้สิคะ จะยากอะไร” ฉันเอ่ยเปิดทางให้ เข้าใจในสิ่งที่ยูริพูดเพราะฉันเองก็คิด แต่การที่เราตัดสินใจคบ ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ต้องยืดยาวแน่ เป็นแต่เพียงการเพิ่มโอกาสให้เราได้พบกับคนที่น่าจะใช่ ก็เท่านั้น ยูริมองฉัน จากนั้นกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด เธออาจต้องตัดสินใจมากกว่า ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ใช่ประเภทเดียวกัน

      “คุณจะ ดูแลฉันใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามทั้งยังกุมมือฉันไว้

      “ฉันจะ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ” เธอคลี่ยิ้มเหมือนพอใจกับคำตอบ ฉันดึงมือกลับมา ก่อนจะแตะไปบนร่างกายเธออีกครั้ง

      “อย่างนั้นก็คงต้องเริ่มเรียนรู้กันแล้วค่ะ อย่างแรกที่อยากให้คุณรู้” ฉันเว้นจังหวะสักครู่ ยูริเอียงหน้ารอฟังอย่างสงสัย

      “ฉันชอบออกกำลังตอนเช้า มากกว่าตอนกลางคืนเสียอีก” เธอหัวเราะคิกกับคำกล่าว ก่อนจะมุดตัวลงไปในผ้าห่มเพื่อหนีการล่วงล้ำ แต่มีหรือจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อใต้ผ้าห่มผืนนี้ ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

       

       

      ฉันโทรกลับหาทิฟฟานี่ตอนที่ยูริกำลังเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการล้างหน้าล้างตา

      [ไงยะ กว่าจะโทรกลับได้นะ จำได้ว่าฉันโทรไปตั้งแต่เช้า]

      เสียงทิฟฟานี่แหวมาตามสาย ฉันหัวเราะก่อนจะตอบกลับ

      “แหม ฉันก็ห่างหายไปนาน คัมแบ็กทั้งทีก็ต้องจัดเต็มหน่อยสิยะ” เสียงเริงร่าแสดงออกชัด

      อยากให้ทิฟฟานี่ได้รู้ว่าตอนนี้ฉันอารมณ์ดีมากจริงๆ

      [ย่ะ แล้วคนที่เขามาคัมแบ็กกับแกเนี่ย ปลอดภัยแน่นะ ไม่ใช่ไปแอบตีท้ายครัวใครอีก]

      “ปลอดภัยสิ เค้าตกลงคบกับฉันแล้วด้วย แล้วนี่แกกับแทยอนดีกันรึยัง”

      [เหอะ อย่างแทยอนน่ะ จะไปไหนรอด] ฉันกลั้นขำแทบไม่อยู่ ถ้าจำไม่ผิดคนที่วิ่งตามเมื่อคืนคือเธอนะ ฮวัง ทิฟฟานี่

      “นั่นสินะ ก็เธอออกจะสวยและแสนดี แทยอนจะกล้าหนีไปไหนด้ายยย” ฉันทำเสียงล้อเลียน

      [ให้มันจริงใจด้วยคุณเพื่อน เออ แล้วนี่จะมาเมื่อไหร่ ฉันอยู่มหาลัยแล้วนะ]

      “ก็เดี๋ยวไปส่งยูริเปลี่ยนชุดแล้วรอรับไปด้วยกันน่ะ”

      [ยูริ] ทิฟฟานี่ทวนชื่อ

      “อืม คนที่ขึ้นคัมแบ็กสเตจด้วยกันไง” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ

      [อ้อ พามาให้ดูด้วยนะ วันนี้เลย]

      “แน่นอนสิยะ อยากอวดใจจะขาดละ” ฉันลดเสียงลงเป็นกระซิบ กลัวยูริจะได้ยินว่าฉันกำลังเอาเธอไปอวดคนอื่น

      หลังจากนัดแนะสถานที่เจอกัน ฉันก็วางสายพลางกอดผ้าห่มเอาไว้ กลิ้งตัวไปมาบนที่นอนด้วยความสุขใจ

      อื้อ ทำไมโลกทั้งใบมันสดใสได้ขนาดนี้นะ รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกสารภาพรักจากคนที่แอบชอบมานาน

      ก็ยูริน่ะ ตรงสเปคชะมัด

      “คุณไปอาบน้ำได้แล้วนะคะ” ยูริเดินออกมา ใบหน้าเธอดูอ่อนเยาว์ลงหลังจากลบเครื่องสำอางค์ออกไป

      ฉันลุกขึ้นนั่ง กอดผ้าห่มแนบตัวมองเธอเดินไปที่กระจก

       

      “สิวขึ้นเลยค่ะเนี่ย เมื่อคืนไม่ยอมล้าง” เธอบ่นอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เอียงหน้าพลางสำรวจไปบนผิวแก้ม

      ฉันเองก็เลื่อนสายตาไปบนใบหน้าและลำคอของเธอ จนถึงร่างกายใต้ชุดล่อแหลมเมื่อคืน

      ชุดนี้เลือกเองหรือเปล่านะ เซ็กซี่ชะมัด

       

      “ฉันมีเรียนตอนบ่ายนะคะ คุณเองก็ด้วยนี่นา” เธอหันกลับมา น้ำเสียงนั้นเร่งให้ลุกออกจากที่นอนเสียที

      ฉันก้าวเท้าเหยียบพื้น ทิ้งผ้าห้มไว้เบื้องหลัง ยูริมองดูพลางขยับริมฝีปากเป็นคำพูด

       

      “อะไรคะ” ฉันถามเมื่อเดินไปใกล้ แกล้งทำหน้าสงสัยให้ดูน่ารัก

       

      “คุณน่ะ ทำไมชอบโป๊นักนะ ถึงหุ่นจะดีมากก็เถอะ” ยูริตอบออกมาและทำทีกลับไปสนใจใบหน้าตนเอง

       

      “คุณชอบรูปร่างฉันไหม” เอ่ยถามพร้อมกับกอดเธอจากด้านหลัง พยายามแนบตัวให้ชิดที่สุด

       

      “อือ ชอบค่ะ แต่ตอนนี้คุณต้องไปอาบน้ำแล้วล่ะ” เธอเอ่ยโดยไม่หันกลับมา

      แต่ฉันก็มองเห็นใบหน้าแดงซ่านปรากฏอยู่บนกระจก ยูริกำลังเขิน เธอตื่นเต้นเมื่อโดนรุก และมันก็ดูน่ารักมาก

       

      “งั้นรอแป๊บนะ” ฉันผละออกเพราะไม่มีเวลาจะเล่นอีก ถ้าวันแรกพาเธอไปเรียนไม่ทัน

      ยูริอาจจะไม่อยากเรียนรู้กันสักเท่าไหร่

       

      ใช้เวลาไม่นานฉันก็แต่งตัวเรียบร้อย แต่งหน้าอีกเล็กน้อยก็พร้อมออกไปเดินอวดสายตาใครต่อใคร

      หยิบเอาหนังสือวิชาที่ต้องเรียนยัดลงกระเป๋าถือ ข้าวของจำเป็นอีกเล็กน้อยถูกใส่ลงไปลวกๆ

      จากนั้นฉันก็จับมือยูริพาเดินออกไปเริ่มต้นวันแรก ของการทำความรู้จัก น่าตื่นเต้นจัง

      ลอบมองดูเธอตลอดเวลาที่เรายืนอยู่ด้วยกันในลิฟต์ ยูริปล่อยให้ฉันจับมือเอาไว้

      แต่สายตานั้นกลับไม่มองมาทางฉันสักเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าเธอหายใจลึกเมื่อลิฟต์เปิดออก

      เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งมันไม่ใคร่จะดีนักในความรู้สึกฉัน

       

      “กลัวเหรอ” ฉันถามเธอเมื่อเรากำลังมุ่งหน้าไปหอพักที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

       

      “รู้สึกกังวลน่ะค่ะ ไม่รู้เพื่อนฉันจะว่ายังไงบ้าง” เธอตอบออกมาขณะจ้องหน้าฉันอย่างจริงจัง

       

      “เมื่อคืน พวกเขาก็รู้ว่าคุณมากับฉัน”

       

      “รู้ค่ะ พวกเธอแค่บอกว่า ถ้าอยากลองก็ลองดู และอีกอย่าง ถ้าเมื่อคืนฉันจะไปนอนกับผู้ชาย มันก็คงไม่เข้าท่า”

      ฉันหัวเราะกับสีหน้ายามเธอเอ่ยคำว่าเข้าท่า มันดูเหมือนว่าถ้าเกิดเธอไปนอนกับผู้ชายเมื่อคืนนี้

      มันคงเป็นอะไรที่แย่จริงๆ

       

      “ถ้าคุณลำบากใจ เราจะเป็นแค่คนรู้จักกันไปก่อนก็ได้นะคะ” ฉันเอ่ยออกมาช้าๆ ไม่อยากพูดแต่จำเป็นต้องเอ่ย

       

      “ฉันลำบากใจ แต่ฉัน ฉันอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้” ยูริส่งสายตาวูบไหว เธอทำให้ฉันตกหลุมลึกเข้าไปทุกที

       

      “ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าคิดสิคะ คนที่จะทำความรู้จักฉัน คือคุณ ไม่ใช่เพื่อนคุณ แต่ถ้าวันไหนคุณเกิดไม่อยากรู้จักกันแล้วรีบบอกฉันนะ” ฉันบอกเธอด้วยรอยยิ้ม

      เอื้อมมือไปแตะลงบนหลังมือของเธอเพื่อปลอบโยน ยูริยิ้ม จากนั้นวางมืออีกข้างทับลงบนมือฉัน

       

      “ค่ะ” เธอรับคำ แล้วมองไปข้างหน้า ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกนิด ที่ตอนนี้ใบหน้าคมๆนั่น ยิ้มกว้างอีกครั้ง

       

      ระหว่างที่ยูริกำลังอาบน้ำ ฉันก็ถือโอกาสเดินดูภายในห้องเธอ มองหาหลักฐานว่าเธอยังโสดจริงเพื่อความมั่นใจ ไม่มีร่องรอยของรูปภาพหรือของขวัญแทนใจ ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่ายูริมีใครแล้ว นี่เป็นสัญญาณที่ดี

      ฉันเปลี่ยนเป้าหมายเป็นสังเกตดูความชอบส่วนตัวของเธอ หนังสือนิยายหลายเล่มวางอยู่บนชั้น แผ่นดีวีดีหนังหลายแผ่นเรียงเป็นระเบียบ ของทุกอย่างอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ยูริเป็นคนมีระเบียบมากทีเดียว

      ฉันนั่งลงบนเตียงนอนที่ถูกคลุมเอาไว้ มองดูผ้าม่านสีชมพูหวานทิ้งตัวอยู่ตรงหน้าต่าง อยู่ๆก็รู้สึกง่วงจนต้องเอนตัวลง

       

      รู้สึกถึงลมหายใจคลอดเคลียอยู่ข้างแก้ม เหมือนลมอุ่นวนเวียนไปมาบนผิวหน้า ฉันลืมตาขึ้นและพบว่า

      ใบหน้าของยูริอยู่ใกล้จนแทบติด ฉันหรี่ตาข้างหนึ่ง คอยดูว่าเธอจะทำอะไรต่อ ครู่เดียวเธอก็ฝังจมูกลงมาเบาๆ จากนั้นผละออกแล้วมองมา ฉันลืมตาขึ้น พร้อมกับที่ยูริย่นหน้าผากเหมือนรู้สึกว่าตัวเองโดนจับได้หลังทำความผิด ทั้งที่สิ่งที่เธอทำมันน่ารักมากแท้ๆ

       

      “ฉันหลับไป ทำไมไม่ปลุกคะ” ฉันลุกนั่ง จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แม้จะดูยับไปบ้าง

       

      “ยังไม่ถึงเวลาเลย คิดว่าให้คุณนอนอีกหน่อยคงไม่เป็นไร” ฉันไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เธอแอบหอมแก้มฉัน แค่ที่เธอพยายามทำ เท่านั้นก็รู้สึกอิ่มใจมากแล้ว ฉันบิดตัวเล็กน้อย จากนั้นลุกขึ้นหยิบเอากระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยสักที

       

      “ทำไมฉันถึงได้ อยากอยู่ใกล้ๆคุณนะ” เป็นยูริเองที่เอ่ยขึ้นเมื่อเราเดินตามกันลงมาที่ลานจอดรถ ฉันเหลียวมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำที่ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับเธอเท่าไหร่

       

      “ก็ดีแล้วนี่คะ” ฉันเอ่ยพลางเดินเข้าใกล้รถมากขึ้นทุกที เราสองคนขึ้นนั่งเคียงคู่กัน ยูริยังคงขมวดคิ้ว ทำปากยื่น

       

      “ถ้าคุณเลิกคิดหาเหตุผล อะไรๆมันจะง่ายขึ้นเยอะเลย”

       

      “ฉันก็อยากทำอย่างนั้น แต่บางครั้งมันก็คิดขึ้นมาเองค่ะ”

       

      “ถ้าเมื่อไหร่ เรื่องที่คิดเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรา ถามฉันนะ แล้วฉันจะตอบให้”

       

      “ทุกคำถามเหรอคะ” ยูริดูจะสนใจข้อเสนอนี้

       

      “ค่ะ ทุกคำถามเลย” ฉันประคองพวงมาลัยไปตามถนน ปรายตามองคนด้านข้างเป็นบางครั้ง สีหน้ายามดีใจของยูริเหมือนเด็กๆ เธอดุนลิ้นไปมาขณะพิงตัวไปบนเบาะหนัง ก่อนจะเอียงหน้ามาส่งยิ้ม เธอเหมือนเด็ก แต่ก็เป็นเด็กที่คิดมากทั้งยังขี้สงสัยอีกด้วย ฉันสรุปกับตัวเองเมื่อคิดถึงท่าทางที่มองเห็น

       

      จอดส่งยูริที่เอกการละครและภาพยนตร์ จากนั้นพาตัวเองไปยังตึกเรียนภาษาของตัวเอง ก็อยากอวดตอนนี้นะ แต่เวลามันกระชั้นมากแล้ว คงต้องปล่อยให้เธอไปเรียนก่อนจะนัดพบกันอีกครั้ง ภาพเธอโบกมือให้ยังติดตาจนเผลอยิ้ม ฉันเดินเข้าไปในห้องที่มีคนเข้ามาจับจองที่นั่งจนเกือบเต็มแล้ว มองหาร่างเพื่อนรักที่คุ้นตา ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นมอง ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พร้อมวางกุญแจรถคืนให้

      “ขอบใจที่ทะเลาะกับแทยอนเมื่อวานนะจ๊ะฟานี่ ฉันล่ะปลื้มปริ่ม” ทิฟฟานี่เบ้ปากใส่เล็กน้อย เก็บกุญแจเข้ากระเป๋า

       

      “ถูกใจมากหรือไง หน้าบานจะคับห้องอยู่แล้ว” ฉันหัวเราะอย่างไม่ถือโกรธ ก็มันเรื่องจริง ฉันยอมรับ

       

      “มากๆอ่ะ ฉันคงไม่เหงาไปอีกพักใหญ่ หรือไม่ ก็อาจจะไม่เหงาอีกเลย” ฉันเชิดหน้ามั่นใจ ยูริแอบหอมแก้มฉัน เธอบอกว่าอยากอยู่ใกล้ๆ นั่นแสดงว่าเธอก็สนใจฉันอยู่มากเหมือนกัน

       

      “ชื่ออะไร เด็กแกอ่ะ”

       

      “ยูริ สวย น่ารัก หุ่นดี เพอร์เฟ็ค” ทิฟฟานี่พ่นลมใส่หน้า พลางส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก

       

      “เยอะนะแกอ่ะ แต่ชื่อมันคุ้นๆนะ ควอน ยูริป่ะแก”

       

      “ไม่รู้สิ รู้แต่ยูริ” ฉันเหยียดปากอย่างไม่ยี่หระ จะยูริไหนทำไมต้องสนใจล่ะ ก็มีแต่ยูริที่นอนข้างฉันเมื่อคืนนั่นแหล่ะ

       

      “นี่กินกันยังไง ไม่รู้จักชื่อจริงห๊ะ แกมันใจง่ายไม่เปลี่ยนเลยนะ”

       

      “แล้วทำไมยะ ก็ฉันชอบอ่ะ แล้วเธอก็บอกฉันเองว่าโสด จะถามอะไรให้มาก” ฉันโวยวายกลับ

       

      “โอเค เดี๋ยวฉันเจอก็รู้เอง” ทิฟฟานี่เป็นฝ่ายยอมให้ ก่อนจะหันไปเปิดหนังสือเรียนที่เตรียมมา

       

      “แล้วตกลง ควอน ยูรินี่ใคร” อดใจไม่ไหวฉันก็ถามออกมา มาพูดให้อยากรู้แล้วเงียบไปเฉยๆเนี่ยนะ ไม่ได้หรอก

       

      “ก็เป็นสาวเอกการละคร เคยเป็นแฟนกับรุ่นพี่แทน่ะ แล้วพี่เค้าก็หล่อ รวย เพอร์เฟ็ค”

      สาวเอกการละครอย่างนั้นเหรอ อย่างนั้นก็อาจจะใช่แล้วล่ะ

       

      “แล้วเค้ายังไม่เลิกกันเหรอ” ฉันเอ่ยถาม หัวใจเต้นแรงเพราะความตื่นเต้น กลั้นหายใจรอคอยคำตอบ

       

      “เคยเป็นแฟน แปลว่าตอนนี้ก็เลิกกันแล้วสิยะ” ทิฟฟานี่มองหน้าฉันอย่างระอา ดูสายตานั่น ดูถูกกันชัดๆ

       

      “ก็ถ้าเลิกกันแล้วแกจะพูดถึงทำไมล่ะ” ฉันหันหน้าหนี ยกกระจกเล็กขึ้นมาส่องสำรวจใบหน้า อุตส่าห์ตื่นเต้นแทบตาย

       

      “ก็แค่แปลกใจ เค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายระดับท๊อปเลยนะ แล้วจะมาเอาแกเนี่ย มันใช่เหรอ เค้าเล่นๆรึเปล่า”

      ฉันหันไปส่งสายตาอาฆาต เรื่องอะไรมาว่ายูริของฉันคิดเล่นๆ ถึงดูเหมือนว่ายูริจะยังลังเลบ้างก็เถอะ ที่สำคัญไปกว่านั้น ฉันมันดูต่ำต้อยด้วยค่ากว่าไอ้พวกผู้ชายหล่อรวยตรงไหน ทั้งสวย หุ่นดี เรียนเก่ง อาจรวยไม่มาก แต่ก็ไม่ทำให้ยูริลำบากแน่นอนล่ะ หึ รั้งสายตากลับเมื่อคิดว่าเชือดเฉือนจนพอใจ พร้อมกับเบ้ปากใส่หนึ่งที

       

      “อะไรล่ะ มาทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันทำไม แค่พูดเรื่องจริง”

       

      “ยูริอาจจะอยากเปลี่ยนมาซบอกนิ่มๆ แทนกล้ามหน้าอกแข็งๆก็ได้ย่ะ แล้วเมื่อคืน เราก็แซ่บกันมาก นี่ไม่อยากจะคุย” ฉันเก็บกระจกหลังจากเช็คใบหน้าของตัวเองจนพอใจแล้ว ทิฟฟานี่ส่ายหน้าอีกครั้งและเบือนหนีราวไม่อยากฟัง ไม่ฟังก็ไม่ฟังสิน่ะ หุหุ

       

       

      ยัดหนังสือลงกระเป๋า จากนั้นก็วิ่งออกไปข้างนอกทันทีที่หมดคาบ ฉันนัดยูริเอาไว้และเธอก็ส่งข้อความมาว่ากำลังจะถึง ทิฟฟานี่ก็จะได้เห็นว่า ยูริน่ะ น่ารักขนาดไหน อ่า อันที่จริง เธอคงเคยเห็นยูริมาแล้ว ช่างเถอะ แค่ให้รู้ว่ายูริมาหาฉันก็พอ

      ฉันยืนอยู่หน้าตึก ทำตัวให้ดูเหมือนว่าไม่ได้รอคอยอะไรมากนัก แต่สายตานั้นคอยแต่จะมองไปทางที่ยูริจะมา เพียงครู่เดียว หญิงสาวในชุดเมื่อตอนเที่ยงก็ยิ้มมาแต่ไกล ฉันแสร้งพิงหลังกับกำแพง และดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ ราวกับว่าเพิ่งมองเห็นเธอเมื่อครู่ ยูริเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าเธอยามมีเครื่องสำอางค์เพียงเล็กน้อย ไม่ได้ลดดีกรีความสวยลง อาจมีเพียงความเซ็กซี่ที่หดหายไปบ้าง แต่นั่นไม่ทำให้เธอน่าสนใจน้อยลงสักนิด

       

      “เหนื่อยไหมคะ” เธอเอ่ยถาม พลางเสยผมสีดำสนิทไปด้านหลัง

       

      “ไม่ค่ะ คุณล่ะ” ฉันถามบ้างพลางยื่นมือไปจับมือเธอจูงไปยังโต๊ะที่นัดกับทิฟฟานี่ไว้

      ฉันบอกยูริไว้แล้วว่าอยากแนะนำเพื่อนให้รู้จัก เธอเองก็ไม่ขัดข้องอะไร รวมถึงการนัดไปทานอาหารเย็นร่วมกันในวันนี้ด้วย ยูริเดินตามฉัน สายตาของคนในคณะมองเราอย่างสงสัย คนส่วนใหญ่รู้ว่าฉันชอบแบบไหน แต่กับยูริล่ะ มองกลับไปหาเธอ เห็นว่าสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอเพียงก้มหน้ามองมือของเราที่กุมกันอยู่ ฉันบีบมือเธอเบาๆ และพาเดินให้เร็วขึ้น จนกระทั่งถึงที่หมาย ทิฟฟานี่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ ซึ่งเบอร์นั้นคงเป็นของแทยอนอย่างไม่ต้องสงสัย ยูริและทิฟฟานี่โค้งให้กันเล็กน้อย หลังจากเพื่อนสาววางโทรศัพท์ก็หันมาสำรวจยูริอย่างจริงจัง

       

      “นี่คิดดีแล้วเหรอะ มาตกลงทำความรู้จักกับยัยนี่น่ะ” ดูประโยคแรกที่เอ่ยสิ เธอควรจะชื่นชมฉันไม่ใช่เหรอยะ ฉันดุนลิ้นไปมาพลางส่งสายตาที่เข้าใจได้ว่า ถ้าไม่แก้สถานการณ์ตอนนี้แกได้ตายเป็นหมีเฝ้ามหาลัยแน่ๆ

       

      “แต่ ก็เป็นคนดีนะคะ เป็นเพื่อนที่ดีสุดๆ” ทิฟฟานี่เอ่ยประโยคถัดมาพลางฉีกยิ้มจนตาปิด ดูเสแสร้งซะเหลือเกินนะยะ ยูรินั่งลงและหัวเราะ เธอปรายตามองฉันแล้วส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นบอกได้ว่า เธอไม่ได้สนใจคำพูดของทิฟฟานี่เลย ฉันเข้าใจอย่างนั้นนะ และมั่นใจว่าเข้าใจถูกด้วย

       

      “ก็คิดว่าน่าจะดีเหมือนกันค่ะ” ยูริตอบแล้วหันไปมองทิฟฟานี่อีกครั้ง

      “ฉันยูริ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

      “ฉันทิฟฟานี่ค่ะ” มองดูทั้งสองคนพูดคุยกัน ยูริดูผ่อนคลายและท่าทางจะเข้ากับทิฟฟานี่ได้ดี ฉันนั่งมองทั้งคู่ วางคางไปบนกระเป๋าถือ ก่อนจะค้างสายตาไว้ที่คนที่เพิ่งรับปากจะเรียนรู้กัน เวลายูริพูดนี่มัน น่ารักจริงๆเลย เธอหัวเราะเมื่อทิฟฟานี่ เล่าเรื่องตลกของฉัน อะไรนะ เรื่องตลกของฉัน แต่ก็เอาเถอะ ถ้ายูริพอใจจะฟังฉันก็ไม่อะไรนัก

       

      เพียงไม่นานแทยอนก็มาถึง ร่างเล็กเข้ามาหอมแก้มทิฟฟานี่อย่างไม่อาย ดูไม่เหมือนคนเพิ่งทะเลาะกันจะเป็นจะตาย ยูริเองต่างหากที่ดูจะเขินแทน เธอเบือนหน้ามาทางฉัน ทำหน้ากระอักกระอ่วนน้อยๆ

       

      “ไหนล่ะ คนที่จะแนะนำ” แทยอนหันมาทางฉัน และกวาดตาไปพบกับอีกคนที่นั่งอยู่ หญิงสาวโค้งให้เล็กน้อย

      “ฉันแทยอนค่ะ” แทยอนเอ่ย พลางเลิกคิ้วที่เขียนจนเข้ม

      “ฉันยูริค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เท่านั้นแทยอนก็หันไปมองคนรักข้างๆ เหมือนจะพูดบางสิ่งแต่ก็ไม่

      “ไปห้างกันเถอะ เดินกันก่อนค่อยหาไรกิน” แทยอนเสนอและเราทั้งหมดก็เห็นดีด้วย

       

      ก่อนจะได้ออกจากที่นั่น อยู่ๆแทยอนก็โดนเรียกจากด้านหลัง ฉันหันไปมองเห็นชายหนุ่มที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ เขาส่งเอกสารอะไรสักอย่างให้แทยอนก่อนจะมองมาทางกลุ่มเรา น่าแปลกที่เขาเดินเข้ามาหา แทนที่จะไปเมื่อเสร็จธุระ

       

      “ไงยูล สบายดีมั้ย” เขาเอ่ยยิ้มๆ พลางหันมามองฉันด้วยสายตาที่ไม่น่าชอบใจ

      “ก็ สบายดีค่ะ” ยูริเอ่ยเสียงเบาๆ รอยยิ้มน้อยๆนั้นไม่เหมาะกับเธอราวกับว่าไม่ใช่เธอที่ยิ้มออกมา

      “พี่ก็นึกว่าใคร ที่แทยอนรีบเคลียร์งานบอกจะมาทำความรู้จักแฟนเพื่อน” เขาเว้นจังหวะสักครู่

      “ไม่นึกว่าจะเปลี่ยนรสนิยมนะ ถึงจะไม่ใช่พี่ แต่อย่างยูลก็น่าจะหาอะไรที่มันดีกว่านี้ได้” เหมือนโดนตบหน้าแรงๆ ฉันรู้สึกชาจนพูดอะไรไม่ออก ประโยคนั้นมันด่าฉันชัดๆ เจ้านั่นมันดูถูกฉัน ก่อนที่ฉันจะทันได้ปรี่เข้าไปตบหน้าหล่อๆนั่น ยูริก็เดินออกไป ฉันวิ่งตาม ทิ้งอารมณ์โกรธไว้เบื้องหลัง ไอ้บ้าเอ๊ย วันแรกของฉันจะพังเพราะปากแมวๆนั่น ฉันวิ่งไปดักหน้ายูริเอาไว้ เห็นว่าในแววตานั้นเต็มไปด้วยน้ำใสๆ ฉันจับแขนให้เธอหยุดยืน จากนั้นจึงเช็ดน้ำตาเบาๆ เธอดูสับสนมากในตอนนี้

       

      “ฉันขออยู่คนเดียวก่อนได้ไหมคะ”

      “แต่ฉันอยากปลอบคุณ”

      “ได้โปรด ให้ฉันได้มีเวลาคิดอะไรๆคนเดียว เถอะนะคะ” เธออ้อนวอนแล้วเดินจาก ปล่อยให้ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แค่วันที่สองที่เรารู้จัก ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบรอท่าเสียแล้ว นี่มันอะไรกันนะ

       

       

       

      The Day After Tomorrow

       

      ห้องนอนที่เมื่อคืนวานเป็นสถานที่อันแสนสุข คืนนี้กลับเงียบเหงา ฉันกลับมาเหงาอีกครั้งหลังจากคิดว่าจะไม่ต้องรับเอาเจ้าความเปล่าเปลี่ยวนี้มาอยู่ใกล้ แต่มันยังคงเกาะตามตัวและหัวใจฉันอย่างเหนียวแน่น ยูริไม่รับโทรศัพท์ แถมยังไม่ยอมเปิดประตูให้เมื่อฉันไปหาเมื่อเย็นวาน ทำเพียงเอ่ยว่าขอเวลาอีกนิดด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ฉันควรทำยังไงดี ยูริยังไม่พร้อมจะคบฉัน ฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่อยากให้เธอเศร้า ไม่ว่าจะต้องปลอบเธอด้วยสถานะไหน ฉันก็ยินดี ให้เราเป็นเพื่อนกัน ให้ลืมว่าเราเคยนอนด้วยกัน แบบนั้นก็ยังได้

      แค่ให้ฉันได้เข้าใกล้เธอสักนิด

       

      ฉันนั่งมองโทรศัพท์อยู่ทั้งเย็น จนดึกดื่นก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อตอนกลางวันที่ไปหาเธอที่ตึกเรียน เพื่อนของเธอก็ขอให้ฉันเว้นระยะห่างกับเธอไว้ก่อน ตอนนี้ยูริอาจกลัวและสับสน เพราะฉันรุกเธอเร็วเกินไป และเพราะยูริเองเพิ่งจบกับคนเก่ามาไม่นานเท่าไหร่ อยากโทรหาเธอแต่ไม่กล้า ได้แค่คิดเอาว่า ป่านนี้เพื่อนของเธอคงสามารถดูแลเธอได้ดีอยู่

       

      คืนก่อน ทั้งรอยยิ้มและใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเธอ ไม่มีเค้าเลยว่าเธอกำลังไม่สบายใจอะไร ฉันห่วงเธอจังบ่นกับตัวเองแล้วนอนกลิ้งไปมา พยายามสูดหากลิ่นที่นึกเอาว่า มาจากร่างกายแสนสวยงามของคนคนนั้น คนที่นอนกับฉันแล้วลากันแค่เพียงเย็นของวันรุ่งขึ้น ก็ยังดีกว่าลากันตอนเช้าล่ะนะเจสสิก้าเอ๋ย ดีกว่าตั้งเยอะแน่ะ

       

      เสียงแผดร้องดังมาจากโทรศัพท์ที่เพิ่งเลิกสนใจ ฉันสะดุ้งก่อนจะสบถใส่ตัวเองที่ตกใจอะไรง่ายๆ เมื่อหยิบมันขึ้นมาดู หัวใจทั้งดวงก็เต้นจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ยูริโทรมาหาฉัน หลังจากที่เพียรส่งข้อความไปเป็นระยะตลอดทั้งวัน

       

      “คุณดีขึ้นแล้วเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามทันทีที่รับสาย

       

      [ค่ะ ก็ดีขึ้นแล้ว ฉันขอโทษนะ] แค่ได้ยินคำขอโทษ ใจฉันที่มันเต้นอยู่กลับบีบตัวจนเจ็บ เธอจะขอโทษทำไม หรือสุดท้าย เธอจะตัดสินใจไม่ทำความรู้จักกันต่อแล้ว ฉันเงียบสักครู่ เพื่อทำใจกับการรับฟังความจริงที่ว่า ความหวังอันน้อยนิดกำลังจะลอยหาย

       

      “ขอโทษเรื่องอะไรคะ”

       

      [ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง และก็ที่ไม่ยอมเจอและรับโทรศัพท์คุณ] ฉันแอบโล่งใจที่ยูริไม่ได้เอ่ยคำที่คาด

       

      “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บางทีคนเราก็ต้องการคิดอะไรเงียบๆ”

       

      [ค่ะ ฉันก็ต้องการแบบนั้น]

       

      “แล้ว คิดได้แล้วเหรอ” ฉันกลั้นใจถามคำถามสำคัญ พลางค่อยๆหายใจเพื่อสงบสติ

       

      [มาหาได้ไหมคะ ตอนนี้เลย] ยูริเอ่ยเสียงอ้อนๆที่ทำให้ฉันระทวย อันที่จริงไม่ต้องทำเสียงแบบนั้น ฉันก็แทบอยากให้ตัวเองหายตัวไปห้องเธอซะดี๋ยวนี้

       

      “รอห้านาทีค่ะ แค่ห้านาที” ฉันกดวางโทรศัพท์ก่อนจะวิ่งลงจากเตียง ดึงเสื้อคลุมมาพร้อมกับเปิดประตูห้อง สวมมันขณะวิ่งไปยังลิฟต์ มองตัวเลขบนป้ายอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะเข้าไปหงุดหงิดต่อเมื่อเจ้าตู้เหลี่ยมนี่เคลื่อนช้าเสียเหลือเกิน ตอนนี้ใจฉัน มันวิ่งไปถึงห้องยูริแล้ว รอก็เพียงให้ตัวไปเคาะห้อง หวังให้ยูริรับมันเข้าไปเท่านั้น

       

      ฉันวิ่งจากหอพักตนเอง ไปตามทางเดินเท้า ร่างกายที่ไม่ค่อยออกกำลังและไม่พิศวาสการใช้พลังงานกำลังหอบแต่ฉันไม่ได้สนใจอาการตนเองเท่าไหร่ นอกจากวิ่งไปข้างหน้า ไปหาจุดหมายที่ต้องการที่สุดในเวลานี้ หอพักของยูริอยู่ไม่ไกล แต่เมื่ออาศัยสองเท้าบนขาเล็กจ้อยของฉัน มันก็กินเวลาไปมาก แถมยังสูบเอาพลังชีวิตของฉันไปส่วนหนึ่ง ยืนพิงอยู่ในลิฟต์พลางหายใจกระท่อนกระแท่น สายตามองตัวเลขที่กำลังเพิ่มขึ้นไปจนถึงชั้นที่ยูริอยู่ เท่านั้นกำลังก็กลับมาอีกครั้ง ฉันเดินเร็วๆไปหน้าห้อง เคาะประตูเบาๆสองสามที ก่อนที่มันจะเปิด

       

      ยูริยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าคมคายนั่นแม้ไม่สดใสเหมือนวันแรกที่เจอ แต่ยังมีรอยยิ้ม เธอยิ้มให้ฉันที่เดินเข้าไปด้านในหลังจากถอดรองเท้าไว้ที่หน้าประตู

       

      “เหนื่อยมากเลยสินะคะ นั่งก่อนนะ” เธอดึงมือฉันไปนั่ง แล้วรินน้ำเย็นๆมาให้แก้วหนึ่ง ฉันจิบมันช้าๆ จนร่างกายกลับมาเป็นปกติ ยูริมองฉันตลอดเวลา ฉันเองก็เช่นกัน แม้รอบดวงตาจะคล้ำไปบ้าง แต่แววตาของยูริยังสดใสเท่านี้ฉันก็สบายใจ เธอรับแก้วไปจากมือแล้วนำไปเก็บ ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ จับมือของฉันไปวางบนตักก่อนจะมองมาด้วยสายตาอ้อน

       

      “ฉัน คิดได้แล้วค่ะ” เธอบอกมาสั้นๆ แต่เท่านั้นใจฉันก็สั่น ต้องเป็นเรื่องดีแน่ๆ ไม่อย่างนั้นยูริคงไม่เรียกฉันมาที่นี่ แถมยังจับมือมองตาอย่างนี้

       

      “คิดว่า จะคบฉันแบบไม่แคร์สายตาใครสินะคะ ก็ฉันสวยขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ คุณจะไปหาที่ไหนได้อีก”

       

      “ฉันว่านิสัยคุณอีกอย่าง คือออกจะหลงตัวเองนะ” ยูริหัวเราะคิกคักขณะบีบมือฉันเบาๆ

       

      “แต่ก็ถูกนะคะ คุณสวยแต่มันไม่ใช่เหตุผลหรอก” ยูริมองออกไปด้านนอก แล้วเอ่ยต่อ

      “ถ้าอยู่ๆฉันขอให้เขามา เขาจะไม่มีวันมาหรอกค่ะ”

      “หมายถึงผู้ชายคนนั้น”

      “ใช่ ขอโทษที่พูดถึงนะคะ” ฉันส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร ถึงจะหมั่นไส้เจ้าหนุ่มนั่นมากเท่าไหร่ แต่เมื่อวานฉันก็ไม่ได้ทำอะไรตามอารมณ์ ก็มีแต่ทิฟฟานี่ที่กลับมาทะเลาะกับแทยอนอีกครั้ง โทษฐานที่ทำให้รุ่นพี่ตามมาจนเจอยูริ ซึ่งที่จริงแทยอนก็ไม่ได้ตั้งใจ เห็นไหม ว่าทิฟฟานี่น่ะ เหตุผลน้อยจะตาย

       

      “ถ้าเป็นเขาต้องบอกว่าฉันเรื่องมาก เอาแต่ใจ หรือไม่ก็เรียกร้องความสนใจ แต่คุณกลับบอกฉันว่าให้รอห้านาที” ยูริหันมายิ้มและสบตา

       

      “ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงขี้เหงา ที่ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ก็เท่านั้นเอง” เธอยกมือฉันขึ้นมาแนบแก้ม ท่าทางเธอน่ารักจนฉันอยากจะจับมาจูบ

       

      “อีกอย่างคุณก็บอกว่าจะดูแลฉันให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ และฉันก็เชื่อว่าคุณจะดูแลหัวใจฉันอย่างที่พูด

      เพราะเราสองคน ต่างก็เป็นผู้หญิงขี้เหงาเหมือนกัน”

       

      “ฉันดูเป็นคนขี้เหงาเหรอคะ” ฉันแกล้งถามเธอ

       

      “ถ้าคุณไม่เหงา เราจะเจอกันเหรอ” เธอหัวเราะออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ

       

      “แล้วคุณ ไม่สนใจสายตาคนอื่นแล้วหรือคะ”

       

      “ขอนอนตักได้มั้ย” แทนที่จะตอบยูริกลับล้มตัวบนตักฉัน ดึงมือไปวางบนอกของตัวเอง ฉันไล้มือไปตามไรผมบนหน้าผาก ยูริขยับนิ้วฉันเล่น ก่อนจะตอบคำถาม

       

      “ฉันยอมรับนะคะว่าคำพูดของพี่เค้าทำเอาฉันคิดมาก” เธอเงยหน้ามองฉัน สายตานั้นราวกับจะขอโทษ นี่คิดว่าฉันแย่กว่าไอ้ผู้ชายปากหมานั่นจริงๆเหรอ แอบน้อยใจเหมือนกันนะ

       

      “แต่พอนั่งนึกแล้ว จริงๆคุณดีกว่าเค้าทุกอย่างเลยนะ” หัวใจฉันพองโตแต่ยังรักษาท่าที

       

      “ถึงคุณจะหลงตัวเอง แต่ก็เป็นแบบน่ารักๆ ไม่ใช่หลงตัวเองแล้วดูถูกคนอื่น คุณใส่ใจความรู้สึกฉัน ยอมรับการตัดสินใจของฉัน ในขณะที่เขาไม่เคยถามฉันเลย คุณห่วงฉันและก็ไม่คิดว่าฉันกำลังเรียกร้องความสนใจ และฉันก็มั่นใจว่า คุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกฉันได้ดีกว่าเขา ฉันเลยตัดสินใจว่า เราจะเดินหน้าไปด้วยกันค่ะ” ยูริบอกยิ้มๆ ขณะที่ฉันหัวเราะ เธอเลื่อนมือขึ้นมาโอบรอบคอฉัน ก่อนจะส่งสายตาเหมือนคนเมาแอลกอฮอล์เช่นในวันแรกที่พบกัน

       

      “จูบฉันหน่อยสิคะ” แม่คนเซ็กซี่ เรี่ยวแรงที่หายไปตอนวิ่งตอนนี้กลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง ฉันก้มลงจูบเธอ

      มือของเราจับกันหลวมๆ ก่อนยูริจะกำแน่นเมื่อรสจูบของฉันร้อนแรงขึ้นตามลำดับ

       

       

      ในโรงอาหารที่คับคั่งไปด้วยผู้คน ฉันนั่งชะเง้อไปรอบๆ ด้วยไม่รู้ว่ายูริจะเข้ามาจากทางไหน จากนั้นก็หันมาสนใจ เพื่อนข้างๆที่กำลังกดโทรศัพท์เอาเป็นเอาตาย นับจากวันที่ฉันและยูริตกลงกันได้ด้วยดี นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เราสองคนกลายเป็นแฟนที่ตัวติดกันอยู่ตลอด อาจเพราะเราทั้งคู่ต่างก็เหงายามไม่มีใคร ทำให้ชอบจะอยู่ใกล้ๆ จะมีตอนห่างกันก็แค่เวลาที่แยกย้ายกันไปเรียนเท่านั้นเอง

       

      “เมื่อไหร่ยูริจะมาเนี่ย คิดถึงแล้วนะ” ฉันบ่นออกมาเสียงดังจนทิฟฟานี่หันมาสนใจและเบ้ปากใส่

       

      “เห่อเหลือเกินนะยะ เดี๋ยวฉันจะปั่นให้ยูริไปติดกล้าม”

       

      “ย่ะ งั้นฉันจะหาเด็กสาวๆมาเซ่นแทยอนบ้างดีมั้ยนะ” ฉันตอกกลับ ถึงแม้จะคิดว่ายูริไม่มีทางไปติดกล้ามที่ไหน ก็ตอนนี้เธอติดหน้าอกนิ่มๆแล้วน่ะสิ แม่สาวเซ็กซี่ของฉัน >////<

       

      “แกจะตายวันนี้แหล่ะ ถ้าคิดแบบนั้นจริงๆ” ทิฟฟานี่ขู่พลางเข่นเขี้ยว

       

      “แกยังคิดจะมายุแยงที่รักฉันได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้หา” มีหรือฉันจะยอม ฉันก็สู้คนนะเอ้อ

       

      ระหว่างที่เรากำลังเริ่มจะทะเลาะกันมากขึ้น แทยอนก็เดินเข้ามาพลางรีบพเน้าพนอทิฟฟานี่ยกใหญ่ ก็กว่าทิฟฟานี่ จะหายโกรธเรื่องรุ่นพี่คนนั้นก็ผ่านไปตั้งสองวัน ตอนนี้ก็เพิ่งดีกันได้ไม่เท่าไหร่ ทิฟฟานี่บ่นแทยอนนิดหน่อยเรื่องที่ลงมาช้า ก่อนจะต่อความคลั้งไคล้ให้แฟนร่างเล็กด้วยการหอมแก้มเบาๆ พร้อมกับชมว่าแทยอนน่ารัก เท่านั้นแหล่ะ ต่อให้วันนี้มีเรื่องโกรธกันจะเป็นจะตาย แทยอนก็ต้องตามง้ออยู่ดี

       

      แล้วนรกของแทยอนก็เดินมาใกล้ๆเรา ฉันมองเห็นก่อนและไว้อาลัยให้เพื่อนอยู่ในใจ แทยอนเงยหน้าขึ้น อ้าปากค้างราวกับจะเอ่ยว่าซวยแล้ว ทิฟฟานี่มองตามสายตาเราทั้งคู่ก่อนจะชักสีหน้า ความจริงคู่กรณีคือฉัน แต่ดูเหมือนคุณเพื่อนจะเก็บความเคียดแค้นไว้นานกว่าเสียอีก

       

      “ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนกับยูริแล้วนี่ ยูริน่ะเอาแต่ใจนะ แต่พี่น่ะเคยผ่านมาแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาได้เต็มที่” หืม ให้ฉันไปปรึกษาคนที่ยูริทนคบด้วยไม่ไหวเนี่ยนะ คุณพี่ท่านคิดดีแล้วเหรอที่เสนอตัว เราสองคนคุยกันเองยังจะเวิร์กกว่ามั้ยอ่ะ

       

      “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการเองดีกว่า ไม่อยากรบกวน” ฉันพยายามพูดให้สุภาพที่สุด จากนั้นหยิบหนังสือมาเปิดเพื่อเลี่ยงบทสนทนาที่จะเกิดต่อ

       

      “แล้วยูริน่ะ เป็นพวกไม่ประสีประสา วันๆเอาแต่เรียกร้องความสนใจ” ฉันปิดหนังสือแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้น

      นายนี่ปากมากแล้วยังไม่รู้จักให้เกียรติผู้หญิง ฉันละโล่งใจที่ยูริรอดมาได้

       

      “ถ้าพี่คิดว่าการที่ยูริขอให้พี่นอนกอดโดยไม่ยอมให้พี่ทำอะไรมากไปกว่านั้นคือความไม่ประสีประสาและเรียกร้องความสนใจ พี่ก็เข้าใจยูริผิดไปมากนะคะ ผู้หญิงเราก็แค่ต้องการความอบอุ่นเท่านั้น และถ้าพี่ยอมกอดเธอเฉยๆวันนั้น ยังไงวันหลังเธอก็คงยอมพี่อยู่แล้ว แต่พี่มันพวกมักมากหื่นกามไม่รู้จักอดทน ถึงได้พลาดไปไง เลิกพูดเหมือนพี่รู้จักเธอดี ทั้งที่พี่ไม่รู้อะไรเลยดีกว่า” ฉันจ้องหน้าเขา ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

       

      “แล้วกับเธอที่คบกันมาไม่กี่วัน คิดว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นดีแล้วเหรอ”

       

      “รู้จักมากกว่าพี่แล้วกัน” ฉันพยายามข่มอารมณ์ ท่องเอาไว้ว่าเขาคือรุ่นพี่ถึงจะต่างคณะกันก็เถอะ รุ่นพี่ก็คือรุ่นพี่ แต่ถ้าจะเอาจานข้าวตบแรงๆ ฉันจะผิดมั้ยนะ หายใจลึกๆเจสสิก้า อยากเอาส้นสูงฟาดปากเสียๆจริงๆ

       

      “พี่กลับไปนั่งโต๊ะดีมั้ยคะ เลิกมายุ่งกับเราเสียที วันนี้ก็ไม่มีธุระอะไรกับแทยอนนี่นา แล้วจะเสนอหน้ามาทำไม” ทิฟฟานี่เอ่ยไม่มองหน้า เจ้าหล่อนกำลังกรีดนิ้วดูเล็บสีชมพูเฉดใหม่ที่เพิ่งทำมา ก่อนเงยหน้า ปรายตาส่งแววว่ารำคาญไปให้

       

      “แทยอน นี่แฟนแกกล้าว่าฉันเหรอ” ทิฟฟานี่พ่นลมออกจมูก จ้องหน้าชายหนุ่มปากเสีย

       

      “คิดว่าเป็นรุ่นพี่แทยอนแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ ถ้าพี่เอาเรื่องพวกนี้ไปเป็นเหตุผลแกล้งแทยอนล่ะก็ หึ

      น่าสมเพชชะมัด ฉันละอยากฉลองให้ยูริเลยที่หลุดจากผู้ชายอย่างพี่ได้ แบบคบไปคงเสื่อมอ่ะ จริงๆนะ”

      ทิฟฟานี่จีบปากจีบคอยามพูด ขณะที่คนถูกพาดพิงกำมือแน่น ส่วนฉันน่ะเหรอ หัวเราะออกมาเลยล่ะ

       

      ฉันมองเห็นยูริกำลังเดินมา หญิงสาวในชุดกางเกงขายาวและส้นสูง ส่งให้เธอดูดีขึ้นไปอีก ฉันส่งยิ้มแต่ไกล

      โดยไม่รู้ว่าเธอจะเห็นหรือไม่ ยูริคงเห็นคนแปลกหน้าในกลุ่มแล้ว แต่เธอก็ยังเดินเข้ามาตามปกติ และหยุดยืนข้างฉัน

       

      “วันนี้เหนื่อยจังเลยค่ะ” น้ำเสียงออดอ้อนยามเราอยู่กันสองคนถูกนำมาใช้ เธอดันให้ฉันนั่งลงข้างเธอ จากนั้นสอดแขนเข้าคล้อง

       

      “น่าสมเพช แค่โดนฉันทิ้งถึงกับหมดหวังกับผู้ชายต้องไปคว้าเอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแฟน” ฟังเท่านั้นฉันก็เดือด แต่ยูริกลับหัวเราะออกมา เธอยังคงคล้องแขนฉันไว้ พลางมองไปยังเจ้าของคำพูดร้ายๆ

       

      “ฉันหมดหวัง ก็เพราะเคยเจอผู้ชายแย่ๆแบบพี่นี่แหล่ะค่ะ แต่ก็ต้องขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ฉันเจอผู้หญิงดีดี มีความรักดีดี แบบที่ฝันหาอยู่ทุกวัน” ยูริเอ่ยยิ้มแย้ม

       

      “หึ ดีแค่ไหน ยังไงเรื่องบนเตียงก็คงสู้ฉันไม่ได้หรอก” ยูริส่ายหน้า กับสายตาดูถูกที่ปรายมาที่เรา

       

      “ฉันเกลียดผู้ชายที่บูชาเจ้าโลกแบบพี่จัง มันน่ารังเกียจรู้ไหมคะ น่ารังเกียจจนฉันอยากจะอ้วก”

       

      “ยูริ นี่เธอ” เขาขึ้นเสียงอยากเจ็บแค้น คำพูดของยูริจะกระแทกใจเขาไม่มากก็น้อย ฉันได้แต่คิด วันนี้ที่รักต้องได้รางวัลนะคะ ทำดีมากเลยล่ะ

       

      “หึ ก็แค่พวกปลอบใจตัวเอง หาผู้ชายไม่ได้แล้วก็ปลอบใจกัน”

       

      “พี่จะดูถูกเรามากไปแล้วนะ เอาจริงๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยปากหมาแบบพี่เนี่ย มันยังมีใครอยากได้มั่ง ฉันเห็นทั้งคณะก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ถึงต้องออกมาตะลอนๆหาสาวข้างนอกที่เค้าไม่รู้จักสันดาน หล่อแล้วไง รวยแล้วไงปากแบบนี้ใครจะอยากได้ รวยนักก็ไปผ่าตัดเอาลูกๆออกจากปาก หรือไม่ก็ไปจ้างคนมาสอนวิธีการคิดวิธีการพูดเสียใหม่ หรือไม่ก็หาอะไรแรงๆมาราดปากดูสักหน่อยนะ หรือถ้ามันยังไม่หาย ก็โน่นเย็บปาก ตัดลิ้นไปซะ แล้วก็ไปเข้าคอร์สฝึกจิต เชื่อดิ ออกมาสาวคงติดตรึมอ่ะพี่ แล้วก็ รีบๆกลับโต๊ะไปเสียที มายืนนานละ หาเรื่องสร้างปัญหาให้ฉันตลอด เดี๋ยวคืนนี้ฉันอดอีกทำไง ห๊ะ น่ารำคาญชะมัด” แทยอนบ่นออกมายาวเหยียด ทั้งที่ปกติเป็นคนไม่มีปากมีเสียงแท้ๆ

       

      “ไอ้แท นี่แกกล้าว่าฉัน”

       

      “ยังจะถาม ฟังไม่ออกไง๊ ไปได้แล้วนะ โน่นโต๊ะพี่อยู่โน่น แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันนะ งานอะไรฉันจะไปตามกับรุ่นพี่คนอื่นเอง ปวดหัว เหนื่อย รู้มั้ย โว๊ะ คนรักกันดีดีเดินมาทีสร้างปัญหาตลอด พิจารณาตัวเองด้วยนะพี่น่ะ อย่าให้ฉัน

       

      “แทคะ เยอะไปแล้วค่ะ” ทิฟฟานี่เรียกคนรักพลางฉีกยิ้ม แทยอนหันมายิ้มแหยๆขณะที่ตัวปัญหาฮึดฮัดออกจากโต๊ะไป ก่อนไปยังฝากนิ้วขี้หน้าเราคนละทีราวกับจะบอกว่าฝากไว้ก่อนเถอะ

       

      “ก็แทอึดอัด ทนมานานแล้วอ่ะ ฟานี่ก็รู้ว่าเวลาแทอยากพูดทีมันก็ไหลออกมาไม่หยุดเลย” แทยอนนั่งลงถูหน้าไปกับต้นแขนคนรัก

       

      “ฟานี่เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไรนะ วันนี้ทำดี ฟานี่ไม่โกรธนะ” ทิฟฟานี่เปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน

       

      “จริงเหรอ จริงนะ” แทยอนเอ่ยระริกระรี้

       

      ฉันมองดูคู่รักงุ้งงิ้งใส่กันแล้วหันกลับมามองข้างตัว ยูริกำลังมองฉัน สายตาของเธอยังน่าหลงไหลเช่นทุกวัน

      อยู่ๆเธอก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบฉันก่อน ทั้งที่ ที่นี่มันโรงอาหารนะควอน ยูริ ไม่คิดว่าฉันจะเขินเหรอ เธอจูบฉันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาจูบปลายจมูก

       

      “ทำอะไรเนี่ย ไม่อายคนอื่นมั่ง” ฉันพูดเอ่ยต่อว่า แต่ก็ยอมรับว่าชอบ เดี๋ยวกลับห้องได้เจอแน่ ควอน ยูริ

       

      “ก็เค้าอยากบอกให้โลกรู้ไง ว่าเค้าชอบแบบตัวเองนี่แหล่ะ กว่าจะหาเจอนะ ปล่อยเค้าไปผจญภัยในเกาะปิศาจอยู่ได้” ฉันหัวเราะกับคำพูดเหมือนเด็กๆของเธอ

       

      “เกาะปีศาจเลยเหรอ น่าสงสารจัง”

       

      “น่าสงสารมากจริงๆนะ กว่าจะได้มาเจอนางฟ้าเนี่ย ยังไงแล้ว คุณนางฟ้าต้องดูแลเค้าดีดีนะคะ” ยูริเอาหัวซุกไหล่ออดอ้อน

       

      “โอ๊ย จะหวานเกินไปมั้ยยะ พวกฉันคบกันมาก่อนยังไม่มีโมเม้นต์แบบนี้เลย เดี๋ยวแม่จัดแข่งซะนี่” ทิฟฟานี่แหวใส่ แทยอนทำปากจู๋แล้วยื่นเข้าไปใกล้ ทิฟฟานี่เอานิ้วชี้กันปากเล็กนั่นไว้พลางดันออกห่าง

       

      “ฟานี่พูดเล่นค่ะแท ของเราเก็บกลับไปสวีทที่บ้าน”

       

      “ไม่เอาเค้าจะสร้างโมเม้นต์”

       

      “อย่างอแงค่ะ ไม่งั้นฟานี่โกรธ”

       

      T_____T

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×