ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณเชื่อไหมว่า บุพเพสันนิวาสมีจริง ?

    ลำดับตอนที่ #1 : " เสี้ยววินาทีที่ฟ้าลิขิต "

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 49


    เรื่องราวของหนุ่มสาวสองคน
        ปิลันธนี จารยะพันธุ์ , 31 ปี, ผู้ช่วยฝ่ายโปรโมชั่น
        ทะนง  พาณิชพัฒน์ , 29 ปี, พิธีกรถ่ายทอดสดสารคดี

    " ถ้าเราไม่หันมาเจอกันวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้ "


              เรื่องบังเอิญของหนุ่มสาวที่เคยเจอกันในคอร์สเรียน  แต่ไม่เคยคุยกันเลย  จนมาพบกันโดยบังเอิญที่ตลาดนัด  เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตาสองคู่ประสานกันก่อเกิดตำนานรักจนถึงวันนี้


    ต๊อด

            " ตอนนั้นบริษัทส่งต๊อดไปอบรมเพิ่มเติม ส่วนเขาก็สมัครไปอบรมคอร์สเดียวกัน  จริงๆแล้วเราก็เคยเจอกัน  แต่ไม่เคยคุยกัน  วันหนึ่งไปเดินซื้อของที่ตลาดนัดแถวๆ  หลังกระทรวงการคลัง  ตอนกำลังจะกลับก็บังเอิญนึกได้ว่าลืมกระเป๋าสตางค์  เลยจะเดินกลับไปเอากระเป๋า  จังหวะนั้นไม่รู้ว่านึกยังไง  อยู่ๆ  ก็หันหลังไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมา  ก็เลยเจอกันพอดี  แล้วเขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์ไป

            " พอตอนเย็นเขาก็ส่งข้อความมาชวนไปดูหนัง  แต่เราตอนนั้นไม่สนใจก็เลยไม่ได้ตอบ  จากนั้ันอีก 3-4 วัน  เขาก็โทรมาชวนไปกินข้าว  ตอนนั้นคิดว่าไปแบบเพื่อน  ก็เฉยๆ  จนตอนหลังเขาบอกว่าวันนั้นเราทำตัวเป็นเพื่อนมาก  ทำเป็นไม่รู้ว่าเขาจีบ

            " วันนั้นต่างคนต่างก็ไม่ประทับใจกัน  จนเขาโทรมาคุยอีก  คราวนี้คุยกันแล้วรู้สึกดีประทับใจมากขึ้น  จากนั้นก็คุยกันเรื่อยๆ  แล้วเราก็โทรไปขอเพลงเขา  เพราะเขาจัดรายการวิทยุ  เขาก็เปิดให้แล้วส่งข้อความมาบอกว่าเปิดให้แล้วนะ  บางทีพอรู้ว่าเราฟังรายการอยู่เขาก็ส่งข้อความมาบอกว่าเพลงนี้  Just for you  นะ

            " เริ่มชอบเขาเพราะไม่เหมือนคนอื่นๆ  ที่เคยมาจีบ  เขาเป็นคนจริงจัง  มีความรับผิดชอบ  เขาแก้ไขปัญหาต่างๆให้เราได้  ดูแลเราได้

            " ตอนที่จีบเราใหม่ๆ  เขาก็เป็นตัวของตัวเองมาก ไม่เคยตามใจเราเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ  ที่ตอนจีบใหม่ๆ  ต้องตามใจเรา

            " เขาบอกว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่ถ้าอีกหน่อยเมื่อเวลาผ่านไปแล้วเขาทำไม่ได้  เราก็เห็นว่าเขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย  ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา

            " คบกันได้ 2 ปีกว่าๆ  เขาก็บอกว่าถ้าเรายังดีๆ  กันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  ก็แต่งงานกันได้แล้วนะ  ตอนแต่งงานยังลอกประโยคที่เคยจดไว้ในไดอารี่ตัวเองมาใส่ไว้ในการ์ดแต่งงานด้วยเลย  เขียนว่า  ' ถ้าเราต่างไม่หันมามอง... พลาดทุกอย่างเพียงเสี้ยววินที  ถ้าไม่ถูกขีดไว้ให้เป็นอย่างนี้  เราจะมาเจอกันได้ไหม ? '"


    บุ้ง

           " ผมสนใจเธอมาตั้งแต่ตอนอบรมแล้วล่ะ  รู้สึกว่าคาแร็กเตอร์เธอไม่เหมือนใคร  น่าสนใจ  แต่ตอนนั้นไม่เคยคุยกัน  เพราะเธอไปกับเพื่อนๆ  ส่วนผมไปคนเดียว  เลยไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย  แต่ก็แอบชอบเธอมาตลอด

           " ที่แปลกคือผมก็รู้จักน้องคนที่ไปอบรมกับเธอ  สืบรู้มาบ้างว่าเวลาว่างเธอชอบไปนั่งที่ร้านไหนประจำ  ผมก็จะแอบไปนั่งร้านนั้นเผื่อว่าจะได้เจอกัน  แต่ก็ไม่เคยเจอ  ไม่ว่าจะไปที่ไหนที่รู้ว่าเธอชอบไปก็ไม่เคยเจอเลย

           " จนกระทั่งรู้สึกว่าคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว  พอดีวันนั้นผมไปทำธุระแถวกรมประชาสัมพันธ์  เสร็จธุระแล้วก็ไปเดินเล่นแถวๆ นั้น  อยู่ๆ  ก็บังเอิญหันหน้าไปเจอเธอพอดี  ผมก็ดีใจและงงด้วยว่ามาเจอกันที่นี่ได้ยังไง  ที่ที่ไม่คิดว่าจะเจอกลับเจอ  แต่ที่ที่ตั้งใจไปเจอกลับไม่เคยเจอ  เลยรีบขอเบอร์โทรเธอไว้เลย

           " พอคบกันสักพักหนึ่งเห็นว่าเราเข้ากันได้  ผมก็เลยขอเธอแต่งงาน  ทุกวันนี้ผมยังเชื่อว่าต้องมีเหตุให้เราหันมาเจอกันในวันนั้น "




    credit: marie claire
      
                .         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×