คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Lost On You 9
Lost on You
[9]
จากที่รอให้อะไรทุกอย่างเรียบร้อยมานาน ในที่สุดก็ได้เวลาที่ผมต้องย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้านใหม่ที่พ่อกับแม่ซื้อเอาไว้สำหรับครอบครัวของเรา
แม้ทุกครั้งจะย้ายไปที่ที่ดีกว่า แต่ผมก็จะรู้สึกใจหาย ผมดีใจที่ได้อยู่กับครอบครัว แต่ก็แอบเศร้าใจที่ครั้งนี้อาชานยอลไม่ได้ย้ายตามมาอยู่ใกล้ๆกันแล้ว ใจผมมันโหวงพิกลเมื่อคิดว่ามันอาจจะทำให้ผมกับอาห่างกัน เมื่อก่อนเวลาอยากเจอหรือมีเรื่องไม่สบายใจผมก็ขึ้นไปหาเขาได้ตลอดเวลา ออกจากคอนโดไปโรงเรียนหรือซ้อมเต้นเสร็จเราก็จะไปกลับพร้อมกัน ตอนนี้ผมโตจนอยู่มัธยมปลาย แทบไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องคอยดูแลผมเหมือนตอนเด็กๆ ผมนึกไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้ผมจะคิดถึงเขามากขนาดไหน
“วางไว้ กล่องนั้นอายกเอง”
อาชานยอลมาช่วยพ่อกับผมขนของออก ผมวางกล่องใบใหญ่ไว้ที่เดิม จริงๆกล่องนี้ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ แต่ถ้าผมยกคงจะขัดใจเขาผมก็เลยหยิบเอาของอื่นๆลงไปใส่รถแทน อาเยซองกับอาอีทึกก็มาช่วยพ่อด้วย เราทุกคนช่วยกันขนของตั้งแต่ช่วงเช้า กว่าจะเสร็จก็เที่ยง พ่อยกลังใบสุดท้ายขึ้นรถ บอกให้รถขนของไปที่บ้านเลยแล้วก็หันมาชวนบรรดาคุณอากับผมไปกินข้าวกลางวัน
ผมเคยมาดูบ้านใหม่กับพ่อกับแทมิน เป็นบ้านเดี่ยวสามชั้น ผมกับแทมินได้ห้องนอนส่วนตัวคนละห้องบนชั้นสาม บ้านของเราหลังไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ผมค่อนข้างชอบ แทมินไม่มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษเพราะอยู่บ้านหลังใหญ่จนเคยชิน พอย้ายเข้ามาก็หมกตัวจัดห้องนอนของตัวเอง ส่วนผมมีอาชานยอลช่วยขนของขึ้นมาให้และเอาออกมาช่วยจัด เขาดูเหมือนเป็นเจ้าของห้องเองด้วยซ้ำ จัดแจงให้เสร็จว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน เขาสั่งให้ผมเอาเสื้อผ้าออกมาจัดใส่ตู้ ขณะที่เขาง่วนอยู่กับการจัดวางพวกโต๊ะหนังสือกับชั้นวางของ เขาย้ายไปย้ายมาหาตำแหน่งเหมาะสม ผมบอกเขาว่าตรงไหนก็แทบไม่แตกต่างแต่เขาก็ไม่ฟัง ผมจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จก็มานั่งอยู่กับพื้นพิงปลายเตียง เอาลังหนังสือออกมาจัดพลางมองอา สุดท้ายเมื่อเขาหาที่ทางให้กับโต๊ะของผมได้ก็มานั่งพักข้างๆ อาชานยอลขี้ร้อนเหงื่อออกไหลเยิ้มเต็มหน้าไปหมด
“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะ”
ผมรีบวิ่งลงมาข้างล่าง เจอแม่จัดของอยู่ในครัวเลยขอน้ำเย็นไปให้อา
“จัดของเสร็จรึยังลูก” แม่ถาม เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมา
“ใกล้แล้วครับ อาชานยอลช่วยอยู่แป๊บเดียวก็คงเสร็จ” ผมบอก แม่เพียงพยักหน้ารับ รินน้ำอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวก็อยู่ไกลคุณอาของเราแล้วสิ” แม่ว่า เลื่อนแก้วน้ำมาให้ผม
“ครับ ก็มาอยู่ใกล้ๆแม่แทนไง”
“แม่ไม่ตามใจจงอินเท่าอาชานยอลเราหรอกนะ”
“อาชานยอลเห็นแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ตามใจผมทุกเรื่องหรอก”
“แต่เห็นเราติดเขาแจเลย”
“ผมก็ติดเขามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” เพราะผมมีความรู้สึกกับอาชานยอลเลยเกิดความกังวล ผมพยายามพูดให้มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมไม่อยากให้แม่เป็นคนที่จับความรู้สึกของผมได้
“นั่นสินะ พ่อก็เล่าให้ฟัง”
“ครับ…ผมเอาน้ำขึ้นไปข้างบนก่อนนะ” ผมหยุดบทสนทนาของเราที่ตรงนั้น ขึ้นห้องตัวเองมาอาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมดูอะไรสักอย่าง ผมเดินไปเปิดตู้เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาก่อนจะกลับไปนั่งข้างๆ ยื่นทั้งน้ำและผ้าให้เขา
อาชานยอลเงยหน้ามามอง รับแก้วน้ำไปดื่มแต่ไม่ได้เอาผ้าเช็ดหน้าไป
“เช็ดให้อาที” เขาพูดนิ่งๆ ผมเลยต้องทำใจให้นิ่งตามเขาไปด้วยแม้มันจะเป็นเรื่องปกติสำหรับเราก็เถอะ เขาชอบให้ผมป้อน ให้ผมทำนู่นทำนี่เล็กๆน้อยๆที่เด็กๆแบบผมทำได้ เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอะไร ผมทำให้เขาทุกอย่างเพื่อให้เขาชมผมว่าดีมากก็เท่านั้น
ผมคิดว่าในสายตาเขา เขาอาจจะมองผมเหมือนเป็นเด็กอยู่ เขาถึงเป็นห่วงเป็นใย คอยดูแลผมอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ผมคิดวนเรื่องนี้มาเป็นร้อยครั้ง คิดทุกทีที่ผมกับเขาได้ใกล้ชิดกัน
อาชานยอลหันหน้ามาหาผมให้ผมเช็ดหน้าเขาได้ถนัด ผมค่อยๆเช็ดหน้าให้เขา ไม่กล้ามองตาเขาเท่าไหร่
“อาตัวเหม็นรึไง” เขาถาม กระเถิบตัวออกห่างผม
“ไม่เหม็นเลย”
“เห็นทำหน้าย่น ไม่ขยับเข้ามาใกล้อานึกว่ารังเกียจ” เขาว่า ผมเลยรีบกระเถิบเข้าไปใกล้ๆเช็ดหน้าให้เขาดีๆ
“ผมจะรังเกียจอาได้ไง”
“ไม่รังเกียจก็ดีแล้ว” อาชานยอลพูด ใช้ข้อนิ้วเช็ดเหงื่อใต้จมูกให้ผม ทำให้นึกถึงตอนที่เขาชอบเช็ดน้ำมูกให้ผมตอนผมร้องไห้
“อายังไม่รังเกียจผมเลย เช็ดขี้มูกให้ตั้งบ่อย”
“แค่ขี้มูก”
เขาพูดเหมือนมันเป็นอะไรที่ไม่น่ารังเกียจ เป็นอะไรปกติธรรมดามากๆ ผมจบเรื่องนั้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสิ่งที่อาถืออยู่ สิ่งที่ผมเก็บมันไว้อย่างดี เป็นของรักของหวงของผมตอนเพิ่งเข้าอนุบาล
มันคือสมุดระบายสีที่อาชานยอลวาดให้
“ยังเก็บไว้ดีอยู่เลย ไม่ยอมระบาย” อาชานยอลพูดพลางเปิดดู ผมที่นั่งอยู่ชิดกับเขาก็มองดูข้างในไปด้วย ส่วนใหญ่เป็นรูปเงือกทั้งนั้น
“อาวาดซะสวย ผมไม่กล้าระบายหรอก เอาไว้เปิดดู”
“เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ตอนนี้อุ้มจงอินมานั่งตักอาไม่ได้แล้ว”
“โตขนาดนี้อาคงไม่อยากได้ผมไปนั่งตักแล้วล่ะ”
อาชานยอลกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้พูดอะไรตอบ เล่นเอาผมใจแกว่งไปเลยเมื่อนึกถึงเมื่อก่อน ผมนั่งตักเขา เราหอมแก้มกันแทนคำสัญญา และบางทีเขาก็จุ๊บปากผมเวลาที่ผมทำเรื่องถูกใจเขามากๆ แต่ก็นานแล้วที่เขาเลิกทำ พอผมโตอยู่ๆมันก็กลายเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
“เสียดายที่อาไม่ได้อยู่ใกล้ๆผมแล้ว” ผมเอนไปซบไหล่เขา ดึงสมุดระบายสีจากมืออาเอามันมาเปิดเล่น ความรักของผมมันอาจจะสมหวังยาก แต่ผมก็ยังอยากอยู่ใกล้ๆแบบที่เราเคยอยู่
“ไม่เห็นต้องเสียดาย ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม อาไม่ได้ไปไหนห่างจากจงอิน”
“จะเหมือนเดิมทุกอย่างเลยเหรอ”
“ใช่” เขาตอบ เอียงศีรษะมาซบกับผม
ก็เพราะอาชานยอลเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักเขาอย่างนี้ ในหัวผมมีคำถามว่าทำไมเต็มไปหมด ทำไมเขาถึงได้ดีกับผมนัก ทำไมเขาถึงบอกว่าจะไม่ไปไหนห่างจากผม ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นคนพิเศษสำหรับเขา
ผมเป็นคนพิเศษสำหรับเขาหรือเปล่า?
…
เช้าวันจันทร์หลังย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ ตอนเช้าผมออกจากบ้านไปโรงเรียนพร้อมแทมิน แต่พออกจากรั้วบ้านมาผมก็เห็นรถคุ้นตามาจอดรออยู่ ผมรีบวิ่งไปหาด้วยความแปลกใจ
“อามาทำอะไร” ผมเปิดประตูรถถามเขา ไม่กล้าขึ้นไปนั่งเพราะกลัวจะเข้าใจผิด
“มารับไปโรงเรียนไง”
“ทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะ”
“ออกมาก็เห็นแล้วนี่ มาสิ ขึ้นรถ”
ผมทั้งแปลกใจทั้งดีใจ ผมกับแทมินขึ้นรถตามคำสั่ง คอนโดอากับบ้านผมจะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่แต่ก็ยังอ้อมบริษัทอยู่ดี ผมไม่เห็นความจำเป็นสักนิดที่อาชานยอลจะต้องทำแบบนี้
“จริงๆเราไปโรงเรียนเองก็ได้นะครับ อาไม่ต้องเหนื่อยมารับจงอินก็ได้ จงอินก็มีผมไปโรงเรียนด้วยอยู่แล้ว” แทมินบอก คงจะคิดเกรงใจอาอยู่เหมือนกัน
“ใครบอกว่าเหนื่อย”
“อาไม่เหนื่อยแต่ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน ขนาดพ่อเรายังเพิ่งตื่นเลย แถมบอกให้ไปเรียนกันเองดีๆ” พ่อเริ่มปล่อยตั้งแต่ผมขึ้นมัธยมปลาย พ่อว่าเป็นลูกผู้ชายต้องหัดทำอะไรเอง พึ่งพาตัวเองได้ ให้คนอื่นพึ่งพาได้ มีแต่อาชานยอลซะอีกที่ยังคอยตามใจผมอยู่
เหมือนอาชานยอลพยายามทำให้ผมเห็นอย่างที่เขาพูดว่ามันจะเหมือนเดิมทุกอย่าง เขาทำทุกอย่างเหมือนตอนที่เรายังอยู่คอนโดเดียวกัน ไม่ได้ห่างไปอย่างที่ผมนึกกลัว ยังไม่รับไปส่ง เจอกันที่บริษัทเหมือนเดิม ความรักของผมจึงเรียบเรื่อย มีเรื่องให้ใจเต้นกับการกระทำของอาบ้าง แต่สถานะและความสัมพันธ์ของเราก็ยังเป็นเช่นเดิม
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เกิดความเปลี่ยนแปลงระหว่างเรา มีเรื่องที่จุดชนวนให้ผมกับอาทะเลาะกันอย่างไม่มีเหตุผล
วันนั้นผมได้รับดอกไม้ช่อใหญ่จากบุคคลนิรนาม มีคนฝากดอกไม้มาให้ รุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ผู้ชายหรือผู้หญิงผมก็ไม่รู้ แทมินคอยสืบถามจากคนอื่นให้แต่ก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน ตัวคนเอามาให้ก็ถูกไหว้วานต่อมาอีกที ทำไมถึงต้องลึกลับนักผมก็ไม่เข้าใจ ตกเย็นผมก็ได้แต่หอบดอกไม้ขึ้นรถของอา จะทิ้งก็ไม่กล้าทิ้ง ไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหนเลยเอามันกลับบ้าน
“ดอกไม้ของใคร” คำถามแรกของอาชานยอลเป็นดังคาด
“มีคนเอามาให้จงอิน” แทมินตอนแทน
“ใคร”
“ไม่รู้” ผมตอบ
“แล้วไปรับมาทำไม”
“เขาฝากมาให้ ผมก็ต้องรับมา”
“โยนทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง” อาว่า
“ใจร้ายเกินไปแบบนั้น” ผมบอก อาชานยอลหันมาจ้องตาผม เขาทำหน้าดุ ผมเลยเสมองนอกหน้าต่างหลบตา
“ไม่กล้าทิ้งอาเอาไปทิ้งให้”
“ผมไม่อยากทิ้งนี่”
“จะเก็บไว้ทำไม”
“ก็มันสวยดี”
“ชอบ?”
“ก็สวยดี” ผมพูดซ้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาวุ่นวายกับดอกไม้ของผมนัก
อาชานยอลถอนหายใจอย่างแรงเหมือนไม่พอใจผม เข้ามาที่บริษัทเราก็แยกย้ายกันโดยอาสั่งแค่ว่าให้เอาดอกไม้ไว้ในรถไม่ต้องเอาลง ผมไปซ้อมเต้นตามปกติอยู่กับแทมินจนมืด วันนี้อาชานยอลไม่ได้มาตามผมเลยคิดว่าเราคงต้องกลับบ้านเองเหมือนบางวันที่อายุ่งๆ แต่ปรากฏว่าพอออกมาก็เห็นอานั่งรออยู่หน้าห้อง
“ดอกไม้ผมไปไหนแล้วล่ะ” ขึ้นรถมาอีกทีหากผมไม่ได้กลิ่นดอกไม้ที่หลงเหลืออยู่ผมคงลืมไปแล้วว่าวันนี้ได้รับดอกไม้ช่อโตมา และตอนนี้มันก็หายไปแล้ว
“เอาไปทิ้งแล้ว เกะกะ”
“ทำไมไม่ถามผมสักคำ”
“อยากได้อาจะซื้อให้ใหม่”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น”
“แล้วอยู่ตรงไหน?”
“เอ่อ..อาครับ ขับรถเร็วไปแล้ว” เสียงแทมินแว่วมาจากข้างหลัง อาชานยอลจึงผ่อนความเร็วลง และเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนถึงบ้าน
“แทมินลงไปก่อน ฝากบอกพี่คังอินด้วยว่าจงอินไปนอนกับอาวันนี้”
แทมินนั่งนิ่งมองผมกับอาชานยอลสักพักก็ลงจากรถไป ผมไม่ลงเพราะนั่นเป็นประโยคคำสั่งของผมด้วย
“มีอะไรปิดบังอารึเปล่า” เขาถามขณะที่ขับรถกลับคอนโด ถ้าถามว่าผมมีอะไรปิดบังเขาอยู่ไหมน่ะมีอยู่แล้ว แต่ความลับของผมนั่นไม่น่าใช่คำถามที่อาหมายถึง
“ไม่มี อาคิดว่าผมปิดบังอะไร”
“ที่โรงเรียนน่ะ คบกับใครอยู่ คนที่ให้ดอกไม้เป็นใคร”
“ผมบอกไปแล้วว่าไม่รู้”
“จงอินชอบใครอยู่รึเปล่า”
“มันก็ต้องมีบ้างอยู่แล้ว” ผมบอกตามจริงไม่ได้โกหกเขาเลย
“ใคร”
“อาไม่รู้จักหรอก” ผมเลี่ยงตอบ ผมไม่คิดจะบอกเขาหรอกในตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมสำหรับความผิดหวัง
“บอกมาสิ อาจะได้รู้จัก”
“บอกไม่ได้หรอครับ แม้แต่แทมินก็ยังไม่รู้เลย”
อาชานยอลเหม่อมองถนน เหมือนว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ ความคิดไม่ได้อยู่กับผมตรงนี้อีกแล้ว จริงๆคำถามที่อาถามผมก็สงสัยเหมือนกัน ผมก็อยากรู้ว่าในใจอามีใครอยู่บ้างหรือเปล่า ผมได้แต่คิด ไม่กล้าถาม ถ้าเขาพูดชื่อใครสักคนออกมา ผมคิดว่าอาการผมคงจะสาหัส
“อา…โกรธอะไรผมรึเปล่า” ผมขึ้นมาถึงห้องของเขาแล้ว เขาก็ยังไม่พูดกับผม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมไม่พอใจที่เขาทิ้งดอกไม้ของผม ผมกลับต้องเป็นฝ่ายถามเขาว่าผมทำอะไรให้เขาไม่พอใจ
“ไม่ได้โกรธ…โทรสั่งอะไรมาให้อากินหน่อยสิ”
อาชานยอลดูเหนื่อยๆ เขาบอกแล้วเข้าไปอาบน้ำ ผมโทรสั่งอาหารมาให้เขา อาหารมาส่งก่อนที่อาจะอาบน้ำเสร็จ ผมเห็นกระเป๋าตังค์เขาวางอยู่เลยหยิบเอาไปจ่าย แต่ว่านอกเหนือจากเงิน สิ่งที่ผมเจอในนั้นมันทำให้ตัวชาวาบ
มีซองถุงยางอนามัยอยู่ในกระเป๋าตังค์ของเขา
ความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวผม ผมอาจจะอ่อนเดียงสาจนเกินไปกับเรื่องแบบนี้ มันถึงทำให้ผมเจ็บ ช่วยไม่ได้เลยที่ผมจะนึกภาพอาชานยอลนอนกับใครสักคน…
ผมวางกระเป๋าตังค์เขาไว้ที่เดิม และเดินไปเคาะประตูห้องน้ำของเขาสามครั้ง
“ข้าวมาส่งแล้วนะครับ ผมกลับก่อนนะ”
ผมไม่รอคำตอบรับ หยิบเป้ขึ้นสะพายแล้วรีบร้อนออกจากห้องของอา
#FicLostonYou
ความคิดเห็น