คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Lost On You 5
Lost on You
[5]
ในแต่ละวันมีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ ส่วนใหญ่เราจะไม่รู้สึกตัว แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้นมีอยู่น้อยครั้ง เราจะจำมันได้อย่างแม่นยำ จำได้กระทั่งวันที่ อะไรเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกในตอนนั้น อะไรที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เล่าได้เป็นฉากๆเพราะเรานึกถึงมันทวนซ้ำอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
วันนั้นผมจำได้ว่าค่ำแล้ว อาชานยอลเป็นคนไปรับผมที่โรงเรียนตอนเย็นๆ ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยว่าง อาชานยอลก็ไม่ค่อยว่าง ทั้งสองคนเลยสลับกันมารับผมไปส่งที่บ้าน ผมเคยบอกพ่อแล้วว่าผมกลับบ้านเองได้พ่อก็ยังไม่อนุญาตก็เลยต้องคอยที่โรงเรียนจนเย็นเกือบทุกวัน ผมเล่นบาสกับเพื่อนๆรอบ้าง บางทีก็เตะฟุตบอลก็เลยไม่ค่อยน่าเบื่อเหมือนตอนนั่งรอเฉยๆอย่างเมื่อก่อน
อาชานยอลพาผมแวะกินข้าวแล้วมาส่งหน้าคอนโดก่อนจะกลับไปทำงานต่อ พ่อกับวงของพ่อหมดสัญญากับบริษัทเก่าและกำลังร่วมกันก่อตั้งค่ายเพลงเล็กๆขึ้นมาค่ายหนึ่ง ตลอดเวลาพ่อทำงานแทบไม่ได้หยุดพัก ขณะเดียวกันผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าโดนทิ้งขว้างเลยทั้งๆที่พ่อยุ่งขนาดนี้ ไม่นานนักประมาณสองชั่วโมงหลังผมกลับมาถึงพ่อก็กลับมา พ่อเปิดห้องเข้ามาหาดูว่าผมทำอะไรอยู่ ถามไถ่ความเป็นไปตามปกติ แล้วในตอนนั้นเองที่เสียงกริ่งดังขึ้น
พ่อผละจากประตูห้องผมเดินไปเปิด ผมรอฟังว่าแขกที่มาเป็นใคร ทว่ามีแต่ความเงียบเท่านั้นที่ผมได้ยิน
ผมเดินออกมาดู เห็นคนสองคนที่กำลังกอดกัน พ่อกอดผู้หญิงคนหนึ่ง พ่อหันหลังให้ผม กอดเธอแน่น ใบหน้าเธอที่เกยบ่าพ่อยับย่นเพราะเธอกำลังร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น ผมกับเธอจ้องมองกัน ทุกอย่างรอบตัวก็หยุดนิ่ง…
เราสองคนถูกดวงตาอีกฝ่ายดึงดูด ดวงตาที่ราวกับสะท้อนมาจากกระจก
…
แม่ปรากฏตัวครั้งแรกหลังผ่านมาสิบสองปี ผมอายุสิบสอง สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับแม่เป็นศูนย์ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่เลย พ่อไม่เคยเล่าให้ฟัง ผมจึงไม่เคยรู้ว่าพ่อรักแม่ขนาดไหนจนได้เห็นด้วยตาตัวเอง พ่อไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นผมก็เข้าใจ
ตอนแม่คว้าผมไปกอด ผมตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก มันเป็นสถานการณ์ไม่คาดฝันผมจึงอธิบายความรู้สึกไม่ถูก แม่ยังน้ำตาไหลอยู่ ผมได้ยินเสียงสูดจมูกอยู่ตลอดเวลา แต่แม้อย่างนั้นแม่ก็ให้ความรู้สึกเย็นใจยามที่กอดผม แม่เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าน่ารัก แต่งตัวเรียบร้อยดูดีอย่างคนมีฐานะ แววตาที่พ่อมองแม่มีความอ่อนโยนและความรักอย่างลึกซึ้งคล้ายกันมากกับเวลาที่มองผม
“คิดถึงจังเลย” แม่หอมแก้มผม แก้มผมจึงเปียกน้ำตาแม่ไปด้วย ผมไม่ได้ตอบรับอะไร ให้แม่จับผมสำรวจไปทั่ว
“ต้องเป็นเด็กดีแน่ๆ”
“ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้เลยล่ะ” พ่อบอก แม่ยิ้มให้พ่อ แล้วพ่อก็กอดเราสามคนเข้าไว้ด้วยกัน
“ฉันกลับมาหาพี่ได้แล้ว พี่คุยกับฉันได้รึเปล่า”
“ได้สิ ได้…” พ่อตอบ น้ำเสียงแบบที่ผมเชื่อว่าไม่ว่าแม่จะขอร้องอะไรพ่อก็คงจะยอม
พ่อกับแม่ต้องใช้เวลาคุยกัน ทั้งสองเลยบอกให้ผมเข้าห้องไปก่อน เมื่อผมอยู่ในห้องคนเดียวผมก็เกิดความคิดฟุ้งซ่าน มีอะไรมากมายที่ผมไม่รู้ไม่เข้าใจระหว่างความสัมพันธ์ซับซ้อนของคนทั้งสอง ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก เป็นเรื่องที่สุดจะคาดเดา
ผมโทรหาอาชานยอลเมื่ออยากจะคุยกับใครสักคน อาชานยอลถามผมว่ามีอะไรรึเปล่า น้ำเสียงผมคงไม่ปกติ ผมบอกเขาเพียงแค่ว่าแม่มา เท่านั้นเขาก็คงจะคาดเดาอารมณ์สับสนของผมออกจึงบอกว่ากำลังจะกลับคอนโด อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะไปรับที่ห้อง
สิบสองปีคงใช้เวลายาวนานมากในการเล่าเรื่องราวของกันและกัน พ่อจึงไม่ขัดข้องที่อาชานยอลมารับผม ซ้ำยังบอกว่าขอฝากผมไว้กับอาในคืนนี้ ผมบอกลาแม่ กอดกันอีกครั้งแล้วขึ้นมาบนห้องอาชานยอล
เขาสังเกตและจ้องมองผมอยู่เงียบๆ พอมาถึงห้องผมก็เดินไปนั่งที่เปียโน กดโน้ตเดิมๆสองสามตัวซ้ำไปซ้ำมา ยังฟุ้งซ่านคิดถึงแม่กับพ่ออยู่ พอเจอแม่ แน่นอนว่าผมก็อยากรู้ว่าทำไมเราถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วทำไมแม่ถึงเพิ่งมาตอนนี้ แล้วจากนี้ไปแม่กับพ่อและผมจะเกิดอะไรขึ้น
“อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก” อาชานยอลยืนพิงเปียโน ลูบหัวผมเบาๆ
“ผมไม่เคยเจอแม่เลย”
“เจอแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“ตกใจ ไม่คิดว่าสักวันจะเจอกัน คิดว่าคงไม่มีทางได้เจอแม่ พ่อไม่เคยพูดถึงแม่ให้ผมฟังเลย”
“ก็คงมีเหตุผลที่เขาไม่ได้พูดถึง”
“นั่นแหละ ผมอยากรู้เหตุผล”
“เดี๋ยวก็คงถึงเวลาที่เขาเล่าให้ฟัง จงอินไม่ดีใจเหรอที่เจอแม่”
“ดีใจ แม่สวย อาว่าแม่ผมสวยไหม”
“สวย…จงอินหน้าเหมือนคุณแม่มาก”
“อา ทำไมแม่ไม่ได้อยู่กับผมตั้งแต่แรกล่ะ”
“เรื่องนั้นอาไม่รู้หรอก”
“แล้วอาได้อยู่กับพ่อแม่รึเปล่าตอนเด็กๆ” ผมถาม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่เคยเห็นครอบครัวของอาเลย เห็นแต่เขาอยู่ตัวคนเดียว แล้วก็อยู่กับพ่อ อยู่กับผม
“อยู่สิ ย้ายออกมาอยู่เองตอนโต อาไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน อึดอัด”
“บ้านเล็กเหรอ” ผมถาม อาหัวเราะนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มเอ็นดูกับคำถาม
“บ้านก็ใหญ่อยู่หรอก แต่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักกันมันน่าอึดอัด”
โลกของผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนเหลือเกิน ผมกับอาอยู่กันคนละสถานการณ์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนดีร้ายไปกว่ากัน แต่ของผมอาจจะดีกว่าที่ได้อยู่กับพ่อที่รักผม ได้อยู่กับอาที่คอยดูแลผม
“อยู่กับผมไม่อึดอัดใช่ไหม”
“ไม่ อยู่กับจงอินสบายใจดี”
“ถ้าแม่มาอยู่ด้วย อาจะยังอยู่กับผมใช่ไหม”
“อยู่สิ อาก็อยู่ตรงนี้ มาหาได้ตลอด”
“อาจะพาแฟนมาอยู่ด้วยอย่างวันนั้นรึเปล่า”
มีอยู่วันหนึ่งที่ผมมาหาอาชานยอลแล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องกับเขาด้วย แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวนั่นแหละที่ผมเคยเจอ แต่ในสถานการณ์นั้นอาไม่อนุญาตให้ผมเข้าไปในห้องผมจึงฝังใจมาก
“อาไม่พาใครมาอยู่ด้วยหรอก”
“แล้วผมล่ะอยู่ได้ไหม”
“อยู่ได้”
ผมภูมิใจกับความสำคัญของตัวเอง ก่อนหวนกลับไปคิดถึงเรื่องครอบครัวของผมอีก
“ผมรู้สึกแปลกที่เพิ่งได้รู้จักแม่ ใครๆก็รู้จักแม่ตั้งแต่เกิด”
“แค่ส่วนใหญ่เท่านั้นแหละ ยังมีคนอีกเยอะอยู่แยกกับแม่”
“เหรอครับ”
“ใช่”
คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวตั้งแต่เจอแม่ มากมายจนผมเหนื่อยผมจึงนิ่งเงียบครุ่นคิด
“พรุ่งนี้ไปเรียนบัลเล่ต์ใช่ไหม”
“ครับ”
“งั้นนอนดีกว่า พรุ่งนี้อาไปส่ง”
“พรุ่งนี้แม่จะกลับหรือยัง” อามองผมอย่างอ่อนใจ
“เดี๋ยวก็ได้เจอใหม่ เชื่ออาสิ”
…
ผมรู้เรื่องราวของพ่อกับแม่โดยละเอียดในภายหลัง
ตอนมีผมพ่ออายุสิบแปด ส่วนแม่อายุสิบเจ็ด ครอบครัวของแม่ค่อนข้างเข้มงวดเพราะมีฐานะทางสังคม ลำพังแค่คบกันก็ถูกจับตามอง พอมีผมขึ้นมาพ่อเลยถูกกีดกัน พ่อไม่ได้เจอแม่ พ่อเล่าว่าเป็นช่วงตกต่ำและทรมาน พ่อเกือบจะไม่ได้เจอผม ผมกับพ่อเกือบโดนจับแยกจากกัน แค่ฟังผมยังใจสั่น แต่สุดท้ายเมื่อพ่อเอาแต่อ้อนวอนขอร้องอยากเจอทั้งแม่และผม ครอบครัวของแม่จึงยอมยกผมให้โดยยื่นข้อเสนอว่าห้ามมายุ่งเกี่ยวกับแม่อีก พ่อจึงต้องยอมรับข้อเสนอนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
ในช่วงสิบสองปีแม่แต่งงานหนึ่งครั้งกับคนที่ครอบครัวเห็นว่าคู่ควร ใช้เวลากว่าสองปีครอบครัวแม่ถึงเห็นว่าชายคนนั้นไม่ได้คู่ควรแม้แต่น้อย สิบสองปีจะว่าสั้นก็สั้น จะว่ายาวก็ยาวเพราะผมกับพ่อผ่านอะไรหลายอย่างมาด้วยกัน ผมนึกเสียดายที่ความทรงจำเหล่านั้นไม่มีแม่ร่วมอยู่ด้วย ส่วนแม่ก็ไม่มีความทรงจำของผมกับพ่อ มีแต่ความทรงจำร้ายๆกับการแต่งงานที่ล้มเหลว และความทรมานจากการเก็บความลับจากพ่อและผมข้อหนึ่ง…
คืนนั้นแม่อยู่กับพ่อทั้งคืน แม่เล่าเรื่องราวมากมายให้พ่อฟัง ตอนที่ถูกจับแยกไม่เคยได้ล่ำลากัน พวกเขาไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรทั้งนั้น ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังเก็บรักษากันและกันไว้อย่างดี แม่ยังเป็นคนที่พ่อรัก พ่อยังเป็นคนที่แม่รัก นั่นเป็นสิ่งเรียบง่ายที่สุดที่ผมสามารถเข้าใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมได้เจอแม่อีกครั้งเมื่ออาไปส่งผมที่ห้อง พ่อผมทำสีหน้าแปลกประหลาด เหมือนจะเสียใจและดีใจในคราวเดียวกัน คงจะเป็นเพราะแม่เปิดเผยความลับที่เก็บงำเอาไว้ให้พ่อได้รู้แล้ว
“จงอิน…นี่แทมิน พี่ชายเรา”
พ่อพูด เบี่ยงตัวหลบและดันเด็กผู้ชายคนหนึ่งมายืนข้างหน้าผม
พี่ชายฝาแฝด
เราจ้องมองกัน ต่างคนต่างสำรวจอีกฝ่าย พี่ชายของผมมีผิวขาวกว่าผม ใบหน้าเราคล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เขาเผยรอยยิ้มสดใสให้ผม ดูเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี ผมยิ้มตอบเขาน้อยๆอย่างเด็กขี้อายเมื่อพบเจอคนแปลกหน้า
“สวัสดีจงอิน”
“สวัสดี”
พวกผู้ใหญ่หยุดมองดูพวกเราฝาแฝดทักทายกัน คงอยากให้เราทำความรู้จัก แต่พวกเราสรรหาคำพูดอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
อยู่ๆผมก็มีทั้งแม่และพี่ชาย ผมตั้งตัวไม่ถูก ได้แต่เอื้อมมือไปจับมืออาชานยอลเอาไว้ให้อุ่นใจ
“จงอินต้องไปเรียนบัลเล่ต์ พี่จะให้หยุดไหม” อาชานยอลถามพ่อ คงอยากช่วยจัดการเนื่องจากพ่อยังดูตั้งรับไม่ทันเท่าไหร่ที่รู้ว่ามีลูกอีกคน
“พาไปเรียนเถอะ” พ่อบอกเพราะรู้ดีว่าผมชอบไปเรียนไม่อยากขาด
“จงอินเรียนบัลเล่ต์เหรอ แทมินก็เรียนเต้นเหมือนกัน” แม่มีสีหน้าสดใสขึ้นแม้จะผ่านการร้องไห้และอดนอนมาเมื่อคืน
พอได้ยินประโยคนั้นผมก็เกิดความสนใจในตัวพี่ชายขึ้นมาอีกหน่อย ผมอยากรู้ว่าเขาเต้นอะไร เต้นเก่งหรือเปล่า พี่แทมินก็มองผมด้วยสายตาตั้งคำถามแบบเดียวกัน
“แม่ ผมไปกับน้องได้ไหม อยากเห็น” พี่แทมินถาม ดูเป็นเด็กฉลาดกล้าคิดกล้าพูดทีเดียว
“ยังไม่ได้คุยกับพ่อเท่าไหร่เลย” แม่ว่า
“ผมอยากคุยกับน้องมากกว่า”
พ่อผมหัวเราะ ไม่ถือสาพี่แทมินที่เมินเฉยอยากคุยกับน้องอย่างผมมากกว่า
“เดี๋ยวแม่ก็ต้องกลับแล้ว แล้วค่อยมาหาพ่อกับน้องใหม่ดีกว่านะ” พี่แทมินมองผมอย่างเสียดาย ผมเองก็เริ่มเสียดายเหมือนกัน
“ผมจะไปส่งจงอินอยู่แล้ว พาแทมินไปด้วยแล้วไปส่งที่บ้านให้ก็ได้นะครับ” อาชานยอลเสนอ ผมกับพี่แทมินหันไปมองแม่เป็นตาเดียวเพื่อรอให้เอ่ยปากอนุญาต
“เอาอย่านั้นก็ได้”
ผมกับพี่ยิ้มออกมาพร้อมกัน
“ดูแบบนี้ก็คล้ายกันมาก” พ่อมองผมสลับกับพี่ชาย
“หลังจากนี้จะพาแทมินมาหาบ่อยๆ ฉันก็จะมาหาจงอินด้วย” แม่บอกพ่อ จากนั้นผมกับอาชานยอลและพี่แทมินก็แยกออกมาที่สตูดิโอ
เหตุการณ์นั้นคือจุดเปลี่ยนจุดใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตผม นอกจากพ่อกับอาชานยอลที่เป็นคนสำคัญก็มีแม่กับพี่ชายเพิ่มเข้ามา
ผมสนิทกับพี่แทมินในเวลาอันรวดเร็วจนหลังๆผมเรียกเขาแค่แทมินเฉยๆ คงเป็นเพราะสายสัมพันธ์บางอย่างของการเป็นพี่น้องฝาแฝดและชอบเต้นเหมือนกันทำให้เราตัวติดกันแจ
ผมเปลี่ยนไปติดพี่ ทำให้เริ่มห่างจากอาชานยอลออกมาหน่อย ซึ่งนั่นนับเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆที่ผมไม่รู้สึกตัว
#FicLostonYou
ความคิดเห็น