คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Lost On You 2
Lost on You
[2]
ผมชอบฝน
ตอนเด็กๆผมไม่รู้ว่าเวลาฝนตกทำอะไรๆก็ลำบาก ต้องวิ่งหาที่หลบฝน ตัวเปียก หนาว และทำให้ป่วยได้
ผมอยากออกไปวิ่งเล่นข้างนอก มันดูน่าสนุกดี แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอนุญาตให้ผมทำอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะถูกห้าม ผมก็แค่นั่งเกาะหน้าต่างมองออกไปข้างนอกเวลาฝนตก แค่นั้นก็ทำให้ผมอารมณ์ดีได้ ผิดกับพ่อที่เวลาฝนตกก็ดูเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมา เนื่องจากถ้าออกไปข้างนอกมันจะทำให้กีตาร์สุดรักของพ่อเปียก กลับมาทีไรพ่อก็จะเช็ดกระเป๋าไปบ่นไปให้ผมฟัง พ่อชอบบอกว่าถ้าไม่มีกีตาร์ตัวนี้ก็จะแย่ จะเลี้ยงจงอินไม่ได้ เพราะฉะนั้นพ่อต้องดูแลรักษามันให้ดีที่สุด
“วันนี้ดื้อไหม ซนที่โรงเรียนรึเปล่า” พ่อยื่นมือออกมาให้ผมเดินไปหาหลังจากที่พ่อจัดการกับกีตาร์ของตัวเองเรียบร้อย
“จงอินไม่ซน” ผมตอบ โดนพ่อหอมแก้มแรงๆเป็นรางวัลหนึ่งที
“การบ้านล่ะมีไหม”
“มี พ่อสอนจงอินหน่อย”
“พ่อทำข้าวเย็นให้ก่อน ถ้าพ่อสอนไม่ทันเดี๋ยวเอาให้พี่จุนมยอนสอนนะ” พ่อบอก ผมผิดหวังนิดหน่อยที่ได้ยินแบบนั้น หลังพ่อไปรับผมที่โรงเรียนกลับบ้านทุกวัน พอพ่อจะออกไปทำงานก็จะเอาผมไปฝากพี่คนใหม่ที่ชื่อพี่จุนมยอน เขาเป็นนักศึกษาที่เช่าห้องอยู่คนละชั้นกับผมและพ่อ ตอนนั้นพ่อหาใครฝากผมไม่ได้จริงๆเลยถามเอากับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ พี่จุนมยอนเป็นคนไม่น่ากลัว เขายิ้มเก่ง พ่อจะจ้างเขาดูแลผม แต่เขาปฏิเสธ คงเห็นว่าพ่อกำลังเดือดร้อนเลยช่วยเหลือ เอาผมไปดูแลฟรีๆโดยไม่คิดเงิน แต่ว่าถ้าเลือกได้ผมก็อยากให้พ่อเป็นคนสอนการบ้านผมอยู่ดี
ผมไปนั่งรอพ่อทำกับข้าวที่โต๊ะติดหน้าต่าง สมุดระบายสีเปิดกางไว้ ผมไม่ได้สนใจมัน เอาแต่เขี่ยเม็ดฝนที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง ลากนิ้วลงมาตามหยดน้ำ ข้างนอกฟ้าขมุกขมัว ฝนตกหนักจนมองไม่เห็นอะไร แล้วอยู่ดีๆในความอึมครึมนั้นฟ้าก็สว่างวาบ ร้องเปรี้ยงเสียงดัง ผมสะดุ้งตกใจจนเกือบร้องไห้ แต่ยังไม่ทันได้ร้องไห้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาซะก่อน เรียกให้ผมหันเหความสนใจไปที่นั่น
พ่อผมวางมือจากในครัว ผมกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งตามพ่อไปด้วยอย่างทุกที
“อ้าว ว่าไง” พ่อทักทาย เปิดประตูอ้ากว้างเมื่อเห็นแขกที่มาเยือน
“ฝนตกหนัก ยังออกไปร้านไม่ได้ผมเลยแวะมาห้องพี่ เผื่อจะออกไปด้วยกัน” ยักษ์ผมแดงเดินเข้ามาในห้อง ผมเกาะขาพ่อแหงนหน้ามองเขา ระยะนี้ผมเจอเขาบ่อย เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ตึกนี้ตามคำแนะนำของพ่อที่ว่าค่าเช่าค่อนข้างถูก
“เออ รอกูออกไปด้วย กินข้าวรึยังล่ะ กูกำลังจะทำข้าวเย็นให้จงอินเลย”
“ยังเลย ผมกินด้วยแล้วกันนะ” พ่อพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าครัว ผมเดินตามพ่อไปไม่ทันยักษ์ก็มาดักข้างหน้า
“ไงเรา” เขายีหัวผม มือหนักจนผมต้องย่นคอหนี ผมไม่ตอบอะไรเขา วิ่งกลับไปที่โต๊ะ ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม
อาชานยอลเดินมานั่งตรงข้าม ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเขาแล้วตั้งแต่เขาย้ายมา เขามาหาพ่อบ่อยๆ ขลุกตัวกันอยู่กับเครื่องดนตรีของพวกเขาในวันเสาร์อาทิตย์ที่ผมไม่ได้ไปโรงเรียน หรือไม่ก็แวะมาหาพ่อก่อนออกไปทำงานที่ร้านด้วยกันแบบนี้
และแน่นอน…ทุกๆครั้งเขาไม่ลืมลูกอมสีแดงของผม แต่พอบ่อยๆเข้า พ่อก็ห้ามไม่ให้ผมกินเพราะกลัวว่าผมจะติดและทำให้ฟันผุ
“ระบายสีอยู่เหรอ” ผมละนิ้วมือที่ลูบหยดน้ำนอกหน้าต่าง หันไปมองยักษ์ผมแดง เขาเอาสมุดระบายสีผมไปเปิดดู ผมนึกหวงไม่อยากให้เขาดูเลยโน้มตัวลงบนโต๊ะเอื้อมมือดึงคืนมา แต่ว่าเขาไม่ปล่อย อมยิ้มเล็กๆก่อนจะดึงหนีมือผมอย่างนึกสนุก
“สมุดของจงอิน”
“อาขอดูไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้”
“ทำไม หวงเหรอ” ผมพยักหน้า ทั้งหวงทั้งอายเพราะผมระบายสีเละเทะไปหมด
“ไหนขอดูหน่อย สวยออกนี่”
พอเขาชมว่าสวยผมก็ยอมให้เขาเปิดดูตามใจ
“เงือก” ผมพูด อยากชี้อวดรูปเงือกที่ผมชอบ
“หืม เงือกเหรอ”
“จงอินระบายเงือก”
“มานั่งนี่ซิ มาชี้ให้อาดู” เขาตบที่ตักตัวเอง ผมลงจากเก้าอี้ไปหา อาชานยอลอุ้มผมขึ้นไปนั่งบนตัก ผมเปิดสมุดระบายสีหารูปเงือกให้เขาดู
“นี่ไง”
“ว้าว เงือกที่มีแค่เปลือกหอยแปะนม อาก็ชอบรูปนี้” ผมมองเขา พอเขาเห็นผมมองเขาก็หัวเราะเบาๆ
“อาผมสีแดงเหมือนเงือก” ผมว่า
“จริงๆอาเป็นเงือก”
“จงอินก็อยากเป็นเงือก”
“อยากมีหางเหมือนปลาเหรอ”
“อยากอยู่ในน้ำ ว่ายน้ำเล่นในทะเล”
อาชานยอลเปิดสมุดระบายสีไปหน้าสุดท้ายที่เป็นกระดาษขาวๆว่างเปล่า เปิดกล่องสีแล้วหยิบสีไม้แท่งสีดำออกมา
“อาจะวาดอะไรให้ดู”
ผมมองตามมือใหญ่ๆจับดินสอสีลากเส้นไปมา ผมสามารถนั่งนิ่งๆได้ตลอด มองเส้นหลายๆเส้นที่เริ่มประกอบกันเป็นรูป กับเสียงฮัมเพลงทุ้มๆข้างหู และเสียงฝนที่ยังกระหน่ำตกอยู่ข้างนอก
“เงือก…” ผมเดาเอาพอเห็นรูปร่างที่เหมือนหาง กับส่วนบนที่เป็นคน
“อืม เงือก ดูออกไหมว่าใคร”
“จงอินเหรอ”
“เงือกน้อยจงอิน” ผมหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่ออาแกล้งงับหูผม จากนั้นก็ตั้งใจดูรูปวาดจนเสร็จ อาชานยอลวาดฟองอากาศรอบๆ แล้วก็เติมเปลือกหอยเล็กๆสองอันแปะนมไว้เหมือนของเงือกสาว
“กินข้าว” พ่อยกชามข้าวเดินออกมาจากครัวพอดี แปลกที่วันนี้ผมไม่หิวเท่าไหร่ อยากดูอาชานยอลวาดรูปต่อเลยไม่วิ่งไปหาพ่อทันทีที่พ่อเรียกกินข้าว
“ทำอะไรกันอยู่ จงอินมาหาพ่อมา”
“ยังไม่หิว”
“วันนี้ทำไมไม่หิว มึงเอาลูกอมให้ลูกกูกินเหรอ”
“เปล่าพี่ ไม่ได้ให้…ไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยววันหลังอาวาดให้ดูอีก” เขายกตัวผมลงจากตัก ผมเลยต้องยอมไปหาพ่อ
“เดี๋ยวนี้สนิทกันแล้วนะ แรกๆล่ะเอาแต่แหกปากร้อง” พ่อว่า เอาชามข้าววางไว้ให้ผมตักกินเอง
“จริงๆผมเข้ากับเด็กไม่ค่อยได้ เห็นร้องไห้ทีไรโคตรรำคาญ แต่ผมชอบจงอินนะ น่ารัก คุยรู้เรื่องดี”
“ลูกกูฉลาดไง อยากลองมีแบบกูสักคนก็บอกแฟนมึงสิ”
“ผมเป็นแบบพี่ไม่ได้หรอก แค่คบกันยังยาก ผมอารมณ์ร้อนแต่ก็อยากให้เขาทน บางทีเขาทนไม่ไหวก็ทะเลาะกัน พักหลังก็ทะเลาะกันบ่อย”
“เรื่องธรรมดา”
พ่อถอนใจ อาชานยอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ถอนหายใจ ส่วนผมมองเขาพลางกินข้าว ผมสีแดงเพลิงของเขาดึงดูดสายตาผมได้ทุกที ตอนนี้ผมลืมความกลัวครั้งแรกเริ่มไปจนหมด และนึกอยากมีผมสีแดงแบบเขาบ้างเหมือนกัน
“เงือกน้อยกินเลอะเทอะ” เขาหันหลับมาเห็นผมแล้วก็ขำ ดึงทิชชู่มาเช็ดขอบปากให้ ผมยิ้มกับคำเรียกใหม่ที่เขาเรียกผม
อายักษ์ผมแดงกินข้าวเย็นกับผม จบมื้อเย็นฝนก็หยุดตกพอดี พ่อกับเขาเตรียมตัวไปทำงาน ผมงอแงนิดหน่อยตอนที่พวกเขาพาผมไปฝากพี่จุนมยอน พ่อเกลี้ยกล่อมผมสารพัด สุดท้ายผมก็ยอมปลดมือลงจากคอพ่อ เมื่ออาชานยอลบอกว่าถ้าไม่งอแงจะมาวาดรูปเงือกให้อีกหลายๆรูปให้ผมเอาไประบายสี
…
ผมได้รับสมุดระบายสีเล่มเล็กที่มีแต่รูปเงือกหลายสิบรูปหลายวันต่อมา มันเป็นสมุดเล่มโปรดของผม ผมพกเอามันไปโรงเรียนด้วย แต่ผมไม่กล้าระบายสีลงไปเพราะกลัวรูปสวยๆจะเละ
ผมนั่งรอพ่อมารับกลับบ้านในเย็นวันหนึ่ง ฟ้าร้องครืนๆเหมือนฝนกำลังจะตกอีกแล้ว วันนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากให้มันตกเท่าไหร่ โชคดีที่มันตกลงมาตอนที่เรากลับถึงบ้านพอดี ผมกับพ่อและกีตาร์ของพ่อ กับสมุดระบายสีในกระเป๋าของผมจึงไม่เปียก
วันนี้ก็เหมือนเดิมอย่างทุกวันที่ผมนั่งรอพ่อทำอาหารเย็น มองฝนข้างนอกแทนการระบายสี และเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คราวนี้ผมรู้แน่โดยไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใคร วิ่งไปรอที่ประตูก่อนที่พ่อจะมาเปิด
แต่ภาพตรงหน้าไม่ใช่ยักษ์ผมแดงที่ผมคุ้นเคย เขาเปียกปอนไปทั้งตัว นัยน์ตาแดงก่ำ ดูต่างออกไปจนผมไม่กล้าเข้าไปใกล้
“เกิดอะไรขึ้น” พ่อผมถาม
“โดนทิ้ง”
พ่อไม่ว่าอะไรต่อ เข้าห้องนอนไปแล้วกลับมาพร้อมผ้าขนหนูและเสื้อผ้าหนึ่งชุด
“ผมขออยู่ห้องพี่ก่อนได้ไหม ไม่อยากกลับห้อง”
“เออ แต่ไปเปลี่ยนชุดก่อน ห้องกูเปียก” เขาลากสภาพตัวเองเข้าห้องน้ำทำตามที่พ่อบอก กลับออกมาอีกทีก็มานั่งซึมที่เดิมตรงโต๊ะติดหน้าต่างตรงข้ามผม น้ำหยดจากผมสีแดงซึมลงเสื้อเป็นดวง เขาไม่สนใจเช็ด ไม่พูดไม่จากับผมสักคำเหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ ผมก็เลยเอาสมุดเงือกของเขามาเปิดดูเล่นไปเรื่อยๆ
พ่อมานั่งที่โต๊ะกับพวกผมไม่นานหลังจากนั้น เก็บสมุดของผมไปแล้วเอาข้าวมาวางแทน
“ยังไงวะถึงสภาพนี้”
“เขาทนผมไม่ได้แล้ว มันก็คงแค่นั้น”
“แล้วมึงทำอะไรที่เขาทนไม่ได้”
“ผมไม่รู้ อาจจะรักมากเกินไปมั้ง”
“แล้วไม่ไปตามกลับมาล่ะ ทิ้งไปก็ไปตามกลับมา”
“ถ้าเลือกจะทิ้งไปจริงๆ ผมไม่ตามเขากลับมาหรอก”
“ถึงมึงจะรัก”
“ถึงผมจะรัก”
เกิดความเงียบอยู่ช่วงหนึ่ง ดวงตาโตๆของอาชานยอลมีน้ำเอ่อคลอ ตาแดงๆเหมือนคนร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหล ผมไม่เข้าใจความเจ็บปวดของเขาในเวลานั้น ไม่เข้าใจอะไรเลย
“เมื่อก่อนกูก็เคยจะเป็นจะตายกับความรัก ช่วงวัยรุ่นอะไรก็จะเป็นจะตายทั้งนั้น แต่พอมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป มึงต้องเจออะไรอีกเยอะแยะ แล้วหน้าอย่างมึงไม่เหมาะกับคำว่าโดนทิ้งเลยว่ะชานยอล”
“มองข้ามเรื่องหน้าตา ผมอาจจะไม่มีอะไรดีเลยก็ได้”
“โตขึ้นกว่านี้เดี๋ยวมึงก็ควบคุมอารมณ์ได้ ถ้ารู้ว่าอารมณ์ร้อนก็หัดควบคุม”
“คืนนี้พี่อยู่ร้านดื่มต่อกับผมหน่อยสิ”
“จะเอาให้ครบสูตรรึไง ตากฝน แดกเหล้า กูอยู่ต่อไม่ได้หรอก ห่วงลูก เกรงใจจุนมยอนด้วย” อาชานยอลหันมามองผมเมื่อพ่อพูดถึงผม เขาจ้องเหมือนเพิ่งออกมาจากความคิดของตัวเองและเห็นผมอยู่ตรงนี้
“ตอนรู้ว่ามีจงอิน พี่ดีใจไหม” อยู่ๆเขาก็ถาม พ่อผมดูประหลาดใจ คิดคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่หรอก ตอนนั้นปัญหาหนัก เรียนยังไม่จบ ทำเขาท้อง พ่อแม่เขาก็ไม่ยอมรับ โดนบีบให้แยกกัน แต่มันเหมือนสัญชาตญาณ พอเห็นหน้าลูกครั้งแรกแล้วโคตรรัก กูบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตอนนี้กูดีใจที่มีจงอิน คงมีคนนี้แค่คนเดียวแหละที่ทำให้กูจะเป็นจะตายได้”
อาชานยอลยิ้มตามพ่อ เขายิ้มให้ผมด้วยดวงตาเศร้าสร้อย
“มาหาอาไหม”
เขายื่นมือออกมา ผมลงไปหาเขาโดยไม่ต้องคิด เขาอุ้มผมขึ้นไปกอด เขาไม่เคยกอดผมแบบนี้มาก่อน ปกติก็แค่อุ้มหรือไม่ก็นั่งตัก แต่ตอนนี้ผมถูกวงแขนเขาโอบรอบกระชับไว้ ตัวเขาชื้นแต่มีความอบอุ่น ผมนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขา และนอกจากความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาหา อ้อมกอดนี้ก็ถ่ายทอดความเศร้าของเขามาถึงผมด้วย จากจังหวะมือที่บีบไหล่ผมราวกับต้องการที่ยึดเหนี่ยว
“อกหักแม่งหนัก แต่เดี๋ยวก็หาย เชื่อกู”
เสียงพ่ออยู่ข้างหลังไม่ไกล ผมซบไหล่อาชานยอลมองฝนกระทบหน้าต่าง เหมือนเห็นหยดน้ำไหลลงมาเป็นทางแทนน้ำตาของอา…
ก็คงเป็นตอนนั้นล่ะมั้ง…ที่เขาทำให้ผมเริ่มรู้จักความเศร้ากับความเหงาของสายฝน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#ficLostOnYou
ความคิดเห็น