คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Falling For You [94x88] Sekai
Falling For You
[94 x 88]
-Sekai-
ขณะที่มองไปบนรันเวย์ ไม่บ่อยที่เซฮุนจะสนใจอะไรอื่นนอกเหนือจากเสื้อผ้า
เขาจะมองตามเก็บทุกรายละเอียดเครื่องแต่งกายเท่าที่เวลาสั้นๆในขณะนั้นจะทำได้ มองตามจังหวะการสับเท้าไปมาของนางแบบนายแบบที่เดินผ่านไป เขาไม่เคยสนใจใบหน้าเหล่านั้น อาจจะสนใจหุ่นบ้างหากว่าดูดีโดดเด่นสะดุดตา ทำให้เสื้อผ้าชิ้นนั้นๆออกมาสวยงามเมื่ออยู่บนร่างกาย
สายตาเซฮุนกวาดมองเรื่อยๆ แต่ไม่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจได้มากพอ จนกระทั่งคนที่เขารออยู่เดินออกมาค่อยทำให้งานนี้ดูมีสีสันขึ้นมาบ้าง
เซฮุนมองนายแบบที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเขาไป สูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผิวเข้มกว่านายแบบคนอื่น ใส่โค้ทยาวสีน้ำเงิน เขาไล่สายตาเก็บรายละเอียดอย่างรวดเร็ว แล้ววินาทีหนึ่งก็สบตากันขณะที่อีกฝ่ายหันหลังกลับ
เซฮุนยิ้มให้ คนบนนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มาดูจงอินเดินแบบ เขาชอบคิดภาพเพื่อนของเขาสะดุดหัวทิ่มหมดฟอร์มก็เท่านั้นเอง เห็นดูดีออกขนาดนี้ ถ้าพลาดขึ้นมาต้องทำหน้าเหวอแน่นอน คิดแล้วก็ตลก
จงอินเดินอีกสามชุด ซึ่งทุกชุดเซฮุนเห็นว่าหากไม่ใช่เพื่อนของเขาใส่ก็คงดูไม่น่าสนใจ แต่แน่นอนว่าถึงจะดูดีแค่ไหนจงอินก็ไม่ได้เหมาะกับเสื้อผ้าพวกนี้ เพราะจงอินเหมาะกับเสื้อผ้าของเขาที่สุดแล้ว
เซฮุนลุกขึ้นปรบมือเมื่อถึงช่วงท้ายของงาน จงอินเดินออกมาอีกครั้งและเดินกลับเข้าไป เมื่องานจบสิ้นเรียบร้อยเซฮุนจึงเข้าไปหาเพื่อนหลังเวทีอย่างที่ทำเป็นประจำ
“เก็บของสิ กลับบ้าน” เซฮุนสั่ง กอดอกมองคนที่นั่งเล่นเกมในมือถืออยู่หน้าโต๊ะกระจก
“ไม่มีไรต้องเก็บ” จงอินพูดกับเขาแต่ตาไม่ละจากจอเลยสักวินาที
“งั้นก็เปลี่ยนชุด กูหิว”
“ถึงว่า เร่งจัง”
“เร็วๆจงอิน”
“ครับๆ” จงอินส่งมือถือให้เซฮุน ถอดเสื้อคลุมออกแล้วหยิบเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์มาสวม ความที่เป็นนายแบบจงอินจึงไม่แคร์สายตาคนที่เดินกันขวักไขว่ เขาเปลี่ยนชุดรวดเร็วอย่างมืออาชีพ เซฮุนอยากให้จงอินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องดีๆแต่ก็พูดไม่ทัน รอไม่ถึงนาทีจงอินก็เปลี่ยนเสร็จเรียบร้อย
“ป่ะ พร้อมแล้ว…กลับแล้วนะครับ” จงอินหันมาพูดกับเขา จากนั้นก็หันไปบอกลาทีมงานและเพื่อนนายแบบนางแบบ
พวกเขาแวะกินพิซซ่าที่จงอินบ่นอยากกินมาตั้งแต่ก่อนเดินแบบ พอเสร็จงานเซฮุนก็พามาจัดการให้เต็มที่ ถึงก่อนหน้านี้เขาจะบ่นว่าหิว แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าจงอินคงหิวกว่าเขาหลายเท่า
“เดือนหน้าเดินงานกู อย่าให้น้ำหนักขึ้นไปกว่านี้นะ” บอกเพื่อนจบเซฮุนก็สั่งไก่ทอดมาเพิ่มให้โดยไม่ได้ถามเจ้าตัว
“เคยเห็นกูอ้วน?” จงอินหยิบโค้กมาดูด เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกวนๆ
“เตือนไว้ก่อน อะไรก็ไม่แน่นอน”
“กูเป็นนายแบบของมึงนะ รู้หรอกน่าว่าต้องทำยังไง ต้องหนักเท่าไหร่มึงถึงจะชอบ”
“เหรอ…” เซฮุนถามยิ้มๆ จงอินดูจะไม่ได้สนใจต่อความกับเขา สนใจแต่อาหารมากกว่า ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนไม่ได้กินข้าวมาสองสามวัน
อย่างที่จงอินเพิ่งพูด นายแบบของเขาก็คือจงอิน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จงอินเป็นคนทำให้เขาค้นพบความชอบและพรสวรรค์ของตัวเอง
พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยม เป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทุกคนต่างก็รู้และเห็นกันจนชินตา สามปีที่แล้วเซฮุนเป็นยังดีไซเนอร์ที่มาแรงที่สุด ก้าวกระโดดจนมาเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ของตัวเองเต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นอาชีพนี้มันเริ่มมาจากคิมจงอินเพื่อนของเขาที่รสนิยมในการแต่งตัวแสนจะย่ำแย่ มันแย่ถึงขนาดที่ว่าเขาทนไม่ไหว จะไปเที่ยวหรือไปไหนกันแต่ละครั้งต้องมาช่วยเลือกชุดช่วยแต่งตัวให้ หากนับว่าจงอินห่วยแตกด้านนี้เป็นพิเศษ เซฮุนก็ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ มีเซนส์ด้านแฟชั่นอย่างที่หาได้ยาก
จากเริ่มแรกที่แค่คิดช่วยเพื่อน เซฮุนก็เริ่มคิดว่ามันสนุก เขาเห็นว่าเพื่อนของเขานั้นไม่ใช่แค่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป จงอินมีความพิเศษ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งทำให้เซฮุนนึกชื่นชมในรูปร่าง รวมถึงหน้าตาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ใบหน้าดูดีมากในสายตาของเขา จงอินทำให้เขาคิดอยากทำเสื้อผ้า ออกแบบ ตัดเย็บ ทำให้เขาอยากเห็นว่าหากมันอยู่บนตัวของจงอินจะเป็นอย่างไร
“มึงเห็นว่ากูเป็นตุ๊กตา?”
จงอินชอบถามเขาแบบนี้ยามเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งรอขณะที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตัดเสื้อผ้า
เซฮุนเริ่มจริงจังและรู้ตัวว่าอยากเป็นดีไซน์เนอร์ตอนมัธยมปลาย เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิดว่าจะเลือกเรียนสาขาอะไรเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย จงอินเป้าหมายไม่ได้ชัดเจนเหมือนกับเซฮุน เขารู้ว่าชอบอะไร แต่ถ้าเทียบกับเซฮุนก็เหมือนว่าเขายังหาเป้าหมายของชีวิตไม่เจอ เขาเลือกสอบเข้าที่เดียวกับเซฮุนไว้ก่อน ใครจะว่าติดเพื่อนเขาก็ไม่สน เพราะจะว่าเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ตัวเซฮุนเองก็บังคับให้เขาเรียนด้วยกันที่นี่เท่านั้น ห้ามทิ้งกันไปไหน
จงอินกับเซฮุนเข้าวงการแฟชั่นพร้อมๆกัน เป็นที่รู้จักพร้อมๆกัน เซฮุนได้รางวัลการประกวดยังดีไซเนอร์ ส่วนจงอินก็มีโมเดลลิ่งติดต่อเข้ามาเมื่อเขาเป็นนายแบบให้กับทุกๆชุดของเซฮุน
ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกดีที่มีอีกคนอยู่ข้างๆในทุกก้าวที่เดินไปในเส้นทางนี้ เวลาที่โตขึ้นอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป สังคมบางทีแม้จะไม่น่าอยู่ แต่หากคนข้างๆยังเป็นคนเดิมที่สามารถเชื่อใจได้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เซฮุนไม่เคยห่วงอะไรเลยต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหน ที่เขาห่วงก็ดูจะมีแต่เรื่องจุกจิกของจงอินทั้งนั้น
“เข้าห้องไปอย่างเพิ่งนอนเลยนะ กินไปเยอะขนาดนั้น” เซฮุนบอกระหว่างรอลิฟต์ พวกเขาอยู่คอนโดเดียวกัน ห้องข้างๆกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ใครๆคิด ถึงมันจะใกล้เคียงกับคำนั้นมากก็เถอะ
“เออน่ะ”
“เอออะไร ห้ามนอนคือห้ามนอน”
“เออน่า เห็นกูเป็นลูกมึงเหรอ บางเรื่องไม่ต้องย้ำก็ได้”
“มึงทำตัวใกล้เคียงเด็กน้อยมาก ถ้าทำให้เห็นสักนิดว่าดูแลตัวเองได้กูจะไม่บ่น”
“ถ้าทำงั้นมึงก็ไม่ดูแลกูสิ” จงอินว่า เดินเข้าลิฟต์พร้อมๆกับเพื่อน เซฮุนยิ้มกับคำพูดนั้น จงอินติดนิสัยชอบให้ดูแลตั้งแต่เขาเลือกเสื้อผ้าให้แล้ว ติดลามมาจนทุกเรื่อง ต้องให้เขาเตือนเขาบอกอยู่ตลอด บางทีก็ทำเหมือนรำคาญ แต่พอไม่ยอมเตือนก็มาโทษเขาเอาทีหลัง
เซฮุนเอื้อมมือไปยีหัวจงอิน เส้นผมที่ถูกเซ็ตเป็นทรงไม่ทำให้นุ่มมือเหมือนยามปกติ จงอินยกมือขึ้นปัดมืออีกคนด้วยความรำคาญ เซฮุนที่รู้อยู่แล้วจึงคว้ามือจงอินไว้ กุมไว้ข้างๆตัวครู่หนึ่งจนกระทั่งลิฟต์เปิด
“ฝันดี” เซฮุนยืนอยู่หน้าประตูห้องข้างๆจงอินพูดคำบอกลาที่ติดปากมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ที่พวกเขาเช่าหอเป็นรูมเมทกัน
“อืม” ส่วนจงอินก็แค่ขานรับเบาๆอย่างที่ทำมาตลอด
หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย โดยห่างกันแค่ผนังห้องที่กั้นเอาไว้
…
งานแฟชั่นโชว์ของเซฮุนที่ใกล้เข้ามาทุกวันทำให้เขาเครียด ตราบใดที่งานยังไม่ถูกใจเต็มร้อยเขาจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด ความมุ่งมั่นจริงจังกับงานแบบนี้เองที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในเวลาเพียงสั้นๆ
จงอินไม่ค่อยชอบเวลาที่เซฮุนเครียดกับงานสักเท่าไหร่ เพราะเซฮุนชอบทำงานจนลืมเวลาไป บางทีก็ไม่ได้นอน บางทีก็ลืมกินข้าว สภาพอย่างกับซอมบี้เวลาที่จมอยู่กับงานไม่ยอมอาบน้ำ จากดีไซเนอร์ลุคสุดเนี้ยบกลายเป็นผู้ชายเซอร์ๆคนนึงที่ไม่มีเวลาแม้แต่โกนหนวด จงอินต้องเข้ามากระตุ้นเป็นระยะให้อาบน้ำบ้าง นอนบ้าง กินข้าวบ้าง ต้องดูแลมากกว่าที่เซฮุนดูแลเขายามปกติ ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำให้ถึงปากเพราะไม่ยอมหยุดทำงาน
ช่วงนี้จงอินมีงานถ่ายแบบแทบทุกวัน ไปหาเซฮุนที่ร้านแต่ละครั้งเพื่อนของเขาก็สภาพแทบดูไม่ได้ สภาพที่ทำงานก็เหมือนโรงงานนรก บรรดาลูกน้องของเซฮุนก็ต้องพลอยโหมงานกันหน้าดำคร่ำเคร่ง
จงอินลากเก้าอีกตัวประจำของเขามานั่งข้างๆเซฮุน นั่งมองเพื่อนทำงานพักหนึ่งแล้วค่อยถาม
“กินข้าวเย็นรึยัง สามทุ่มแล้ว”
“ยังเลย…” เซฮุนหันมามองจงอินเล็กน้อย ยิ้มด้วยแววตาเหนื่อยล้าแล้วหันไปทำงานต่อ
“ซื้อมาเผื่อ เดี๋ยวเอามาให้นะ”
“อืม…”
จงอินจัดเตรียมอาหารเย็นของเขากับเซฮุนแล้วยกมาให้ เขาเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน รู้ว่าอย่างไรเซฮุนก็ยังไม่ได้กินข้าวก็เลยซื้อมากินด้วยกัน เขาดึงงานออกจากมือเซฮุนแล้วยัดกล่องอาหารเย็นให้แทน
ตอนนั้นเองที่เซฮุนหันมองรอบๆตัว ลืมนึกไปว่าลูกน้องก็คงยังไม่ได้กินเหมือนกันจึงสั่งเลิกงานให้ทุกคนกลับบ้าน งานที่เหลือจากนี้ไม่มากแล้ว ไม่ต้องหามรุ่งหามค่ำเหมือนอย่างสี่ห้าวันที่ผ่านมาก็น่าจะเสร็จทัน
“วันนี้กลับคอนโดไหม หรือว่านอนนี่” จงอินถามอีกครั้ง ถามเหมือนกันทุกวัน เซฮุนไม่ได้กลับคอนโดมาหลายวัน คิดว่าวันนี้ควรจะกลับสักที
“คงนอนที่นี่”
“งานใกล้เสร็จแล้วนี่ กลับเหอะ กูรอก็ได้”
“คงดึก อย่ารอเลย กลับไปก่อนดีกว่า” จงอินไม่เถียง ไม่มีประโยชน์จะเถียง เขาจะอยู่รอก็คือจะรอ ถ้าเซฮุนนอนนี่เขาก็นอนด้วย เซฮุนมองก็รู้จากท่าทางนั้นของเพื่อน เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเหมือนกัน พูดไปจงอินก็ไม่น่าจะฟัง
บรรยากาศที่ทำงานของเซฮุนดูสงบเงียบวังเวงเมื่อไม่มีใครคนอื่นนอกจากคนสองคน เซฮุนรีบกินข้าวแล้วจัดการแก้ชุดให้เสร็จ บางทีถ้าเสร็จภายในสองสามชั่วโมง เขาก็อาจจะได้กลับไปนอนคอนโด ไม่อยากให้จงอินนอนที่นี่เพราะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่
จงอินเสียบหูฟังนั่งฟังเพลงพยายามไม่รบกวน หาวแล้วหาวอีกเพราะความง่วงแต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อน มองมือที่กำลังเย็บชุดปักลายอย่างประณีต เป็นงานที่ละเอียดมาก สวยทั้งลวดลายและรูปแบบ แม้จะเห็นพรสวรรค์ของเพื่อนอยู่แล้วบ่อยๆก็ยังมองอย่างชื่นชม…
และจากที่ชื่นชมอยู่ดีๆจงอินก็เริ่มสัปหงก
เซฮุนมัวแต่ตั้งใจกับการเย็บผ้า หันมาอีกทีจงอินก็หลับคอพับไปแล้ว เขาก้มหน้ารีบเร่งงานอีกนิดก็เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ใช้เวลาสามชั่วโมงพอดี ตอนนี้เวลาเลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย พวกเขาควรจะกลับบ้าน แต่ก่อนอื่นเขาต้องให้จงอินลองชุดนี้ซะก่อน
“จงอิน” เซฮุนเขย่าแขนปลุก จงอินสะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“หืม…”
“ลองชุดก่อน เดี๋ยวกลับคอนโดกัน”
“อืม…”
จงอินลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าทั้งที่ตายังลืมแทบไม่ขึ้น เซฮุนจึงช่วยแต่งตัวให้ จงอินยืนนิ่งเหมือนหุ่น เสื้อแขนกุดสีดำตัวยาวปักลวดลายสวยงามที่ตัดมาเพื่อจงอินเข้ากับรูปร่างไม่มีตรงไหนขาดเกินแม้สักเซน เซฮุนเดินวนรอบๆ จับนู่นดูนี่จนพอใจแล้วก็ถอยมาดูห่างๆ เขาพยักหน้ากับตัวเองช้าๆ คิ้วที่ขมวดอยู่ตลอดค่อยๆคลายลงเมื่อเห็นผลงาน
ชุดนี้ของเขาทำให้จงอินดูเซ็กซี่มาก หากจับเซ็ตผมใส่เครื่องประดับเข้าไปด้วยเสน่ห์จะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่านี้แน่นอน
เสร็จไปอีกชุด เซฮุนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“กูต้องเดินชุดนี้ด้วยใช่ไหม”
“อืม ของมึงหกชุด”
“…ชุดนี้ไม่ดูเซ็กซี่ไปเหรอวะ” จงอินหันไปส่องกระจกบานใหญ่ หันไปหันมามองอย่างพิจารณา เสื้อตัวนี้ยาวไม่พ้นต้นขา เวลาใส่รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง แต่ภาพที่สะท้อนกระจกกลับมาดูเข้ากับเขาอย่างน่าประหลาด
“ดูดีมาก” เซฮุนวางคางบนไหล่จงอิน ชื่นชมผลงานผ่านกระจก
“ก็เข้าใจว่าแฟชั่น แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ชอบตัดชุดแบบนี้ให้กูใส่” จงอินสบตาถามเซฮุนในกระจกที่เอาแต่ยิ้ม สายตานั้นดูพอใจกับผลงานตัวเองมาก
“เหมาะกับมึงดี”
“เหมาะก็เหมาะ แต่บางทีมันสั้น จะเห็นไข่อยู่แล้ว” เซฮุนหัวเราะ สายตาไล่มองขาเรียวๆของอีกคนที่เขาชอบ เป็นพิเศษ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดชุดเน้นเรียวขากับช่วงสะโพกให้จงอินเสมอ
“หวิวอะดิ”
“มึงไม่ลองใส่มั่งล่ะ”
“กูใส่คงตลกตาย…ไม่เหมือนเวลามึงใส่” เซฮุนมายืนด้านหน้าจงอิน เสยผมอีกคนขึ้นจัดเป็นทรงลวกๆ จงอินทำหน้าเบื่อหน่ายบวกกับความง่วง
“ไม่เอาแล้ว กลับได้ยัง” จงอินหลบโดยการเอาหน้ามาซบไหล่เพื่อน หลีกหนีมือวุ่นวายที่เอาแต่จัดอะไรอยู่นั่น มันเป็นวิธีเดียวที่เซฮุนจะหยุดมือทุกอย่าง
จงอินได้กลิ่นน้ำหอมจางๆที่เขาเป็นคนซื้อให้ เขาหลับตา อยากจะหลับจริงๆไปซะเลย ทั้งเหนื่อยที่ไปทำงานมาแล้วก็เพลียที่ต้องนั่งถ่างตารอ เซฮุนค่อยๆโอบแขนดึงตัวเขาเข้าไปใกล้ๆ จงอินยังไม่ลืมตาเพราะมันสบายยิ่งว่าเดิม เขากับเซฮุนเลยยืนกอดกันนิ่งๆอยู่แบบนั้น ต่างคนต่างเหนื่อย การได้กอดกันอย่างนี้ช่วยเยียวยาได้ดีเสมอ
“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน กลับบ้านกัน” เซฮุนพูดเบาๆ จงอินถูใบหน้าไปมากับไหล่ ส่งเสียงในลำคอเล็กน้อย
เซฮุนคลายวงแขนที่กอดจงอินออก พอเห็นอีกคนสะลึมสะลือเขาก็จัดการถอดเสื้อออกให้ จงอินชูสองมือขึ้นโดยอัตโนมัติ ยืนกึ่งเปลือยมีแค่ชั้นในหนึ่งตัวไม่กระดุกกระดิก รอให้เซฮุนแต่งตัวให้อีกครั้งโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
เมื่อเซฮุนแต่งตัวให้จงอินเรียบร้อยก็จัดการเก็บของ ตัวเขาเองก็ง่วงแทบหมดแรงหลังอดหลับอดนอนมาหลายวัน ตอนนี้ที่คิดถึงมีแต่ภาพเตียงกับหมอนนุ่มๆ
“นอนเยอะๆล่ะ” จงอินบอกตอนที่พวกเขากลับมาถึงคอนโดกำลังจะเปิดประตูเข้าห้อง
“อืม คงนอนยาวไปเลย…ฝันดี”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน เปิดประตูห้องพร้อมๆกัน หันมามองกันอีกหนึ่งครั้งก่อนเดินเข้าห้องไป
…
เซฮุนทำให้จงอินดูเจิดจ้าที่สุดในงานแฟชั่นโชว์ของเขา
เขาเชื่อมั่นว่าไม่มีดีไซเนอร์คนไหนที่ทำได้แบบนี้ เพราะแบรนด์เสื้อผ้าของเขาก็คือแบรนด์ที่ทำขึ้นมาเพื่อคิมจงอิน มันเกิดขึ้นมาเพราะคนๆนี้
จงอินเองก็รู้สึกภูมิใจมากที่สุดที่ได้เดินบนรันเวย์ของเซฮุน สำหรับเขาแล้วการเดินแบบหรือถ่ายแบบที่ไหนๆก็เหมือนกันทั้งนั้น จะมีขอยกเว้นที่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากกว่าที่ไหนก็คือทุกครั้งที่ได้ใส่เสื้อผ้าที่เซฮุนเป็นคนตัด
ที่หลังเวทีเซฮุนเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของจงอินทุกชุด ช่วยใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับและถอดเปลี่ยน ความวุ่นวายยุ่งเหยิงไม่ได้ทำให้เซฮุนเร่งร้อนตามไปด้วย เขายังคงประณีตกับงานจนถึงขึ้นตอนสุดท้าย
“ชุดสุดท้ายแล้ว อย่าให้หัวทิ่ม” เซฮุนบอกอย่างอารมณ์ดี นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอและมีความสุขกับมันมากที่สุด เขาสวมกำไลอันใหญ่ให้จงอิน ขยับมันให้เข้าที่แล้วกวาดตาเช็กความเรียบร้อย
“กูไม่ทำให้ขายหน้าหรอกน่า”
“จะคอยดู” เซฮุนแตะแก้มจงอินเบาๆ เบามากจนจงอินแทบไม่รู้สึก
จงอินรีบไปสแตนด์บายเมื่อถูกเรียก แม้จะเดินไปแล้วห้าชุดก็ยังตื่นเต้นอยู่ เขาหันไปมองเซฮุนเพื่อเป็นกำลังใจ สายตาเพื่อนยังจับจ้องที่เขาอยู่ทั้งยังยิ้มให้ จงอินไม่ได้ยิ้มตอบ เขาทำสมาธิ จากนั้นก็เดินออกไปท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์ ก้าวเดินอย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ เสน่ห์ล้นเหลือจนเซฮุนที่ยืนดูมอนิเตอร์อยู่หลังเวทีหัวใจแทบหยุดเต้น เขาทั้งลุ้น ทั้งชื่นชมและภูมิใจในผลงานของตัวเอง เซฮุนมองดูภาพในความฝันของเขาที่กำลังเป็นความจริง
ชุดฟินาเล่ปิดท้ายจบลงด้วยความประทับใจ เซฮุนเดินออกมายืนข้างๆนายแบบของเขารับเสียงปรบมือและสายตาชื่นชม คอลเลคชั่นของดีไซเนอร์หน้าใหม่คนนี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งนายแบบอย่าจงอินก็ได้รับความสนใจจากบรรดาช่างภาพชั้นแนวหน้าและบรรณาธิการนิตยสารหลายๆคน
เซฮุนดึงจงอินเข้ามากอดเมื่อพวกเขากลับเข้ามาหลังเวทีอีกครั้ง จงอินถูกเพื่อนจับเหวี่ยงไปมา เขากอดเซฮุนแน่นไม่แพ้กันแล้วหัวเราะ เซฮุนคงโล่งใจ ขณะที่จงอินเองก็ดีใจไปกับเพื่อน เขาเห็นเซฮุนตั้งใจกับมันมาก ภาพในความทรงจำของจงอินไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าอย่างที่ทุกคนเห็น แต่เป็นภาพมากมายที่ผ่านมาที่มันเริ่มต้นด้วยมิตรภาพ ความทรงจำของเขากับเซฮุนมีมากมายจนสามารถทำให้เขาเสียน้ำตาได้ง่ายๆ
“ร้องไห้เหรอ” เซฮุนมองตาแดงๆของจงอิน น้ำตาที่รื้นอยู่เกือบจะไหล แต่จงอินก็ไม่ได้ปล่อยมันมันไหลออกมา เมื่อบวกกับรอยยิ้มที่จงอินยิ้มให้ ก็เป็นเซฮุนที่อยากจะร้องไห้แทน
“เปล่า…มึงนั่นแหละ” จงอินว่า เช็ดน้ำตาที่ซึมอยู่ตรงหางตาให้เซฮุน
ไม่มีใครรบกวนพวกเขาสองคน ส่วนพวกเขาก็มองเห็นแค่ดวงตาของฝ่ายตรงข้าม เซฮุนแนบฝ่ามือสองข้างจับใบหน้าจงอินดึงเข้ามาหา เอาหน้าผากชนกันค้างไว้ครู่หนึ่งจากนั้นก็ผละออก
“ไปเปลี่ยนชุดเถอะ” เซฮุนไม่ได้มองที่จงอิน เขาพูดจบก็หันหลังเดินออกไปอย่างกะทันหัน ทิ้งจงอินให้มองตามหลังปะปนกันคนอื่นๆจนลับสายตาไป
จงอินยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน เขาแค่นึกถึงแววตาที่เซฮุนมองเขาเมื่อครู่ ทวนมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
…
“กูมีงานที่ปารีสเดือนนึง ต้องไปอาทิตย์หน้า”
จงอินบอกข่าวนี้ตอนที่พวกเขานั่งอยู่ตรงระเบียงห้อง วันนี้พวกเขากินข้าวเย็นกันที่ห้องของจงอินและคืนนี้เซฮุนก็จะนอนที่นี่ หลังจบงานแฟชั่นโชว์มาหนึ่งเดือนงานของจงอินก็เยอะขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้บอกกับเซฮุนเอาวันนี้ทั้งที่น่าจะบอกตั้งแต่วันที่รับงานมา ตอนนั้นเขาดีใจมากที่รู้ว่าจะได้ไปเดินงานแฟชั่นวีคที่ปารีส
“ทำไมไปนานจังวะ”
“มีหลายงาน อยากไปด้วยกันไหม”
“กูมีงานที่นี่ ยังทิ้งไปไม่ได้หรอก”
“อืม…”
“ตั้งใจทำงานนะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ” จงอินยิ้มรับ ลมนอกระเบียงไม่ได้แรงแต่ก็พัดเส้นผมปลิวเป็นระยะ ผมของเขากับเซฮุนจึงยุ่งเหยิงเพราะแรงลม
“อยากให้มึงไปดูกูเดินที่นู่น มันคงทำให้มั่นใจมากขึ้น”
“กูก็เป็นกำลังใจให้มึงตลอด ไม่ว่าไปด้วยหรือไม่ได้ไป”
“ก็รู้…” แต่จงอินก็อยากให้เซฮุนไปด้วยกันอยู่ดี เขาไม่ชินเลยที่ต้องห่างกันนานๆ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เซฮุนส่ายหน้ายิ้มๆ
“แบบไหน”
“แบบที่ไม่อยากอยู่ห่างจากกัน”
“ก็กูไม่อยากอยู่ห่างจากมึงนี่ จะให้ทำหน้าแบบอื่นได้ไง” ได้ยินอย่างนี้รอยยิ้มบนใบหน้าเซฮุนก็ค่อยๆจางลงไป เขานิ่งมองจงอินที่ชอบพูดแต่ประโยคแบบนี้กับเขา เซฮุนไม่อยากให้จงอินพูดมันเลย
“นอนไหม ง่วงรึยัง” เซฮุนถาม บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น แค่ครู่เดียวเขาก็กลับมายิ้มให้จงอินเหมือนเดิม
“ยังเลย ยังอยากอยู่ตรงนี้ก่อน อากาศดี”
“อืม…อากาศดี”
“คิดถึงตอนเราเป็นรูมเมทกัน นั่งคุยกันตรงระเบียงจนเช้าบ่อยๆไม่หลับไม่นอน”
“เวลามึงไม่ง่วงก็พลอยชวนกูคุยจนไม่ได้นอนไปด้วย”
“ไม่คุยกับมึงจะให้คุยกับใคร”
“กูง่วงก็ไม่ยอมปล่อยไปนอน” เซฮุนว่า
“มึงก็ยอมอยู่เป็นเพื่อนกูตลอดเลย…”
“ตลอดเวลา…”
เซฮุนยิ้มให้กับท้องฟ้ามืดๆข้างหน้า จงอินก็เช่นกัน แล้วหลังจากนั้นก็ย้อนนึกกลับไปถึงช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมาร่วมกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันทุกวันก็ยังมีเรื่องให้คุยไม่รู้เบื่อ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยกันกับความสุขมีมากมาย ละเอียดและชัดเจนอยู่ในความทรงจำ พวกเขาจะเริ่มต้นประโยคที่คุยกันว่า ‘จำได้ไหม…’ และจบลงที่รอยยิ้มหรือไม่ก็เสียงหัวเราะ
จงอินกับเซฮุนนั่งคุยกันจนผ่านไปเป็นชั่วโมงทั้งสองคนก็เงียบลง ริมฝีปากยังคงระบายรอยยิ้มน้อยๆ หันมาสบตากันครู่หนึ่ง แล้วต่างคนต่างนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ยังคงแจ่มชัดอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ได้พูดมันออกมา
ฟ้ามืด ระเบียง สายลม ความเงียบ กับจูบ เซฮุนกับจงอินกำลังคิดถึงเหตุการณ์นั้น
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยจูบกัน จูบครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ระเบียงแบบนี้ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง ในหอพักห้องเดียวกัน ก่อนหน้านั้นก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่มีใครจำเรื่องราวที่คุยกันก่อนหน้านั้นได้ พวกเขาจำได้แค่ความนุ่มนวลยามริมฝีปากแตะกันเบาๆ แล้วก็จำรสชาตินั้นได้อย่างลึกซึ้งเมื่อบดเบียดกันอย่างช้าๆ ละเลียดอย่างอ่อนหวานและอ่อนโยน
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือการหลบสายตา กลบเกลื่อนโดยการแกล้งลืม ยิ้มให้กันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครพูดถึง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปหลังจากนั้น
เป็นจูบที่หวานและขมในขณะเดียวกัน รสชาติที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
จงอินค่อยๆเอนซบไหล่ของเซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังนึกถึงเหตุการณ์นั้น ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเซฮุนก็กำลังคิดถึงจูบนั้นอยู่เหมือนกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับความฝันสำหรับพวกเขา ฝันหวานล้ำค่าที่เก็บงำเอาไว้
“ง่วงแล้วล่ะสิ” เซฮุนเอียงซบศีรษะจงอินที่นอนอยู่ตรงไหล่เขา จับมือจงอินมาไว้บนตัก
“ยัง…”
“ฟังเสียงก็รู้”
“นั่งตรงนี้จนเช้าเลยดีไหม” จงอินถาม กระชับมืออบอุ่นของเพื่อน ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็น มือของเขาสองคนก็เริ่มเย็น แต่ตอนนี้มันอุ่นขึ้นแล้ว
“พรุ่งนี้มึงไม่มีงาน แต่กูมี” เซฮุนโขกหัวตัวเองกับจงอินเบาๆ
“ก็หยุดสักวันสิ ทำงานหนักไปแล้ว”
“ตั้งใจว่าอีกสองสามวันค่อยหยุด”
“วันหยุดไม่เคยตรงกับกูเลย” เซฮุนหัวเราะกับคำตัดพ้อ เขาชอบเวลาที่จงอินพูดแบบนี้จนอดไม่ได้ต้องยิ้มทุกครั้งที่ได้ยิน
“เจอกันทุกวัน จะเอาวันหยุดไปทำไม”
“ก็จะได้ไปเที่ยวบ้าง…”
“ไว้มึงหยุดวันไหนอีกก็บอกแล้วกัน กูจะได้เคลียร์งานไว้” จงอินพยักหน้าแล้วก็นิ่งไป เซฮุนจึงฉุดเพื่อนลุกขึ้น สมควรแก่เวลาที่พวกเขาจะเข้านอนแล้ว
มือทั้งสองยังจับกันไว้ เซฮุนจูงอีกคนเข้าห้อง ปิดประตูระเบียง ปิดไฟทั้งหมด ก่อนจะพาเข้าห้องนอนของจงอิน ห้องที่เขาได้เข้ามาเป็นบางครั้งบางคราว
“ฝันดี” เซฮุนปิดไฟดวงสุดท้ายแล้วนอนข้างๆ
“อืม…ฝันดี” จงอินตอบรับ ค่อยๆหลับตาลง คืนนี้เขาคงจะนอนฝันดีจริงๆเพราะมีเซฮุนนอนอยู่ใกล้ๆ
เซฮุนนอนหันหลังให้จงอิน เขาง่วงนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่อยากหลับจึงนอนลืมตาในความมืด เขากำลังรอเวลาให้มันผ่านไปสักพัก นานพอที่เขาจะแน่ใจว่าจงอินหลับไปแล้ว เมื่อแน่ใจ เขาจึงค่อยๆพลิกตัวเบาๆหันกลับมาหา กระเถิบเข้าไปใกล้ๆ
เขานอนมองจงอินอยู่นาน จับจังหวะการหายใจดูว่าสม่ำเสมอหรือไม่ เขาต้องแน่ใจว่าจงอินกำลังหลับ
ที่ระเบียงในวันนั้นเป็นจูบแรกและจูบเดียวที่เขาได้ทำตอนจงอินกำลังรู้สึกตัว แต่ยามที่จงอินหลับนั้นเขาแอบลักลอบทำนับครั้งไม่ถ้วน แม้จูบเหล่านั้นไม่ได้หวานเท่าครั้งที่จงอินตอบสนอง แต่ก็พอจะบรรเทาความรู้สึกลงได้บ้าง
เซฮุนเท้าข้อศอกไว้บนหมอนขณะที่ยกศีรษะขึ้น เขาค่อยๆจรดริมฝีปากแนบลงไปแผ่วเบา หัวใจเต้นรัวทุกครั้งด้วยความตื่นเต้น วาบหวามไปกับสัมผัสแต่เพียงฝ่ายเดียว ย้ำริมฝีปากหนักขึ้นเมื่อจูบย้ำลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง เตะจมูกลงบนแก้ม แตะริมฝีปากกับริมฝีปาก
แล้วรสชาติหวานๆที่เขาเคยชิมก็แผ่ซ่านเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
ริมฝีปากของจงอินตอบสนองกับจูบของเขา ในหัวเซฮุนสับสนแต่ก็ไม่ผละออก ตรงกันข้ามเขากอดจงอินเข้าหาตัว ปลายลิ้นเขาเตะกับลิ้นจงอิน แค่เพียงเท่านั้นเขาก็แทบลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร
เซฮุนพลิกตัวขึ้นทาบทับอีกคน จูบอย่างดูดดื่ม ดูดกลืนทุกอย่างของจงอินที่เขาสามารถทำได้ ผละออกให้หายใจสั้นๆต่อชีวิตแล้วจูบใหม่ เซฮุนคิดว่าตัวเองน่าจะฝันอยู่กับสิ่งที่กำลังทำ เขาฝันแบบนี้บ่อยๆ…ใช่ นี่เขากำลังฝัน แต่ทำไมรสชาติของจงอินถึงได้จริงเหลือเกิน…
เขาไม่ได้ฝัน?
เหมือนมีใครสาดน้ำให้เขาตื่นในเวลาอันรวดเร็ว ตบเขาให้ได้สติ
เซฮุนหยุดการกระทำตัวเอง เขาผละออกจากจงอิน ดึงตัวออกจากสองแขนที่กำลังกอดเขา ในห้องมืดๆเขาเห็นดวงตาของจงอินจ้องมองเขา แต่ไม่รู้มันกำลังสื่อความหมายอะไรกับสิ่งที่เขาเพิ่งทำ
เขากับจงอินอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาปล่อยตัวเองมาไกลถึงขนาดนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจเปิดเผยความรู้สึก ไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะทำให้อะไรๆเปลี่ยนไป…แล้วเขาควรทำยังไง
“ขอโทษนะ”
เซฮุนพูดได้เพียงเท่านั้น ไม่กล้าสบตา เขาค่อยๆลุกขึ้นจากตัวจงอิน ลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากห้องนอนแล้วกลับห้องของเขาไป
“เซฮุน”
เขาได้ยินเสียงเรียกแต่ก็หนีออกมา เขาหนีจากจงอิน และที่เลวร้ายที่สุดก็คือการวิ่งหนีความรู้สึกของตัวเอง เซฮุนไม่ได้หันกลับมามอง เขาทิ้งเพื่อนไว้ทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้จงอินนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
…
เหมือนที่ทำมาตลอด…เซฮุนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จงอินฝืนยิ้มได้ในตอนแรกเมื่อเซฮุนมาหาที่ห้องอีกครั้งในตอนเย็น แต่ยิ่งเซฮุนทำตัวเป็นปกติมากเท่าไหร่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทนมันได้อีก หลังจากนั้นเขาจึงพยายามหลบหน้า พยายามอยู่ห่างจากเซฮุนสักพักในเมื่อเขาไม่สามารถทำตัวเป็นปกติได้
งานที่ปารีสช่วยให้จงอินหลีกหนีจากเซฮุนไปได้สักพัก แม้เขาจะคิดถึงมากมายแค่ไหนแต่เขาไม่พร้อมสำหรับการเผชิญหน้า จูบนั้นของเซฮุนดึงความรู้สึกออกมาจากหัวใจของเขา
บรรยากาศต่างประเทศทำให้จงอินเหงา ยิ่งเหงาก็ยิ่งคิดถึง เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับการเดินแฟชั่นวีคเท่ากับตอนแรก หรือแม้แต่การถ่ายแบบในสถานที่โรแมนติกสวยงามก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น เขาชอบคิดว่าหากเซฮุนอยู่ที่นี่กับเขาในตอนนี้ก็คงดี เห็นอะไรก็นึกถึงแต่เซฮุนไปหมด
เสียงกดชัตเตอร์ใกล้ๆทำให้จงอินหันไปมองที่มา และก็แปลกใจที่ช่างภาพยกกล้องขึ้นถ่ายเขาระหว่างพักการถ่ายแบบ
“สวย”
อีแทมินพูดคำติดปาก จงอินได้ยินบ่อยๆตอนถ่ายแบบด้วยกัน แต่เมื่อได้ยินนอกเวลางานเขาก็นึกแปลกใจ
“สวยยังไง นั่งอยู่เฉยๆ” จงอินถาม ลุกขึ้นมาขอดูภาพที่เพิ่งถ่าย
“นั่งเฉยๆนั่นแหละ สวยแล้ว” จงอินดูภาพในกล้องเห็นหน้าเศร้าๆของตัวเองก็ไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหน
“หน้าไร้อารมณ์ออกขนาดนั้น”
“เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างหาก” แทมินพูดแล้วก็ยิ้ม ทำงานกับจงอินมาสองสัปดาห์ทำให้พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน ก่อนหน้านี้ที่เกาหลีเขาก็เป็นช่างภาพให้จงอินตั้งหลายงานจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของนายแบบคนนี้ เขามองไม่ค่อยเห็นชีวิตชีวาแบบเมื่อก่อน จะเห็นก็แต่อาการเศร้าซึมเหม่อลอย แววตาเหมือนคิดถึงอะไรบางอย่างตลอดเวลา…หรืออาจจะเป็นใครบางคน
“ทำไมไม่ชวนเซฮุนมาด้วยกันล่ะ” เขารู้จักเซฮุน ใครๆก็รู้จักดีไซเนอร์กับนายแบบคนนี้ ไม่มีทางรู้จักแค่คนใดคนหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่เห็นคนทั้งคู่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา
จงอินได้ยินคำถามก็นิ่งไป เขารู้สึกเศร้าจนแสดงมันออกมาทางแววตาให้แทมินได้รับรู้
“เซฮุนมีงาน”
“ถึงว่า…พอห่างกันก็หน้าเศร้าเชียว”
“ไม่ได้เศร้าเพราะห่างกันหรอก”
“อืม…” แทมินไม่ได้ถามอะไรลงลึกไปกว่านั้น เขาคิดว่าจงอินกับเซฮุนบางทีอาจจะทะเลาะกัน จากสายตาคนนอกที่ไม่ได้รับรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองคน ใครๆก็คิดทั้งนั้นว่าจงอินกับเซฮุนไม่ใช่แค่เพื่อน ซึ่งแทมินเองก็คิด จากการแสดงออก สายตา และความใกล้ชิด มันดูพิเศษไปหมด ต่อให้ปฏิเสธก็ไม่มีใครอยากเชื่อ
“เดี๋ยวก็ได้กลับเกาหลีแล้ว ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” แทมินบอก กดชัตเตอร์ถ่ายภาพจงอินอีกครั้งไม่ให้จมกับความเศร้าไปมากกว่านี้
“ยังไม่อยากกลับ…”
จงอินพูดเสียงเบา เขายังไม่พร้อม แม้จะจิตใจจะโบยบินไป คิดถึงเซฮุนอยู่ทุกลมหายใจของเขาก็ตาม
…
ตลอดเวลาที่จงอินอยู่ปารีส เซฮุนติดต่อเพื่อนไม่ได้เลยสักครั้ง
จงอินตั้งใจหลบหน้าเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป เซฮุนอยากจะย้อนเวลากลับไป อยากทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากให้จงอินลืม แล้วก็อยากให้พวกเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม
เซฮุนคิดถึงจงอินจนไม่เป็นอันทำงาน สภาพโทรมยิ่งกว่าตอนโหมงานหนัก ข้าวก็ไม่ค่อยได้กินเพราะไม่มีใครคอยซื้อมาให้ ไม่อยากอาหาร ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เกือบเดือนที่เขาอยู่ในสภาพนั้น นึกทวบทวนเรื่องระหว่างเขากับจงอินซ้ำไปมา เขาไม่เคยทำให้จงอินโกรธหรือทะเลาะกันนานขนาดนี้มาก่อน จงอินไม่เคยหลบหน้าเขาแบบนี้ แม้แต่เสียงก็ยังไม่ให้เขาได้ยิน เซฮุนปวดใจ หัวใจเต้นทีไรก็เจ็บ เจ็บอยู่ตลอดเวลา
เซฮุนกดโทรศัพท์โทรหาอีกครั้ง เป็นร้อยสายแล้วที่ไม่มีคนรับแต่ก็ยังพยายาม เดินไปเดินมาทั่วร้านตอนดึกดื่น พอไม่มีจงอินแล้วเขาก็เหมือนไม่มีอะไรอีกเลย
เสียงสัญญาณยังคงดังอยู่ไร้การตอบรับ เซฮุนหมดความอดทน ปาโทรศัพท์เข้ากับผนังจนแตกกระจาย เขากำลังจะเป็นบ้า…
ในวินาทีนั้น เซฮุนคิดว่าเขาจะไปตามหาจงอิน แม้จะไม่รู้ว่าจงอินอยู่ที่ไหน อยู่ไกลแค่ไหน…หรืออยู่ใกล้แค่ไหน
เมื่อเซฮุนตัดสินใจได้เขาก็หันออกไปมองนอกร้าน แล้วทุกอย่างรอบตัวก็หยุดนิ่ง
เขาเห็นจงอินยืนอยู่ตรงนั้น หน้ากระจกใสบานใหญ่ จงอินสะดุ้งตกใจเหมือนไม่ทันตั้งตัว เซฮุนไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง เขาไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา ขาขยับวิ่งออกมาก่อนที่สมองจะสั่งการ
จงอินรีบคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าเซฮุนจะหันมาเห็น แค่ก้าวขาออกเดินเพียงก้าวเดียวเพื่อนของเขาก็วิ่งมาคว้าข้อมือไว้แน่น
“จงอิน!”
เซฮุนจับลากอีกคนที่ทำท่าจะหนีไปเข้าร้าน จงอินพยายามขืนแรงแต่ก็ไม่สามารถหนีไปจากเขาได้ จะเป็นจะตายเขาก็จะไม่ปล่อย
“ทำไมโทรไปไม่รับวะ!” สายตาเซฮุนมองจ้องโทรศัพท์ในมือจงอิน ทั้งๆที่อยู่ในมือแท้ๆก็ยังปล่อยให้เขาทรมาน ใจแข็งไม่ยอมรับสาย ใจร้ายมากที่ปล่อยให้เขาโทรจนเหมือนคนบ้า
จงอินเงียบ ตั้งแต่กลับมาเขาก็รีบตรงมาที่นี่ เขาไม่รู้หรอกว่าเซฮุนจะอยู่ที่นี่หรือไม่แต่ก็ลองเสี่ยง เขาแค่อยากเห็นหน้า แต่ไม่ได้อยากเผชิญหน้ากัน จงอินถือโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาที่เซฮุนโทรมาก มองดูภาพเพื่อนที่กำลังคลุ้มคลั่งเพราะเขาจนสุดท้ายหมดความอดทน โทรศัพท์แตกกระจายพร้อมสัญญาณที่เงียบไป เขามองภาพเหล่านั้นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่เคยเห็นเซฮุนแสดงท่าทีแบบนี้ต่อหน้าเขา ไม่เคยเห็นเซฮุนจะเป็นจะตายเพราะเขา
“กู…” จงอินพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกสับสนไปหมด
“มึงอยากเห็นกูเป็นบ้าเหรอ มึงไม่คิดถึงกูบ้างสักนิดเลยรึไง” เซฮุนดึงจงอินมากอดแน่นมากจนอึดอัดไปหมด
“แล้วคิดว่ากูไม่ทรมานเหรอ ทำไมมึงทำแบบนี้กับกูทำไมวะเซฮุน”
“ขอโทษ…กูขอโทษที่จูบ เราลืมมันเหมือนครั้งนั้นได้ไหม”
จงอินคลายอ้อมแขนที่กอดเซฮุนออกทิ้งลงข้างตัว รู้สึกหมดแรงที่ได้ยิน เขาห้ามน้ำตาไม่ไหวต้องปล่อยให้มันไหล ก้อนสะอื้นตีขึ้นมารู้สึกปวดไปหมด
“กูไม่ลืม…”
“ขอโทษ ยกโทษให้กูนะ” เซฮุนพูดซ้ำๆ จงอินก็ยิ่งร้องไห้
“ทำไมมึงชอบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…เซฮุน ทำไมมึงถึงทำได้ แต่กูทำไม่ได้…ทำไมมึงถึงทำเหมือนว่ารัก…แต่สุดท้ายก็ผลักกูกลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิม”
เซฮุนยังคงกอดจงอินไว้ น้ำตาเขาเองก็ไหลไม่ต่างจากอีกคน
“กูอยากอยู่กับมึงตลอดไป…จงอิน…มึงไม่เข้าใจเหรอ”
“ไม่เข้าใจเลยสักนิด”
“ถ้าเป็นเพื่อนกัน…มึงก็ทิ้งกูไปไหนไม่ได้”
เขาอยากอยู่ข้างๆจงอิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ความเป็นเพื่อนจะอยู่กับเรายาวนานที่สุด เซฮุนคิดอย่างนั้น เป็นเพราะเขารักจงอินมากเกินไป มากจนเห็นแก่ตัวต้องการผูกมัดไว้ทั้งชีวิต เขาคิดไปเองว่ามันดีอยู่แล้วที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่เห็นชัดเจนว่าไม่…เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นอย่างที่คิดได้
เซฮุนพยายามอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ต้านทานความรู้สึกต้องการและความใคร่ไม่ได้อยู่ดี…ก็ในเมื่อเขาไม่ได้รักจงอินแบบเพื่อนมาตั้งแต่แรก
“อยากเป็นแค่เพื่อนจริงๆใช่ไหม…มึงไม่ได้รักกูใช่ไหม” จงอินดันเซฮุนออก เช็ดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ เช็ดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไหลลงมาอีก
“……”
“ใช่ไหม…” จงอินย้ำถาม
“……”
“กูรักมึงมากแค่ไหนมึงไม่รู้เลยเหรอเซฮุน…มองไม่เห็นเลยเหรอ ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อน…ทั้งที่มึงก็รักกู”
“กูคิดถึงสักวันที่เราเลิกกัน หรือมึงหมดรักกู”
“อย่าไปคิดถึงมันได้ไหม! รักก็บอกว่ารัก! บอกกูได้ไหม!”
จงอินผลักอกเซฮุนที่พยายามกอดเขา เขาต้องการให้เซฮุนพูดมันออกมา เขาไม่ต้องการทนให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ต้องการกลับไปเป็นเหมือนเดิม
เซฮุนรวบมือที่กำลังผลักไส รวบกอดจงอินเข้ามาจนได้ เขาจู่โจมเข้าจูบริมฝีปากที่แสนเรียกร้องเอาแต่ใจ ไม่รู้เลยว่าทำให้เขาลำบากใจแค่ไหน มันกำลังจะทำให้ความสัมพันธ์พวกเขาเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วจริงๆ
จูบนี้มีรสชาติของน้ำตา จงอินโอบคอเซฮุนแน่น โต้ตอบจูบร้อนแรงของคนที่เรียกว่าเป็นเพื่อน
“ไม่อยากเป็นเพื่อน…” จงอินกระซิบบอกระหว่างที่กำลังจูบ เซฮุนสอดลิ้นเข้าไป กลืนกินคำพูดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากของเขา ความรักที่กักเก็บเอาไว้ของเซฮุนกำลังจะระเบิดออกมา
เซฮุนดันจงอินให้เดินถอยหลังไปชนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ กวาดงานที่คั่งค้างทุกอย่างลงก่อนยกตัวจงอินขึ้นไปนั่ง ริมฝีปากไม่ผละออกจากกันมีแต่จะรุกเร้า แต่จงอินก็ยังไม่ลืมว่าเขาต้องการคำตอบ
“เซฮุน...” เมื่อจงอินเรียกอีกครั้งเซฮุนก็ถอนจูบออก แตะหน้าผากเขากับหน้าผากจงอิน สบตากันอยู่ในความเงียบนานเป็นนาที
“รัก…กูรักมึงจงอิน”
“อืม…” จงอินหลับตา เขายิ้มทั้งน้ำตา ซึมซับคำพูดนั้นที่อยากฟังจากเซฮุน
“รักมาก”
“อืม…”
“อะไรจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ กูอยากอยู่กับมึง…กูอยากอยู่กับมึงไปตลอดชีวิตจริงๆนะ”
“อืม”
เซฮุนจูบเบาๆหนึ่งครั้งแทนคำสัญญา ค่อยๆเลื่อนมาจูบแก้ม ซุกไซ้ผิวกายของจงอินตรงซอกคอ หนวดที่ไม่ได้โกนหลายวันให้ความรู้สึกสากระคายแต่ก็กระตุ้นเร้าอารมณ์ เซฮุนถอดเสื้อให้จงอินโยนทิ้งไปไกลๆไม่สนใจไยดีเสื้อผ้า เมื่อเปิดเผยความรู้สึกระหว่างกันแล้วพวกเขาก็เปิดเผยความต้องการออกมาเช่นกัน จงอินถอดเสื้อเซฮุนออกให้ ขณะที่เซฮุนลูบไล้ไปบนร่างกายของจงอิน ผิวกายนั้นร้อนผ่าววูบวาบ เขาพรมจูบลงไปด้วยความหลงใหล แม้จะเห็นนับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่เคยได้สัมผัสเช่นนี้มาก่อน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร่งเร้าด้วยอารมณ์และเวลาที่กักเก็บไว้ อะไรก็ดูไม่ทันใจไปซะหมด จงอินถูกจับเปลือยทั้งช่วงบนและช่วงล่าง เรียวขาและช่วงสะโพกถูกบีบเค้น เซฮุนสูดหายใจเข้าระงับอารมณ์เมื่อจงอินกอดเขาด้วยเรียวขา ไม่ว่ายามแยกออกหรือเคลื่อนไหวเซฮุนก็มองไม่ละสายตา ฝ่ามือเขาลูบสัมผัสแก่นกายของจงอิน ปลุกปั่นจนได้ยินเสียงครางแผ่ว พร้อมๆกับมืออีกข้างที่ค่อยๆล่วงล้ำเข้าไปทางด้านหลัง
จงอินสะดุ้งเกร็งจากความเจ็บที่ไม่คุ้นเคย เซฮุนรับรู้ได้ทันทีจึงรอให้เวลาในการปรับตัว ปลุกเร้าอย่างใจเย็นแม้ในกายจะร้อนรุ่มเดือนพล่าน เขาลากไล้ปลายลิ้นสะกิดยอดอกที่อยากลิ้มรสมานานแสนนาน แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากเชื่อว่าเขากำลังจะได้ร่วมรักกับจงอิน
จงอินหอบหายใจหนักเมื่ออารมณ์ค่อยๆพุ่งสูง แอ่นเกร็งเป็นระยะด้วยความวาบหวาม อยากจะเรียกร้องอะไรสารพัดแต่ทำได้แค่บิดเร่าไปมา เมื่อเซฮุนล่วงล้ำเข้ามาเขาก็ผวาขึ้นกอดด้วยความเจ็บ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดแม้จะมีอารมณ์ร่วมมากแค่ไหน ใช้เวลาไปมากมายกว่าจะคุ้นชิน ปลุกเร้าจนเหงื่อออกโทรมกายไปหมด
“อือ…” เซฮุนขยับกายช้าๆ มองดูร่างกายของจงอินในห้วงอารมณ์ แอ่นโค้งสวยงามไร้ที่ติ เขาชอบจงอินยามเปลือยเปล่า ไม่ต้องมีเสื้อผ้าบนร่างกายจงอินของเขาก็งดงาม
จงอินทาบมือไปบนแผ่นอกของเซฮุน ลากไล้ลงมาบนหน้าท้องแข็งเกร็งขณะอีกคนที่โน้มตัวลงมาจูบเขา ความเจ็บและความอึดอัดปนเปกับอารมณ์วาบหวาม เซฮุนร้อนแรงกว่าตอนไหนๆที่เขาเคยเห็น จงอินชอบอารมณ์ในห้วงรักของเซฮุนที่แสดงออกความต้องการ ล่วงล้ำเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกๆครั้งที่ย้ำโดนจุดนั้นเหมือนเขากำลังโดนบอกรัก
“เซฮุน…” จงอินเรียกร้อง หอบหายใจหนัก ต้องการให้เซฮุนรักเขามากกว่านี้อีก
เจ้าของชื่อจับเรียวขาของจงอินข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า พาตัวเองเข้าไปลึกขึ้น กระแทกหนักอย่างไม่อาจห้ามใจ สายตาจับจ้องคนที่เขารักมากที่สุดกำลังขมวดคิ้วแน่นกัดริมฝีปาก
จงอินจ้องตาเซฮุน ใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เขาหลบสายตานั้นหันศีรษะหนี แต่แล้วร่างกายก็ต้องร้อนกว่าเดิมเจอภาพที่สะท้อนจากกระจกบานใหญ่
ภาพที่เขานอนราบไปกับโต๊ะ เรียวขาที่ยกขึ้นพาดบ่าข้างหนึ่งปลายเท้าอยู่ค้างกลางอากาศโดยมีเซฮุนกำลังขยับตัวกระแทกกระทั้นทำให้เขาไม่สามารถละสายตาออกมาได้
“จงอิน…” เซฮุนเรียกเขาเสียงแหบพร่า เขาเห็นเซฮุนจูบข้อเท้าเขาผ่านกระจกขณะขยับเคลื่อน จงอินครางรับสัมผัสเหล่านั้น เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว
เซฮุนเองก็เช่นกัน เขาจับขาจงอินลงและเร่งจังหวะ เรียกร้องความสนใจจากจงอินให้ละสายตาออกจากกระจกด้วยการโน้มตัวลงไปจูบ กอดรัดกันแน่นในช่วงนาทีสุดท้าย กระซิบคำว่ารักเบาๆข้างหูกันและกัน
เซฮุนมีความสุขมากเมื่อได้กอดจงอินแบบนี้ ยอมโยนคำว่าเพื่อนทิ้งไปและมีความสุขไปกับนาทีนี้ให้มากที่สุด รักจงอินให้มากที่สุดในแบบที่อยากจะรัก
หลังความรู้สึกท่วมท้นหลั่งล้น…ทั้งสองคนกอดกันนิ่งๆโดยไม่มีใครยอมปล่อย
จงอินจูบต้นคอชื้นเหงื่อของเซฮุน คลอดเคลียด้วยความคิดถึง ไม่รู้ว่าเซฮุนจะรู้ไหมว่าเขาคิดถึงแค่ไหน ทรมานแค่ไหนที่ต้องห่างกัน
“…รักเซฮุน” จงอินบอก เขายังกลัวว่าเซฮุนจะผลักไสเขากลับไป หรือมันอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
เซฮุนค่อยๆลุกขึ้น เดินไปหยิบผ้าผืนใหญ่มาห่มเขากับจงอินและนอนข้างกันบนโต๊ะ กอดจูบคลอเคลียกันในแบบคนรัก
“กลับคอนโดไปก็โกนหนวดด้วยนะ”
“เจ็บเหรอ” เซฮุนถาม แกล้งซุกไซ้ใบหน้าถูเข้ากับซอกคอจงอิน
“เจ็บแบบนี้ไม่เท่าไหร่ แต่มึงดูโทรมมาก”
“ใครให้มึงหลบหน้าหนีกูไปล่ะ”
“ถ้ากูไม่กลับมาหามึงจะทำยังไง”
“ก็ไปตาม…”
“กูไม่กลับไปเป็นเพื่อนมึงอีกแล้วนะ ถึงมันจะมีความสุข แต่ก็ทรมาน อยากกอดมึงแบบนี้มากกว่า”
“กูก็อยากกอด”
“ทีหลังไม่ต้องแอบจูบด้วย จะจูบก็จูบ”
“อืม..” เซฮุนยื่นหน้าไปจูบทันทีที่พูดจบ เขาได้ยินจงอินหัวเราะเบาๆ
“มึงโคตรปากแข็งเลย” จงอินว่า
“แข็งยังไง”
“ปากแข็ง ใจแข็ง กว่าจะยอมรับ”
“กูคิดว่ามึงรู้อยู่แล้วว่ากูรักมึง ทุกอย่างที่กูทำก็เห็นอยู่ชัดๆ” จงอินพยักหน้ารับ ดวงตาเริ่มหรี่ปรือลง เขากำลังถูกกล่อมด้วยสัมผัสอ่อนโยนของเซฮุน
“แต่ถ้าอยากได้ยินก็จะบอกอีกครั้งแล้วกัน…รัก”เซฮุนบอกชัดๆให้จงอินซึมซับคำนั้น
“ไม่ใช่แค่สถานะเพื่อนที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปหรอกนะเซฮุน…ถ้าเราอยากอยู่ด้วยกัน จะสถานะอะไรเราก็ได้อยู่ด้วยกัน”
จงอินพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะปิดตาลงอย่างไม่อาจต้านทานความเหนื่อยล้า เซฮุนยิ้มบางกระชับอ้อมกอด เขาไม่กังวลอะไรแล้วทั้งนั้น แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองอย่างที่จงอินทำ…
รักจงอินอย่างที่เขาอยากจะรัก…แค่นั้น
#alotlike88
ความคิดเห็น