ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Lost On You [ChanKai]

    ลำดับตอนที่ #18 : Lost On You 18

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 60


    Lost on You

    [18]

     

     

     

    ซัมเมอร์ในอเมริกาคราวนี้โลดโผนกว่าปีที่แล้วหลายเท่า ด้วยวัยที่โตขึ้น กับความกล้าบ้าบิ่นที่ไม่รู้ว่ามันซุกซ่อนอยู่ตรงไหนในตัวของเรา

     

    แทมินชอบชีวิตอิสระ การใช้ชีวิตของแทมินก็เหมาะกับที่นี่ ส่วนตัวผมคิดว่าไม่มีที่ไหนเหมาะกับตัวเองเป็นพิเศษ มีแต่ที่ที่ผมอยากอยู่เป็นพิเศษซึ่งละเอาไว้ นอกเหนือจากนั้นผมก็สนใจแค่เรื่องเต้น ในแต่ละครั้งที่มาผมได้เรียนรู้เยอะมาก คราวนี้เพื่อนใหม่ในสถาบันชวนพวกเราไปรวมกลุ่มเต้น เสียดายที่ผมกับแทมินอยู่ด้วยสั้นเกินไปที่จะเข้าประกวดแข่งขันในรายการหนึ่ง แต่เราก็มีส่วนร่วมในการออกแบบท่าเต้นเป็นส่วนใหญ่ เพื่อนอเมริกันที่นี่ชอบความแปลกใหม่ของเรา ผมสนุกกับการคิดท่าใหม่ๆพร้อมๆกับซึมซับเรียนรู้ในสิ่งที่เรายังขาด เราเหนื่อยกันทุกวันแต่ก็มีความสุข เต้นจนเหนื่อย เที่ยวจนเหนื่อย เวลาไหลผ่านไปเร็วกว่าที่คิด

     

    แทมินได้ประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆเพิ่มมาอีก แต่ไม่ได้สานความสัมพันธ์ทางใจอะไร แค่สนุกสนานไปตามประสา เหมือนผมมองเห็นพี่ชายโตขึ้นกว่าตัวเองไปอีกปี กล้ามีความรัก ไม่กลัวความผิดหวัง เรียนรู้ และเริ่มใหม่อย่างคนมีประสบการณ์ ขณะที่ผมเหมือนย่ำอยู่กับที่ โทรคุยกับอาทุกวัน บอกว่าคิดถึง แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากบอกว่ารักสักครั้ง

     

    หนึ่งปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของผมกับอาพัฒนาขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะสมหวังแล้ว คำว่าสมหวังดูจะอยู่ไกลเกินเอื้อมด้วยซ้ำ ในเมื่อทั้งผมทั้งอาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้กันมากไปกว่านี้ เพราะเราต่างก็กลัว

     

    ใช่ เพราะคำสั้นๆคำนี้คำเดียว  กลัว

     

    “อาไม่ยอมรับโทรศัพท์” ผมบอกแทมินอย่างฉุนเฉียว อยากได้ยินเสียงอาแต่กลับได้ยินแต่เสียงสัญญาณ แทมินถอดเสื้อโยนลงพื้นแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว ฟังผมบ่นด้วยสีหน้าติดจะเหนื่อยหน่าย

    “อาทิตย์หน้าก็จะกลับแล้ว ไม่คุยกันแค่นี้จะเป็นจะตายไปได้”

    “ก็วันนี้ยังไม่ได้คุยกัน แล้วโทรไปก็ไม่รับ”

    “คงติดธุระ เชื่อเหอะพอเห็นว่านายโทรไปเยอะขนาดนี้เดี๋ยวก็รีบโทรกลับมา”

    “ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่”

    “คิดมาก”

     

    แทมินเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมนั่งมองมือถือ แล้วก็กดโทรออกอีกครั้ง คราวนี้สัญญาณดังขึ้นสองที ก่อนที่อาจะรับสาย

     

    “จงอิน?

    “อาทำอะไรอยู่”

    “นอน โทษทีอาไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์” เสียงอางัวเงีย ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาที่ไปรบกวนเวลานอน อาอาจจะโหมงานหนักแล้วเพิ่งได้นอนก็ได้

    “งั้นผมวางก่อนดีไหม”

    “ไม่ ไม่ต้องวาง วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

    “ก็เหนื่อยเหมือนเดิม มีคนเกาหลีมาใหม่ที่คลาสด้วย เต้นเก่งมาก โจเอลเลยชวนมาอยู่ในทีมด้วยกัน”

    “มีเพื่อนเพิ่มอีกแล้วสิ เดี๋ยวคงพากันเที่ยวอีก”

    “เที่ยวอยู่แล้ว ว่าจะไปกันพรุ่งนี้ ก็จะโทรมาบอกอาไว้ก่อน”

    “อย่ากลับดึกมาก เข้าใจรึเปล่า ดื่มได้แค่นิดหน่อย”

    “รู้แล้ว

     

    ผมพูดขาดตอนไปเพราะเหมือนได้ยินเสียงคนแว่วๆ เป็นเสียงผู้หญิง เบามากจนนึกว่าหูฝาด ผมเงียบตั้งใจฟัง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

     

    “อาอยู่กับใครรึเปล่า” ผมถาม ใจเต้นตึกตักด้วยความกลัว

    เปล่า อยู่คนเดียว”

     

    ผมพูดอะไรไม่ออก อยากจะให้ตัวเองหูฝาด แต่ก็เหมือนผมได้ยินจริงๆ หรือไม่อย่างนั้นอาก็โกหกผม

     

    “จงอิน อาอยู่คนเดียว” อาย้ำ ผมจึงทำใจให้เชื่อตามนั้น ไม่แน่ใจว่านั่นคือการหลอกตัวเองรึเปล่า แต่ก็ดีกว่าคาดคั้นเอาคำตอบ กลับกันถ้าเป็นอาคงคาดคั้นว่าเป็นเสียงของใคร ผมอยู่กับใคร อยู่ที่ไหน ต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด

    “อาอยู่กับคนอื่นผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก” ผมบอกให้เขาสบายใจ เก็บความไม่สบายใจไว้กับตัว

    “จงอินน่าจะอยู่ที่นี่กับอา”

    “วันนี้ผมได้บอกรึยังว่าคิดถึง อยากให้ถึงอาทิตย์หน้าแล้ว”

    “อาบอกพี่คังอินแล้วนะว่าจะไปรับจงอินกับแทมินให้”

    “ครับ มาเร็วๆนะ ผมไม่อยากรอ”

    “อืม จะไปรอ”

    อาสัญญา และทำตามสัญญาเมื่อผมกลับถึงที่นั่น ผมก็เจอเขาเป็นคนแรกโดยไม่ต้องมองหาเลยสักวินาที

     

     

    ก่อนกลับจากอเมริกาผมใจหวิวๆ แทมินบ่นไม่อยากกลับ ในใจผมก็ชอบการใช้ชีวิตที่นี่เหมือนกัน มันมีเสน่ห์บางอย่างของการเต้นที่ผมชอบ ที่ใจหวิวคงเพราะผมเสียดาย คราวหน้าผมกับแทมินคุยกันว่าจะขอพ่อมาสักหลายๆเดือนกว่านี้ เพื่อมาตามความฝันที่ยังรอเราอยู่ที่นี่

     

    ฤดูร้อนในความทรงจำผ่านไป ผมก็ได้กลับมาเจออาอีกครั้ง อายังคงดูดีเสมอ โดดเด่นสะดุดตาแม้จะยืนหลบอยู่มุมใดมุมหนึ่ง คราวนี้เราไม่ได้กอดกันด้วยความคิดถึง เราแค่ยืนมองกันและกัน ผมมองอาหาความเปลี่ยนแปลง มองเข้าไปในดวงตาค้นหาความรู้สึกของเขา อยากเห็นแววตาแบบเดิมที่เขามองผม และเขาก็มองผมด้วยสายตาแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดเดียว

     

    อาชานยอลคว้ามือผม จูงผมให้เดินตามไปที่รถ แทมินเดินตามพวกเรามาเงียบๆไม่พูดอะไรเลย แต่สายตากลับสังเกตเราทั้งคู่ตลอดเวลา

     

    อาขับรถเร็วมากไปส่งผมกับแทมินที่บ้าน ฝนเริ่มลงเม็ดเปาะแปะและค่อยๆตกหนักขึ้นจนมองแทบไม่เห็นทาง ผมบอกให้อาชะลอรถลงหน่อยเขาก็ชะลอลง เมื่อถึงหน้าบ้านแทมินลงไปก่อน ขนกระเป๋าลงไปเองเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ผมไม่ทันได้ขยับตัวอาชานยอลก็ออกรถอีกครั้ง เราไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ผมมองทางไปคอนโดของอาผ่านน้ำฝน ฟังเสียงฟ้าร้องอย่างไม่นึกกลัว แม้อากาศจะดูเหงาๆ ผมก็ไม่รู้สึกเหงา ไม่เหมือนฤดูร้อนสดใสที่นู่นที่ผมรู้สึกเหงาเพราะไม่ได้เจออา

     

    ไม่นานนัก ด้วยความเร็วรถที่ไม่ได้ลดลงสักเท่าไหร่ก็ถึงคอนโดข อาชานยอลจอดรถตรงที่จอดของเขา ยังไม่ดับเครื่องเขาก็หันมาหาผม จู่โจมเข้ามาจูบจนผมตั้งตัวไม่ทัน เป็นการเริ่มต้นที่ร้อนแรงอย่างที่เขาไม่เคยทำ ปกติแล้วอาจะจูบผมเบาๆ เริ่มอย่างอ่อนหวานค่อยๆไต่ระดับร้องแรงขึ้น ไม่เหมือนกับคราวนี้ที่เหมือนกับอดทนอดกลั้นมานาน พออยู่ในที่ลับตาคนเป็นส่วนตัวเท่านั้นผมก็หายใจแทบไม่ทัน

     

    อาจับคางผมให้เงยขึ้นรับจูบ พอหายตกใจแล้วผมก็ตอบรับสัมผัสเขา ดูดดึงริมฝีปากของอาอย่างโหยหา ปลดปล่อยความคิดถึงออกมา ผมกอดเขา ขณะที่เขารั้งตัวผมขึ้น ดึงผมเข้าไปหา ผมปืนข้ามเกียร์ไปตามแรงชักนำ นั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ลิ้นเราเกี่ยวเข้าหากันทันทีเมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ ร้อนแรงจนผมต้านทานอารมณ์ไม่ไหว

     

    “อืม

     

    ผมหลุดเสียงครางแปลก ทันทีที่ได้ยินเสียงตัวเองผมก็เม้มปากไม่ให้อาจูบและเบี่ยงหน้าหนี ร่างกายอึดอัดเมื่อโดนปลุกเร้า หากไม่หยุดผมคงต้องทรมานกว่านี้แน่

     

    “หยุดดีไหม” ผมหอบหายใจถาม อาลมหายใจร้อนมาก แขนทั้งสองข้างของเขากอดรัดเอวกับแผ่นหลังผมเอาไว้ จะลุกจากตัวเขาก็ไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ชิดผมก็ยิ่งรู้สึก เราจ้องตากัน สายตาของอาเต็มไปด้วยอะไรหลายอย่าง เหมือนบอกว่าคิดถึง ต้องการ และกำลังทรมานเหมือนกับผม แต่คราวนี้แตกต่างออกไปตรงที่ผมไม่เห็นความลังเลใจ

    “ไม่หยุดได้ไหม” อาถามผมกลับ

     

    ผมกัดริมฝีปากแน่น ตั้งตัวไม่ทัน

     

    อากระซิบบอกว่าคิดถึงเบาๆ เขาไม่ค่อยพูดว่าคิดถึง มีแต่ผมที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว พอเขาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนบวกกับสถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่จะพูดว่าคิดถึงอาเหมือนกันผมก็พูดไม่ออก ปล่อยให้เขาจูบผมอีกครั้ง ถูกเขาชักนำและคล้อยตาม

     

    ผมหลุดเสียงครางแปลกๆอู้อี้ในลำคอเมื่ออาชานยอลลูบมือเข้ามาในเสื้อ ต้องบิดตัวหนีสัมผัสที่ให้ความรู้สึกวูบวาบ หอบหายใจกระเส่า ด้วยเพราะไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้ ไร้ประสบการณ์ ไม่เคยโดยใครแตะต้อง ผมจึงรู้สึกได้ง่ายจนน่าอาย

     

    “อา” ผมเรียกในจังหวะที่เขาผละริมฝีปากออก อาชานยอลครางรับในลำคอ เป็นเสียงแบบที่ผมไม่เคยได้ยินจากอา ยิ่งทำให้อารมณ์ผมร้อนขึ้น

     

    มือของเขาจากที่ลูบหน้าท้องผมค่อยๆเคลื่อนลงต่ำ ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ ล้วงลึกลงไป ผมเกร็งตัวกัดปากแน่นพยายามไม่ส่งเสียออกมา มือใหญ่ๆหยาบกร้านของเขากอบกุมมัน ผมจับข้อมือเขา ไม่แน่ใจว่าอยากให้เขาปล่อยหรืออยากให้เขาทำอะไร

     

    อาชานยอลจูบผม มองผมที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา ผมไม่กล้าสบตา หลับตาตอบรับริมฝีปากชื้นๆ หลุดเสียงครางเป็นระยะเมื่อเขาขยับมือ อีกมือหนึ่งที่ว่างของเขาปลดกางเกงตัวเองรูดซิปลง

     

    ความร้อนของเขาแนบสนิทเข้ากับความร้อนของผมโดยมือของเขาที่กอบกุม บังคับควบคุมจังหวะของเราเข้าด้วยกัน

     

    ความรู้สึกแปลกใหม่แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ผมกำเสื้ออาไว้แน่นจนยับย่น ขยับสะโพกตามมือของเขาโดยไม่รู้ตัว แหงนเงยศีรษะขึ้นขณะที่เขาลากปลายลิ้นตรงลำคอ เขาปลดกระดุมเสื้อผมลงดูดเลียไปตามแนวไหปลาร้า

     

    ผมหอบหนัก ครางหนักขึ้นเมื่อเริ่มทนไม่ไหว ผมบอกอาว่าผมไม่ไหวเขาก็ยิ่งเร่งจังหวะมือ เพียงไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมาครั้งแรก จากนั้นเขาก็ยังไม่หยุด เราจูบกันอย่างดุเดือดจนเขาทำให้ผมปลดปล่อยออกมาครั้งที่สองซึ่งเกือบจะพร้อมกันกับครั้งแรกของเขา พายุของเราถึงค่อยๆสงบ ผมซบหน้ากับบ่าอาขณะปรับลมหายใจ มือที่กำเสื้อของเขาค่อยๆคลายออกเลื่อนไปกอดคอ ผมกอดอาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

     

    อากอดรัดผมตอบแนบแน่น เรากอดกันนิ่งๆสักพักเขาก็คลายกอด เอื้อมมือไปดึงทิชชู่มาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ใส่กางเกงกลับให้ผมและติดกระดุมเสื้อ

     

    ผมยังคงไม่กล้าสบตา ไม่กล้ามองมือของเขา

     

    “ใครให้ทำผมสีนี้” เขาลูบจับผมของผม ปัดผมข้างหน้าออกไม่ให้ปรกตา

    “แทมิน”

    “ว่าแล้ว”

    “อาไม่ชอบเหรอ” ผมได้ยินอาถอนหายใจเลยถาม ตอนที่อยู่ที่นู่นแทมินนึกสนุกชวนผมย้อมผมเป็นสีเทาเหมือนกัน จับผมนั่งทำโดยไม่ถามความสมัครใจ พอทำเสร็จเรียบร้อยก็ชมผมว่าทำแล้วดูเซ็กซี่ดี แต่มันอาจจะไม่เซ็กซี่อย่างที่แทมินว่าเพราะอาชานยอลไม่เห็นจะชมบ้าง

    “ชอบ แต่ย้อมกลับเป็นสีเดิมดีกว่า”

    “ไปโรงเรียนยังไงก็ต้องย้อมกลับอยู่แล้ว”

    “อืม ไปย้อมพรุ่งนี้เลย อาจะพาไป”

     

    ผมทำปากยื่นอย่างขัดใจ ผมชอบสีนี้ยังไม่อยากย้อมกลับสักเท่าไหร่แต่ขัดใจอาไม่ได้ อาชานยอลงับริมฝีปากผมเบาๆก่อนเปิดประตูรถให้ผมลงแล้วพาขึ้นห้อง

     

    คืนนั้นที่ผมนอนกับอาไม่มีอะไรมากกว่าที่เกิดขึ้นในรถ เราก็แค่นอนกอดกัน อาชานยอลกลับมาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้จนผมคิดว่าเหตุการณ์นั้นแค่ฝันไป

     

    มีก็แต่รอยห้อเลือดตรงไห้ปลาร้าเท่านั้นที่เขาฝากไว้ ผมจ้องรอยนั้นในกระจกห้องน้ำอยู่นาน สลัดความคิดถึงสัมผัสเหล่านั้นของอาออกจากหัวไม่ได้เลย



     

     

     

     

     

      #FicLostonYou


    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Happy Valentine's Day

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×