คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Lost On You 8
Lost on You
[8]
รักของผมที่มีให้อาชานยอลคือการแอบรัก
มันเป็นความลับที่ผมเก็บเงียบ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดที่ผมสนิทที่สุดอย่างแทมินผมก็ยังไม่กล้าบอก
ไม่ใช่ว่ารู้ตัวแล้วผมจะยอมรับได้เลย มีหลายอย่างที่ผมตั้งคำถามกับตัวเอง ผมสับสนเพราะกรอบของสังคม คนที่ผมรักเป็นผู้ชายแถมยังแก่กว่าผมสิบห้าปี มองมุมไหนก็ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม ผมเก็บมันไว้เป็นความลับของผม ผมไม่ต่อต้านความรู้สึกของตัวเอง ยิ่งกว่านั้นผมยังปล่อยใจตัวเองให้เป็นอิสระ เพียงไม่นานผมก็ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึก ไม่สนกรอบอะไรก็ตามแต่ อะไรอื่นใดผมไม่สน ผมรู้แค่ว่าผมรักอาชานยอล
ผมไม่แน่ใจว่ารักครั้งแรกของคนอื่นเป็นอย่างไร ให้หมดทั้งใจแบบผมหรือเปล่า ผมไม่ได้ตกหลุมรักคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก แต่หลงรักคนที่รู้จักมาทั้งชีวิต แค่เปลี่ยนความรักความผูกพันแบบบริสุทธิ์พัฒนามาเป็นความรักอีกแบบหนึ่ง
“เหม่อ”
แทมินเอาไหล่ตัวเองมากระแทกไหล่ผม คว้าขวดน้ำในมือผมไปดื่ม เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นสนาม ผมเปลี่ยนตัวออกมานั่งก่อนหน้านั้นสักพักแทมินก็ตามออกมา พวกเราอยู่ในโรงยิมเล่นบาสหลังเลิกเรียน รอให้เย็นกว่านี้อีกหน่อยค่อยเข้าบริษัท ช่วงนี้อาชานยอลยุ่งๆผมเลยบอกให้เขาไม่ต้องมารับ ผมอยากเจออา แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาลำบาก
“เหม่ออะไร เห็นเหม่อทั้งวัน” แทมินถาม ปั่นลูกบาสบนนิ้วชี้ ผมเลยแกล้งปัดมันตก
“ไม่ได้เหม่อ”
“อะไร มีความลับเหรอ” แทมินกอดคอผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หรี่ตามองอย่างจับผิด
“ไร้สาระ” ผมว่า
“ไหน ชอบรุ่นพี่คนไหมที่มาตามเฝ้านายบอกหน่อยซิ” พี่ชายผมพยักพเยิดหน้าไปข้างสนามอีกด้านที่มีสาวๆนั่งกระจายอยู่ประปราย แทมินโบกมือไปทางนั้นเลยได้ยินเสียงกรี๊ดแว่วมาเบาๆ
“คิดว่าคนไหนล่ะ” ผมถามกวน
“คนนู้น” ผมมองคนที่แทมินชี้ เธอเป็นรุ่นพี่ ผมคุ้นหน้าเพราะเห็นเธออยู่บ่อยๆ บางครั้งเธอก็ซื้อน้ำซื้อขนมมาให้ผม
“มั่วจริงๆ”
“เดาสเปกนายไม่ถูกเลยจงอิน ไม่เคยเห็นสนใจใครสักคน”
ได้ยินประโยคของแทมินผมก็คิดถึงอาชานยอล อมยิ้มนิดหน่อยกับความลับ แทมินมองผมอย่างสนอกสนใจ
“มีความลับจริงๆด้วย”
“ถ้ารู้ว่ามันเป็นความลับก็ไม่ต้องถามให้เหนื่อย” พอบอกอย่างนี้แทมินยิ่งอยากรู้
“อย่าบอกนะ ว่านายก็ชอบรุ่นพี่คนนั้นที่เขาสนใจนายอยู่” ผมหัวเราะ รุ่นพี่ที่ว่าเป็นผู้ชาย เป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายของพ่อ รู้จักกันเพราะผมกับแทมินเคยสอนเต้นให้เขา
“พี่จงแดน่ะนะ”
“พี่จงแดนั่นแหละ”
“เอาอะไรคิด”
“ก็พี่เขาดูออกจะสนิทกับนาย นายสนิทกับคนยากจะตาย”
“คิดอะไรแปลกๆ” ผมลุกขึ้นหยิบลูกบาสขึ้นมาเลี้ยงเล่น แทมินยันมือไปข้างหลังเหยียดเท้ายืดออกพลางมองดูผม
“ไม่แปลกหรอกสมัยนี้ หรือนายคิดว่าชอบเพศเดียวกันมันแปลก”
“ไม่…” ผมตอบ ไม่สบตาแทมินเอาแต่จ้องลูกบาสที่กำลังเลี้ยง
หลายครั้งทีเดียวที่ผมเกือบเก็บความลับไม่อยู่ ผมกับแทมินคุยกันตลอดเวลา คุยกันทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไร เฉียดไปเฉียดมาเรื่องรักๆใคร่ๆก็หลายครั้ง ผมเกือบระบายความอึดอัดออกมา มันอึดอัดมาก แต่ผมก็กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวความคิดของแทมินที่มีต่อความรู้สึกของผม และที่กลัวที่สุดก็คือการที่ใครสักคนพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ฉันก็ไม่คิดว่ามันแปลก นี่…เข้ามาใกล้ๆสิจะบอกอะไรให้” ผมหยุดมือจากลูกบาสเมื่อแทมินเรียก เดินไปนั่งข้างเหมือนเดิม
“บอกอะไร”
“บางทีฉันก็คิดว่าผู้ชายน่าสนใจอยู่เหมือนกัน”
“จริงเหรอ” ผมแปลกใจจนเลิกคิ้วสูง เห็นแทมินสนใจแต่ผู้หญิง ไม่เคยคิดว่าจะสนใจผู้เชายมาก่อน
“จริง”
“นายสนใจใคร”
“แลกกันบอกไหมล่ะ”
ผมยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของพี่ชาย
“ไม่บอก” ผมว่า ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในสนามร้องบอกให้เพื่อนเปลี่ยนตัว ไม่สนใจแทมินที่นั่งหัวเราะอยู่ตรงที่เดิม
…
ปกติวันเสาร์อาทิตย์ผมกับแทมินจะอยู่ที่บริษัทพ่อทั้งวัน ทั้งเรียนเต้นกับครูที่พ่อหามาให้และซ้อมอยู่ในนั้น ผมกับแทมินมีความคิดเหมือนกันคือเราอยากเป็นนักเต้น เราเรียนเต้นหลายๆแนวเพื่อผสมผสานเข้าด้วยกัน ผมกับแทมินชอบคิดท่าเต้นใหม่ๆ บางวันเราสนุกกับตรงนี้มากจนลืมวันลืมคืนจนพ่อหรือไม่ก็อาชานยอลมาตามให้กลับบ้าน
แต่วันเสาร์อาทิตย์นี้แทมินต้องไปธุระกับแม่ทั้งสองวัน ผมเลยต้องเข้าบริษัทคนเดียว อาชานยอลมาหาผมที่ห้องรอพาเข้าบริษัทพร้อมกันเหมือนทุกอาทิตย์ วันธรรมดาที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์อาไม่ได้ไปรับไปส่ง ผมก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่เปิดประตูออกมาแล้วเจออาชานยอลยืนรออยู่หน้าห้อง
ผมยิ้มให้เขา มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เขาเห็นแล้วก็ยิ้มให้ผมบางๆ
“ไม่เจอหลายวัน คิดถึงอา” ผมอยากบอกเขา ที่เหม่อๆเวลาแทมินทักก็เพราะคิดถึงอาทั้งนั้น
“คิดถึงเพราะไม่มีคนไปรับใช่ไหม”
“คิดถึงเพราะไม่เจอหน้า อาไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ”
“อาเห็นจงอินทุกวัน”
“ทำไมชอบมาดูหน้าห้อง ไม่เข้ามาหาผมในห้องซ้อม”
“ไม่อยากขัดจังหวะ” เขายีหัวผมก่อนเปิดประตูรถด้านที่ผมนั่งให้
“วันนี้แทมินไปธุระกับแม่ ถ้าผมซ้อมเสร็จแล้วผมไปรออากลับบ้านได้รึเปล่า”
“ได้สิ ขึ้นไปหาเมื่อไหร่ก็ได้”
ผมรู้ว่าอาต้องอนุญาต ผมสามารถเขาออกได้ทุกที่ในบริษัทแต่ก็ไม่ค่อยได้ทำแบบนั้น เดินเข้าบริษัทมาก็ขึ้นชั้นสามไปที่ห้องซ้อม ขลุกตัวอยู่ในนั้นจนพอใจแล้วก็กลับบ้าน มีแค่บางครั้งที่อาชานยอลบอกให้ขึ้นไปรออย่าเพิ่งกลับก่อน และส่วนใหญ่ผมก็ไปรอที่ห้องทำงานของพ่อ ไม่ได้ไปรอที่ห้องของอา
ผมเรียนเต้นคนเดียวจนถึงบ่ายก็ไปนั่งดูเด็กในค่ายซ้อมเต้นอีกห้อง ผมรู้จักเกือบทุกคนแต่ที่สนิทที่สุดคือพี่จงแด เขาเป็นคนที่ให้ความรู้สึกสนิทใจครั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีอีโก้เหมือนที่คนส่วนใหญ่ในนี้มี ดูเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่แก่กว่าผมแค่สองปี พอเห็นผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเขาก็เป็นคนแรกที่ทักทายและเดินเข้ามาหา
“แทมินล่ะ”
“ไม่ได้เข้ามา วันนี้ผมมาคนเดียว”
“เหงาแน่ๆ”
“ผมถึงมาหาไง จะชวนไปกินข้าว”
“งั้นรออีกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวก็พักแล้ว”
“ครับ”
นอกจากเป็นคนเต้นผมก็ชอบดูคนอื่นเต้นเหมือนกัน ระหว่างรอเลยไม่ค่อยเบื่อเท่าไหร่ แต่ระหว่างที่นั่งดูอยู่เพลินๆผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมจากหน้าห้อง เสียงคุ้นเคยของอาชานยอลเอง เด็กฝึกทุกคนต้องหยุดซ้อมโค้งตัวทำความเคารพ อาชานยอลแค่โบกมือให้เด็กๆ ส่วนผมก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอา
“กินข้าวรึยัง”
“ยังครับ ผมรอพี่จงแดไปกินเป็นเพื่อน” อาชานยอลมองไปที่คนที่ผมเอ่ยถึง
“จะกินกับเพื่อนใช่ไหม” เขาถาม
“ผมอยากกินกับอาด้วย” ผมบอก ลังเลใจอยู่ว่าควรบอกพี่จงแดว่าอะไรดี
“งั้นก็ชวนจงแดไปด้วยกัน” อาตัดสินใจให้เมื่อเห็นผมลำบากใจ
ผมกับอาออกมารอพี่จงแดที่หน้าห้อง อาถามเรื่องทั่วไปของผมไปเรื่อย ผมก็ยังมีเรื่องร้อยแปดอย่างเล่าให้อาฟัง ผมบอกอาว่าปีนี้ได้ลงแข่งบาส ซ้อมบาสทุกวัน แล้วก็บอกว่าผมป๊อปปูล่าให้หมู่พี่สาว ได้รับขนมกับของขวัญเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
ผมแกล้งพูดอย่างตั้งใจ แอบหวังว่าอาชานยอลจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ท่าทีของอาก็ปกติธรรมดา เขาถามผมว่าแล้วผมสนใจใครหรือเปล่า ผมตอบอย่างไวไปว่าไม่สนใจ แล้วก็มานึกสงสัยเอาทีหลังว่าหากผมบอกว่าสนใจใครสักคน อาจะมีท่าทีอย่างไร ผมบอกตัวเองเสมอว่าไม่ควรคาดหวังความเป็นไปได้ แต่ใจผมก็คาดหวังอยู่ตลอดเวลา ใครบ้างที่ไม่อยากสมหวัง มันเป็นเรื่องแสนธรรมดา
มื้อกลางวันเป็นมื้อที่แปลกดีเมื่อไม่มีแทมิน มีอาชานยอลกับพี่จงแดที่โคจรมาพบกันโดยมีผมเป็นตัวกลาง พี่จงแดดูจะเกร็งๆเพราะร่วมโต๊ะกับผู้บริหารในค่าย ไม่กล้าชวนผมพูดคุยอะไรมาก ผมนึกขอโทษพี่จงแดที่น่าสงสารอยู่ในใจ แล้วก็แอบมองอาที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องวางมาดทำหน้าดุนัก เด็กในค่ายกลัวอาทั้งนั้น แต่ก็อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมเองยังมีบางช่วงที่กลัวอาจนไม่อยากอยู่ใกล้เหมือนกัน
พี่จงแดขอตัวแยกไปเมื่อเรากลับเข้าบริษัทมาอีกครั้ง อาชานยอลพาผมเข้าสตูดิโอกับเขา เขาชอบขลุกตัวอยู่ในสตูดิโอเหมือนที่ผมชอบอยู่ในห้องซ้อม พอมาถึงผมก็จับจองที่ตัวเองบนโซฟา เขาทำงานค้างอยู่ผมก็เลยคิดว่าจะนอนรอเงียบๆไม่รบกวน
ผมนอนมองอาจากข้างหลัง เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขทีเดียว ความคิดผมไหลไปเรื่อย ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย เวลาอาชานยอลทำงานหรือเล่นดนตรีเขามีสมาธิมาก เหมือนจะช่วงหนึ่งเลยที่เขาลืมว่าผมอยู่ในห้องกับเขา พอเขานึกได้ก็สะดุ้งหันกลับมาหา ผมง่วงๆกำลังจะหลับอยู่พอดีก็พลอยตกใจไปด้วย
“หนาวทำไมไม่บอก” ผมนอนกอดอกขดตัวอยู่บนโซฟา ผมชอบนอนแบบนี้ ก็ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้นแต่อาชานยอลก็บอกให้ผมลุกขึ้น
เขาหยิบรีโมทมาปรับแอร์แล้วถอดเสื้อหนาวของเขา เดินเอามากางให้ผมข้างหลัง ผมต้องสอดแขนเข้าไปในเสื้อตัวใหญ่ๆของเขา อาชานยอลรูดซิปให้เสร็จสรรพก่อนจะเอามือมาแตะแก้มผมดูว่ามันเย็นรึเปล่า ดีที่มันไม่เย็นมากเท่าไหร่ผมเลยไม่โดนอาว่าอะไรอีก
ผมหลับไปหลังจากนั้น ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงพ่อ ได้ยินพ่อว่าอาชานยอลแว่วๆว่าแอบเอาผมมาซุกไว้ให้ต้องตามหาไปทั่ว
“วันนี้พ่อกลับดึกหรืออาจจะไม่กลับนะต้องคุมอัดเสียง จงอินกลับกับชานยอลนะ” พ่อเดินมานั่งเบียดตรงขาผมแล้วบอก
“ครับ”
“ไม่สบายรึเปล่า” พ่อถาม
“เปล่า ง่วงเฉยๆ”
“เฉาเลยแทมินไม่อยู่”
“พ่อก็เฉาเลย แม่ไม่อยู่” ผมว่า พ่อตีหน้าผากผม
“อยู่กับอากวนอาแบบนี้รึเปล่า”
“อยู่กับอาผมเป็นเด็กดี” ผมตอบพ่อ
“ใช่สิ กับพ่อไม่เห็นไปหาไปนอนเฝ้า” อยู่ๆแก้มผมก็ร้อนกับคำพูดของพ่อ ผมลืมพ่อไปเลยจริงๆ ได้แต่นึกขอโทษอยู่ในใจ
“ผมเปล่า”
“เปล่าอะไร” พ่อถามขำๆ ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบอะไร พ่อนั่งคุยต่อกับอาชานยอลพักใหญ่ๆเรื่องงานแล้วก็ออกไป ผมรออาชานยอลทำงานจนเย็นเขาก็ชวนผมกลับ
เราแวะกินข้าวเย็นก่อนกลับบ้าน มื้อที่สองของวันมีแค่เราสองคน อาพาผมกินร้านข้างทางธรรมดาที่เราเคยกินด้วยกันบ่อยๆ เรารีบกินแล้วก็รีบกลับ วันนี้อาชานยอลกลับเร็วกว่าปกติ ท้องฟ้ายังไม่มืดเลยด้วยซ้ำ ผมถามเขาว่าจะกลับไปทำงานต่อหลังส่งผมที่คอนโดหรือเปล่าเขาก็ตอบว่าไม่
“ไปนอนกับอาไหม” เขาถาม แต่ก็กดลิฟต์ชั้นตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“นอนก็ได้”
“หรืออยากนอนคนเดียว”
“ไม่ จะไปนอนกับอา”
มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเราผมจึงพูดออกไปอย่างง่ายดาย ผมกับอาชานยอลผูกพันใกล้ชิดกันมานานมาก จนตอนนี้ผมก็คิดไปเองอย่างไม่เคยเข้าข้างตัวเองว่าที่เขาใจดีก็คงเป็นเพราะเขาเห็นผมเป็นหลานคนหนึ่ง มันคงเป็นอย่างนั้น หรือไม่เขาก็ยังคงเห็นผมเป็นเด็กถึงยังเป็นห่วงผมอยู่ตลอด
เมื่อถึงห้องอาชานยอลเขาก็ไม่ได้สั่งให้ผมทำอะไรเป็นพิเศษ เขาปล่อยผมตามสบายในห้องของเขา ผมเลือกที่จะเปิดทีวีดู อาชานยอลเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องก็ออกมานั่งดูเป็นเพื่อน เราดูทีวีไปคุยกันไปจนค่ำๆเขาถึงไล่ผมไปอาบน้ำ ออกมาอีกทีผมก็เห็นเขานั่งหลับอยู่บนโซฟา แหงนศีรษะพิงพนักอย่างหมดสภาพ เขาดูเหนื่อยมากและหลับลึกจนผมไม่กล้าปลุก ผมหรี่เสียงทีวีลง นั่งดูอยู่สักพักก็หมดความสนใจ มองไปบนชั้นวางของเห็นอัลบั้มรูปวางเรียงกันอยูพอดี่เลยไปเลือกหยิบมาดู
ผมหัวใจพองโตอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเกือบทุกอัลบั้มเป็นรูปภาพของผมตั้งแต่เด็กๆ ผมจำได้ว่ามันมาจากกล้องตัวสีดำตัวโปรดของอา เขาจะเอาไปด้วยทุกครั้งที่พาผมไปเที่ยว ทั้งสวนสนุก สวนสัตว์ รูปในตึกเก่าที่พวกเราอยู่ก็เยอะ แล้วก็พวกรูปบนเวทีตั้งแต่การแสดงครั้งแรกของผม หากไม่ถ่ายวิวก็จะเป็นรูปผมในอิริยาบถต่างๆ ตอนร้องไห้ก็ยังมีเยอะซะด้วย ผมนั่งยิ้มดูอัลบั้มพวกนั้นอยู่นานจนอาชานยอลตื่น
“ยังไม่ไปนอนอีก นั่งทำอะไร” เขาสะลึมสะลือถาม
“ดูรูป มีแต่รูปผมทั้งนั้นเลย”
“ไม่ถ่ายจงอินก็ไม่รู้จะไปถ่ายใคร”
“พ่อผมคงถ่ายรูปผมไม่เยอะเท่าอา”
“ก็พ่อเรานั่นแหละที่ใช้อาถ่าย”
“อาชอบถ่ายตอนผมร้องไห้เหรอ ทำไมมีเยอะ” อาชานยอลขยับเข้ามาดูด้วยใกล้ๆผม เขาหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นภาพผมร้องไห้จ้าอยู่ที่ไหนสักแห่ง น่าจะเป็นตอนที่ตามไปทัวร์คอนเสิร์ตกับพ่อ
“ร้องไห้ดูน่าสงสาร” เขาว่า
“ใครบ้างร้องไห้ไม่ดูน่าสงสาร”
“จงอินชอบร้องไห้เวลากลัวอา อาก็ไม่รู้จะปลอบยังไง ได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้ มาดูรวมๆแล้วก็ทำให้ร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน”
“อย่าดุผมอีกสิ”
“นานแล้วนะที่ไม่เห็นร้องไห้ คงโตแล้วจริงๆ” เขาจับหัวผมโยกไปมา จากนั้นก็ลุกขึ้นบอกว่าจะไปอาบน้ำ บอกให้ผมดูเสร็จแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยค่อยปิดไฟเข้านอน
ผมทำตามที่อาบอก เสร็จแล้วก็มานอนที่เตียงของอา รอเขามาเข้านอน
ผมขยับตัวยุกยิกอย่างไม่อาจสงบจิตสงบใจ พลิกตัวไปพลิกตัวมาจนอาชานยอลขึ้นมานอน ผมพยายามจะอยู่นิ่งๆแต่ก็ทำไม่ได้
เขาอาจจะยังไม่หลับแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรผมเลย ยิ่งผมพยายามสงบใจมันก็ยิ่งนอนไม่หลับ พอเป็นวัยรุ่น มีอารมณ์รักใคร่ ยิ่งได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากใกล้ชิด ผมค่อยๆพลิกตัวกลับไปหาเขาแล้วขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย แตะหน้าผากกับไหล่ของอา เอามือหนึ่งกอดแขนอาไว้
อาชานยอลอาจจะหลับไปแล้ว เขานอนนิ่งมาก ผมผ่อนลมหายใจ การได้ไออุ่นของเขาเพียงเล็กน้อยทำให้จิตใจผมเริ่มสงบลง ไม่กระสับกระส่ายอยากพลิกตัวหันไปไหน ไม่นานนักผมก็หลับไปข้างๆเขา
เรื่องที่น่าตกใจก็คือเมื่อผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผมลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของอา เขากอดผมอย่างแน่นหนา เกยคางอยู่เหนือศีรษะผม ผมจึงไม่รู้ว่าเขาหลับหรือตื่น ผมนอนนิ่ง ก่อนค่อยๆออกแรงกระชับกอดเขาบ้าง
หัวใจของผมเหมือนกำลังจะระเบิด
ใช่แล้ว…หัวใจของผมจะระเบิดเพราะกำลังนอนกอดกับคนที่แอบรักอยู่…
และเขาก็ออกแรงกระชับแขนกอดผมตอบด้วย
#FicLostonYou
ความคิดเห็น