คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Lost On You 14
Lost on You
[14]
ความรักมันประกอบด้วยอะไรบ้าง?
การผ่านโลกมาเพียงสิบหกปีไม่สามารถให้คำตอบผมได้
ผมเหม่อมองอาชานยอลในสตูดิโอของเขา วันเสาร์อาทิตย์หลังเรียนเต้นเสร็จ ถ้าไม่มีอะไรต้องทำบางทีผมก็มาหาอา มานั่งเล่นนอนเล่น ฟังเพลงระหว่างที่อาแต่งมันก็เพลินดี ผมขลุกอยู่ที่นี่ทั้งวัน มองอาแล้วก็คิดอะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี เรื่องที่คิดแล้วบั่นทอนจิตใจ เรื่องที่ทำให้ใจเต้น ความคลุมเครือในความสัมพันธ์ สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อผมไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ผมคิดว่าทั้งสองอย่างที่อาแสดงออกมันพิเศษกว่าที่เขาแสดงกับใคร
อาชานยอลเป็นคนดุ ใจร้อน เวลาโกรธอะไรก็ฉุดไม่อยู่นอกจากรอให้เขาอารมณ์เย็นลง ผมชอบได้ยินพ่อเตือนอาเรื่องความใจร้อน ไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้อาควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเดิมไหม แต่เท่าที่ผมเจอผมว่าไม่เลย เขายังชอบดุผมอยู่ บางเรื่องอยู่ๆก็โกรธโดยไม่มีเหตุผลใดๆมารองรับ ซึ่งวิธีรับมือมีอยู่สองอย่างที่ผมทำได้ก็คือเงียบ กับหนี
เมื่อก่อนอาดุผมนานๆครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ผมว่ามันชักจะบ่อยขึ้น และผมก็หาสาเหตุเหล่านั้นไม่เจอ
“เอาใหม่”
เสียงต่ำๆของอาชานยอลพูดกับพี่จงแดที่กำลังอัดเสียง กับคนอื่นเขาก็ดุเหมือนกัน พี่จงแดสูดหายใจลึกๆก่อนเริ่มใหม่ เขาตั้งใจมากเพราะกำลังจะได้เดบิวต์เป็นศิลปินหลังฝึกหนักมาหลายปี ผมมองผ่านกระจกเข้าไปอย่างให้กำลังใจ พี่จงแดเริ่มร้องใหม่ ผมว่ามันเพราะมาก เพลงที่อาชานยอลกับพ่อช่วยกันแต่งจะมีกลิ่นอายเฉพาะตัว ต่อให้ไม่บอกถ้าหากได้ฟังผมก็จะรู้ทันทีว่าพวกเขาแต่ง
“ดีแล้ว แต่ขอเน้นอารมณ์กับบางคำมากกว่านี้…” พ่อผมเป็นคนอธิบาย พี่จงแดพยักหน้าอย่างตั้งใจเต็มที่ ระหว่างนั้นอาชานยอลหันมามองผมเหมือนเช็กว่าผมกำลังทำอะไรอยู่เสร็จแล้วก็หันกลับไป
ผมนั่งฟังพวกเขาอัดเพลง ฟังความหมายของมันทีละประโยค เพลงพูดถึงความเจ็บปวดที่ต้องซ่อนความรักเอาไว้ ตรงใจราวกับเขียนมาจากความในใจของผม แต่คิดๆไป คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกรักใครสักคนแต่ไม่สามารถบอกออกไปได้ ผมคิดว่าถ้าเพลงนี้ได้ปล่อยออกไปเมื่อไหร่คงจะไปได้ดีทีเดียว
“พักก่อน”
พ่อกับอาปล่อยพี่จงแดออกมาพัก อาชานยอลทิ้งตัวพิงพนักดูเหนื่อยๆ พ่อเดินมายีหัวผมก่อนออกไปข้างนอก พี่จงแดพอออกมาจากห้องอัดผมก็ยกนิ้วโป้งให้เขา
“เป็นไงบ้าง” เขาถาม นั่งลงข้างๆผม
“เพราะดี พี่ร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว มีเท่าไหร่ก็ใส่ไปให้สุดเลย”
“พูดเหมือนคุณคังอิน”
“ผมก็เอามาจากพ่อ ได้ยินจนจำขึ้นใจ”
“ก็ไม่แปลกที่จะเก่งขนาดนี้ ทั้งจงอินทั้งแทมิน”
“ก็เก่งแค่เรื่องเต้นเท่านั้นแหละ”
“นี่…จงอินจะอยู่ที่นี่ถึงกี่โมง ตอนเย็นไปกินข้าวกันไหม”
ผมเหลือบมองอาโดยอัตโนมัติ ในสตูดิโอเงียบๆเขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมด อาชานยอลคงฟังอยู่ แต่เขาก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ ถึงไม่ได้ออกปากนัดกัน แต่ผมก็จะรออาจนถึงเย็นอยู่แล้ว กินข้าวด้วยกันแล้วอาก็จะไปส่งที่บ้าน เป็นช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ผมจะได้อยู่กับเขา แต่นานๆครั้งพี่จงแดจะมาชวน ผมก็เลยลังเล
“เย็นนี้ไปธุระกับอา” ผมกำลังจะอ้าปากตอบตกลงพี่จงแด อาชานยอลก็พูดแทรกขึ้นมา
“…ครับ…คงไปไม่ได้ล่ะพี่” ผมรับคำอาแล้วก็บอกกับพี่จงแด เขามองผมกับอาชานยอลสลับกัน บ่นเสียดายนิดหน่อยแล้วขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก
“อาจะไปไหนเหรอ” ผมสงสัยว่าธุระที่ไหน ไม่เห็นเขาจะบอกอะไรก่อนหน้านี้
“จะไปซื้อของหน่อย จะไปกับอาหรือจงอินอยากไปกินข้าวกับจงแด”
“ไปกับอาสิ”
ผมยิ้มตาหยีให้เขา ยังไงเขาก็ต้องมาก่อนคนอื่น เขาควรจะรู้ว่าเขาสำคัญแค่ไหนสำหรับผม
อาชานยอลอมยิ้มบางๆ ไอเย็นๆที่แผ่ออกมาจากตัวก่อนหน้านี้หายไปเหลือแต่ยิ้มอบอุ่นที่เป็นของผม
“งานจะเสร็จกี่โมงเหรอ” ผมถาม
“น่าจะอีกสักสองชั่วโมง…เบื่อเหรอ”
“ไม่หรอกครับ ดูอัดเพลงก็เพลินดี”
“ถ้าเบื่อจะไปไหนก่อนก็ได้ เสร็จแล้วอาโทรหา”
“ไม่ไป จะอยู่เฝ้าอาที่นี่แหละ”
ผมบอกเขา พ่อกับพี่จงแดกลับมาหลังจากพักประมาณสิบห้านาที แล้วพวกเขาก็เริ่มอัดเพลงกันต่อ
…
อาชานยอลพาผมไปที่ย่านช้อปปิ้งใจกลางเมือง ผมถามเขาอีกว่ามาซื้ออะไรเขาก็ไม่ตอบ บอกว่าเดินเล่นไปก่อน ถ้าอยากได้อะไรให้บอกเขา ผมไม่มีของที่อยากได้ก็เลยเดินดูไปเรื่อยๆ บรรยากาศตอนเย็นกำลังดีทีเดียว คนเยอะไปหน่อยเพราะเป็นวันเสาร์ ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบ เพราะอาชานยอลจะคอยจับมือผมไม่ให้เดินห่างออกไป จับๆปล่อยๆก่อนจะจับค้างเอาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน
“อาอยากได้รองเท้าเหรอ”
“อืม เข้าไปดู”
เขาจูงผมเข้าร้านรองเท้า แต่เข้าไปแล้วก็ไม่ได้เลือกดู เดินตรงเข้าไปหาพนักงานก่อนแล้วถามถึงของที่สั่ง
“เอาไปลองดู” พอพนักงานส่งให้เขาก็ยื่นมาให้ผม
“อาสั่งมาให้ผมเหรอ”
“อืม เห็นคู่เก่ามันเก่าแล้ว”
“สั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เดือนที่แล้ว ลองดู ชอบรึเปล่า”
ผมเปิดกล่องรองเท้า รู้ก่อนจะเห็นซะอีกว่าผมจะต้องชอบมัน แต่ไหนแต่ไรอาก็เป็นคนเลือกให้ซื้อให้ คู่เก่าที่ยับเยินอาก็เป็นคนซื้อ ผมรักมันมาก แต่มันก็เยินเกินไปแล้ว อาคงเห็นสภาพมันแล้วทนไม่ได้ต้องสั่งให้ผมใหม่
“เป็นไง สบายไหม ชอบไหม” อานั่งลงผูกเชือกรองเท้าให้ ผมจะชักเท้าหนีก็ไม่ทัน เขาทำให้ตอนเด็กๆน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ผมโตขนาดนี้ควรจะเป้นคนผูกเชือกรองเท้าเอง ให้อามาผูกให้แบบนี้มันจะดูไม่ดี ดูจากสายตาหลายๆคนที่มองมาที่ผมกับอา
“ใส่สบายกว่าคู่เก่าอีก” ผมบอกเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองขอคำตอบ
“คู่เก่าจงอินทิ้งไปได้แล้ว อาไม่ซื้อใหม่ให้ จะใส่มันไปถึงไหน”
“ก็จนกว่ามันจะขาดจนใส่ไม่ได้”
“เราเต้นก็ต้องใส่รองเท้าดีๆ”
“ผมรู้ แต่คู่เก่าที่อาซื้อให้ก็ดี”
“ซื้อให้ใหม่แล้วก็ใส่คู่ใหม่”
“ขอบคุณครับ อาใจดีไม่เปลี่ยนเลย”
ผมใส่รองเท้าสีขาวที่สั่งมาจากที่ไหนสักแห่ง รุ่นไหนก็ไม่รู้ ลองเดินไปเดินมาแล้วส่องกระจก ขอแค่ไซส์พอดี ใส่สบาย และอาเป็นคนซื้อให้ก็พอแล้ว
“แทมินต้องอิจฉาแน่ๆ” แทมินตรงข้ามกับผม พี่ชายผมบ้ารองเท้า ต้องรู้แน่นอนว่าอาสั่งมาจากไหนรุ่นอะไร
“อาสั่งมาแค่คู่เดียว ถ้าแทมินอยากได้ก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวอาสั่งใหม่มาให้”
“ครับ” ผมรับคำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงกระโดดไปหอมแก้มอา แต่มันก็แค่เมื่อก่อน บางทีผมก็อยากเป็นเด็กเล็กๆที่คิดอยากทำอะไรก็ได้ตามใจ
“อยากได้อะไรอีกไหม” เขาถือถุงรองเท้า อีกมือก็จูงผมเดินออกมานอกร้าน
“ธุระของอาคือมาเอารองเท้าให้ผมเหรอ”
“ใช่”
“แล้วอาล่ะ อยากได้อะไรไหม” ผมถามระหว่างที่เราเดินช้าๆ กระชับมือเขาไว้ไม่ให้เขาปล่อย ใครจะรู้ว่าการได้เดินเล่นกับอาจะทำให้ผมมีความสุขได้ขนาดนี้
“ถามเหมือนจะซื้อให้อา”
“ถ้าซื้อให้ได้ผมก็จะซื้อ”
“ให้อาซื้อเอง จงอินเลือกให้ก็แล้วกัน ดีไหม”
“ดี เดี๋ยวผมช่วยเลือก”
เราเดินกันไปเรื่อยๆ ผมช่วยอาเลือกเสื้อผ้า แบบที่อาชอบเลือกไม่ยาก เขาชอบสีเข้มๆเรียบๆไม่ฉูดฉาด การแต่งตัวของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเท่าที่ผมจำได้ ผมจำได้รางๆด้วยว่าอาชานยอลเคยย้อมผมสีแดง เป็นสีที่ทำให้เขาดูน่ากลัว ใส่กางเกงยีนส์ขาดๆตัวเดิมๆกับเสื้อสีดำตัวเดิมๆ มาวนเวียนอยู่ห้องผมกับพ่อเพราะว่าย้ายมาอยู่ตึกเดียวกัน
“อาชอบสีดำใช่ไหม” ผมหยิบเสื้อสีดำขึ้นมาทาบตัวเขา แต่อามีเสื้อสีดำเยอะแล้ว ผมเลยอยากเลือกสีอื่นให้ใหม่
“อืม” เขาตอบในลำคอ ยืนนิ่งเป็นหุ่น ก้มมองผมที่เอาเสื้อหลายๆแบบมาลองเทียบดู
“สีแดงอาชอบไหม”
“ชอบเพราะจงอินชอบ” ผมเอียงคอมองเขา ในหัวกำลังตีความ
“แสดงว่าชอบ?”
“อืม”
“งั้นเอาตัวสีแดงนะ ผมชอบให้อาใส่สีแดง”
“ตามใจ”
นอกจากรองเท้า อาซื้อเสื้อแจ็คเก็ตให้ผมหนึ่งตัว ส่วนเขาได้เสื้อผ้าเยอะพอสมควร เราเดินกันจนมืด ร้านสุดท้ายที่หยุดแวะคือร้านเครื่องดนตรี ทั้งพ่อทั้งอาชานยอลเหมือนกันมากก็ตรงนี้ ถ้าได้เข้ามาในร้านแบบนี้เมื่อไหร่ กว่าจะได้ออกอย่างต่ำคือครึ่งชั่วโมง ผมชินแล้ว ก็เลยรออย่างใจเย็น ให้เขาลองเครื่องดนตรีจนกว่าจะพอใจ
เขามีกีตาร์อยู่ที่บ้านกี่ตัวก็นับไม่ถ้วน นึกว่าอาจะซื้อเพิ่มอีกสักตัวแต่เขาก็ไม่ได้ซื้อ ลองเล่นจนพอใจแต่คงยังไม่ถูกใจก็เลยกลับมามือเปล่า
เมื่อไม่มีอะไรที่อยากได้แล้ว เราก็เลยช่วยกันเลือกร้านอาหารเย็น เลือกไปเลือกมาก็มาจบที่ร้านฟาสต์ฟู้ด กินไก่ทอดอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่เขาจะพาผมกลับบ้าน
ผมถือว่าวันนี้เป็นวันที่ดีมาก ผมไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดหัวเสีย เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันอย่างที่เป็นในระยะหลังๆ ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกันก็เรื่องที่เขาซักไซ้ว่าคนที่ชื่อคยองซูเป็นใคร ดูเหมือนว่าอาจะรู้เรื่องพี่คยองซูมาจากแทมิน ผมบอกเขาว่าเป็นรุ่นพี่ บอกเขาแค่นั้น หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเลยเถิดไปเป็นเรื่องราวใหญ่โต กว่าจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็ผ่านไปตั้งสามวัน
ผมอยากรักษาช่วงเวลาดีๆ อยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอด ให้เขายิ้มให้ผม เป็นความสุขที่ผมหาไม่ได้จากใครคนอื่น แต่เวลาที่ผิดใจกันก็เป็นความเสียใจเจ็บปวดอย่างที่ใครก็ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ เป็นคนที่ทำผมเสียน้ำตาได้ง่ายๆแค่เขาเย็นชา ขึ้นเสียง หรือทำเมินใส่..
รถค่อยๆชะลอจอดที่หน้าบ้าน ตามคำสั่งของพ่อกับแม่ผมเลยไปค้างกับอาบ่อยๆไม่ได้ แค่เดือนละครั้งเท่านั้นที่แม่เสนอให้ได้ แม่ไม่ชอบให้ผมหายไปขลุกอยู่บ้านอาหรืออยู่นอกสายตาแม่จนเกินไป ผมกับแทมินกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่ออกนอกลู่นอกทางได้ง่าย พ่อฟังแล้วก็คล้อยตาม อยากให้ผมเลิกติดอาด้วยส่วนหนึ่ง ผมกับอาก็เลยต้องแยกกันที่หน้าบ้าน แต่ทุกๆครั้งอาก็จะจอดรถแช่ไว้ และผมก็จะไม่ลงโดยทันที นั่งอยู่ด้วยกันอีกสักพักหนึ่ง
“ยังไม่มีใครนอนเลย” ผมเงยหน้ามองหน้าต่าง เห็นไฟหลายดวงในบ้านยังเปิดอยู่ ห้องแทมินก็ด้วย
“เหนื่อยแล้วสิ ง่วงรึยัง” อาถาม เอี้ยวตัวไปหลังรถหยิบถุงรองเท้ากับถุงเสื้อให้
“ขอบคุณนะครับ” ผมรับของมาแล้วขอบคุณอีกครั้ง ไม่ใช่ขอบคุณที่ได้รับของอย่างเดียว ผมอยากขอบคุณความเอาใจใส่ที่เขามีให้ผม
“ขอบคุณแค่นี้เหรอ แล้วรางวัลของอาล่ะ”
“รางวัลอะไร”
ผมถาม เขาแกล้งเอียงแก้มมาหาเหมือนตอนเด็กๆ โน้มตัวมาใกล้ เอาแขนเท้าเบาะผมไว้แล้วหัวเราะเบาๆ เขาแกล้งเล่นๆ ผมรู้ คงไม่ได้จะให้ผมหอมแก้มเขาจริงๆ เพราะเราไม่ได้ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คงเป็นเพราะเขาอารมณ์ดีก็เลยหยอกเล่น
ผมลังเลใจแค่แป๊บเดียวเท่านั้น กลัวเขาจะเปลี่ยนใจผละตัวออกไป ผมก็เลยรีบจูบแก้มเขาเร็วๆหนึ่งที…เป็นรางวัล
อาชานยอลชะงักค้างไป
หัวใจผมเต้นแรงมากที่เผลอทำแบบนั้นลงไป มันคงไม่เหมาะ อาอาจจะโกรธเพราะรอยยิ้มของเขาค่อยๆเลือนหายไป เขาจ้องผม ผมก็จับจ้องเขาสังเกตปฏิกิริยา มือข้างหนึ่งของเขาที่จับพวงมาลัยอยู่ค่อยๆกำแน่นขึ้น ผมไม่กล้าทำอะไร ได้แต่นั่งนิ่งๆ กำถุงที่ถือไว้ในมือแน่นขึ้นตามไปด้วย
เขายังไม่ได้ผละไปไหน เราจ้องตากันใกล้ๆ ผมอ่านสายตาของอาไม่ออก ไม่เคยอ่านมันออก ความคิดเขาเป็นปริศนาสำหรับผม ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ผมมองเขาอย่างค้นหาและถูกดวงตาลึกลับของเขาดึงดูด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายโน้มตัวไปหาเขา หรือเขาโน้มตัวเข้ามาหาผม กระทั่งจมูกของเราชนกันต่างคนต่างก็ชะงัก
ผมกลั้นหายใจ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของเขา
ผมหลับตาวินาทีเดียวกับที่ริมฝีปากอุ่นๆของอาแตะลงมาแผ่วเบา เขาแตะมันอย่างลังเล ก่อนค่อยๆเบียดชิด ผมเหมือนจะหายใจไม่ออก ด้วยเพราะเขาพรากลมหายใจของผมไปด้วยความนุ่มนวลของจูบ บดเบียดเบาๆจนได้ยินเสียงริมฝีปากของเรา จูบนี้ต่างกับจูบตอนเด็กๆที่เขาเคยจูบผม ไม่ใช่แค่การเอาปากมาแตะกัน มันไม่ใช่แบบนั้น
ผมเป็นฝ่ายโดนจูบ สมองประมวลผลไม่ทัน มันว่างเปล่า ก่อนที่ริมฝีปากของผมจะสั่นจนควบคุมไม่อยู่ แขนเขาที่เท้าอยู่กับเบาะเปลี่ยนมาจับใบหน้าผม เขาจูบย้ำริมฝีปากสั่นๆ
ย้ำ..ซ้ำ..
เป็นจูบแรกของเราที่ไม่ได้ลึกซึ้งไปกว่าริมฝีปากที่สัมผัสกัน แต่กลับตราตรึง…
ให้ผมฝังจิตฝังใจอยู่กับมันไม่รู้ลืม
#FicLostonYou
ความคิดเห็น