ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Lost On You [ChanKai]

    ลำดับตอนที่ #11 : Lost On You 11

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 59


    Lost on You

    [11]

     

     

     

     

    วันนี้อาไม่ได้ไปรับนะ ไปโรงเรียนกับแทมินดีๆ’

     

    ผมยังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มตอนได้ยินเสียงแจ้งเตือน คลำหาทั้งยังไม่ลืมตา พออ่านข้อความของอาชานยอลแล้วก็เอามือถือวางไว้ข้างหมอน หลับต่ออีกซักพักรอให้แทมินมาปลุกเหมือนทุกเช้า

     

    วันนี้ผมไม่ค่อยสดชื่น ตั้งแต่เมื่อวานอาก็ไม่ได้มารับผมที่โรงเรียน เช้านี้ก็ไม่ได้เจออีก ผมเข้าใจว่าเขาอาจติดธุระ ซึ่งธุระอะไรนั้นผมพยายามไม่คิดจินตนาการ แค่หวังว่าเย็นนี้ผมจะได้เจอหน้าเขาสักที

     

    ทำหน้าสดใสหน่อย” ผมเตะเท้าเขี่ยก้อนหินตามทาง เราเพิ่งเดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถเมล์ แทมินเห็นผมเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยพื้นก็ชิงเตะตัดหน้า เอาขามาขัดจนผมสะดุด

    ต้องให้ยิ้มหน้าบานเหมือนนายรึไง” ผมว่า

    อืม ยิ้มแบบเวลาเจออาน่ะ” ผมเลิกเตะก้อนหินมาเตะตูดแทมินไปหนึ่งที คนโดนก็ดูไม่ค่อยสะทกสะท้านเลย

    อย่ากวน”

    ไม่กวนก็ได้” แทมินเดินผิวปาก อารมณ์ดีแบบนี้ทุกวัน เวลาอยู่กับแทมินผมก็เลยพลอยอารมณ์ดีไปด้วย เป็นคนที่ให้พลังด้านบวกกับผม

     

    จะว่าไปแล้วพี่ชายผมมีคนเข้าหามากกว่าผมตั้งเยอะ คนจะหลงรักรอยยิ้มเป็นมิตรของแทมินได้ง่าย ใครเข้ามาหาแทมินก็ไม่ปฏิเสธแต่ก็รู้จักเว้นระยะห่างได้ดี ผมแอบสังเกตอยู่ตลอด เหมือนที่แทมินชอบสังเกตทุกเรื่องของผม ไม่ใช่แค่เรื่องรักๆใคร่ๆ แต่เป็นทุกเรื่อง แทมินต้องการอะไร อยากได้อะไร กำลังคิดอะไร ผมก็รู้ อย่างตอนนี้แค่เห็นรุ่นพี่คยองซูหน้ารั้วโรงเรียนตอนไปถึง ผมรู้เลยว่าแทมินจะพูดว่าอะไร

     

    นายว่าวันนี้จะได้อะไร’

     

    วันนี้รุ่นพี่จะให้อะไร” ไม่ผิดกันมากนัก ผมแอบยิ้มไม่ตอบ ปล่อยให้แทมินเดาต่อ

    ไม่เห็นดอกไม้ น่าจะเป็นขนม เดี๋ยวนี้ไม่เอาดอกไม้มาให้สงสัยเก็บจากสวนที่บ้านมาหมดแล้ว ออกดอกไม่ทัน” แทมินหัวเราะ พูดไปเรื่อยเปื่อย

    ก็น่าจะเป็นขนม แต่ที่ให้มาไม่เคยกินหมด มันเยอะเกินไป ควรบอกพี่เขาไม่ว่าพอได้แล้ว” บางทีอาชานยอลชอบถามแล้วก็หงุดหงิด ตอบอะไรก็ไม่เข้าหู เขาว่ารับของคนแปลกหน้ามามันอันตราย แล้วก็วกมาถามผมเรื่อยว่าเป็นของแฟนผมรึเปล่า ตอบไปกี่ครั้งว่าไม่มีอาก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

    ลองฝากคนที่เอาของมาให้ไปบอกสิ หรือไม่ก็เดินไปบอกเองเลย กล้าไหม”

     

    ถามว่ากล้าไหมก็กล้า แต่มันจะดีหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมรู้ว่าเป็นเขา เวลาเดินสวนกันเขาแทบไม่มองผม ทำเหมือนกับไม่รู้จักผมเลยสักนิดจนบางทีก็ยังสงสัยว่าเป็นเขาจริงๆหรือเปล่า

     

    พวกเราเดินมาถึงหน้ารั้วโรงเรียน พี่คยองซูยังยืนอยู่ที่เดิมก้มหน้ากดมือถือ เขาค่อนข้างเงียบขรึมจากที่เห็นหลายๆครั้ง เหมือนจะเย็นชาแต่ไม่ใช่ ดูจากข้าวของต่างๆที่ถูกส่งมาให้ในแต่ละวัน ผมว่าเขาเป็นคนละเอียดอ่อนมากทีเดียวเพียงแต่ไม่แสดงออก

     

    แทมินเดินเบียดผมตอนที่เดินสวนกันจนไหล่ผมไปโดนเขา พี่คยองซูเซไปนิดหน่อยแล้วเงยหน้าหันมามอง

     

    ขอโทษครับ” ผมรีบพูด เขาเบิดตาโตๆของเขาขึ้นเหมือนตกใจ ไม่ได้พูดอะไรตอบ ผมก้มหัวให้เขาน้อยๆอีกทีแล้วเดินผ่านมา

     

    พอเดินเลยมาสักพักหนึ่งผมก็หันกลับไปมองอีกที ก็เห็นว่าพี่คยองซูกำลังมองผมอยู่เหมือนกัน เราสบตาจากไกลๆ และผมก็ยิ้มให้เขา

     

     

    ผมแกะซองลูกอมเม็ดสีแดงที่พี่คยองซูให้ส่งเข้าปาก รสหวานอมเปรี้ยวแผ่ซ่านไปทั่ว วันนี้ผมได้กระปุกที่เต็มไปด้วยลูกอมรสสตรอเบอร์รี่รสโปรดหลากหลายยี่ห้อ เป็นของที่น่ารักดี ผมปิดกระปุกเก็บใส่เป้นั่งรอแทมินไปช่วยอาจารย์ยกของอีกเดี๋ยวก็คงมา ตอนนี้ผมอารมณ์ห่อเหี่ยวยิ่งกว่าตอนเช้า อาชานยอลส่งข้อความมาบอกผมอีกแล้วว่าเขามารับผมไม่ได้ และวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ก็อย่าเพิ่งไปนอนที่คอนโดเขา

     

    ผมกับแทมินเลิกเรียนก็ไปที่บริษัทพ่อ ซ้อมเต้นสักชั่วโมงสองชั่งโมงเป็นอย่างน้อย บางวันก็มีตารางสอนเต้นขั้นพื้นฐานให้เด็กฝึกในบริษัท เป็นความคิดของพ่อกับเทรนเนอร์ที่เห็นพัฒนาการการเต้นของพวกเรา วันนี้ไม่มีสอนเราเลยช่วยกันคิดท่าเต้นใหม่ๆ เวลาผ่านไปเร็วมาก เมื่อเริ่มหมดแรงและหิวเลยพากันเลิกซ้อม

     

    ขอแวะขึ้นไปข้างบนหน่อย” นั่งพักกันจนหายเหนื่อยเราก็เริ่มเก็บของเพื่อปิดสตูดิโอ แทมินคงรู้ว่าผมจะไปไหนเลยพยักหน้าแล้วบอกว่าจะรออยู่ที่นี่ก่อน

     

    ผมขึ้นไปหาอาชานยอลที่ห้องทำงาน เดาว่าเขาอาจจะทำงานหามรุ่งหามค่ำเพราะบางทีเวลาเขาติดลมก็ไม่ค่อยกลับบ้านเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในสตูดิโอของตัวเอง นั่งทำเพลงจนลืมเวลา

     

    ผมเปิดประตูห้องของอาเข้าไปด้วยความเคยชิน ในนั้นพบเพียงความมืด เจ้าของห้องไม่อยู่ ไม่มีไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ เหมือนว่าอาชานยอลไม่ได้อยู่ที่นี่มาทั้งวัน ผมปิดประตูแล้วเดินไปที่ห้องทำงานพ่อแทน แง้มเปิดเข้าไปดูว่าพ่อทำอะไรอยู่ก็เห็นว่านั่งเปิดเทปของเด็กฝึกดู ดูท่าไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ผมเลยเข้าไปหา

     

    พ่อ” ผมเรียก พ่อหันมาเห็นผมก็ยิ้มแล้วกวักมือเรียก

    เป็นยังไงฮึเรา ขึ้นมาหาพ่อถึงนี่” ผมนั่งลงใกล้ๆพ่อ เขาลูบหัวผมที่ยังชื้นๆเหงื่อ

    พ่อจะกลับรึยัง”

    ยัง บอกแม่ไว้แล้วว่ากลับดึกหน่อย จงอินทำไมยังไม่กลับ ไม่หิวเหรอ แล้วแทมินอยู่ไหน”

    แทมินอยู่ข้างล่าง…พ่อ วันนี้อาชานยอลไม่มาทำงานเหรอ”

    มาเพราะอานี่เอง” พ่อทำหน้าน้อยอกน้อยใจที่ผมเห็นจนเบื่อ

    อาไปไหน”

    อาเราทำไมเราไม่รู้ ชานยอลมันป่วย นอนซมอยู่บ้านล่ะมั้ง ลุยงานนอนที่สตูมาหลายวันจนเสร็จ ก่อนกลับบ้านวันก่อนก็เห็นสภาพมันแล้วก็ไม่น่าไหว”

     

    พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วแน่น เป็นห่วงอาไม่รู้ว่าตอนนี้จะดีขึ้นรึยัง

     

    ไม่ต้องบอกว่าจะไปหาชานยอลเลย” พอผมอ้าปากจะพูดพ่อก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

    ผมจะไปดูว่าอาเป็นยังไงบ้าง”

    เดี๋ยวติดหวัดมันน่ะสิ ไม่ต้องไป มันไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยวก็หาย”

    ขอผมแวะไปหน่อยนะพ่อ อาอาจจะเป็นหนักก็ได้ จะกินอะไรบ้างรึยังก็ไม่รู้” ยิ่งคิดผมยิ่งร้อนรนเป็นห่วง ผมลุกพรวดขึ้น

    ตามใจ งั้นก็แวะซื้ออะไรเข้าไป ซื้อยาซื้อข้าวเย็นของตัวเองไปกินด้วย” พ่อควักเงินให้ ผมบอกขอบคุณแล้วรีบออกมา ลงไปบอกแทมินว่าจะไปคอนโดอาชานยอลแล้วแยกกัน

     

    ผมแวะซื้อซุปกับยาไปให้คนป่วย ส่วนของผมเองอาจไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีติดห้องอาเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ผมนั่งแท็กซี่ไปหา ใจเป็นห่วงอยู่ตลอด คิดไปต่างๆนานาว่าถ้าเป็นหนักกว่าไข้หวัดธรรมดาหรือดูแลตัวเองไม่ได้อาจะเป็นยังไง

     

    ผมมีคีย์การ์ดสำรองที่อาให้ไว้ ผมไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่ เพิ่งเห็นความสำคัญของมันก็ตอนนี้ เปิดเข้าห้องไปก็มืดสนิทเหมือนห้องทำงานของเขา ผมเปิดไฟ วางของที่ซื้อมาบนโต๊ะแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอน อย่างแรกที่ผมสัมผัสได้คือความหนาวเย็น อาชานยอลเป็นแอร์จนหนาวจัด ผมเห็นเขาซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและกำลังหลับสนิท

     

    ผมได้ยินเสียงตัวเองถอนหายใจ เพิ่งจะรู้สึกเหนื่อยจากการรีบร้อนมาหา ผมผ่อนลมหายใจ เดินไปเปิดโคมไฟข้างเตียงและแตะใบหน้าของอา

     

    อุณหภูมิยังคงร้อนจัด ขนาดพักผ่อนทั้งวันไข้ก็ยังไม่เห็นลด ผมสงสัยว่าเขาคงไม่ได้กินยา

     

    ใบหน้าอาชานยอลซีดเซียวมาก ริมฝีปากแห้งแตก มีไอร้อนแผ่ออกมารอบตัว ผมลุกขึ้นไปปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นแล้วออกไปเตรียมซุปกับยามาให้อากิน

     

    อา…” ผมเขย่าไหล่ปลุก ไม่กล้าเขย่าแรงเขาเลยไม่ตื่น ต้องเขย่าอยู่หลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว

    อาครับ กินข้าวกินยาหน่อย” ผมบอกเมื่อเห็นเขาลืมตาขึ้น

     

    อาชานยอลกะพริบตาเหมือนกำลังเรียกสติ

     

    จงอิน?”

    ครับ ผมเอง”

    มาทำไม กลับไป”

    ไล่ผมได้ยังไง”

    เดี๋ยวติดหวัดอา กลับบ้าน” เขาพยายามดุทั้งๆที่ไม่มีแรง ผมไม่สนใจ เขาจะว่าผมดื้อก็ช่าง ผมจะอยู่กับเขา อยู่ที่นี่ทั้งคืนด้วย

    อากินซุปก่อน ผมซื้อมาให้ ไม่ได้กินยาเลยใช่ไหม ตัวยังร้อนอยู่เลย” อาชานยอลจ้องผมที่เพิกเฉยคำสั่งเขา

    นะ ลุกขึ้นมากินหน่อย ผมป้อนก็ได้” ผมฉุดเขาลุกขึ้นนั่ง เขาแทบไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น ดูจะปวดหัวมาก พอนั่งพิงหัวเตียงได้ก็หลับตาแน่น

     

    ซุปสาหร่ายอุ่นๆกำลังดีหอมน่ากิน ผมนั่งขัดสมาธิบนเตียงข้างๆอา ยกชามมาถือแล้วตักไปจ่อปาก อาชานยอลผู้อิดโรยก็อ้าปากน้อยๆให้ผมส่งซุปป้อนเข้าไป

     

    ผมป้อนเขาเรื่อยๆ พลางคิดในใจว่าแม้เขาจะป่วยก็ไม่ลืมส่งข้อความมาบอกผมไม่ให้ผมต้องรอ ถ้าพ่อไม่บอกผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาป่วย คิดว่าเขาติดธุระอยู่ที่ไหนสักที่ นึกๆดูแล้วเหมือนผมไม่เคยเห็นเวลาอาชานยอลไม่สบายเลย เขาคงจะหายไปแบบนี้จนหายป่วยแล้วค่อยกลับมาหา ผิดกับผมที่เวลาป่วยทีไรอาชานยอลจะมาอยู่ด้วยช่วยพ่อดูแลผม มีครั้งหนึ่งที่หน้าตาตื่นวิ่งพาผมไปโรงพยาบาลเพราะผมบอกว่าหายใจไม่ออก ผมยังจำได้ด้วยว่าเขาชอบเอาซุปมาป้อนผมเวลาไม่สบาย พออาไม่สบายผมเลยนึกถึงซุปเป็นอย่างแรกว่าเป็นอาหารของคนป่วย

     

    เดี๋ยวกลับบ้านไปนะ”

    ดึกแล้ว อาจะให้ผมกลับอีกเหรอ” เขาเงียบ กินซุปไปอีกคำก็ดันออกเป็นเชิงบอกว่าพอแล้วแถมยังไอจนหน้าดำหน้าแดง ผมเลยหยิบน้ำยื่นให้เขาพร้อมกับยา

    เป็นหนักขนาดนี้ทำไมไม่ยอมกินยาตั้งแต่แรก”

    แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

    ทีผมป่วยอายังชอบบังคับให้กินยาตลอดเลย”

    จะได้หายเร็วๆ”

    อาก็รีบกิน จะได้หายเร็วๆ” เขาผุดยิ้มให้ผมบางๆ ไม่ยอมรับยาไปแต่อ้าปาก ผมเลยต้องป้อนยาให้ เสร็จแล้วก็ดันเขานอนลงเหมือนเดิม

    เหงื่อออกเยอะเลย ผมเช็ดตัวให้ไหม”

    แค่เช็ดหน้าก็พอ” อาชานยอลคงอยากหลับเต็มแก่ ผมเลยรีบหาผ้ามาเช็ดหน้าให้ กำลังจะเอาเจลลดไข้มาแปะเป็นอย่างสุดท้ายท้องผมดันร้องเสียดังขึ้นมาก่อนเลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น คนป่วยก็เหมือนจะได้ยินด้วย เขาลืมตาขึ้นมามอง

    ยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ”

    ลืมไปเลย”

    รีบไปกิน อาบน้ำ แล้วมานอน” เขาสั่ง ถ้าเป็นเวลาปกติคงโดนดุมากกว่านี้ แต่อามีแรงแค่นี้ ผมถึงได้รับแค่สายตาเยิ้มๆติดจะหงุดหงิดนิดหน่อยมาแทน

     

    ผมทำตามที่อาบอกทุกอย่างแล้วมานอนข้างๆ คืนทั้งคืนเขาหลับไม่ค่อยสนิท กระสับกระส่าย บางทีก็ร้อนจนถีบผ้าห่มออก ผมลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เขาสองสามครั้ง และก็ตื่นเป็นบางครั้งเวลาที่ได้ยินเวลาเขาไอหนักๆ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบแขนเขาเบาๆ ครั้งสุดท้ายที่จำได้ก่อนหลับไปจนเช้าก็คือตอนที่เขาจับมือผมที่ลูบแขนเขาไปแนบกับใบหน้าร้อนๆ เขายึดข้อมือผมไว้ แล้วผมก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นสาย แทมินเป็นคนโทรมาปลุก ผมรู้สึกตัวก่อนอาชานยอลตื่นเลยรีบรับโทรศัพท์ บอกแทมินว่าจะไม่ไปโรงเรียนก็โดนขู่ว่าจะฟ้องพ่อกับแม่ ผมหันไปมองอาชานยอลที่กำลังหลับ ลองแตะหน้าผากดูไข้ก็ลดลงจากเมื่อวานผมเลยเบาใจ ผมบอกแทมินว่าจะไปโรงเรียน ให้เอาชุดนักเรียนมาให้ก่อนวางสาย ลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมตัว เวฟอาหารเช้าที่ซื้อมาเผื่อเมื่อวานกับเตรียมยาไว้แล้วยกเข้าไปให้

     

    ผมลังเลใจว่าจะปลุกอาดีไหมเพราะเขาหลับสนิทจากที่นอนไม่ค่อยหลับมาทั้งคืน อยากให้เขาพักผ่อน แต่ก็ถึงเวลาที่ควรจะกินยา ระหว่างที่กำลังคิดอาชานยอลก็พลิกตัวพอดี เขานอนหงายปัดป่ายมือไปด้านข้างที่ที่ผมเคยนอนอยู่ พอไม่เจออะไรก็ลืมตาขึ้นมองหา จนมาเจอผมที่นั่งอยู่ข้างๆเตียง

     

    ถึงเวลากินยาอีกแล้ว” ผมว่า เลื่อนถาดอาหารให้เขาดู

    ไม่หิว จะนอนต่อ”

    กินคำสองคำแล้วค่อยต่อนอนก็ได้”

    จะไปโรงเรียนแล้วเหรอ” เขาถาม ไม่สนใจมองถาดอาหาร

    ครับ สายแล้ว ตื่นสายด้วย”

     

    อาชานยอลมองผมเงียบๆ เขาไม่ยอมพูดอะไรต่อ แต่มองผมเหมือนไม่อยากให้ผมไป แววตาเหมือนเสียดาย อ้อนวอน บางทีเขาก็ชอบทำให้ผมคิดแบบนี้ หรือผมชอบคิดไปเองก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือมันทำให้ผมไม่อยากไปโรงเรียน

     

    วันนี้เลิกเรียนแล้วผมจะรีบกลับมาหาอานะ มาดูว่าอากินยารึเปล่า”

    อาไม่ใช่เด็กแบบจงอินที่ต้องคุม”

    ไม่ชอบให้ผมคุม ผมไม่คุมก็ได้ แต่ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองหายเร็วๆ” ผมว่า มองนาฬิกาแล้วก็ต้องลุกขึ้น

    จะไปแล้วเหรอ” อาชานยอลถามเป็นครั้งที่สอง ผมพยักหน้า แตะแก้มเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ดึงมือกลับมาไม่ได้เมื่อเขายึดมือผมเอาไว้เหมือนเมื่อคืน แนบฝ่ามือทับกับมือของผม

    อา…”

     

    ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากเรียกอา ผมสงสัยทุกทีว่ามันคืออะไรเวลาที่เขาทำอะไรที่ดูพิเศษ มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหน หรือเขาเห็นว่าผมพิเศษ แต่ไม่ได้พิเศษในแบบเดียวกับที่ผมคิด…

     

    รีบกลับมา”

     

    อาชานยอลจับมือผมไปจูบกลางฝ่ามือ ริมฝีปากแห้งแตกกดจูบอุ่นๆลงไป ในความรู้สึกผมจูบนี้เป็นจูบที่ลึกซึ้ง ทั้งที่อาปล่อยมือผมและหลับไปแล้ว ผมก็ยังนั่งนิ่งค้างอยู่แบบนั้นพักใหญ่ กว่าจะไปถึงโรงเรียนคาบแรกก็เริ่มไปแล้วตั้งครึ่งชั่วโมง

     

     



     




     

    #FicLostonYou

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×