ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กฎในการเอาชีวิตรอดของชายหนุ่มผู้โชคร้าย

    ลำดับตอนที่ #1 : กฏครั้งที่ ๑ บ้านเพื่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7
      2
      18 เม.ย. 67

    สวัสดีครับผมชื่อบอสเป็นนักศึกษาจบใหม่กำลังหางานทำแต่ด้วยช่วงนี่เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีใครอยากจะจ้างงาน แต่เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจผมมีคนจ้างงานให้ผมไปออกแบบงานแต่งงานให้แถมค่าจ้างก็คุ้มมาก แต่เสียที่ว่าผมต้องเดินทางลงใต้ โชคดีที่เจ้าของงานออกค่าเดินทางให้แต่เขาบอกว่าต้องหาที่พักเอง ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะไอตาลเพื่อนสนิทของผมมันมีบ้านอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานแต่งพอดีและมันก็ให้ผมเข้าไปอยู่ได้ตาม สบาย ติ้ง!! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเห็นว่าเป็นข้อความจากไอเพื่อนเกลอของผมเอง 

    คนสวย: มึง 

    คนหล่อ: มีส้นเท้าอะไรครับ

     คนสวย: ถ้าจะเข้าไปอยู่ที่บ้านกูมันจะมีกฎที่มึงต้องทำตาม 15 ข้อ 

    คนหล่อ: มึงคิดว่ากู 3 ขวบรึไง 

    คนสวย: กูจริงจัง 

    คนหล่อ: มึงไม่ใช่เพื่อนกู 

    คนหล่อ: เพื่อนกูไม่มีทางพูดแบบนี้แน่นอน 

    คนหล่อ: มึงคายเพื่อนกูออกมา! 

    คนสวย: มึง กู ไม่ เล่น (แปลกปกติมันไม่เคยซีเรียสอะไรมากขนาดนี้มาก่อนเลย) 

    คนหล่อ: โอเค จริงจังแล้ว 

    คนหล่อ: อ่ะ กฎไรว่ามา 

    คนสวย : กฎมันมีอยู่ว่า 

    คนสวยได้ส่งรูป 

    คนสวยได้ส่งรูป 

    คนสวยได้ส่งรูป 

    (มันส่งมาเป็นกระดาษพร้อมกับลายมือไก่เขี่ยของมัน บวกกับเหมือนมันรีบด้วย ผมจับใจความได้ประมาณนี้) 

    1 ถ้าคุณจะวางจองเท้าให้คุณขึ้นไปวางรองเท้าไว้ที่ห้องรับแขกตรวจดูว่ารองเท้าของคุณไม่มีเศษดินติดอยู่เพราะคุณย่าท่านไม่ชอบให้บ้านสกปรก 

    2 ให้คุณไปหยิบธูปที่อยู่ในตะกร้าแล้วจุดธูปสามดอก ไปที่ศาลที่อยู่หน้าบ้านไหว้บอกกสาวท่านว่าคุณจะมาอยู่กี่วัน มีกี่คน ท่านจะช่วยคุ้มครองท่านจากอะไรก็ตามที่อยากจะพาคุณไปอยู่ด้วย 

    3 บ้านหลังนี้เลี้ยงหมาอยู่4ตัว ให้คุณเข้าไปผูกมิตรกับหมาตัวสีเทามันชื่อเทาให้คุณเรียกมันและลูบหัวถ้าให้ดีให้อาหารมันด้วยก็ได้มันจะดอยปกป้องคุณจากหมาตัวอื่นมันเป็นพี่ใหญ่หมาตัวอื่นเชื่อฟังมันยกเว้นคุณจะไปทำให้พวกมันโกรธอย่าทำให้เทาโกรธเด็ดยาดมันจะจัดการคุณทันที 

    4 หมาที่คุณควรระวังที่สุดคือช็อกโก้มันเป็นหมาสีดำตัวใหญ่ เล็บ ยาว ฟันแหลม มันไม่เชื่อฟังใครยกเว้น เทา และคุณย่า มันไม่ชอบคนแปลกหน้า มันถูกล่ามโซ่อยู่ที่หลังบ้านอย่าคิดที่จะปล่อยมันไม่ว่าคุณจะได้ยินเสียงร้องอันทรมานมากแค่ไหนก็ตาม ถ้ามันหลุดมาได้มันฆ่าคุณแน่นอน 

    5 ห้องที่คุณสามารถนอนได้คือห้องที่อยู่ถัดจากห้องรับแขก จุดสังเกตง่ายๆจะมีรูปคุณปู่และคุณย่า แต่ห้ามเข้าห้องผิดเด็ดขาดไม่งั้น คุณจะไม่ได้กลับออกมาอีก 

    6 ถ้าคุณไม่ได้เข้าห้องผิดเมื่อเปิดประตูเข้าไป คุณจะเจอกับเตียง2เตียง เตียงแรกจะเป็นเตียงไม้ เตียงที่สองเป็นเตียงสีชมพูให้คุณนอนที่เตียงสีชมพู มันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในบ้านแล้ว 

    7 ห้ามขึ้นไปบนเตียงไม้เด็ดขาด คุณย่าท่านไม่ชอบให้ใครขึ้นไปบนเตียง แต่ถ้าคุณไม่เชื่อจะขึ้นไปนอนก็ได้แต่คุณจะได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายแน่นอน หลังจากเวลา 18.00 น. 

    8 ให้คุณปิดประตู หน้าต่าง ลงกลอน ให้เรียบร้อยปิดไฟทั้งหมดแต่เปิดไฟในห้องครัวไว้แค่ดวงเดียว เราคิดว่าคุณคงไม่อยากให้อะไรก็ตามที่อยู่ข้างนอกเข้ามาหรอก 

    9 หลังจากทำตามกฎข้อที่8เรียบร้อยแล้วให้คุณรีบเข้าห้องอย่าออกมาจากห้องเด็ดขาด!! 

    10 ถ้าคุณรู้สึกปวดหนักหรือเบาให้อั้นเอาไว้แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆให้ลุกขึ้นแล้วพูด"ปวดฉี่ไหม"ให้นับ1-5ถ้าไม่ได้ยินอะไรให้รีบเดินไปเข้าห้องน้ำแต่ถ้ามีเสียงไม้ลั่นให้คุณวิ่งเข้าห้องน้ำเข้าให้เร็วที่สุด 

    10.1 ก้มหน้าลงอย่าเงยหน้าขึ้นระวังห้องมืดระหว่างทางด้วย อาจมีมือมากระชากคุณเข้าไปในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด 

    10.2 หลังจากเข้าเสร็จแล้วรีบเดินกลับเข้าห้องให้เร็วที่สุด อย่าหันหลังกลับไป ไม่งั้นคุณจะไม่มีทางที่จะได้หันกลับมาอีกแน่นอน 

    10.3 ถ้าคุณสามารถทนได้จนถึงเวลาตี1ให้คุณลุกขึ้นแล้วพูดว่า"ไปห้องน้ำไหม?"นับ1-5แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาเข้าห้อง หลังจาก 3.00 น 

    11 ในช่วงเวลาตีสามเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดคุณอาจจะได้ยินเสียง1 1 ในช่วงเวลาตีสามเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดคุณอาจจะได้ยินเสียงข่วนหน้าต่างหรือเสียงคนรู้จักของคุณมาเรียกให้คุณเป็นไม่ได้ยินและแกล้งหลับ สักพักจะมีเสียงตวาดของคนแกีดังขึ้นมาแล้วเสียงของมันจะเงียบไปเอง หลังจากเวลา 3.30 น ให้คุณตั้งสติไว้ให้ดี 

    12 ให้คุณแกล้งหลับและหายใจให้#ที่สุดแต่อย่ากสั้นหายใจเพราะคุณย่าจะรู้ว่าคุณแกล้งหลับ 

    13 ให้คุณหยิบมีดใต้หมอนมาไว้ที่หน้าอกหลับตาไว้แล้วใช้หูของคุณให้ดีถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคุณจะได้ยินเสียงคนคลานขึ้นมาบนเดียง กำมีดไว้ให้ดีรอจังหวะที่คุณรู้สึกถึงมือที่มาจับที่ท้องคุณ ลืมตาแล้วเอามีดในมือคุณแทงเข้าไปที่มัน คุณจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากความมืด สักพักมันจะหายไปเอง หลังจากนี่ให้คุณนอนไปได้แล้วทุกอย่างปลอดภัยแล้วให้คุณวางใจได้ 

    14 แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาด เช่น คุณถูกคุณย่าจับได้ว่าแกล้งหลับหรือ คุณแทงพลาด ให้คุณทำตามกฎต่อไปนี้ 

    14.1 ให้คุณวิ่งไปหยิบบทสวดในตู้แล้ววิ่งไปที่กลางบ้านท่องดาถาช้าๆแต่เสียงดังที่เราให้คุณท่องช้าๆเพราะถ้าคุณท่องเร็วแล้วท่องผิดคุณจะถูกชีกกระชากร่างเป็นขึ้นๆทั้งเป็นคุณคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอกหลังจากท่องเสร็จคุณก็จะปลอดภัยให้คุณเอาบทสวดไปไว้ที่สู้เหมือนเดิมขึ้นไปนอนบนเตียงแต่อย่าหลับให้สนิทสะเพราะเราก็ไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆแนะนำให้คุณทำเหมือนเดิมแล้วคุณจะปลอดภัย 

    15 ถ้าคุณรอดมาได้ให้คุณนำอาหารที่วางอยู่ในครัวมาไว้เจ้าที่ที่ท่านช่วยคุ้มครองท่านมาทั้งคืนถ้าคุณไม่สามารถรอดชีวิตจากบ้านหลังนั้นได้เราสัญญาว่าเราจะทำพิธีให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติแน่นอน

    (นี่มันกฎบ้าอะไรกัน ไร้สาระมาก ผีคุณย่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว)

    ผมที่คิดแบบนั้นกำลังจะทักไปด่าไอ้เพื่อนบ้าของผม แต่โทรศัพท์บ้านี่ดันแบตเตอรี่ใกล้หมด ผมที่ไม่อยากจะเปลืองแบตโทรศัพท์ก็ได้แต่ทำเป็นลืมไปเรื่องกฎแปลกๆนั้น

     

    ติ๊งต่อง ตั้งต่อง ....

    เครื่องบินจากนกแสกแอร์ไลน์กำลังจะเดินทางไปจังหวัด...ขอความกรุณาให้ผู้โดยสารมาขึ้นเครื่องด้วยค่ะ

          ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง…

     

    หลังจากลงเครื่องแล้วมาถึงที่หมายผมก็ได้โบกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านของไอ้ตาล แต่เมื่อคนขับรถรู้ว่าผมกำลังจะไปที่ไหนเขาก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า

    "ไอ้หนุ่มเอ็งแน่ใจจริงๆรีว่าจะไปที่นั่น"

    "แน่ใจครับ"

    ผมตอบกลับลุงเขาไป ลุงเค้านิ่งไปสักแป๊บนึงแล้วก็พยักหน้าบอกให้ผมขึ้นรถมา ผมทำได้แค่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจหลังจากถึงที่หมาย ผมก็จ่ายเงินให้ลุง ก่อนที่ลุงจะกลับ เขาได้ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม ข้างในนั้นมีเบอร์โทรของลุงอยู่ เขาบอกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้โทรหาเขาแล้วเดี๋ยวเขาจะมาพาออกไป ผมได้แต่พยักหน้า แล้วหันหลังรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านฟ้าตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้วผมจึงคิดว่ารีบเข้าบ้านอาบน้ำแล้วก็นอนดีกว่าเพราะว่าพรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า... แต่ทำไมบ้านมันถึงได้ดูน่ากลัวนาดนี้เนี่ย!!? 

    ผมได้แต่คิดว่าขอให้กฎที่มันส่งมาให้เป็นแค่มุตลกๆของมันนะ แต่ผมคิดว่าทางที่ดีทำตามกฎไปก่อนดีกว่า เพราะถึงทำตามไปก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่ยังไงผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าจะมีกฎบ้าบออะไรนั่นจริงๆผมเปิดประตูบ้านและชะโงกหน้าเข้าไปดู ก็ดูเป็นบ้านทรงไทยธรรมดา ข้างในก็ไม่ได้มีอะไรแปลกเพียงแค่ข้างนอกมันดูน่ากลัวเท่านั้นเอง แต่มันมีสิ่งที่แปลกอยู่อย่างนึงทำไมบ้านนี้ถึงสะอาดเหมือนมีคนคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ไอ้ตาลบอกว่าไม่ได้มีใครมาอยู่บ้านหลังนี้นานแล้ว แล้วมันก็ไม่ได้กลับมาที่นี่ 10 ปีได้แล้ว แล้วใครเป็นคนทำ… 

    ผมว่าผมเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบขึ้นบ้านดีกว่าผมได้หยิบรองเท้าไปวางไว้ที่ชั้นวางตามที่กฎบอกระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน หูของผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดูทรมานมากมาจากหลังบ้าน ผมได้เดินไปดู และได้เจอกับสุนัขสีดำตัวผอมซูบถูกล่ามโซ่ไว้อย่างน่าสงสาร มันเงยน่ามองมาที่ผมด้วยแววตาแสนเจ็บปวด ผมรู้สึกสงสารมันมากเลยคิดที่ จะเอื้อมมือไปปลดโซ่ให้มัน แต่แว๊บหนึ่ง สมองผมก็นึกถึงกฎที่ไอ้ตาลส่งมาให้ มือผมชะงักไปชั่วขณะ

    (ถ้ากฎมันเป็นจริงขึ้นมาละ?)

    ผมครุ่นคิดอยู่สักครู่จึงตัดสินใจได้ว่าจะเอาอาหารที่ผมติดตัวไว้ให้มันกินก่อนแล้วค่อยไปหาซื้อจากเซเว่นหน้าปากซอยก็ได้ ในเมื่อกฎไม่ได้มีเขียนไว้นิว่าห้ามไปซื้อของ

    "เอาเนื้อไปกินสิ เจ้าหมาน้อย"

     (ผมพูดกับมัน และได้ยื่นเนื้อให้มันแล้วทำไมมันถึงไม่กินละ? )

    มันเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก มันอ้าปากออกกว้างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะกัดผม เมื่อมันอ้าปากมากพอ ผมได้เห็นกับฟันของมันแหลม! มันแหลมมาก!!? ในหัวผมงงไปหมด และผมก็คิดถึงกฎขึ้นมาได้ผมรู้สึกว่าถ้าผมอยู่ตรงนี่ต่อไปผมไม่รอดแน่ ผมได้วิ่ง 4x100 ออกมาแล้วคิดถึงกฎพวกนั้น มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ

     ผมยืนลังเลอยู่หน้าบ้านสักครู่ว่าจะเข้าไปหรือหันหลังกลับดี และผมก็คิดได้ว่าผมควรกลับไปหาโรงแรมแถวนี้ดีกว่าถึงมันจะเปลืองเงินสักหน่อยแต่ก็ไม่ต้องมาเสี่ยงชีวิตอย่างนี้ เมื่อผมหันหลังกลับไป ก็เจอ...วามว่างเปล่า    ว่างเปล่าที่หมายถึงว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากถนนโล่งๆที่แทบมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเป็นถนน ไม่มีไฟไม่มีรถ มีแต่ป่า ผมคิดถึงแท็กซี่ที่เคยให้เบอร์ผมมาไว้ผมเลยหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาลุง 

    แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมเล่นแบตหมดเปิดเครื่องไม่ได้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่บ้านหลังนี้จะมีปลั๊กไฟหรือเปล่า (ชิบหายแล้วทำไมเราถึงไม่พกพาวเวอร์แบงค์มาวะ) ผมได้แต่โทษตัวเองที่ชะล่าใจไม่พกพาวเวอร์แบงค์มา ตอนนี้ฟ้าจะมืดเต็มทีแล้วผมได้แต่จำใจเดินเข้าไปในบ้านแล้วหวังว่า ผมจะไม่ทำพลาด 

    เมื่อผมวางรองเท้าเสร็จก็เดินเข้าไปในบ้านเจอตะกร้าที่ใส่ธูปอยู่ผมก็ได้หยิบและจุดมันขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน เดินไปไม่ไกลนักก็เห็นศาลพระภูมิเก่าๆ ผมรีบเดินเข้าไป แล้วบอกกล่าวเจ้าที่ว่าวันนี้ผมจะมาอยู่ที่นี่ 1 คืน 1 คน ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองผมด้วย หลังจากขอพรเสร็จผมก็ปักธูปไว้แถวนั้นแล้วรีบเดินจะมาเข้าบ้าน

     แต่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นหมาตัวสีเทาตัวใหญ่กำลังยืนจ้องผมอยู่ มันน่ากลัวมากๆ ผมเป็นคนรักหมานะแต่สำหรับหมาตัวนี้แล้วผมรู้สึกไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เลย แต่เมื่อผมนึกถึงกฎได้ ผมก็รู้ว่าผมลืมเข้าไปลูบหัวมันหวังว่า มันจะยังไม่เห็นผมเป็นคนแปลกหน้าที่ควรต้องกำจัดนะ ผมเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แม้ผมจะเดินเข้าไปใกล้ๆมันก็ยังไม่ทำอะไรผม ผมได้แต่ภาวนาในใจก็ขออย่าให้มันเห็นผมเป็นคนแปลกหน้าเลยนะ ผมค่อยๆเอื้อมมือเป็นลูบหัวมันแล้วพูดขึ้นว่า

    " ท..ทะ..เทาหวัดดีนะ ฉันไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกฉันแค่จะมาอยู่ที่นี่ 1 คืน พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวฉันจะซื้อเนื้อมาฝากแกก็แล้วกัน ดังนั้นแกอย่าทำอะไรฉันเลยนะ"

    ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เทาเงยหน้าขึ้นมามองตาผมแล้วมันก็เดินจากไปเงียบๆ ผมคิดว่ามันคงไม่มองผมเป็นคนแปลกหน้าแล้วล่ะ 

    ผมรีบเดินจ้ำอ้าวกลับเข้าบ้านอย่างลุกนี้ลุกรนผมเดินเข้าไปในห้องรับแขก เดินถัดมาก็เจอกับประตูที่มีรูปของคนแก่ 2 คนชายหญิงแขวนอยู่ด้านบนผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องนอนที่ในกฎเขียนไว้ ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเตียง 2 เตียงตามที่กฎบอกไว้ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก 

    ผมอยากรีบๆหลับแล้วตื่นมาตอนเช้าแล้วออกไปจากที่นี่เต็มที่แล้ว ไม่อาบนงอาบน้ำมันแล้วหลับทั้งอย่างนี้แหละ ก่อนที่ผมจะหลับผมก็นึกได้ว่า ผมยังไม่ได้ทำตามกฎที่บอกว่าต้องไปล็อคประตูหน้าต่างให้หมดเลย ผมรู้สึกไม่อยากลุกไปแล้วนะ แต่ก็จำเป็นผมเดินไปปิดประตูหน้าต่างตามที่กฎบอกที่เดินเข้าห้องมานอนสักพักผมก็หลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว อาจจะเพราะความเหนื่อยบวกกับความกลัวผมเลยหลับสนิทเลยสะดุ้งตื่น 

    แล้วหันไปมองนาฬิกาปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลา 00.50 น ผมรู้สึกปวดฉี่มากแต่เมื่อผมนึกถึงกฎได้ ผมคิดว่าอดทนสัก 10 นาทีก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมันจะปลอดภัยกว่าการไปตอนนี้ด้วยผมอดทนจนถึงเวลาตี 1 แล้วได้ลุกขึ้นเปิดไฟ แล้วพูดว่า

    "จะไปเข้าห้องน้ำไหม?"

    ผมนับ 1-5 ในใจเมื่อนับครบแล้วผมก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วก็รีบเดินกลับมานอนผมนอนไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงขวดหน้าต่าง ทุบหน้าต่าง และเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากข้างนอกผมกลัวมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่เอาห่มผ้าห่มคลุมหัว ภาวนาให้มันเงียบลงสักทีผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็มีเสียงของชายแก่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า 

    "หุบปากแล้วกลับไปในที่ที่พวกเอ็งจากมาซะ" 

    เมื่อสิ้นเสียงเสียงทุบหน้าต่างข่วนหน้าต่างและเสียงร้องต่างๆ ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นผมรู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อหันไปมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลา 2.59 น ใกล้จะตี 3แล้ว ผมลุกนี้ลุกลนตกใจมากทำไมเวลาถึงได้ผ่านไปไวขนาดนี้ผมรีบใช้มือควานหามีดที่อยู่ใต้หมอนนำมากำไว้ที่อกหลับตาแล้วหายใจช้าๆตามที่กดบอกตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงมากๆความรู้สึกผสมกันไปหมดกลัวตื่นเต้นอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ได้

     

    สวบ..สวบ..สวบ

     

    ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างกำลังคานขึ้นมาบนเตียงผมกำมีดในมือแน่นผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เริ่มคืบคลานมาถึงท้องของผมรีบกำมีดในมือไว้แน่น ผมลืมตาและใช้มีดนั้นแทงไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรเพราะตอนนั้นผมรีบแทงและยังไม่ได้มองเห็นด้วยซ้ำ ผมได้ยินเสียงกรีดร้องตามมาหลังจากที่ผมใช้มีดแทงไปเสียงกรีดร้องที่ไม่รู้ว่ามาจากทางไหนเสียงมันดังไปทั่วจนจับทิศทางไม่ได้ผมได้แต่นอนคลุมโปงและภาวนาให้เสียงหายไปสักที เมื่อเสียงนั้นหยุดลง

     ผมผลักตัวออกจากผ้าห่มลุกขึ้นมานั่งมองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม แต่มันก็ไม่มี ผมมีหลายความรู้สึกปนอยู่ในอก โล่งใจ ดีใจ ตื่นเต้นทุกอย่างมันจบแล้วใช่ไหม?ผมจะได้นอนแล้วใช่หรือเปล่า?ระหว่างที่ผมกำลังดีใจว่าทุกอย่างมันจบแล้วก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นมาจากข้างหลังผม

    "มึงขึ้นมาบนที่นอนกูทำไม"

    ผมค่อยๆหันไปมองก็ต้องตกใจสุดขีดมีคนแก่ที่เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวมากๆกำลังจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาที่โกรธ ผมนึกถึงคำถามที่เธอถามขึ้นมาได้ผมก็มองลงบนที่นอนที่ผมนั่งอยู่มันเป็นที่นอนสีขาว.. ซวยแล้วไงตอนที่ผมตกใจและโล่งใจผมนั้นเผลอขึ้นที่นอนผิด

    "กูถามว่ามึงขึ้นมาบนที่นอนภูทำไม!!!"

    ผมตกใจกับเสียงตวาดดังลั่นผมไม่รู้จะต้องทำยังไงได้แต่ยกมือไหว้

    "ขอโทษจริงๆครับผมไม่ได้ตั้งใจ  ได้โปรดอย่าทำอะไรผมเลย!! "

    ผมเหลือบตาขึ้นไปมองเธอ สีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้เลยดูเหมือนเธอจะไม่ยอมรับคำขอโทษของผมทำยังไงดีผมไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว จึงได้แต่กล่าวคำขอโทษออกไปหวังว่ามันจะช่วยอะไรดีขึ้นบ้างแต่มันก็ไม่เป็นผล 

    ผมรู้สึกได้ว่ามีมือมาบีบคอของผมผมพยายามดีดดิ้นแต่ก็เปล่าประโยชน์ผมต้องใช้มือเท้าเตะต่อยเธอเพื่อให้เธอปล่อยผม แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เธอเจ็บแม้แต่น้อยมีแต่ผมที่เจ็บมากขึ้นสติของผมเริ่มเลือนลางลง

    ( นี่คือเวลาตายของเราแล้วเหรอเนี่ย เรายังใช้ชีวิตไม่มากพอเลย) 

    ผมได้แต่คิดเสียดายที่ยังทำอะไรได้ไม่มากพอเลยตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วสายตาเลือนลางมองไม่เห็นแล้ว

    (ลาก่อนนะทุกคน)

    (ขอโทษนะไอ้ตาลที่กูจะไม่ได้อยู่คอยดูแลมึงแล้ว)

    ผมหลับตาลงยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น ผมเห็นผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ปลายเตียงเธอมีหน้าตาที่คล้ายกับไอ้ตาลเพื่อนผมเลย เธอบอกกับผมว่า

    " แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะที่ฉันจะช่วยนาย ฝากนายดูแลน้องสาวของฉันด้วยนะ" เธอยิ้มให้ผมแล้วค่อยๆหายไป

    เฮือกก!!!!!

    เมื่อกี้ความฝันหรอ แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหนผมหันไปมองรอบๆ พบว่าตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่ในบ้านที่ไม่คุ้นตาหลังนึง ผมกวาดตามองไปรอบๆ ไม่เจอแม้แต่สิ่งมีชีวิตสักตัวเลย

    (ตอนนี้ผมงงมากไม่ใช่ว่าผมควรที่จะตายไปแล้วงั้นหรอ?)

    แกร๊ก

    ผมรีบหันไปดูเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูและคนที่เปิดประตูเข้ามาก็น่าตกใจยิ่งกว่า

    “ลุงคนขับแท็กซี่!!”

    ลุงแกชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผมตื่นขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากเขาเดินเข้ามาใกล้ๆผมแล้วก็พูดขึ้นว่า

    "ไอ้หนุ่มเอ็งเป็นคนแรกเลยนะที่รอดจากบ้านหลังนั้นได้"

    "เอ็งมีของดีอะไรกันวะถึงรอดมาจากบ้านผีสิงหลังนั้นได้"

    ผมงงกับคำพูดของลุงมาก บ้านผีสิง คนแรกที่รอดมาได้ หมายความว่าไงกัน? ผมทนเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ไม่ได้จึงได้ถามลุงออกไป

    "หมายความว่ายังไงครับ"

    "นี่เอ็งไม่รู้รึ"

    "รู้อะไรครับ?"

    "ก็บ้านหลังนั้นที่เอ็งไปอยู่ มันเป็นบ้านร้างที่ไม่ได้มีใครไปอยู่นานแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นั้น"

    "เหตุการณ์อะไรหรอครับ"

    "ก็เหตุการณ์มีโจรขึ้นไปปล้นบ้านแล้วยิงคนในบ้านตายทั้งหมดรอดมาแค่ 1 คน เห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนนึง แต่เธอย้ายออกไปแล้วล่ะ น่าจะเพราะไม่อยากเห็นความทรงจำที่เจ็บปวดในนั้นน่ะนะ"

    "เด็กนั้นน่าสงสารนะ อายุไม่เท่าไหร่ก็ต้องสูญเสียครอบครัวแล้ว ต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว"

    (ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าไอ้ตาลมีความหลังที่น่าเศร้านาดนี้มันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย )

    "ว่าแต่เอ็งเถอะ คิดยังไงถึงเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นกันล่ะ"

    "พอดีผมมาทำงานแถวนี้นะครับ แต่หาที่พักไม่ได้เพราะเงินไม่พอแล้วเพื่อนของผมก็เสนอมาพักที่นี่ไม่ต้องเสียเงิน ผมก็เลยคิดว่ามาพักที่นี่ดีกว่านะครับ"

    "อืม ... พอเข้าใจได้"

    "แล้วนี่เอ็งจะอยู่ที่นั่นต่อหรือว่าจะไปหาโรงแรมแถวนี้ล่ะ"

    "ผมคงไม่โง่พอที่จะอยู่ที่นั่นต่อหรอกครับลุง ผมว่าเดี๋ยวจะขอเงินเพิ่มจากนายจ้างไปจ้างโรงแรมแถวนี้นะครับ"

    "อืม"

    หลังจากนั้นผมก็กลับไปเอาข้าวของผมที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งนึง ผมเดินออกมาแล้วไม่คิดจะหันหลังกลับไปอีก

    นี่จะเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่ลืมไปเลยทั้งชีวิต.....

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     .

     .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ก็จบกันไปแล้วสำหรับตอนที่ 1 พระเอกของเราในตอนนี้ก็สู้ชีวิตพอสมควร ในตอนแรกอาจจะดูงงๆหน่อย แต่เราอยากให้คุณนักอ่านลองเดาดูว่าเรื่องที่แท้จริงเป็นยังไง

    ขอบคุณคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านสามารถส่งของขวัญให้เป็นค่าข้าวน้ำให้โรสได้นะคะ (นักเขียนผู้กินแกลบ) 

    1 คอมเม้น 1 กำลังใจ 

    หากนักเขียนได้ใช้คำพูดที่ไม่ถูกไม่ควรหรือทำอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    หากมีใครที่อยากจะนำผลงานของโรสไปลงในช่องทางของตัวเอง กรุณาให้เครดิตที่ชัดเจนว่าเป็นผลงานของโรสทุกครั้งนะคะ หากไม่ปฎิบัติตามที่โรสได้แจ้งไว้จะขอดำเนินคดีนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×