ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Percy Jackson Fan fiction } กาลครั้งหนึ่ง #Jasico

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 70%

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 58


    เจสันค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้ฮัมเพลงดังขนาดนั้น

    แค่ทิวทัศน์จากมุมนี้มันทำให้เขาเพลินใจ จบลงที่การขลุกอยู่นี่ทั้งวัน เท่านั้นเอง

    เจสันมองบ้านหลังเล็กที่ทาสีดำ รอบๆบ้านมีผีเสื้อสีฟ้าเรืองแสงบินว่อนไปมาหลายตัวเมื่อพลบค่ำ จากการมานั่งเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่ทุกวันทำให้เขารู้ว่าผีเสื้อพวกนั้นจะตายลงเมื่อตะวันขึ้น กลายเป็นซากผีเสื้อปีกขาวซีด ก่อนจะค่อยๆคืนชีวิตเมื่ออัสดง

    “ไม่กินข้าวเย็นหรือไง ?” เจสันปีนลงจากต้นไม้ก่อนจะปีนอีครั้งไปบนขอบหน้าต่าง เจ้าของบ้านล็อกประตู

    “...” นิโคไม่ตอบก่อนจะกระแทกปิดหน้าต่างจนมันมาชนจมูกเขาให้ร้อง โอ๊ย ดังลั่น เจสันถอนหายใจ เขาไม่ควรไปหวังอะไรนักกับเด็กคนนี้

    เสียงตุบเบาๆดังขึ้นเมื่อเจสันก้าวเท้าออกไป มันดังมาจากในบ้านที่มีเด็กชายเจ้าของผมรองทรงต่ำยุ่งๆเป็นเจ้าของ

     

     

    รอยไถบากทางด้านซ้ายของหัวเจสันเริ่มมีผมปกคลุมจนเนียนดีแล้วว่าเขาไม่เคยพลาดท่าระหว่างการเดินทางจนผมหายไปเป็นแถบมาก่อน ไพเพอร์ยังคงรู้สึกผิดต่อเขาแม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร

    เธอเพิ่งค้นพบตัวเองว่าอยากเดินตามทางแห่งเหล่าพรานและไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว แต่ชาวค่ายดันไปเอาเหตุผลเพี้ยนๆอย่างเช่น เขาชอบบินหนีไประหว่างเถียงหรือเขาชอบเอาดาบมาตัดขนจมูกจนทำให้เธอรับไม่ได้ ไม่แน่ว่าเหตุผลบ้าๆมันอาจมาจากเพอร์ซีย์ หมอนี่ชอบแกล้งเขาทุกครั้งที่มีโอกาส

    เจสันไม่ได้เฮิร์ทอะไรนัก เขาแค่ไม่ค่อยมีอะไรทำ ศาลบูชาเทพเจ้าทุกองค์ตอนนี้รอแค่คนงานและวัสดุก่อสร้าง คีโมโพเลีย เทพีแห่งทะเลพิโรธเป็นจอมเรื่องมากอันดับต้นๆที่ต้องการให้ศาลบูชาของเธอมีคอนเซ็ปที่โฉบเฉี่ยวแต่เรียบง่ายในเวลาเดียวกัน

    โอเค ไม่ต่างกับน้ำและน้ำมันที่รวมกันยากเหลือเกิน

    อ่าฮะ แต่มันก็ยังมีสบู่ที่จะไว้ผสม อันนี้เจสันจำได้จากการเรียนเคมีกับไครอน

    เจสันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะของบ้านหมายเลขหนึ่ง จ้วงทุกอย่างเข้าปากอย่างเพลิดเพลิน เจสันมั่นใจว่าเขากับเพอร์ซีย์มีสิ่งที่เหมือนกันอย่างเดียวคือรักการกินอาหารในค่ายนี้เหลือเกิน มันอร่อยสุดๆ

    ยัดทุกอย่างเข้าปากพลางแอบเหลือบไปมองโต๊ะหมายเลขสิบสาม หมอนั่นไม่มากินข้าวเย็นจริงๆด้วย
     

    40 %

     

     

    เจสันพบว่าเขาลืมหมวกแก๊ปทีมแยงกี้ส์ที่แอบหยิบของแอนนาเบ็ธมาเล่นไว้บนต้นไม้หลังบ้านหมายเลขสิบสาม หากพวกไนแอ็ดเอาไปเล่นมันคงแย่ทีเดียว แอนนาเบ็ธคงระเบิดเขาและหมวกให้เป็นจุนโดยใช้แค่ดวงตาสีเทานั่น

    เจสันรีบลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆที่นอนอยู่ นอกบ้านมันดูเหมาะกับการเป็นบุตรแห่งซุส แต่ในบ้านมันดันกลายเป็นห้องของเด็กติดเกมงอมแงม ของสะสมของเจสันวางเรียงกันในตู้จนไม่มีที่ว่าง

    เจสันคว้าเสื้อกันหนาวสีดำมาสวมก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกไป พวกฮาร์ปี้คอยเฝ้ายามอย่างเคร่งครัด วันนี้เขาอาจจะกินเยอะไปหน่อย จานสีขาวในมือที่สวมถุงมือล้างจานของพวกมันยังขัดไม่หยุดเลย

    เจสันลัดเลาะไปเรื่อย พยายามไม่ให้ตัวเองอยู่เหนือลม ฮาร์ปี้เหล่านั้นต้องได้กลิ่นเขาแน่

    จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังที่สิบสามที่มีอะไรแปลกไปกว่าเดิม

    ผีเสื้อสีฟ้ากำลังงอตัวอยู่บนพื้น ปีของมันแทบจะอับแสง พวกมันดิ้นไปมาราวกับทรมานเหลือเกิน

    เจสันลองเคาะประตูเพื่อจะถามด้วยความสงสัย แต่ไม่มีคำตอบ

    “นิโค” เจสันเรียกไม่ดังมากนัก “นายอยู่หรือเปล่า ?”

    แต่ไร้เสียงตอบรับ

    ด้วยความสงสัย(จะเรียกว่าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาก็ไม่ขัด เรียกๆไปเถอะ)มือของเขาเลยเอื้อมไปบิดลูกบิด มันไม่ได้ล็อก

    เจสันค่อยๆเปิดเข้าไปโดยแอบหวั่นใจว่าฮาเดสคงจะไม่ระเบิดเขาจากการก้าวเข้ามาในที่ของเทพเจ้าองค์ที่ไม่ใช่พ่อของตัวเอง แต่โอเค เขายังไม่ระเบิด และนิโคก็นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น

    เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนแปลกๆอย่างเด็กคนนี้อาจจะนึกอินดี้อยากนอนเล่นตรงพื้น แต่นอนท่านี้ก็ค่อนข้างแปลกทีเดียว

    “นิโค” เจสันเรียก แต่เจ้าของบ้านไม่ขยับผิวสีโอลีฟที่ค่อนข้างจะซีดทำให้เจสันไม่แน่ใจว่าเด็กนี่ตัวซีดเป็นประจำหรือมันผิดปกติ

    เขาคงต้องสังเกตคนรอบตัวให้มากกว่านี้แล้วล่ะ

    ตัวของนิโคเย็นเฉียบ แต่เจสันไม่รู้ว่ามันคือปกติของบุตรแห่งความตายหรือเปล่า

    เจสันไม่รู้ ไม่รู้ และไม่รู้

    เขาเริ่มหงุดหงิดว่าเขารู้อะไรบ้าง

    “นิโค นายหลับอยู่ใช่ไหม ?” เจสันยังคงพยายามเรียกต่อไป “ได้โปรดเถอะ ตื่นขึ้นมาตอบฉันก่อนจะหลับต่อก็ได้ ?” ตัวเย็นเฉียบ เย็นแบบที่เขารู้สึกยะเยือกยามสัมผัส

    ใครๆก็บอกว่าเจสันน่ะเหมือนมหาสมุทรมากกว่าเพอร์ซีย์ เพอร์ซีย์เหมือนทะเลที่มีพายุเข้าตลอดเวลา แต่เจสันเหมือนมหาสมุทร คือนิ่งได้ แต่ไม่นานหรอกนะ

    “แม่งเอ้ย ...” สบถภาษาละตินสั้นๆก่อนจะช้อนร่างขาวซีดและเย็นเฉียบเพื่ออกวิ่งไปยังบ้านใหญ่ ที่ที่จะมีไครอนกับโรลม้วนผมตรงหางม้างัวเงียมาเปิดประตูเพื่อที่จะตำหนิว่าอย่ามารบกวนเขาในเวลาดึกและไม่ควรออกนอกบ้านพักยามวิกาล

     

    เจสันคิดไม่ผิด

    โรลม้วนผมตรงหางม้านั่นเป็นสีชมพูเข้ากันดีกับชุดนอนมายลิตเติ้ลโพนี่สีม่วงอ่อน แต่ก่อนที่จะถูกบ่นอะไรด้วยเสียงม้าๆนั่น เจสันก็แทรกตัวเข้าไปวางนิโคลงบนโซฟา

    “ผมปลุกเขาไม่ตื่นครับ ไครอน”

    “เขาอาจกำลังท่องไปในความฝัน” ไครอนเดา “นิโคจะฝันอะไรหลายๆอย่างกว่าพวกเธอมาก เด็กเอย”

    “ผมไม่แน่ใจว่าสมองผมจะเข้าใจมันได้ ไครอน” เป็นการยอมรับกลายๆว่า โอ้ ผมฟังคำพูดยากๆแบบนั้นไม่ออกครับ ไครอน

    “นิโคอาจจะกำลังฝันถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรือสิ่งที่เขาเจอมาตลอดชีวิตนี้ หรือเขาอาจจะกำลังไปท่องความฝันใครสักคนและแกล้งให้พวกเขากลัวอยู่ก็ได้ อย่าห่วงไปเลย” ไครอนอธิบาย “โอ้ ดึกมากแล้วนะ เธอควรกลับไป ระวังฮาร์ปี้ด้วยล่ะเจสัน พวกมันดูหิวเป็นพิเศษเลยวันนี้”

    เจสันจะทำอะไรได้เล่า ? อาจเป็นการชักดาบทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาจ่อหน้าไครอนพร้อมบอกว่า ผมจะไม่มีทางไปไหน ! หรือดื้อด้านอยู่ที่นี่ต่อไป

    แต่เจสันก็ตอบเพียง “ครับ ไครอน”

    เขาได้แต่คิด ว่านิโคคงไม่เป็นอะไรมาก

    เจสันเดินออกมา รีบพึ่งตัวกลับบ้านหมายเลขหนึ่งก่อนจะถูกอสุรกายครึ่งนกโฉบไปกินแทนมื้อดึก วางเรื่องนิโคทิ้งไว้ที่บ้านใหญ่และหลับตาลง จมลงไปกับความนุ่มของเตียงที่ทำให้เขาหลับสบาย

    ลืมหมวกแก๊ปทีมแยงกี้ส์ของแอนนาเบ็ธที่ตั้งใจไปหยิบเพราะลืมไว้เสียสนิทเลย

    70%

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×