คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :Married 2:
ในที่สุดวันหยุดที่แสนจะน่าเบื่อก็มาถึง ซึ่งโดยปกติผมก็คงจะนอนตีพุงหรือไม่ก็หาเรื่องให้พ่อกับพี่จุนด่าอยู่ที่บ้าน แต่สำหรับวันนี้ผมตื่นเต้นสุดๆจนนั่งแทบไม่ติดเบาะรถ เพราะกำลังจะได้เห็นหน้าหวานๆของพี่ชายสุดที่เลิฟอย่างพี่ลู่สักที หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยเกือบเดือนตั้งแต่ที่พี่ลู่ถูกบังคับแต่งงาน
แต่มันจะดีมากๆเป็นล้านๆเท่าเลย ถ้าไม่ต้องไปเหยียบที่บ้านของไอ้บ้าเซฮุน!!!
“ซื้ออะไรไปฝากหน่อยมั้ย!” ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆพี่จุนก็ถามขึ้น ผมพยักหน้ารับ
“ซื้อไปเยอะๆเลยนะ แต่ซื้อให้แค่พี่ลู่คนเดียวก็พอ ที่เหลือช่างหัวมัน!” ผมตอบก่อนจะโดนพี่จุนค้อนขวับ ผมไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อยนี่หว่า มีปัญญาก็หากินกันเอาเองดิ ไม่ใช่ญาติฝ่ายไหนสักหน่อยทำไมต้องหาของไปบูชาด้วย -3-
พี่จุนเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า จัดการล็อครถอย่างแน่นหนาแล้วพากันเดินเข้าไปข้างในห้างที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำต่างกับอากาศภายนอกโดยสิ้นเชิง ผมกับพี่ชายแยกกันไปคนละทางเพื่อหาของใช้ต่างๆที่จำเป็นและของฝากไปให้พี่ลู่
ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆด้วยความเพลิดเพลินโดยไม่คิดจะหยิบจะจับอะไรสักอย่าง จนกระทั่งสายตาที่ติดเลด้าตรวจจับคนสวยมันหันไปเห็นคนๆนึงซึ่งใครเห็นแล้วต้องร้องว่า... โอ้ว!!! นี่มันคนหรือนางฟ้า ความงดงามของเธอมันช่างแสบตาเหลือเกิน ใครคือผู้โชคดีที่จะได้ครอบครองหัวใจเธอกันนะ
ผัวะ!!!
ความเพ้อฝันต้องจบลงเมื่อหัวคะมำ เล่นเอาซะเห็นดาวตอนกลางวันเลย ไอ้หน้าไหนมันกล้ามาเล่นหัวจื่อเทาคนนี้วะ พ่อจะซัดให้หมอบเลย!!!
ผมหันขวับกลับไปมองทางด้านหลังด้วยความเร็วแสง ก่อนที่สีหน้าของผมจะเป็นแบบนี้=_= ในโลกนี้นอกจากพี่ลู่พี่จุนแล้วก็แม่ ผมก็ไม่เคยยอมให้ใครเล่นหัว แต่จะมีหมาอยู่ตัวนึงที่ห้ามเท่าไรก็ไม่ยอมฟัง ชอบเห็นหัวคนอื่นเป็นของเล่น นึกอยากจะตบเมื่อไหร่ก็ตบจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของมันไปแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากไอ้เตี้ยแบคฮยอน
“มองเหี้ยไรมึง!” มันถามหน้าตาย ในมือของมันถือถุงข้าวของต่างๆมากมาย แต่ส่วนใหญ่มันเป็นของที่พวกผู้หญิงใช้ไม่ใช่หรอว่ะ หรือเพื่อนตูจะกลายพันธ์แล้วล่ะเนี่ย =.,=
“เรื่องของกู!”
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงแอบมองผู้หญิงคนนั้นอยู่!” มันชี้หน้าผมแล้วมองไปทางคุณคนสวยที่ยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ในร้าน
“แล้วถ้ากูมอง มึงจะทำไมกู!” ผมท้าวเอวมองหน้ามันอย่างท้าทาย
“กูก็จะควักลูกตาของมึงออกมาโยนให้หมาแดกไง!” มันยกสองนิ้วขึ้นมาทำท่าจะจิ้มตาผม ก่อนจะเดินตึงตังเข้าไปในร้านที่คนสวยยืนอยู่ มันเดินตรงเข้าไปหาคุณคนสวยอย่างไม่ลังเล ลูกกะตาของผมแทบจะทะลักออกนอกเบ้าเมื่อมือที่ถือถุงต่างๆของมันโอบเอวบางๆไว้อย่างเป็นเจ้าของ แล้วหันมาแสยะยิ้มให้ผม
นี่คงไม่ได้หมายความว่ามันเป็น... กับคุณคนสวยหรอกนะ!!!
ผมกระดี๊บๆเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว ทำทีเป็นลูกค้าที่มาซื้อของค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ๆสองคนนั้น ก่อนจะเงี่ยหูฟังบทสนทนาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ชุดนี้สวยมั้ยค่ะแบคกี้!” บะ แบคกี้หรอO0O!! ไอ้สรรพมานนี่มันอะไรกัน นี่แสดงว่าเป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ยเนี่ย!!!
“มินนี่ของผมใส่อะไรก็สวยหมดนั่นแหละค้าบ!” เป็นไปบ่ได้ มันจิมีแฟนก่อนผมได้ยังไงแถมสวยวิ้งขนาดนั้นมันไปขุดมาจากหลุมไหน ทำไมคนหล่อๆอย่างผมถึงไม่มีใครเลย แต่ไอ้เตี้ยมันหน้าตาอย่างกับตุ๊ดทำไมมันถึงหาแฟนได้แจ่มขนาดนี้ว้า >0<
“คุณลูกค้าเป็นอะไรรึป่าวค่ะ!” ขณะที่ผมกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่พื้น พี่สาวที่เป็นพนักงานในร้านก็เดินมาถามผม
“เป็นคนไม่มีแฟนครับT_T!” พูดจบก็เดินตายซากออกมาจากร้าน ทนอยู่กับบรรยากาศหวานแหววแบบนั้นไม่ไหวหรอก มันอิจฉาอยากจะกระโดดเข้าไปแทรกตรงกลาง TwT
ไม่ได้ๆ จะยอมไม่ได้เด็ดขาด เราจะต้องหาแฟนให้ได้แจ่มโบ๊ะกว่ามัน ไฟท์ติ้ง >0<
ผมรู้สึกว่าผมจะจริงจังกับเรื่องไร้สาระไปหน่อยรึป่าวเนี่ย-_- แต่ช่างเหอะ! เรื่องหาแฟนเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ต้องหาซื้อของให้พี่ลู่ก่อน เดินมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเดียว
Baby don’t cry, tonight 어둠이 걷히고 나면...
เสียงริงโทนเพลงโปรดจากศิลปินที่ดังเปรี้ยงป้างเป็นพุแตกแถมโคตรหล่อหาใดปานโดยเฉพาะมักเน่ฝั่งเอ็มที่รู้สึกจะหล่อที่สุด(?) ผมควักโทรศัพท์ออกมาดูรายชื่อก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่ามันเป็นชื่อของพี่ลู่
“ค้าบพี่ชายสุดที่รัก!”
(ปากหวานจริงนะเรา) แค่ได้ยินเสียงใสๆของพี่ลู่ผมก็ชื่นใจแล้ว ^w^
“ผมกำลังจะไปหาพี่แล้วนะ!”
(อืม! จุนมยอนโทรมาบอกแล้วล่ะ แต่ที่จริงให้พี่ออกไปหาก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องลำบากมากันเองเลย)
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าพี่มาหามันก็หมายความว่าไอ้เซฮุนมันก็ต้องมาด้วยใช่มั้ยล่ะ สู้ผมไปหาพี่เองโอกาสเจอไอ้เซฮุนมันยังน้อยกว่าอีก-3-”
(วันนี้หมอนั่นไม่อยู่หรอก กลับมาอีกทีก็ดึกๆน่ะ)
“ว่าแต่พี่เถอะ ไอ้เซฮุนมันทำอะไรพี่รึป่าว มันแกล้งพี่ใช่มั้ยผมรู้นะ”
(ไม่หรอกๆ ก็ปกติดีนี่น่า)
“เป็นไปไม่ได้หรอก มันเกลียดพี่จะตาย ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่”
(...ก็นะ! ที่เซฮุนเป็นแบบนั้นก็เพราะพี่นี่น่า หมอนั่นไม่ผิดหรอกนะ)
“ก็พี่ใจดีแบบนี้ไง ไอ้เซฮุนมันถึงได้ใจ หัดสู้มันบ้างก็ได้นะพี่ กระซวกไส้มันไปเลย”
(จ้าๆพ่อคนเลือดร้อน!)
ผมเดินไปคุยไปอย่างสนุกปาก เจอร้านไหนถูกใจก็เดินเข้าไปเลือกๆแล้วก็ซื้อมา รู้ตัวอีกทีของก็เต็มมือไปหมดแต่ก็ยังไม่ยอมวางโทรศัพท์สักที จนกระทั่ง! สายตาของผมเหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจับมือกันอยู่ในร้านเสื้อผ้า มันคุ้นมากๆถึงจะยืนหันหลังให้ผมก็เถอะ แต่รูปร่างแบบนั้นมันคุ้นๆนะ
“แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีแบตจะหมดแล้วอ่ะ”
(จ้าๆ แล้วเจอกันนะน้องชาย)
“ค้าบฮยอง” ผมวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะเดินแบบเนียนๆตามทั้งสองคนนั้นที่ออกจากร้านไป
นั่นมันไอ้เซฮุนนี่หว่า ที่พี่ลู่บอกไม่อยู่เพราะแบบนี้เองซินะ เลวบัดซบเลยไอ้นี่ ทั้งที่แต่งงานแล้วแท้ๆยังจะมีหน้าไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงคนอื่นอีกนะ แบบนี้ต้องจัดการสักหน่อยแล้ว หึหึ *.,*
ผมเฝ้าสังเกตการอยู่สักพักจนไอ้เซฮุนมันแยกตัวออกไปไหนสักที่ ผมเลยเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นที่กำลังยืนดูเครื่องประดับอยู่
“สวัสดีครับ!” เปิดฉากด้วยการทำหน้าหล่อเข้าไปทักทาย
“ค่ะ!” เธอยิ้ม
“มาคนเดียวหรอครับ!” ถ้าบอกมาคนเดียวพ่อจะกระทืบไอ้เซฮุนโชว์เลยคอยดู =_=
“ป่าวค่ะ! มากับแฟน” แฟนหรอ…
“แล้วแฟนไปไหนหรอครับ!”
“ไปเข้าห้องน้ำค่ะ!”
“เออ! พอจะมีรูปแฟนมั้ยครับ พอดีผมเห็นหลังไวๆ มันคุ้นๆเหมือนไอ้เซฮุนเพื่อนของผมน่ะครับเลยอยากรู้ว่าใช่รึป่าว”
“คุณเป็นเพื่อนของเซฮุนหรอค่ะ!” เธอถามขึ้นพลางโชว์รูปถ่ายคู่ในมือถือให้ดู
“ครับ^^” ซะที่ไหนล่ะ -*-
ผมรับโทรศัพท์จากมือของเธอมาเลื่อนดู ผลปรากฏว่า... ชัดเลยพี่น้อง ยัยนี่เป็นแฟนกะไอ้เซฮุนจริงๆด้วย O0O!!!
“นี่คุณเป็นแฟนกะไอ้เซฮุนหรอครับ!” ผมแกล้งทำหน้าตาตื่นมองหน้าเธอ
“ค่ะ! มีอะไรรึป่าวค่ะO_O?”
“ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ กลัวว่าคุณกับมันจะมีปัญหากัน เพราะว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่คุณรับไม่ได้ ไอ้เซฮุนเลยสั่งห้ามไม่ให้ผมพูดน่ะครับ!” เริ่มแผนการเป่าหูคุณฟอแฟนไอ้เซฮุน ให้มันเลิกกันไปเลย 555+
“เรื่องอะไรหรอค่ะ!”
“ผมพูดไม่ได้หรอกครับ ถ้ามันรู้มันเอาผมตายแน่”
“บอกมาเถอะค่ะ ฉันไม่บอกเซฮุนหรอก”
“อย่าไปบอกมันนะครับ!”
“ค่ะ”
“พอดีว่าไอ้เซฮุนน่ะ ที่จริงแล้วมันแต่งงานแล้วน่ะครับ จะครบเดือนแล้วด้วย”
“O_O!!!” สีหน้าเธอตอนนี้บอกได้เลยว่า หน้าเสียสุดๆ ดูเธอจะตกใจไม่น้อยเลย คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอคงจะไม่รู้เรื่อง เสร็จตูแน่ ฮ่าๆๆ ^3^
“ผมอยากจะเตือนคุณไว้นะครับ มันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คุณคิดหรอก แฟนคนก่อนนู้นก็เหมือนคุณนี่แหละครับ ทีแรกก็หวานดีแต่พอมันเบื่อก็ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลย” ผมตีเศร้ามองหน้าเธอ
“เรื่องจริงหรอค่ะ!” เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เต็มที่เลย เห็นแล้วสงสาร
“ครับ!” ผมเหลือบไปเห็นไอ้เซฮุนอยู่ริบๆ รู้สึกมันจะยังไม่เห็น ผมเลยต้องรีบชิ่งออกมารอดูสถานการณ์ไกลๆ
ทันทีที่ไอ้เซฮุนเดินไปถึงเธอคนนั้น ฝ่ามือเรียวก็ประทับลงบนหน้าของมันเต็มๆเสียงดัง สนั่นจนคนที่อยู่รอบๆหันมามองเป็นตาเดียว ดูแล้วมันคงจะยังงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามจะตามง้อเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“หึหึ!” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของผม ถึงจะรู้สึกผิดต่อเธอคนนั้น แต่มันก็สะใจที่ได้เห็นไอ้เซฮุนร้อนรนแบบนั้น
ริอาจมารังแกพี่ลู่ของตู เอ็งก็ต้องเจอแบบนี้แหละ โอเซฮุน!!!
.....................................................................................................
รถของผมเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านหลังใหญ่ก่อนที่มันจะจอดสนิทที่หน้าบ้าน ผมพุ่งตัวออกไปกระโดดกอดบุคคลที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูทันทีด้วยความคิดถึง มือเล็กของพี่ลู่ลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน พี่จุนเดินมารวบกอดทั้งผมทั้งพี่ลู่จนหายคิดถึงก็พากันเดินเข้าบ้านมาอย่างอารมณ์ดี
ผมเลือกที่จะไม่ไปนั่งในห้องรับแขกเพราะไม่อยากจะเจอใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลนี้ พี่ลู่เลยพามานั่งเล่นในห้องแทน
“พี่นอนคนเดียวรึป่าวอ่ะ” ผมถามขณะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงสีขาวนุ่นๆ
“อืม!” พยักหน้ารับแล้วหันไปคุยอะไรสักอย่างกับพี่จุนต่อ
“บ้านนี้อยู่กันกี่คนหรอพี่!” ผมลุกเดินไปทิ้งตัวลงนอนหนุนตักพี่ลู่บนโซฟาข้างๆ
“ถ้าไม่รวมพี่กับพวกคนสวน คนงาน คนรับใช้ ก็ทั้งหมดสามคน”
“ถ้าไม่รวมพี่ก็สามคน คือไอ้เซฮุน กับ........... กับใครอีกอ่ะ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นมองหน้าพี่ลู่ด้วยความสงสัย จะว่าพ่อแม่ของไอ้เซฮุนคงไม่ใช่เพราะอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง แล้วใครฟะ
“พี่ชายของหมอนั่นอีกสองคนน่ะ!”
“พี่ชาย... หมอนั่นไม่ใช่ลูกคนเดียวหรอO_O?” งงครับพี่น้อง
“พี่ไม่เคยเล่าให้ฟังหรอ” พี่ลู่เบิกตามอง ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ก็ไม่แปลกหรอกที่นายจะไม่รู้ ก็สองคนนั้นไปอยู่แคนนาดาตั้งแต่เด็กๆพึ่งจะกลับมาเรียนต่อที่มหาลัยโซลได้แค่ปีเดียวเอง แล้วตอนงานแต่งเสี่ยวลู่ก็ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย” พี่จุนอธิบายเสริม
งี้นี่เอง! มิน่าตูถึงไม่รู้เรื่องเลย =_=
“พี่ชายคงจะเหมือนน้องชายแน่ๆเลย!”
“ถ้าคริสที่เป็นพี่คนโตละก็เหมือนอยู่นะ ส่วนคยองซูเขาน่ารักมากคอยช่วยเหลือพี่ตลอดเลยล่ะ”
“คริสหรอ!” ทำไมชื่อมันคุ้นๆชอบกลวะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย
นั่งนึกไปนึกมา จู่ๆหน้าของไอ้เงิงก็ลอยเข้ามาในสมองโดยไม่ทราบสาเหตุจนต้องสะบัดหัวไล่ภาพอุบาศๆออกไปจากสมอง
“เออ... คริสที่ว่าเนี่ย ใช่ไอ้คนที่ฟันล้ำหน้ารึป่าวอ่ะ!”
“ฟันล้ำหน้าหรอ...” พี่ลู่กับพี่จุนมองหน้ากันแล้วหันมามองผม
“จะว่าใช่ก็ใช่น่ะแหละ แต่หมอนั่นหล่อมากเลยนะเป็นถึงเดือนคณะเลยล่ะ” พี่จุนยิ้ม
“เทารู้จักด้วยหรอ!”
“ก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันรึป่าวอ่ะ แต่ขออย่าให้ใช่เลยเถอะ!” ผมทำหน้าเซ็งโลกแล้วเดินออกมาที่ระเบียงห้องที่ทอดยาวออกด้านนอก
สวนบ้านนี้ใหญ่ดีแท้ จะเอาไว้ให้ควายวิ่งเล่นรึไงก็ไม่รู้ =_=
ขณะที่ผมกำลังวิพากษ์วิจารณ์สวนหน้าบ้านของคนอื่น รถสปอร์ตสีดำสนิทคันหนึ่งก็เลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านตรงมาจอดที่หน้าประตู และคนที่เปิดประตูออกมาจากฝั่งคนขับนั่นก็คือ...
“ไอ้เซฮุน!” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง มันดูจะอารมณ์เสียสุดๆเลยวุ้ย ทำหน้าบอกบุญไม่รับเต็มที่เลย ท่าทางจะเคลียกับคุณแฟนไม่ได้แน่ๆ
ผมเหลือบไปมองพี่ลู่ที่กำลังคุยสนุกปากอยู่กับพี่จุน ก่อนจะค่อยๆเดินไปแง้มประตูดูข้างนอก ทางเดินยังคงว่างเปล่าอยู่เหมือนเดิมแต่เสียงของใครบางคนกับดังก้องมาเข้าหูของผม เสียงที่คุ้นหู เสียงของไอ้เซฮุน
“ไอ้เพื่อนที่คุณว่ามันเป็นใคร!” ผมรีบปิดประตูห้องทันทีเมื่อร่างของไอ้เซฮุนปรากฏขึ้น แต่หูก็ยังคงแนบกับประตูแอบฟังบทสนทนาระหว่างคู่รักที่กำลังจะได้เลิกกันเร็วๆนี้
“คุณหยุดร้องไห้ก่อนได้มั้ย ผมฟังไม่รู้เรื่อง” เธอร้องไห้ด้วยวุ้ย รู้สึกผิดชิบ =_=
“เลิกงี่เง่าเมื่อไรเดี๋ยวผมโทรไปแล้วกัน!” และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนเสียงทุกอย่างจะหายไป
ปัง!!!
และไม่ทันให้ผมได้ถอยหนีประตูก็กระแทกเข้ามาอย่างแรง แถมมันฟาดหน้าผมจังๆหงายเงิบลงไปนอนนับดาวอยู่บนพื้นเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ข้างหน้าผมมันดูมืดไปหมด มีแต่นกน้อยกับดวงดาวลอยอยู่เต็มหน้า แถมรู้สึกเหมือนมันมีอะไรหนืดๆไหลออกมาจากจมูกด้วยแหละ
“...เทา เทา” เสียงของพี่จุนดังขึ้น แต่สำหรับผมมันเหมือนดังมาจากอีกโลกหนึ่ง ผมที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องฝืนลืมตาขึ้น รู้สึกหัวหมุนติ้ว เหมือนตอนโดนอาจารย์ทำโทษให้ปั่นจิ้งหรีดไม่มีผิด
“เป็นไงบ้าง” มือใครสักคนโบกไปมาตรงหน้าผม
“เทา มีกี่นิ้ว”
“สะ...สิบนิ้ว...”
“พี่ชูแค่สองนิ้ว!” เสียงตะโกนดังลั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ผมปวดหัวหนักมากกว่าเก่า เลยนอนหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น ร่างของผมถูกอุ้มขึ้นมาโดยคนที่น่าจะเป็นพี่จุนก่อนจะแบกมาทิ้งลงบนเตียง เลือดที่ไหลออกมากจมูกถูกเช็ดออกไป
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย เปิดเข้ามาดีๆไม่เป็นรึไง” เสียงพี่ลู่หันไปโวยวายใส่ใครสักคน ผมลืมตาขึ้นก็พบว่ามันเป็นไอ้เซฮุนนั่นเอง นี่มันคงไม่ได้แก้แค้นที่ผมไปยุแฟนมันหรอกใช่มั้ย =_=
“ก็ใครใช้ให้โง่ไปยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ!”
หน็อย! อย่าให้ตูลุกขึ้นไปได้นะเฟ้ย พ่อจะซัดให้กินข้าวไม่ได้เลย!!!
“ขอโทษสักคำน่ะมีมั้ย!” คราวนี้เป็นพี่จุนของผมเอง
“ไม่จำเป็น!” แล้วมันก็เดินออกไปน่าตาเฉย พี่จุนทำท่าจะตามไปเอาเรื่องแต่โดนพี่ลู่คว้าแขนเอาไว้ก่อน
“เป็นไงบ้าง” พี่ลู่กับพี่จุนพยุงตัวผมขึ้นนั่ง
“ไม่เป็นไรแล้ว!” ผมส่ายหัวไปมาเพื่อไล่อาการมึนงงที่ยังตกค้างอยู่
“กลับบ้านไปพักก่อนดีกว่ามั้ย” พี่ลู่ยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่มันลงมาปรกหน้าของผมออกก่อนจะหันไปมองหน้าพี่จุน
“ไม่เอาอ่า ผมอยากอยู่กะพี่ลู่นี่น่า!”
“อย่าลืมสิว่าตัวเองโดนกระแทกแรงๆไม่ได้น่ะ ทางที่ดีกลับไปพักก่อนเถอะนะ!” พี่ลู่ลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน ก็จริงอยู่ที่ถ้าผมโดนกระแทกแรงๆแล้วสมองมันจะรวนไปหมดจนประมวลผมแทบไม่ได้ แต่ผมก็อยากอยู่ให้นานๆกว่านี้นี่น่า -3-
“เดี๋ยววันหลังพี่พามาใหม่ก็ได้น่า อย่าทำให้เสี่ยวลู่ลำบากใจสิ!” พี่จุนเสริมทัพ
“-3-”
“เทา!”
“-3-”
“อย่าดื้อสิ”
“-3-”
“=_=”
“ก็ได้-3-” ผมต้องยอมอย่างเสียไม่ได้เพราะสีหน้าพี่จุนเริ่มน่ากลัวขึ้นมาแล้ว
“ผมเดินไม่ไหวอ่า อุ้มหน่อยดิ!” ผมหันไปอ้อนพี่จุน แต่ผมไม่ได้โม้นะ หัวของผมมันยังหมุนไม่หยุดจริงๆ
ผมขี่หลังพี่จุนออกมาจากห้องแล้วออกไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตัวของผมถูกปล่อยลงทันทีเมื่อเดินมาถึงและตามมาด้วยเสียงครวญครางของพี่จุนที่บ่นว่าผมตัวหนัก ทั้งๆที่ผมตัวผอมเพรียวจะตายไป -3-
“ขับรถดีๆนะจุน” พี่ลู่บอก พี่จุนพยักหน้าแล้วเดินอ้อมมาขึ้นรถ
“ดูแลตัวเองดีๆนะพี่ลู่ อย่าให้ไอ้หน้าหมาตัวไหนมารังแกพี่ได้ล่ะ”
“จ้า^^”
ใบหน้ายิ้มแย้มของพี่ลู่ทำให้ผมใจหายเมื่อคิดว่าบ้านหลังนี้ยังมีไอ้เซฮุนอยู่ ถึงพี่จะยิ้มแต่ผมรู้ว่าในใจพี่คงกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ เมื่อไรนะพี่จะเลิกทำเป็นเข้มแข็งสักที หรือพี่คิดว่าเป็นพี่แล้วต้องเข้มแข็งให้น้องเห็นงั้นหรอ ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่น่า
..............................................................................................
สายตาที่นิ่งเฉยมองรถสีดำขับออกไป ก่อนจะเบนสายตาไปมองที่ถุงข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งเป็นของจุนมยอนและจื่อเทา ใบหน้าเกลี้ยงเกลากระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าถุงส่วนใหญ่เป็นของห้างสรรพสินค้าที่เขาพึ่งพาแฟนสาวไปมาดๆก่อนที่จะทะเลาะกัน และสมองก็ประมวลออกมาได้อย่างรวดเร็ว
หนึ่งในสองคนนั้นอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง!
“จุนมยอน!”
พี่ชายคนกลาง... ถึงจะรักพี่น้องแค่ไหน แต่นิสัยก็ไม่ได้ร้ายกาจถึงขนาดลอบกัดคนอื่นได้เจ็บแสบขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะชอบสู้ตรงๆเลยมากกว่า...
“จื่อเทา!”
น้องสุดท้อง... หวงพี่ชายตัวเองมากถึงขนาดไม่ยอมให้ใครแตะต้อง เอาแต่ใจ ร้ายลึก ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสะใจของตัวเอง ถนัดสู้ตรงๆและ... ลอบกัด!
“หึ! แถมกัดเจ็บซะด้วยสิ” รอยยิ้มเยือกเย็นผุดขึ้นมาอีกครั้ง มือกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น
แกร็ก!
ประตูห้องที่เคยปิดสนิทถูกเปิดเข้ามาอย่างเบามือ ลู่หานถึงกับชะงักเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุดในชีวิตยืนจ้องตัวเองอยู่ที่หน้าต่าง ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มที่สดใสมอบให้น้องชายมันหายไปแล้ว เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วเดินมาเก็บข้าวของต่างๆที่น้องชายทั้งสองซื้อมาฝากไปเก็บให้เรียบร้อย โดยมีสายตาของเซฮุนมองอยู่ตลอดเวลา
“รักกันดีซะเหลือเกินนะ” เสียงเย็นแทรกผ่านความเงียบเข้ามา ลู่หานถึงกับสะดุ้งจนเผลอทำของหล่นพื้นแต่ก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ
“น้องชายของนายเล่นฉันไว้เจ็บแสบมากเลยนะคราวนี้!” เซฮุนเดินไปกระชากข้อมือของลู่หานเอาไว้ก่อนจะกระแทกเข้ากับตู้เสื้อผ้าอย่างแรงจนเปิดปากร้องออกมา
“สองคนนั้นไปทำอะไรให้นาย!” ลู่หานพยายามจะเบี่ยงตัวหลบแต่อีกฝ่ายยกมือขึ้นกันเอาไว้
“ไม่ใช่สอง! แต่คือคนที่นายก็รู้ว่าใคร” เซฮุนโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู
“เทาหรอ!” ลู่หานพึมพำ
“ถูกต้อง! และฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆให้มันทำฝ่ายเดียวหรอก มันเจอฉันแน่!” ลู่หานถึงกับหน้าถอดสี เขารู้ดีว่าคนคนนี้สามารถทำอะไรก็ได้แค่เอ่ยปาก เรื่องที่เขาต้องแต่งงานก็เป็นเพราะคนๆนี้นี่แหละ
“นายจะทำอะไร!”
“นั่นสิ! ทำอะไรดีล่ะ... อนาคตที่กำลังรุ่งของเด็กปีสองในมหาลัยโซล ถ้าโดนไล่ออกจะเป็นยังไงน้า” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกขึ้นบนใบหน้าเซฮุน ลู่หานเบิกตากว้างหน้าแทบจะไม่มีสีเลือด ความรู้สึกกลัวเริ่มกัดกินจิตใจที่สั่นไหว เขากลัว กลัวคนคนนี้ กลัวว่าเขาจะทำมันจริงๆ
“เทาไปทำอะไรให้นาย!” ลู่หานถามเสียงสั่น
“อยากรู้ก็ไปถามมันดูเซ่!!!” ร่างเล็กถูกกระแทกอีกครั้งก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะหันหลังเดินหนีไป เขารีบวิ่งไปคว้าแขนของเซฮุนเอาไว้ทันที
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ฉันขอร้อง!”
“แล้วทำไมฉันต้องฟัง!” เซฮุนสะบัดแขนอย่างแรง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้เข้าไปกอดแขนของเซฮุนเอาไว้แน่น
“อย่าทำอะไรเด็กคนนั้นเลย ทำฉันแทนเถอะ!!!” สายตาอ้อนวอนและคำพูดของลู่หานทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาอีกครั้ง มือขวายกขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างเบามือส่วนมือซ้ายโอบเอวบางไว้
“ทำอะไรดีล่ะ” ลู่หานเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเมื่อมือทั้งสองข้างของเซฮุนเริ่มลูบไล้ไปทั่ว พยายามใช้มือเล็กๆดันอกของคนตรงหน้าออกแต่ก็โดนอีกฝ่ายจับเอาไว้
“นะ... นายจะทำอะไร!” ใบหน้าของเซฮุนโน้มลงมาเรื่อยๆจนปลายจมูกชนกัน ริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ลู่หานตัวแข็งทื่อหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนกพยายามเบือนหน้าหนี
“แล้วนายคิดว่าคนเป็นสามีภรรยากัน... ควรจะทำอะไรล่ะ!”
“อย่านะ!!!”
ลู่หานสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากอุ่นๆของเซฮุนสัมผัสโดนลำคอของตัวเอง ก่อนที่จะไล่คลอเคลียไปเรื่อยๆจากต้นคอขาวเนียนขึ้นไปถึงใบหูอย่างเชื่องช้า ส่วนคนที่ไม่เคยโดนสัมผัสมาก่อนในชีวิตอย่างลู่หานก็แทบจะหยุดหายใจ พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีดันร่างของเซฮุนออก แต่ก็ต้องโดนกำราบด้วยการกัดที่ใบหูจนไม่กล้าจะขยับตัวไปไหน
ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!
การกระทำทุกอย่างเป็นอันต้องหยุดลงเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเซฮุนสั่นขึ้นมา ลู่หานถือโอกาสผลักร่างของคนตรงหน้าอย่างแรงแล้วรีบเดินออกมาห่างๆ เซฮุนจ้องหน้าลู่หานสักพักก่อนจะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายด้วยความนิ่งเฉย
“ฮัลโหล!... ว่าอะไรนะ... เลิกหรอ.... นี่คุณพูดอะไรของคุณน่ะ!!!” ลู่หานเหลือบมองเซฮุนด้วยความสงสัย
“รออยู่นั่นนะเดี๋ยวผมไปหา!” เซฮุนเหลือบมองลู่หานแว็บหนึ่งก่อนจะรีบพรวดพราดออกจากห้องไป ทิ้งให้ลู่หานยืนอยู่กับความเงียบเพียงลำพังในห้อง
………………………………………………………….
01.45 น.
เวลาล่วงเลยมานานมากตั้งแต่เซฮุนออกไป แล้วเขาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วคยองซูกับคริสก็ออกไปตามหาเพราะกลัวว่าจะไปมีเรื่องหรือเกิดอะไรขึ้นหรือป่าว ส่วนลู่หานก็ได้แต่นั่งคอยการกลับมาของคนทั้งสามอย่างใจจดใจจ่อไม่ยอมหลับเลยแม้แต่นาทีเดียว อย่างน้อยเซฮุนก็เคยเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ถึงแม้ตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปหมดแล้วก็ตาม แต่ความห่วงใยที่เคยมีให้ในฐานะเพื่อนมันก็ยังไม่หายไปไหนอยู่ดี
“ลู่หาน!”
ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมๆกับร่างของคยองซูที่เดินเข้ามาก่อนเป็นคนแรกและตามด้วยคริสที่มีเซฮุนหิ้วติดมือมาด้วย ก่อนที่จะเดินไปทิ้งไว้บนเตียง
“ไปเจอมันในผับ เมาจนพูดไม่เป็นภาษาเลย เอาแต่เพ้อถึงยัยจูลี่อย่างเดียว แถมยังเกือบโดนกระทืบอีกต่างหาก ดีนะที่ไปทัน!” คริสพูดขณะมองน้องชายของตัวเองที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
“ขอโทษนะที่ทำให้ไม่ได้นอน!” คยองซูหันมาโค้งให้ลู่หานน้อยๆ
“ไม่เป็นไรๆ^^”
“ยังไงก็ฝากนายดูมันหน่อยก็แล้วกันนะ ฉันไม่ไหวแล้วง่วงโคตรเลย!” คริสพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหาวออกจากห้องไป
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ!” คยองซูยิ้มแห้งๆก่อนจะขอตัวไปนอนอีกคน
ลู่หานยืนมองร่างที่หลับใหลอยู่สักพัก ก่อนจะเดินไปหาผ้าและกะละมังใส่น้ำมาเพื่อเช็ดตัวให้ กลิ่นเหล้าเบียร์ที่คละคลุ้งมันทำให้เขาที่แพ้แอลกอฮอล์ถึงกับเวียนหัวจนต้องใช้มือปิดจมูกเอาไว้ แล้วค่อยๆใช้ผ้าที่บิดหมาดๆเช็ดเบาๆไปตามใบหน้าที่แดงด่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะต้องคอยเช็ดตัวให้เซฮุนเวลาเมา เมื่อก่อนเวลาเมาจนกลับบ้านไม่ได้เซฮุนก็มักจะนอนบ้านลู่หานประจำและคนที่คอยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้ก็คือลู่หาน ซึ่งทุกครั้งเขาก็จะวิ่งออกมาอวกเพราะทนกลิ่นเหล้าไม่ไหว มันเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆถ้าเทียบกับตอนนี้ คิดแล้วก็ได้แต่ถอดหายใจ
ลู่หานบรรจงปลดกระดุมเสื้อออกอย่างเบามือกลัวว่าเซฮุนจะตื่น แต่มันคงไม่เบาพอ มือของเขาถูกดึงลงไปอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันด้วยมือของคนที่เคยหลับไม่รู้เรื่องอยู่ก่อนหน้า เซฮุนพลิกตัวกลับขึ้นมาด้านบนแล้วดันร่างของลู่หานลงติดกับเตียง
“จูลี่!” เสียงที่เลื่อนลอยดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แววตาของคนตรงหน้าแดงก่ำเจือปนไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“จูลี่!...” ใบหน้าของเซฮุนโน้มลงมา ก่อนที่ริมฝีปากของลู่หานจะถูกประกบมาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามจะเบือนหน้าหนีแต่ก็โดยริมฝีปากของเซฮุนกดลงมาอย่างหนักหน่วงจนหันไปไหนไม่ได้
“อืม!” ลู่หานร้องประท้วงเมื่อลิ้นร้อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์พยายามจะรุกเข้ามา เขาขบฟันแน่น หัวเริ่มหมุนเมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวของเซฮุนลอย มือข้างหนึ่งของเซฮุนยกขึ้นมาบีบจมูกของลู่หานเอาไว้เพื่อปิดช่องทางการหายใจ จนร่างเล็กเผลออ้าปากเพื่อหวังจะหาอากาศเข้าปอดตามสัญชาตญาณของมนุษย์ มันเลยทำให้เซฮุนลุกล้ำเข้ามาได้
“อะ อืม!!!” ฝ่ามือเล็กๆพยายามดันคนตรงหน้าออกอย่างยากลำบาก มือของเซฮุนเริ่มไม่อยู่สุขมันสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวของลู่หานก่อนจะลูบไล้ไปทั่ว จนคนถูกกระทำถึงกับเสียวสันหลังวูบ
“ซะ... เซฮุน!!!” ริมฝีปากบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่เซฮุนยังไม่ยอมหยุด ริมฝีปากพรมจูบต้นคอขาวฝากรอยเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของ มือทำหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อร่างเล็กออกทีละเม็ดๆ
“จูลี่!” เสียงของเซฮุนลอยเข้าหูลู่หานอย่างแผ่วเบา
“ปล่อยฉัน! ฉันไม่ใช่ตัวแทนของผู้หญิงที่ชื่อจูลี่นะ!!!” ลู่หานตวาดลั่น การกระทำอย่างของเซฮุนหยุดลงทันที เขาเงยหน้าขึ้นมามองร่างเล็กที่อยู่ข้างล่างอย่างนิ่งเฉย
“ลู่... หาน!” เซฮุนจ้องมองร่างเล็กที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ไล่ลงไปถึงลำคอระหงที่เกิดรอยแดงเป็นจ้ำเพราะการกระทำของตัวเอง
“พอสักที!”
เสียงสะอื้นดังเข้าหูทำให้เซฮุนได้สติ เขาพลิกตัวขึ้นนั่งกุมขมับ ก่อนจะลุกพรวดเดินโซซัดโซเซออกจากห้องไป ลู่หานยันตัวลุกขึ้นก่อนจะใช้มือถูปากตัวเองไปมาจนมันแดงไป หยดน้ำตาเม็ดเล็กไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ อ้อมแขนเล็กๆกอดปลอบใจตัวเอง เสียงสะอื้นน้อยๆดังอย่างแผ่วเบาในห้องที่ถูกความเงียบปกคลุม
ความคิดเห็น