ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] Half-breed

    ลำดับตอนที่ #3 : :Half-Breed: 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57


     

               ผมเดินเตะขี้ฝุ่นออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับพี่ลู่หานและกังฟูแพนด้าเทาเทาที่เดินทำหน้าเซ็งโลกอยู่ข้างๆ รอบคอพันด้วยผ้าก็อตสีขาวที่ดูเหมือนมันจะรำคาญเอามากๆ นี่ถ้ามันดึงออกได้คงกระชากออกตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกจากห้องฉุกเฉินแน่ๆ

                อย่าไปจับมันสิ!” ในที่สุดพี่ลู่หานของเราก็อารมณ์เสีย เมื่อเห็นน้องชายหน้าเหวี่ยงของตัวเองเดินแคะแกะเกาผ้าก็อตที่พันรอบคอตลอดตั้งแต่เดินออกมาจากโรงพยาบาล

                ถ้ามันลำบากนักก็ตัดหัวทิ้งไปเลยไป ง่ายดี!” ผมแซว และสิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาอาฆาตที่ผมมักจะได้รับจากมันตลอดจนผมเริ่มชินซะแล้ว ยิ่งถ้าวันไหนไม่ได้กวนอวัยวะใช้เดินของมันแล้ว บอกตามตรงผมนอนไม่หลับเลย

                ถ้าพี่ฉันไม่อยู่แกจมดินแน่!” มันกระชากแขนผมเข้าไปกระซิบเบาๆไม่ให้พี่ลู่หานได้ยิน

                แล้วจะคอยนะ แพนด้าน้อย!” ผมยกยิ้มกวนประสาท แล้วมันคงกลัวผมคอยนานเลยจัดให้แบบเต็มเหนี่ยว ยังดีที่ผมตัวเล็กเพรียวลมกว่ามัน เลยหลบได้แบบหวิดตูด

                 ผมวิ่งหนีมันแบบไม่คิดชีวิต แต่ถึงผมจะตัวเล็กกว่ามัน ยังไงมันก็ขายาวกว่าก้าวฉับๆตามหลังผมมาแบบติดๆ ชนิดที่ว่าจะหนียังไงก็คงต้องโดนมันเตะก้านคออยู่ดี

                คิดว่าจะรอดหรอ!!!” มันคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของผมแล้วลากไปข้างหลัง ใช้แขนล็อกคอผมเอาไว้ ก่อนจะใช้กำปั้นโขกหัวผมอย่างแรงแล้วขยี้ๆ จนทรงผมที่อุตส่าเช็ทมาอย่างดียุ่งเหยิงเป็นอีเพิ๊งไปแล้วแถมเจ็บจนน้ำตาเล็ดอีกต่างหาก

                โอ๊ย!!! ขอโทษๆ>0<!!!” ผมแหกปากลั่นจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองผมกับเทาเป็นตาเดียว แต่จริงๆแล้วเค้าคงมองตั้งแต่ผมโดนไล่ตีบแล้วแหละ-__-

                พอได้แล้วน่าเทา! แค่นี้แบคฮยอนก็เจ็บจะแย่แล้วพี่ลู่หานที่เพิ่งเดินมาถึงอย่างใจเย็น บอกเจ้าหน้าเหวี่ยงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจนแทบจะกลายเป็นขำ มันเลยยอมปล่อยผมแต่โดยดี

                ทำไมวันนี้ไม่ช่วยตูเหมือนอย่างเคยวะ เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ-3-

     

                ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!

                กำลังยืนจัดทรงผม โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน ผมล้วงขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าเป็นรายชื่อของใครแล้วจึงกดรับ

                คร้าบ!” ลากเสียงยาวๆ

                (แบคนั่นลูกใช่มั้ย) เสียงแม่ของผมถามอย่างตื่นเต้น

                ไม่ใช่ครับ!”

                (อย่ามาอำแม่ดีกว่า แบคฮยอน!) ก็รู้แล้วจะถามทำไมเนี่ย-__-!

                “แม่มีไรรึป่าว หรือว่าจะโทรมาบ่นที่เมื่อคืนผมไม่ได้กลับบ้าน ห้ามบ่นเลยนะเพราะผมส่งข้อความไปบอกแม่แล้ว ผมพูดดักแม่เอาไว้ก่อน เพราะถ้าแม่ผมบ่นจริงๆ ยันพรุ่งนี้ก็ไม่หยุด

                (ป่าว! แม่จะโทรมาถามว่าแบคอยู่ไหน)

                ผม... อยู่บ้านจื่อเทา!” ผมแถไปเรื่อย เพราะถ้าเกิดบอกว่าเพิ่งเดินออกมาจากโรงพยาบาลมีหวังโดนสอบสวนยาวแน่

                (ช่วยกลับบ้านตอนนี้เลยได้มั้ย พอดีเพื่อนแม่เค้ามาเยี่ยมที่บ้านน่ะ)

                แล้วเพื่อนแม่มาเกี่ยวอะไรกับผมด้วยอ่ะ!”

                (ก็พอดีแม่อยากจะให้ลูกมาทำความรู้จักกับลูกสาวของเพื่อนแม่สักหน่อยน่ะ)

                นี่แม่คงไม่ได้คิดจะจับคู่ให้ผมใช่มั้ย

                (ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ น้องเค้าก็น่ารักดีออก แบคเห็นต้องชอบแน่ๆ)

                ไม่เอา ไม่ชอบ!” ผมตอบกลับอย่างทันควัน

                คิดจะคุมถุงชนหรอ ไม่มีทางหรอก อยู่แบบนี้แหละมีความสุขที่สุดแล้ว จะไปไหนก็ไปคนเดียวไม่ต้องมีใครคอยเกาะแข่งเกาะขา!!!

                (กลับมาดูก่อนเถอะน่า)

                ไม่!” ผมตอบอย่างเด็ดขาด

                (พยอน แบคฮยอน! ...ถ้าไม่กลับแม่จะจับหมั่นเดี๋ยวนี้แหละ) เด็ดขาดกว่า จนผมปฏิเสธไม่ลง จึงจำยอมตอบตกลงไปแต่โดยดี

                ก็ได้! กลับก็กลับ ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์แล้วกดวางสาย

                ไง! โดนแม่เรียกกลับบ้านหรอ เทาถามขึ้นทันทีที่ผมยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ผมหันไปพยักหน้ากับมัน

                งั้นฉันไปก่อนนะ... พี่ลู่หานผมกลับก่อนนะ ผมบอกเทา ก่อนจะหันไปบอกพี่ลู่หานที่ยืนตาแป๋วอยู่ข้างๆกัน แล้วเดินออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าโดนแม่จับคู่ให้ใครที่ไหนไม่รู้อีกแล้ว-__-ยมไปด้วยรอยยิ้มจนแทบจะกลายเป็นขำ

    เค้าคงมองตั้งแต่ผมโดนไล่ตีบแล้วแหละ

                ผมก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไม่อยากจะให้ถึงบ้านเร็วเกินไป กลับช้าๆค่อยๆก้าว เพื่อนแม่จะได้ขี้เกียจรอแล้วกลับๆกันไปซะให้หมด ความคิดชั่วร้ายมากมายผุดขึ้นในสมองของผมเต็มไปหมด ผมเดินแสยะยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่คนเดียวจนคนที่เดินผ่านคิดว่าผมเป็นบ้าไม่ก็โรคจิตไปแล้ว

                เดินคิดอะไรเพลินๆก็มาหยุดอยู่ที่ซอยๆนึงที่เรียกได้ว่าร้างผู้คนแบบสุดๆ ถ้าไปทางนี้จะยื้อเวลาได้ถึงครึ่งชั่วโมงทางเทียบกับทางปกติที่มีคนพลุกพล่าน แต่ติดอยู่ตรงที่... มันจะวังเวงไปมั้ยเนี่ย-__-

                “เอาวะ!” ผมทำใจดีสู้เสือเดินเลี้ยวเข้าไปอย่างมาดแมน ตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าบ้านตัวเองแล้ว

                ผมเดินไปเรื่อยๆเหลียวซ้ายทีขวาที รอบข้างเต็มไปด้วยต้นหญ้าสูงท่วมหัว แถมเห็นหลังคาบ้านร้างอยู่ริบๆประมาณสองสามหลัง นอกจากเสียงนกเสียงกาเสียงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่คอยเป็นเพื่อนแล้วนอกนั้นไม่มีอะไรเลย กลางวันแสกๆแท้ๆแต่บรรยากาศมันวังเวงสุดๆ

                คิดผิดคิดถูกวะเนี่ย เดินเข้ามาในนี้-___-!!!

                “อ๊ากกกกกก!!!!!!!”

                ฉิบหายตายโหง!!!!” ผมสะดุ้งเฮือกร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจแบบสุดๆ เมื่ออยู่ดีๆเสียงร้องโหยหวยของใครที่ไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมมองซ้ายขวาเลิ่กลั่กเริ่มหวาดระแวงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว

                ตุบ!!!!

                ผมเบิกตากว้างหัวใจล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นร่างของชายวัยกลางคนที่อาบไปด้วยเลือดทั้งตัวลอยละลิ้วออกมาจากโพรงหญ้าสูงหล่นตุบลงตรงหน้าผมพอดิบพอดี ผมทรุดฮวบลงกับพื้นใช้มือยันตัวเองให้ถอยไปข้างหลัง

                ช่ว... ด้...ย!” เสียงแหบพล่านพูดขาดๆหายๆ แล้วเอื้อมมือที่เต็มไปด้วยเลือดมาจับที่ข้อเท้าของผม... ยังไม่ตาย ตาลุงนี่ยังไม่ตาย!!!

                “อะ... ผมช๊อคจนพูดอะไรไม่ออก สมองไม่ประมวลผล ตาเหลือกค้างจ้องไปที่ร่างของคนตรงหน้า

                ไม่นะ!!!” เมื่อได้สติถึงรู้ตัวว่าโดนจับข้อเท้าอยู่ จึงสะบัดออกอย่างแรงด้วยความกลัวแล้วถอยออกมานั่งกุมหัวหลับตาปรี๋ไม่กล้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแทรกเข้ามาในหูเป็นระยะๆจนต้องยกมือขึ้นปิด

                นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน จะทำยังไงดี!!!

     

                “หนวกหูซะมัด!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นซึ่งมันไม่ใช่เสียงของตาลุงที่ร้องครวญครางนั่น ผมเงยหน้าขึ้นมองช้าๆก็เห็นผู้ชายตัวสูง ผมทอง ใบหน้าขาวติดจะเอ๋อนิดๆแต่ก็ดูดีมากถึงมากที่สุด แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจไม่ใช่ไอ้หน้าหล่อๆที่หาบนโลกไม่เจอแต่เป็นนัยน์ตาสีแดงนั่นมากกว่าที่ดูแล้วบนโลกนี้คงไม่มีแน่ๆ

                ตายๆไปได้แล้ว!” เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนที่ดาบยาวในมือจะปักลงที่หน้าอกซ้ายของตาลุงนั่นอย่างโหดเหี้ยม นัยน์ตาแดงฉานไร้ซึ่งความปราณีมองร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดเหมือนเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะเบนสายตามาทางผมที่นั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ห่างๆ ขายาวๆก้าวมาทางผมอย่างช้าๆ แข่งขาของผมไร้เรี้ยวแรงได้แต่ใช้มือดันตัวถอยห่างทีละนิดๆอย่างหมดทางสู้

                ผมงัดแรงเฮือกที่มีอยู่ยันตัวเองลุกขึ้นแล้วหันหลังหลับหูหลับตาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆบุคคลที่ผมพึ่งวิ่งหนีมาหมาดๆโผล่พรวดมายืนดักหน้าผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

                จะหนีไปไหน มันคว้าข้อมือของผมเอาไว้ก่อนจะบีบอย่างแรงจนกระดูกแทบหัก ผมพยายามขัดขืนแต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จเลยเปลี่ยนมาเป็นหลับหูหลับตาพ่นคำด่าออกไปเป็นชุดเพราะความเคยชินที่มักจะด่าเทาเป็นประจำอยู่แล้ว

                ผู้ชายอะไรปากจัดจริงๆ มันดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆแล้วยกมือขึ้นอุดปากของผมเอาไว้ แต่มีหรือที่คนอย่างแบคฮยอนจะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว ถึงจะพูดแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากด่าต่อไป

                หุบปากเลยนะเว้ย!!!” มันตะคอก แต่ผมไม่ฟังยังคงด่าเสียงอู้อี้ต่อไป

                ปากดีนักใช่มั้ย!!!” โดยไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากของเจ้าตัวสูงก็ประกบลงมาอย่างหนักหน่วงและรุนแรงจนผมตกใจกลืนคำด่าลงคอไปทั้งหมด ผมชะงักค้างแต่เมื่อได้สติก็ดิ้นสุดแรงเท่าที่ตอนนี้จะทำได้ แต่ก็ถูกล็อคข้อมือทั้งสองข้างไขว่หลังเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

                อืม!” ผมพยายามเบือนหน้าหนีปฏิเสธทุกการกระทำ แต่มือใหญ่ของอีกคนก็จับหน้าผมให้หันมาแล้วกดหัวของผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก ผมขบฟันแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนของอีกคนที่พยายามจะแทรกเข้ามา

                อะ อืม!” เพราะแรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นส่งผลให้ผมเผลอปากร้องด้วยความเจ็บ ทำให้ลิ้นของร่างสูงแทรกเข้ามาจนได้ สัมผัสรุนแรงที่ไม่คุ้นเคยทำให้ผมหัวหมุดติ้วไปหมด อากาศหายใจเริ่มติดขัด สติเริ่มเลือนรางจนแทบจะไม่รับรู้อะไร ขาอ่อนแทบจะลงไปกองอยู่ที่พื้นแต่ก็ได้อ้อมแขนของอีกฝ่ายประคองไว้

                หลับไปสักพักแล้วกัน!”

                 และนั้นคือประโยคสุดท้ายเท่าที่ผมจำได้ก่อนสติของผมจะหลุดไป

     

    .......................................................

     

                หลังจากที่เจ้าพ่ออายไลเนอร์อย่างแบคฮยอนแยกตัวออกไปแล้ว ผมกับพี่ลู่หานก็เดินเที่ยวหาของกินกันต่ออีกสักพัก โดยตลอดทางพี่ลู่หานก็เอาแต่บ่นๆแล้วก็บ่นๆเรื่องที่ผมชอบทำท่าเหมือนจะดึงผ้าก็อตที่พันรอบคอออก แล้วยิ่งถ้าผมเผลอเมื่อไรพี่สุดที่รักก็จะช่วยเตือนสติด้วยฝ่ามืออรหันต์ จนผมจะตายเพราะเลือดครั่งในสมองแทนคอขาดตายแล้ว

                ถ้ายังไม่หยุดพี่จะจับมัดแล้วลากกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ!” เสียงตำหนิดังขึ้นข้างๆผมเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ พร้อมด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ มองผมซึ่งกำลังเกาคออย่างเมามันเพราะรู้สึกคันยิบๆที่แผล

                ก็มันคันนี่ พี่จะให้ผมทำยังไงเล่าผมมองหน้าพี่ลู่หาน

                แล้วใครเค้าสอนให้เกาแบบนั้นเล่า... มานี่!” พี่ลู่หานดึงมือผมออกแล้วเอื้อมมือมาเกาเบาๆที่ต้นคอของผม ความรู้สึกจักจี้ทำให้ผมแทบจะหลุด พยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิตจนมือไม้เกร็งไปหมดทั้งตัว

               

                ผลัก!!!

                แทนที่จะเป็นเสียงหัวเราะแต่กลับกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนที่ออกมาจากปากของผมที่ล้มกลิ้งไปนอนกองอยู่กับพื้นแทน เพราะมือที่กำลังเกาคอผมอยู่จู่ๆก็กระแทกเข้ามาอย่างแรงจนคอผมแทบจะปลิวไปตามสายลม เท่านั้นยังไม่พอร่างเล็กของพี่ลู่หานก็เซมาล้มทับท้องผมอย่างจัง เล่นเอาจุกจนเสียงร้องหายเข้าไปในลำคอเลยทีเดียว

                วันนี้มันเป็นวันซวยรึไงฟะเนี่ย มีแต่เรื่องเจ็บตัว!!!

     

                จื่อเทา!!! พี่ขอโทษพี่ลู่หานหน้าตาตื่นเมื่อเห็นว่าเบาะรองร่างของตัวเองคืออะไร ก่อนจะเด้งตัวลุกจากร่างของผม แล้วช่วยพยุงผมที่นอนหน้าตาบูดเบี้ยวเพราะความจุกและเจ็บอยู่กับพื้นอย่างทุลักทุเล

                ขอโทษครับ! เป็นอะไรรึป่าว เสียงทุ้มๆของใครสักคนดังขึ้นเหนือหัว ผมกับพี่ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไปตกถังแป้งมารึป่าวก็ไม่รู้ ตัวขาวผ่องเหมือนหลอดนีออนไม่มีผิด

                เฮ้ย! นายก็มาขอโทษเค้าหน่อยดิ!!!” นายตัวขาวตะโกนข้ามหัวผมไปบอกใครอีกคน ที่กำลังนั่งหันหลังก้มหน้าก้มตาเก็บถุงขนมนานาชนิดที่หล่นเกลื่อนพื้น แต่ดูเหมือนของกินจะสำคัญกว่า ไม่มีหือมีอือสักนิด-__-

                “พี่ลู่หาน เทาเจ็บ!” ผมเลิกสนใจนายนีออน หันมาอ้อนพี่ลู่หานแทน แต่ผมไม่ได้สำออยนะมันโคตรเจ็บจริงๆ เหมือนคอกำลังจะขาดอยู่ร่อนๆ

                ขอโทษครับ พอดีเพื่อนผมมันเอาแต่ห่วงกินเลยไม่ได้มองทาง ขอโทษจริงๆนะครับ นายนีออนนั่งลงข้างๆผม แล้วโค้งหัวให้เป็นเชิงขอโทษ

                ไม่เป็นไรครับ เพื่อนคุณคงไม่ได้ตั้งใจ แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษแทนก็ได้ พี่ลู่หานยิ้มอย่างเป็นมิตรให้นายนีออน

                นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะเนี่ย แล้วถ้ามันตั้งใจขึ้นมาตูคงได้กลับบ้านเก่าแหง่ๆ-__-  คุณ   อดนีออนไม่มีผิด

               

                มานี่เลย! เจ้าตัวก่อเหตุ นายนีออนเดินไปลากอีกคนมาทางผม แล้วกดหัวลงให้ขอโทษ พี่ลู่หานรีบออกตัวบอกว่าไม่เป็นไรทันที นายนีออนเลยยอมปล่อยหัวของเพื่อนตัวเอง หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมองผม และสิ่งแรกที่ผมนึกถึงทันทีที่เห็นหน้าขาวๆของหมอนั่นคือ....

                ซาลาเปา ตัวขาวๆอวบๆหน้ากลมแก้มป่องเหมือนซาลาเปาเดะ ดูๆไปก็น่ารักน่ากอดเหมือนกันแหะo_O

                “ขอโทษนะ! เป็นไรมากมั้ย นายซาลาเปาถาม หน้าขาวๆดูสลดลงนิดหน่อยเมื่อเห็นสภาพของผมที่นั่งกอดพี่ลู่หานอยู่กับพื้น แถมยังมีผ้าพันแผลพันรอบคออีกต่างหาก       ก็แค่คอเกือบหลุด ไม่เป็นไรมากหรอก ผมประชด ก่อนจะโดยสายตาดุๆจากพี่ลู่หานค้อนควับจนต้องรีบหุบปาก

                ฉันขอโทษจริงๆนะ

                “-3-”

                ขอโทษ!”

                “-3-”

                เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติมเป็นการไถ่โทษแล้วกัน

                ไอติมหรอ!” ผมหูผึงทันทีที่ได้ยินคำว่าไอติม ผมยกยิ้มอย่างมีเลศนัยหัวเราะหึๆในลำคอ แบบนี้ค่อยน่าให้อภัยหน่อย

                “โอ....

                ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะอ้าปากตอบตกลงพี่ลู่หานก็ดันขัดขึ้นมาก่อน ไอติมช็อคโกแล็ตเลยลอยหายไปต่อหน้าต่อตา

                พี่ลู่หาน!” ผมหันไปมองหน้าพี่ลู่หาน ส่งสายตาเหมือนเด็กอดได้ของเล่นไปให้

                ไม่เป็นไรหรอก! ให้พวกเราเลี้ยงเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้เราก็ไม่สบายใจเหมือนกัน...นายนีออนแทรกขึ้นมา ก่อนจะหันมาขยิบตากับผมเหมือนจะรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมชักจะชอบหลอดนีออนที่ยืนเปล่งแสงอยู่ต้องนี้ขึ้นมาแล้วสิ ช่างรู้ใจจริงๆ^^

                เอางั้นก็ได้ พี่ลู่หานยอมตอบตกลงแต่โดยดีเพราะไม่อยากให้เสียงน้ำใจ ก่อนจะพยุงผมลุกขึ้นยืนช้าๆโดยมีนายนีออนช่วยอีกคน จังหวะนั้นเองที่ผมหันไปฉีกยิ้มให้นายนีออนเป็นเชิงขอบคุณ หมอนั่นยิ้มตอบ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูดีสุดๆเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย ถ้าไม่นับพี่ลู่หานอ่ะนะ *_*

     

                ตัดสินใจแล้ว ผมต้องเอาหมอนี่มาเป็นเพื่อนให้ได้เล้ย ถูกใจสุดๆ ><

     

    .................................................

     

    รู้สึกว่ามันสั้นมากมาย

    แต่ก็ต้องเข้าใจนะเพราะสมองมีแค่นี้

    เอาไว้ค่อยจัดเต็มตอนหน้าแล้วกันเน้อ

    ฝากติดตามด้วนนะคร้าบ^^

     


              

    Heaven & Hell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×