ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Marry You, Marry me

    ลำดับตอนที่ #2 : :Married 1:

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 158
      1
      9 พ.ค. 57

     

                  

     

                    ยามเช้าของวันจันทร์ที่แสนจะสดใส แต่มันคงจะเช้าเกินไปเลยไม่มีใครโผล่มาสักคน มีแค่ผมที่เดินไม่สบอารมณ์ไปตามทางเดินยาวของมหาวิทยาลัยคนเดียวกับหมาอีกหนึ่งตัว มันคงจะไม่เข้าใจหรอกมั้งว่าผมมาทำอะไรแต่เช้าแบบนี้ เหตุผลก็เพราะอยากมาหาที่เงียบๆสบายหูสบายตามากกว่าที่บ้าน นั่งคิดอะไรๆก็เท่านั้นแหละ

                    “เงียบดีจริงๆพึมพำเบาๆขณะเดินไปยังตึกชมรมศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ด้านในสุดของมหาวิทยาลัย ไม่รู้ผู้อำนวยการนึกยังไงถึงออกทุนสร้างตึกสี่ชั้นให้ชมรม แถมไปสร้างซะไกลเลย สงสัยอยากจะให้ผมที่เป็นประธานชมรมกับพวกสมาชิกออกกำลังกายไปในตัวระหว่างการเดินเข้าชมรมแหง่ๆ

                    ครืด!!! ครืด!!! ครืด!!!

                    กำลังนินทาผ.อ จู่ๆโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็เต้นแร็พขึ้นมา ผมล้วงขึ้นมาก่อนจะกดรับ

                    (เฮ้ย!!!! เมื่อไรมึงจะโผล่หัวมาให้กูยลโฉมสักที กูนั่งรอมึงตั้งแต่ตีห้าแล้วนะโว้ย ผีจะหักคอกูตายอยู่แล้ว นี่มันกี่โมงแล้ว มึงเบิกเนตรดูนาฬิกาสิ ไอ้หมาแพนดี้!!!!)

                    ยังไม่ทันจะได้อ้าปาก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังแทรกขึ้นมาเป็นชุด

                    แล้วใครใช้ให้มึงแหกขี้ตาออกมาตั้งแต่ตีห้าล่ะ ไอ้ไก่ดำ

                    (ก็มึงบอกให้กูออกมารอมึงแต่เช้าไม่ใช่รึไง)

                    แล้วมีคำไหนที่กูบอกให้มึงออกมาตอนตีห้ามั้ย

                    (ไม่มีอ่ะ!)

                    เออ! เพราะฉะนั้นก็อย่าบ่นเดี๋ยวกูก็ถึงแล้ว มึงนั่งเล่นกับผีรอกูก่อนอีกห้านาที ผมตัดสายของมันทันทีเพราะขี้เกียจฟังมันบ่น ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งไปหามันอย่างรวดเร็ว

                    แต่ระหว่างทางไปตึกชมรมมันจะต้องผ่านตึกของคณะแพทย์ศาสตร์ที่ผมเกลียดที่สุด เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่ามันเป็นแหล่งรวมสิ่งที่ผมทั้งเกลียดทั้งแขยงที่สุด ทั้งศพเด็กดอง ตับไตไส้พุง ทั้งโครงกระดูกและอะไรต่างๆนาๆ ที่ไม่รู้ว่าเจ้าของมันจะตามมาถวงคืนรึป่าวก็ไม่รู้

                    กำลังจะวิ่งผ่านไปโดยสวัสดิ์ภาพ ถ้าไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นซะก่อน

                    กึก!!! กึก!!!

                    “เหี้ย!!!!” ไม่ต้องตกใจครับ ผมไม่ได้จะด่าใคร มันเป็นแค่คำอุทานเวลาตกใจเฉยๆ

                    ผมกระโดดถอยหลังเมื่อเสียงอะไรสักอย่างลอยเข้ามาในหู ผมหันซ้ายแลขวา แต่ว่ามันไม่มีความผิดปกติอะไรเลยสักอย่าง ผมยืนดูจนแน่ใจว่ามันไม่มีอะไรจริงๆเลยก้าวขาเดินต่ออย่างหวาดๆ

                    ตุบ!!!!!

                    “ว๊ากกกกก!!!!!!!”  ผมแหกปากลั่นเมื่อจู่ๆก็มีร่างคนหล่นตุบลงมาตรงหน้าในระยะเผาขน ผมหลับหูหลับตาถอยกรูไปข้างหลังอย่างรวดเร็วจนสะดุดขาตัวเองหงายหลังลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ขาสั่นจนลุกไม่ขึ้นเลยนอนปิดตาตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่อยากจะมองว่าใครคือคนที่หล่นลงมาจากตึก

                    ไอ้บ้าที่ไหนมาโดนตึกตายตอนเช้าแบบนี้ฟะเนี่ย แล้วทำไมไม่แหกตามองก่อนฟะว่ากูอยู่ข้างล่าง ถ้าหล่นลงมาทับกูตายไปอีกคนจะทำยังไง>O<!!!!

                    “น้องครับน้อง!!!” ผมสะดุ้งเฮือกเด้งตัวขึ้นอย่างลืมตัว เมื่อจู่ๆก็มีมือเย็นๆมาเตะที่ไหล่

                    “O.,O”

                    อ้าวเธอ! น้องชายจุนมยอนไม่ใช่หรอหน้าขาวๆบวกลักยิ้ม ผมจำได้แม่น แต่สีหน้าของผมตอนนี้มัน...

                    “O.,O” ยังตาเหลือกค้างอยู่ท่าเดิม

                    เป็นอะไรรึป่าว! เมื่อกี้พี่ขอโทษนะ พอดี....

                    พี่อี้ชิงเมื่อกี้ เมื่อกี้มีคนหล่นลงมาจากตึกแพทย์ด้วยอ่ะ เฉียดหัวผมไปนิดเดียวเอง จะตายรึป่าวก็ไม่รู้ พี่อี้ชิงรีบแจ้งตำรวจเร็ว เรียกรถพยาบาลด้วย อย่าปล่อยให้เค้าตายในนี้นะ ผมกลัวผี!!!” ผมกระโดดเกาะแขนพี่อี้ชิงเพื่อนสนิทของพี่จุนมยอนอย่างรวดเร็ว พร้อมเขย่าๆอย่างแรงจนพี่อี้ชิงต้องร้องห้ามเอาไว้ก่อนกระดูกแขนจะหลุดติดมือผมมาด้วย

                    ใจเย็นๆแล้วฟังพี่... ไม่มีใครหล่นลงมาทั้งนั้นแหละ

                    ไม่จริงอ่ะพี่ ผมเห็นคางตาเลยนะ

                    ดูดีๆที่เธอเห็นน่ะ มันคนจริงๆรึป่าว พี่อี้ชิงจับหัวของผมหมุนไปยังทางที่มีร่างของใครสักคนนอนอยู่ แต่ผมหลับตาปรี๊เพราะไม่กล้ามอง ส่วนคนที่เรียนแพทย์ปีสุดท้ายอย่างพี่อี้ชิงคงเห็นจนชินแล้วแน่ๆ

                    อย่าหลับตาสิ จะไม่ให้หลับได้ไงเล่า ก็คนมันกลัวนี่หว่า>0<

                    “แล้วแบบนี้จะรู้มั้ยเนี่ยว่ามันคืออะไร ไม่เอา ไม่อยากรู้แล้วโว้ย ปล่อยตู!!!

                    พี่อี้ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยหัวผม ผมเลยนั่งหันหลังให้

                    ก็บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าโยนลงมา ถ้าโดนคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง

                    พี่อี้ชิงพูดกะใครวะ แล้วโยนอะไร อย่าบอกนะว่าคนที่หล่นลงมาเป็นฝีมือของพี่อี้ชิงกับใครอีกคน O.,O!!!

                    “ก็ใครใช้ให้มาเดินแถวนี้ล่ะ เสียงของใครอีกคนดังขึ้น พร้อมกับร่างของคนที่ร่วงจากตึกหล่นตุบลงตรงหน้าผมด้วยฝีมือของไอ้คนที่มันพูดเมื่อกี้

                    เหี้ย!!!!”  ด้วยความตกใจเลยกระโดดโหยงไปกอดแขนพี่อี้ชิงด้วยความเร็วแสง พี่อี้ชิงหัวเราะร่าจับหัวของผมหันไปมองว่าจริงๆแล้วมันคือ...

                    กะอีแค่หุ่นจำรองร่างกายคน จะกลัวอะไรหนักหนา ปัญญาอ่อน!” เสียงแขวะลอยกระแทกเข้าหูอย่างจัง ผมหันควับกลับไปถลึงตาเขียวใส่ไอ้หัวทองคิ้วดกที่มันยืนทำหน้ากวนบาทาอยู่ข้างพี่อี้ชิง

                    แล้วพระบิดาของแกสั่งให้โยนลงมารึไงมิทราบ!” แม่งเอ้ย! แค่เห็นครั้งแรกก็เกลียดขี้หน้าไอ้ขี้เก๊กนี้แล้ว แถมคันตีนหยิกๆอยากจะกระโดดขาคู่ยันหน้ามันซักทีสองทีให้หายหมั่นไส้

                    กูเป็นพี่มึงนะเฮ้ย จะพูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง เดี๋ยวจะตายศพไม่สวยเอานะไอ้น้อง!” มันเดินมากระชากคอเสื้อของผม ความสูงที่ไม่ต่างกันมากเท่าไรทำให้ผมเห็นหน้าของมันชัดขึ้น ซึ่งหน้ามันคุ้นๆยังไงชอบกล แต่ก็คงคิดไปเองเพราะหน้าตาโหลๆที่เทียบผมไม่ติดแบบนั้น มีออกเกลื่อนถนน

                    เกิดมาตั้งนานแม่ไม่เห็นเคยบอกเลยแหะ ว่ากูมีพี่หน้าตาเหี้ยๆแบบนี้ด้วย

                    กวนตีนกูหรอ ไอ้หมีขอบตาดำ!!!”

                    แล้วมึงจะทำไมกูหรอ ไอ้เงิง!!!”

                    ผมกระชากคอเสื้อของมันบ้าง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายชนิดที่ว่าจะฆ่ากันให้ตายได้ด้วยสายตา พี่อี้ชิงก็พยายามจะห้ามแต่ถูกไอ้เพื่อนเลวๆอย่างไอ้เงิงนี่ผลักออกอย่างไม่ใยดี ผมเผลอหันไปมองพี่อี้ชิงด้วยความเป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรรึป่าว มันเลยกลายเป็นการเปิดช่องว่างให้ไอ้เงิงเล่นทีเผลอ จับผมเหวี่ยงลงไปนอนกับพื้นก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วง้างหมัดเตรียมเสยหน้า

                    เฮีย/หมาแพนดี้!!!!!!” สองเสียงประสานกันอย่างลงตัว หนึ่งเสียงไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่อีกหนึ่งเสียงผมจำได้แม่ม เพราะมีแค่ไอ้ไก่ดำตัวเดียวเท่านั้นที่เรียกผมว่าหมาแพนดี้

                    หมัดที่กำลังเคลื่อนตัวมากระแทกหน้าผมหยุดชะงักกลางอากาศ ทั้งไอ้เงิงและผมหันควับไปกันคนละทิศละทางตามต้นเสียง ไอ้ไก่ดำมันวิ่งมาคว้าตัวผมออกมาในขณะเดียวกันที่อีกคนก็มาลากไอ้เงิงออกจากตัวของผมเช่นกัน

                    จะมาเสือกทำห่าอะไร 

                    จะโดนกระทืบตายแล้วยังปากดีอีกนะมึง ก็ถ้าแม่งไม่เล่นทีเผลอ กูก็คงไม่เสียเปรียบแบบนั้นหรอก คิดแล้วแค้น ทำคุณไสยใส่แม่งเลยดีมั้ยเนี่ย-*-

                    เหลือบมองไปทางมัน รู้สึกพี่อี้ชิงกำลังยืนด่ามันอยู่ แต่ดูหน้ามันจะไม่มีความสำนึกเลยสักนิด และก็มีบุคคลปริศนาที่ยืนทำตาเหลือกใส่ไอ้เงิงอยู่ ตัวเล็กๆ ตาโตๆ หน้าขาวๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย แต่เสียดายที่เป็นผู้ชาย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงละก็เสร็จกูแน่

                    คือว่า... กำลังยืนใจลอยรู้ตัวอีกทีก็เห็นนายตาโตโผล่มายืนอยู่ตรงแล้ว แถมยังลากไอ้เงิงติดไม้ติดมือมาเป็นของฝากอีกต่างหาก

                    ขอโทษด้วยนะครับที่พี่ชายสร้างปัญหา นายตาโตทำหน้าสลดก่อนจะโค้งให้ แต่ไอ้ตัวปัญหาจริงๆมันดันยืนมองอยู่เฉยๆเหมือนไม่ใช่ความผิดของตัวเองซะงั้น

                    ไม่เป็นไรหรอก! แต่คราวหน้าล่ามโซ่มันเอาไว้หน่อยก็ดีนะจิกตามองหน้ามัน

                    มึงไม่จบหรอ ไอ้เงิงทำท่าจะเดินเข้ามาหาเรื่องแต่ก็โดนนายตาโตยืนขว้างเอาไว้ก่อน มันทำหน้าไม่สบอารมณ์แบบสุดๆ ก่อนจะสะบัดตูดเดินกระแทกตีนตึงตังหายเข้าไปในตึกแพทย์โดยมีพี่อี้ชิงวิ่งตามไปห่างๆ ตอนนี้เลยเหลืออยู่สามหน่อ

                    เฮียเค้าก็เป็นคนแบบนี้แหละ อย่าโกรธเลยนะ

                    จะพยายาม!” ผมพูดทิ้งท้ายแล้วเดินหนีมา ทิ้งไอ้ไก่ดำไว้กับนายตาโตสองคน

     

                    ชาตินี้หรือชาติหน้าก็ขออย่าให้ได้เจอหน้าไอ้เงิงอีกรอบเลย เดี๋ยวมันจะทนไม่ไว้เอาค้อนทุบฟันหน้ามันออกซะก่อน!!!

     

    ............................................................................

     

                    ไอ้หมาแพนดี้มันเดินตูดบิดหนีไปโดยไม่สนใจจะเรียกผมที่อุตส่าถ่อสังขารออกมาตามมันเลยสักนิด ทิ้งให้ผมยืนใบ้รับประทานอยู่กับคุณหนูตัวเล็กที่มองยังไงก็โคตรหล่อ แต่ไอ้ตาโตๆเหลือกๆมันดันทำให้หน้าหล่อกลายเป็นน่ารักแอ๊บแบ็วไปซะแล้ว แต่ที่รับไม่ได้สุดๆเลยคือหมอนี่เป็นน้องชายของอี้ฟานลูกชายตระกูลที่ไอ้จื่อเทามันเกลียดจนเข้าไส้

                    นี่ถ้ามันรู้ละก็โดนเกลียดขี้หน้าทั้งพี่ทั้งน้องแน่ๆ ข้อหาเป็นลูกชายของตระกูลที่ทำให้พี่ลู่หานของมันต้องโดนบังคับแต่งงาน-_-

                    นี่นาย!”

                    “ห๊ะ!!!” กำลังยืนจมกับความคิดเสียงเรียกของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ดังกระแทกหู

                    หน้าฉันมีอะไรติดรึป่าว ทำไมต้องจ้องขนาดนั้น จะบอกได้มั้ยล่ะว่าไอ้ที่ติดอยู่ที่หน้านายมันก็คือความน่ารัก คนอะไรไม่รู้ยิ่งทำหน้าตาสงสัยยิ่งโคตรน่ารักเลย

                    ป่าว! ก็แค่กำลังคิดว่านายเป็นน้องชายของอี้ฟานจริงหรอ

                    ก็ใช่น่ะสิ หมอนี่ทำตาโตซึ่งมันจะโตเกินไปรึป่าว มองไปมองมาก็หน้ากลัวนะนั่น-_-!

                    “ฉันชื่อจงอิน ยินดีที่ได้รู้จัก ผมยกมือทักทาย แต่ดูหน้าแล้วท่าทางจะไม่ได้อยากรู้จักผมเลยสักนิด หมอนั่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่คิดจะบอกชื่อเสียงเรียงนานกันเลยสักนิด

     

                    หยิ่งนักหรอ เดี๋ยวพ่อจีบให้หายหยิ่งเลยคอยดู เตรียมตัวรับมือไว้ได้เลย หึหึ!!!

                   

     

    ......................................................................

                   

                    บรรยากาศภายในห้องชมรมแต่ละมุมมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่โซฟากลางห้อง หนึ่งคนนั่งเล่นเกมอย่างสบายใจ หนึ่งคนนั่งกินขนมพร้อมกับดูทีวี ส่วนอีกคนก็นั่งจมอยู่กับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไป แต่พอหันมาโซฟาอีกตัวที่อยู่มุมห้องบรรยากาศมันช่างน่าอึดอัดดีแท้

                    เฮ้ย! มึงเป็นห่าไรของมึงวะ กูเห็นแม่งนั่งทำหน้าเหวี่ยงตั้งแต่เช้าแล้ว ไอ้แบคฮยอนเพื่อนสนิทของผมเดินมาตบไหล่

                    กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ประชดมันไปทีหนึ่ง สิ่งที่ได้รับกับคืนมาคือฝ่ามืออรหันต์ฟาดผัวะลงกลางกบาลหัวแทบจะแยกเป็นสองซีก

                    ไอ้ห่าเตี้ย! มึงตบกูทำไมเนี่ย

                    กวนตีนกู!” แล้วมันก็เดินสะบัดตูดกลับไปนั่งเล่นเกมต่อ ไอ้เตี้ยมันเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่พอใจอะไรก็ตบ โกรธอะไรก็ตบ ขนาดเขินมันยังตบหัวแทบปลิว จนผมจะกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปแล้ว เอะอะตบ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนนะ กูจะเอาขี้ไปปาหลังคาบ้านแม่มเลย-*-

                    “เฮ้ยเทา! พี่ถามจริงๆมึงเป็นไรมากป่ะเนี่ยพี่ซิ่วหมินที่เป็นประชาสัมพันธ์ของชมรมเงยหน้าขึ้นจากถุงขนมมาตะโกนถามเสียงดังลั่น

                    ก็เป็นคนเนี่ยแหละ พี่อย่าถามมากเลย ผมไม่อยากต่อยคนแก่ย่อนระเบิดทิ้งไว้ลูกหนึ่งแล้วลุกเดินหนีมาหน้าตาเฉย เสียงมันโวยวายอะไรก็รู้ไล่หลังมา แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปสนใจมันหรอก ลงไปหาอะไรกินแก้เครียดดีกว่า

                    ผมเดินทำหน้าซังกะตายอย่างเฉื่อยชาลงมาตามบันไดฝั่งตะวันตกของตึกเรียนที่แทบจะไม่เห็นเงาของคน บรรยากาศมันช่างวังเวงจนน่าขนลุก แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมถึงไม่มีอารมณ์จะกลัวอะไรเลยสักนิดเดียว แถมรู้สึกอยากจะให้มันโผล่มาจริงๆด้วยซ้ำจะได้ลองซัดผีซักเปรี้ยงให้หายแค้น =_=

                    “คริสค่ะ!” ผู้หญิงที่ไหนมาร้องเสียงอ่อนเสียงหวานอยู่แถวนี้วะ -_-?

                    ผมเดินเลียบๆเคียงๆไปทางต้นเสียงที่ดังออกมาจากมุมหนึ่งของบัดไดชั้นล่างซึ่งผมยังเดินลงไปไม่ถึง แต่พอชะโงกหน้าลงไปเท่านั้นแหละครับพี่น้อง พระเจ้า! หันกลับแทบไม่ทัน เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะแม่งดันมาเล่นหนังสดกันกลางวันแสกๆน่ะสิ จูบกันนัวเนียชนิดไม่กลัวว่าอาจารย์จะเดินมาเห็นเล้ย นี่มันโรงเรียนนะคุณพี่ ไม่ใช่ซ่อง จื่อเทาคนนี้จะไม่ทน -.,-

                    ผมหันซ้ายหันขวาเหลือบไปเห็นถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก เลยย่องเบาเข้าไปใกล้ๆแล้วเหนี่ยวเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะวิ่งมาหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ดูถังขยะที่โชคร้ายกลิ้งเป็นลูกขนุนลงบันไดไป เศษขยะที่อยู่ในถังกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

                    เฮ้ย! ใครวะ!!!” เสียงตะโกนที่ฟังแล้วไม่สบอารมณ์สุดๆดังขึ้น ผมแอบหัวเราะชอบใจน้อยๆอย่างสะใจ ก่อนจะรีบหุบปากเพราะเสียงฝีเท้าหนักๆของใครสักคนเดินขึ้นบันไดมา ตอนนี้ผมแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกับเสาเลยก็ว่าได้ พยายามจะบีบตัวสุดๆไม่ให้มันคนนั้นรู้ว่าหลบอยู่หลังเสา

                    ใครหรอค่ะคริส!” เสียงผู้หญิงดังขึ้น ผมเบะปากพูดล้อเลียนแบบไม่มีเสียงด้วยความหมั่นไส้ ไม่ใช่ว่าผมเกลียดผู้หญิงหรอกนะ แค่ไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัวเท่านั้นเอง -_-

                    “ไม่รู้เหมือนกันครับ!” มันเดินกลับไปแล้ว รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

                    ไม่กันเถอะค่ะ ฮันนี่กลัว!” แหม่! แม่น้ำผึ้งทำขนาดนี้ยังจะกลัวอีกหรอ =_=

                    เสียงฝีเท้าของคนทั้งสองเดินลงบันไดไปแล้ว ผมชะโชกหน้าออกมาดูเพื่อความแน่ใจว่าไปแล้วจริงๆจึงเดินออกมา เห็นคนมาซั่มกันกลางวันแสกๆแบบนี้ชักหมดอารมณ์กินอะไรไม่ลงแล้วแหะ กลับไปนอนห้องชมรมดีกว่า!

                    ผมหันหลังเดินกลับขึ้นบันไดไปเหมือนเดิม แต่ทว่า! ก้าวขึ้นมาได้แค่สามขั้นก็มีไอ้หอกที่ไหนไม่รู้กระชากคอเสื้อกลับไปด้านหลังอย่างแรงจนผมหงายเหงิบลงมานอนกลางวันอยู่ที่พื้นข้างล่าง

                    เชี้ยเอ้ย! ใครวะ!!!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นด้วยความโมโหก่อนจะหันกลับไปหาเรื่องไอ้คนที่มันบังอาจมาทำกับหวงจื่อเทาแบบนี้

                    มึงอีกแล้วหรอไอ้เงิง!” ผมจ้องหน้ามันเขม็ง ไอ้เงิงที่มีเรื่องกับมันเมื่อตอนเช้านี่เอง จะตามมาคิดบัญชีรึไงฟะ

                    เมื่อกี้ฝีมือมึงใช่มั้ย

                    ฝีมืออะไร กูไม่ได้เป็นฝีที่มือซักหน่อย!” ผมตอบหน้าตายยกมือขึ้นแคะหูอย่างไม่ใส่ใจ

                    กูไม่ตลก!!!” มันผลักอกผมอย่างแรงแล้วชี้หน้าผม

                    กูก็ไม่ได้ให้มึงขำนี่!” ผมผลักมันคืน

                    มึงตอบกูมา มึงเป็นคนเตะถังขยะใช่มั้ย!” ผมชะงัก

                    มันรู้ได้ไงวะ เอ๊ะ! หรือว่าไอ้ผู้ชายที่กำลังนัวเนียอย่างไม่อายฟ้าอายดินนั่นคือไอ้เงิง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น หาเรื่องถูกคนจริงๆเลยตู = =

                    “ถังขยะอะไร กูไม่รู้เรื่อง กูพึ่งจะเดินลงมาตะกี้นี้เอง-3-” แถหน้าด้านๆครับพี่น้อง

                    กูเห็นมึงกำลังเดินขึ้นไม่ใช่หรอ=_=” มันหรี่ตามอง

                    กะ... ก็เดินลง แล้วก็เดินขึ้นไง ออกกำลังกายอ่ะมึงไม่รู้จักรึไง ผมพูดขณะที่เท้าก็ค่อยๆเขยิบถอยหลัง

                    แล้วมึงจะถอยไปไหน!” มันคว้าแขนผมเอาไว้

                    ปล่อยกู!!!!” ผมตะโกนลั่นก่อนจะสะบัดแขนแล้ววิ่งขึ้นบันไดมาแบบไม่คิดชีวิต พอหันหน้าไปข้างหลังก็พบว่ามันไล่ตามหลังมาติดๆแถมไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยเลยซักนิด

                    ได้ออกกำลังกายจริงๆแล้วกู!!!

                   

                    ผมกับมันเล่นวิ่งไล่จับกันชนิดที่เรียกได้เต็มปากว่าทั่วมหาลัยเลยจริงๆ ไปตั้งแต่ตึกฝั่งตะวันออกแล้วก็อ้อมผ่านตึกชมรมของผมที่อยู่ด้านหลังวนกลับมาที่ตึกฝั่งตะวันตกอีก มหาลัยนี้ก็ใช่ว่าจะเล็กๆนะ มีวันนี้แหละที่ผมได้มีโอกาสทั่วรอบมหาลัย ซึ่งทั่วแบบนี้ก็อย่าได้มีอีกเลยชาตินี้ ผมยอมมุดหัวอยู่แต่กะห้องชมรมแล้วก็ตึกคณะอักษรศาสตร์ดีกว่า เพราะมันเหนื่อยแบบสุโค่ยมาก-0-

                    ผมกับมันเริ่มจะไม่มีแรงวิ่งแล้ว เลยสามัคคีกันหยุดพักโดยมิได้นัดหมายอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่รับลมเย็นๆอย่างสบายตัว ส่วนมันก็ดูเหมือนจะเหนื่อยจนสมองไม่ประมวลผลลืมความแค้นที่มีต่อผมไป แล้วนั่งลงข้างผมหอบหายใจลิ้นห้อยเหมือนหมาไม่มีผิด

                    ทีหลัง... มึง... อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ กู... เหนื่อย มึงเข้าใจมั้ย!” มันพูดติดๆขัดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นต่อยท้องผมอย่างแรงจนจุกไปหมด

                    สัดเอ้ย! ใครใช้ให้มึงตามกูมาเล่า!” ผมเด้งตัวขึ้นก่อนจะต่อยคืนไปที่ต้นแขนของมันอย่างแรง ส่วนมันก็แก้แค้นด้วยการใช้เท้าเตะขาของผมที่ยังคงสั่นพั่บๆ ผมเลยอัดเน้นๆเข้าที่ต้นแขนของมันอีกรอบ

                    สงครามเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครยอมใคร พลัดกันเตะพลัดกันถีบอย่างเมามันส์ จนผมเริ่มจะหมดความอดทนขึ้นมาอีกรอบ เด้งตัวลุกขึ้นยืนแล้วเตะขามันอย่างแรงจนมันร้องลั่น ก่อนที่มือของมันจะคว้าเอาชายเสื้อเชิ้ตของผมดึงกลับลงไปอย่างแรงหมายจะให้ผมล้มหน้าฟาดพื้นหมดหล่อ

                    แต่ทว่า! มันดันไม่ได้เป็นไปแบบที่คาดไว้น่ะสิ O0O!!!

     

                    “OxO”

                    “OxO”

                    นิ่ง อึ้ง ค้าง ต่างคนต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อร่างของผมที่เสียการทรงตัวมันดันล้มลงไปทับร่างของไอ้เงิงพอดิบพอดี แต่อะไรก็ไม่ทำให้ช็อคได้เท่าริมฝีปากที่มันลงไปประกบกันแบบไม่มีพลาดแม้แต่เซนต์เดียว และเมื่อผมได้สติก็รีบลุกพรวดพลาดขึ้นทันทีจนเผลอเหยียบขาของไอ้เงิงหงายหลังล้มลงอีกรอบ

                    ผมกับมันนั่งหันหลังให้กัน ต่างคนต่างเงียบ ผมยกมือขึ้นถูปากตัวเองแรงๆอย่างขยะแขยงจนมันแดงไปหมด และเป็นผมเองที่ทนรับแรงกดดันแปลกๆไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นหันไปมองไอ้เงิงที่ยังคงนั่งหันหลังให้ ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยเตะเข้าที่หลังของมันเต็มแรงแล้วรีบวิ่งหนีออกมาด้วยความเร็วแสง เสียงโวยวายของไอ้เงิงดังไล่หลังมาไกลๆ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว แค่หนีไปจากตรงนี้ให้ได้เป็นพอเลย

     

    ..............................................................................................

     

                    คาบเรียนช่วงหัวค่ำผ่านไปแบบไม่มีอะไรเข้าสมองเลยสักนิด ผมเหมือนผีตายซากที่นั่งซึมกะทืออยู่ในห้องเรียนจนเพื่อนร่วมห้องต้องเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง และจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบจะสองทุ่มแล้วผมก็ยังคงเป็นซอมบี้เดินหน้าตายไปตามทางเดินที่มีแค่แสงไฟสลัวๆส่องให้พอเห็นทางเท่านั้น รอบข้างก็ไม่มีใครเลยสักคน มันจะวังเวงเกินไปหน่อยมั้ยเนี่ย =_=

                    ปรี้น!!! ปรี้น!!!

                    ไอ้หน้าส้นเท้าตัวไหนมาบีบแตกเสียงดังน่ารำคาญฟะ เดี๋ยวพ่อซัดฟันล่วง =*=

                    จะไปไหนหรอจ๊ะน้องสาว ให้พี่ไปส่งมั้ย!” ไอ้พวกจิ๊กโก๋หน้าตาสะถุนนี่เอง วอนซะแล้ว!

                    “น้องสาวบ้านผู้ให้กำเนิดมึงสิ กูเป็นผู้ชายเฟ้ย พวกมึงช่วยเบิกเนตรมองกันหน่อยได้มั้ย!!!” ผมหันไปว๊ากใส่พวกมันอย่างหงุดหงิด แล้วเดินกระแทกเท้าตึงตังต่อไป มันเร่งเครื่องไปจอดดักหน้าก่อนจะลงรถมาสี่คนพร้อมอาวุธครบมือทั้งมีดทั้งไม้เบสบอล มันกะเอาผมตายตรงนี้เลยใช่มั้ยเนี่ย

                    ปากดีนักใช่มั้ยมึง!!!” คนแรกวิ่งเข้ามาพร้อมฟาดไม้เบสบอลใส่ ผมเอี่ยวตัวหลบได้แบบไม่สะทกสะท้านก่อนจะตวัดลำแข้งเชยคางมันเต็มแรงจนหงายหลังล้มลงไปนอนเลือดกบปากอยู่ที่พื้น

                    ทำลูกพี่กูหรอ!!!” คนที่สองวิ่งเข้ามาพร้อมมีดสปาต้า มันเงื้อมือขึ้นตวัดคมมีดเข้าใส่ ผมกระโดดหลบก่อนจะคว้าแขนข้างที่ถือมีดของมันแล้วหักกลับมาด้านหลัง เสียงกระดูกลั่นดังกร็อบพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของมัน

                    มึงเป็นใครวะ!!!” อีกสองคนเลิ่กลั่กไม่กล้าที่จะวิ่งเข้ามา

                    หวงจื่อเทา!” ผมตอบหน้าตาย

                    หวงจื่อเทา! ประธานชมรมศิลปะป้องกันตัวของมหาลัยโซลน่ะหรอ มันหน้าตาตื่น

                    ซวยแล้ว!!!” พวกมันวิ่งไปลากไอ้สองคนที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น แล้วขึ้นรถบึ่งออกไปทันที ผมเกาหัวแกร็กอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะออกเดินต่อ

                    วันนี้มีแต่เรื่องซวยๆทั้งนั้น สงสัยต้องไปทำบุญเก้าวันล้างซวยหน่อยแล้วมั้งเนี่ย =_=

                   

    +++++++++++++++++++++++++++++++

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×