คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : :Half-Breed: 6
ท่านผู้มีเกียรติโปรดทราบ ถ้าไม่ทราบก็ต้องทราบ มีใครเห็นจุนมยอนมั้ง ช่วยบอกผมที ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว เจ้าสองคนนั้นหายหัวไปไหนกันโคตรเร็วเลย จะไปไหนก็ไปไม่คิดจะเรียกกันเลยสักนิด ผมเลยได้แต่ยืนเอ๋อรับประทานอยู่ที่เดิม จะใช้พลังค้นหาก็ไม่ได้เพราะเวลาออกมาข้างนอกทั้งผมและสองคนนั้นต้องกลบตัวตนของตัวเองไม่ให้ศัตรูหาเจอ เลยกลายเป็นว่าต้องเดินหาไปเรื่อยๆแทนการใช้สัมผัส ซึ่งวันนี้ก็คงหาไม่เจอหรอก
“หิวเว้ยเฮ้ย!” ใช้พลังงานมากไปหน่อย พุงน้อยๆของผมมันเลยร้องโครกครากประท้วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลยต้องหาของกินไปพลางก่อนแล้วค่อยหาต่อ ผมหันซ้ายหันขวามีแต่ร้านขายของกินเต็มไปหมด แถมน่ากินทุกร้านเลย ผมยืนชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด
“ซื้อมันทุกร้านเลยละกัน” แล้วผมก็เดินฉีกยิ้มอย่างมีความสุขเดินเข้าร้านเค้กไปเป็นร้านแรก รู้สึกร้านนี้จะเป็นร้านที่ได้ยินมาว่าอร่อยที่สุดในเมืองนี้เลยนะ
“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวทักเสียงใสพร้อมยิ้มหวานมองหน้าผมอย่างเป็นกันเอง ผมเลยยิ้มตอบแล้วก้มหน้ามองเค้กนาๆชนิดที่เรียงรายอยู่ในตู้กระจกใส ผมชี้ไปที่เค้กบราวนี่ สตอเบอรี่
และเค้กแยมอย่างละชิ้น พนักงานส่งยิ้มมาให้ก่อนจะจัดแจงหยิบเค้กใส่กล่อง
และสิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือเค้กช็อกโกแลตที่ขึ้นชื่อของร้านนี้เท่านั้น ซึ่งรู้สึกว่ามันจะเหลือแค่ชิ้นเดียวพอดีเลย ผมนี้โชคดีจริงๆที่เข้ามาทันเวลา 5555+
“เอาชิ้นนี้ครับ”
กำลังจะอ้าปากสั่ง เสียงของใครอีกคนก็ชิงตัดหน้าไปก่อน พร้อมๆกับมือที่ชี้ไปยังเค้กก้อนสุดท้ายที่ผมเล็งเอาไว้ ผมอ้าปากค้างค่อยๆเงยหน้ามองบุคคลที่บังอาจมาชกเป้าหมายไปต่อหน้าต่อตาอย่างเคียดแค้น
“ชิ้นนี้มันของฉัน” ผมเท้าเอวมองหน้าตานิ่งๆของผู้ชายที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างเอาเรื่อง
“ไม่เห็นมีป้ายชื่อติดไว้เลย” มันย้อมกลับมา จากหน้านิ่งตอนนี้รู้สึกมันจะยกยิ้มมุมปากกวนโอ๊ยผมขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
“ก็ฉันจะเอาอ่ะ”
“ก็ไม่ให้ไง”
“นี่นาย! พูดไม่รู้เรื่องหรอว่ามันของฉัน”
“ เสียใจ! ฉันสั่งไปแล้ว นายหมดสิทธิ์”
“พี่สาวเขายังไม่ได้ใส่กล่องให้นาย
“ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขัดขึ้นมาไง เขาถึงยังไม่ได้ใส่”
“นี่นายว่าฉันหรอ!!!”
“ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อเลย อย่าร้อนตัวดิ”
“พูดงี้มาต่อยกันเลยมั้ย” ผมถกแขนเสื้อเดินเข้าไปหามัน แต่รู้สึกมันจะสูงกว่า ผมเลยต้องเขย่งปลายเท้าให้สูงในระดับเดียวกัน แล้วเชิดหน้าจิกตามองมัน
“ก็เอาดิ! แต่จะไหวหรอ แค่ฉันผลักทีเดียวนายก็กลิ้งเป็นลูกขนุนแล้วมั้ง ทางที่ดีกลับบ้านไปกินแคลเซียมเหอะไป!”
จี๊ดเลย เหมือนมีลูกธนูอาบยาพิษพุ่งมาด้วยความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อวินาทีแล้วปักลงกลางใจอย่างแรง ไอ้นี่มันบังอาจมากที่กล้าล้อเล่นเรื่องความสูง เดี๋ยวพ่อสับเละเทะซะเลยดีมั้ยเนี่ย-*-!!!!
“เอ่อ! คุณลูกค้าค่ะ” ทั้งผมและไอ้หน้าย่นหันขวับไปถลึงตาใส่พนังงานที่เข้ามาขัด เธอถึงกับหน้าเหรอเลยทีเดียว
“พอดีเมื่อกี้มีลูกค้าท่านอื่นสั่งเค้กเกินไป ตอนนี้เลยเพียงพอสำหรับสองท่านแล้วนะคะ” แล้วทำไมเจ๊ไม่บอกซะพรุ่งนี้เลยล่ะ ปล่อยให้เปลืองน้ำลายทะเลาะกับไอ้บ้านั่นอยู่ได้ตั้งนาน-_-!
“รีบๆเลย ก่อนที่จะมีคนตาย” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์กับพนังงาน เธอตาลีตาเหลือกหยิบเค้กใส่กล่องใส่ถุงแล้วยื่นให้ผมอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ” เธอยิ้มแห้งๆมาให้
ผมคว้าถุงมาแล้วจ่ายเงินก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างรวดเร็ว ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้กลัวจะอดใจไม่ไหวจนเผลอเอามีดอีโต้เลาะตีนกามันออกมากองไว้ที่พื้นซะก่อน-_-!
หลังจากที่อารมณ์เริ่มจะเย็นลงแล้ว ผมก็เลยเดินไปซื้อของกินอีกร้านหนึ่ง และร้านต่อๆไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าเริ่มจะถือไม่ไหว เลยเปลี่ยนไปเป็นการหาที่นั่งกินแทน โดยสถานที่ที่เลือกคือสวนสาธารณะที่มีโต๊ะหินอ่อนไว้ให้นั่งพักนั่นเอง จะรอช้าอยู่ใย ไปสิครับพี่น้อง
เมื่อได้ที่นั่งแล้วผมก็จัดแจงแหวกถุงที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็เหลือส่วนหนึ่งไว้เป็นของฝากให้จุนมยอนกับคยองซูด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นยังไงมั่ง คงเดินตามหาผมให้วุ่นเลยแน่ๆ หรือถ้าในแง่ร้ายก็คงจะลืมผมไปแล้วแหละ แต่ก็ช่างเหอะ ยังไงผมก็กลับบ้านถูกอยู่แล้ว
และระหว่างที่กำลังนั่งกินเพลินๆ ก็มีลูกหมาขนฟูตัวหนึ่งเดินมานั่งมองผม มันน่ารักเอามากๆเลยแต่ก็น่าสงสาร ไม่รู้มนุษย์ใจร้ายคนไหนเอามันมาปล่อยไว้ทั้งๆที่มันก็ออกจะน่ารักขนาดนี้
“ขอมือหน่อย!” ผมก้มลงไปหามันแล้วยื่นมือไปข้างหน้า มันดมฟุดฟิดอยู่ที่มือของผม ก่อนจะค่อยๆยกเท้าขึ้นวางทับ
“ฉันชื่อมินซอกนะ ยินดีที่ได้รู้จักหมาน้อย!” ผมเขย่าๆเท้าของมัน มืออีกข้างก็ลูบขนนุ่นๆสีน้ำตาลฟูฟ่องของมันเล่นอย่างเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหยิบน่องไก่ที่ซื้อมาโยนให้มันกิน ท่าทางจะหิวจัดเลยแหะ น่าสงสารจัง!
“อร่อยป่าว! เอาอีกมั้ย” คนเดินผ่านไปผ่านมาจะหาว่าผมบ้ารึป่าวเนี่ย มานั่งคุยกับหมา-_-
ผมลูบหัวมันเล่นไปมาอย่างสนุกมือ มันเองก็ไม่ได้รำคาญอะไรยังคงก้มหน้าแห่นกระดูกไก่ต่อไปจนพอใจ มันเลยเงยหน้ามองผมอีกรอบ ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมเลยคว้าตัวมันขึ้นมาอุ้มแล้วลูบๆขนมันเล่น สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือมันเลียแก้มของผม ท่าทางมันจะชอบผมแน่ๆเลย อยากเอากลับไปเลี้ยงชะมัดเลย น่าร๊าก>/////<!!!!
“นายจะกินหมารึไง!”
ในขณะที่ผมกำลังหอมลูกหมาที่นั่งอยู่บนตัก เสียงแขวะของใครบางคนก็ลอยกระแทกเข้ามาในหูอย่างจัง ผมหันขวับกลับไปมองทางต้นเสียงก็เห็นไอ้หน้าเดิมที่พึ่งจะทำศึกแย่งชิงขนมเค้กกับมันหมาดๆ ผมถลึงตาใส่มันอย่างไม่สบอารมณ์
“โทษที! แต่พอดีบ้านไม่ได้อยู่สกล”
“อ้าวหรอ! เห็นหน้าลาวๆก็นึกว่าอยู่แถวนั้น” ไอ้นี่วอนซะแล้ว หน้าตาตรูออกจะดีขนาดนี้-*-!!!
กวนประสาทคนอื่นเสร็จก็เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน แล้วก็ยกถุงกล่องขนมเค้กขึ้นมาตักกินหน้าตาเฉย ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ มันมาแค่เพื่อจะกินเค้กเนี่ยนะ แล้วทำไมต้องมานั่งกับตรูด้วย ที่อื่นก็มีตั้งเยอะแยะ แต่ช่างหัวมันเถอะ จะทำอะไรก็ทำไป ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกัน!
“จงแด!” ขณะที่ผมกำลังเล่นกับน้องหมา มันก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย
“อะไร!”
“ชื่อฉัน! แล้วนายล่ะ”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกนายด้วย” ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วก้มหน้าเล่นกับน้องหมาต่อ
“ไม่บอกก็เรื่องของนาย”
“-3-” อย่าไปสน อย่าไปสน มันคือคนบ้าพูดคนเดียว 5555+
“หมอนี่ไม่น่ารักเอาซะเลยเนอะ... มินซอก” ผมหันควับมองหน้ามันเพราะคิดว่ามันพูดกับผม แต่ผิดคาด มันเอื้อมมือข้ามมาดึงหูน้องหมาที่นั่งอยู่บนตักผม แถมสายตามันไม่ได้มองผมเลยแม้แต่นิดเดียว นี่แสดงว่ามันกำลังพูดกับหมาหรอ
“นายจะกวนประสาทฉันหรอ” ผมปัดมือมันออกจากหูของน้องหมาเมื่อรู้สึกว่ามันเริ่มจะดึงแรงขึ้นเรื่อยๆ
“กวนอะไร”
“นายรู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“ไม่รู้สักหน่อย”
“ก็เมื่อกี้นายเรียกชื่อฉัน!!!”
“ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันเรียกหมาตัวนี้ต่างหาก” มันชี้มาที่น้องหมาแล้วยิ้มกวนๆ สงสัยไอ้นี่ไม่อยากแก่ตายดีๆซะแล้ว-*-
ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยคว้ากล่องเค้กที่กินหมดแล้วขว้างใส่มันอย่างแรง แต่ก็ต้องเจ็บใจเพราะมันดันรับได้อย่างง่ายดาย หมดอารมณ์เลย ทำอะไรมันไม่ได้ก็ไม่ทำ เล่นกับน้องหมาต่อดีกว่า-3-!
และทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ จะมีก็แต่เสียงรอบข้างเท่านั้น จะว่าชอบก็ชอบนะแต่มันกลับรู้สึกอึดอัดแทนซะงั้น ถึงผมจะไม่ได้มองเพราะมัวแต่เล่นกับหมา แต่ผมก็รู้สึกได้นะ สายตาเยือกเย็นที่กำลังจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ทำไมต้องจ้องขนาดนั้นด้วยละ หน้าผมมันมีอะไรติดงั้นหรอ หรือว่าจะโกรธที่ผมปากล่องเค้กใส่ คงไม่ใช่หรอกมั้ง...?
“ฉันรู้นะ...?” หมอนั่นพูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน ผมเงยหน้ามองแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ตั้งแต่เห็นนายครั้งแรกฉันก็รู้แล้ว!” ผมชักเริ่มหวั่นๆกับคำพูดของคนๆนี้ซะแล้วแหะ ลางสังหรณ์มันบอกว่าอันตรายยังไงชอบกล!!!
“นายมันไม่ธรรมดา!” หมอนั่นลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมมาหาผม ด้วยความร้อนรนที่แสดงไม่ได้ทางสีหน้าหรือท่าทางเพราะกลัวว่าจะมีพิรุธ ผมเลยลืมตัวกอดหมาน้อยซะแน่นจนมันร้องประท้วง แล้วกัดแขนเข้าให้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะกระโดดลงวิ่งหนีไป บนแขนของผมปรากฏรอยเขี้ยวที่โดยงับเต็มแรงจนเลือดไหลซึม
“รู้มั้ยทำไมฉันถึงรู้ชื่อของนาย” ขณะที่ผมกำลังงงไม่รู้จะทำยังไงกับแผลดี หมอนั่นก็จับหน้าของผมเงยขึ้นด้วยมือตัวเอง ผมเลยต้องปล่อยแผลไว้แบบนั้นก่อนเพราะทำอะไรไม่ได้
“ก็เพราะชื่อของนายมันขึ้นบัญชีดำไว้ว่าเป็นบุคคลที่ต้องกำจัดทิ้งยังไงล่ะ” มันบีบหน้าของผมอย่างแรงจนเจ็บไปหมด ผมพยายามแกะมือมันออกแต่ยิ่งขัดขืนมันยิ่งบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกระดูกหักคามืออยู่แล้ว
ดวงตาสีน้ำตาลของหมอนั่นค่อยๆถูกกลบด้วยสีแดงสด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพวกปีศาจที่อารมณ์กำลังครุกรุ่นหรือแม้แต่กำลังจะสังหารเหยื่อ
“แล้วก็อีกคนที่รู้สึกจะชื่ออะไรนะ... คยองอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ” คยองซูหรอ... เป็นไปไม่ได้ เด็กคนนั้นไม่เคยทำอะไรให้ใครเลย แล้วทำไมถึงมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของพวกปีศาจได้ล่ะ!
“อย่าทำอะไรเด็กคนนั้นนะ!!!” ผมจิกเล็บลงบนฝ่ามือของอีกฝ่ายจนเลือดซิบ มันสะบัดมือออกก่อนจะใช้มืออีกข้างตบหน้าผมอย่างแรงจนมันชาไปหมด หัวของผมถูกกระชากขึ้นด้วยมือของมัน
“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง! โชคร้ายหน่อยนะดันบังเอิญมาเจอฉันที่หมายหัวนายไว้พอดี” ผมเหลือบมองไปรอบตัว ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่มีใครสนใจเราเลยแม้แต่คนเดียว เหมือนตรงนี้ไม่มีผมกับหมอนี่ยืนอยู่
“ฉันกางอาณาเขตเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องคิดจะให้ใครช่วยหรอกนะ”
“ไม่คิดว่าจะมีใครช่วยได้หรอก” ผมพูดพลางจ้องหน้ามันอย่างแค้นเคือง ก่อนที่มือขวาจะสะบัดเข้าหาตัวของมันอย่างเต็มแรง แต่อีกฝ่ายรู้ทันเลยถอยหลบได้ทัน
“จะหนีทำไมเล่า อยากได้ตัวฉันนักไม่ใช่รึไง!” ผมพูดท้าทาย
“ความเย็นเมื่อกี้มัน... น้ำแข็งงั้นหรอ” มันจับไปที่ท้องของตัวเองที่เกือบจะโดนผมทะลวงไส้แตกเมื่อกี้
“ใช่! เทพน่ะไม่ได้กระจอกอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
ก็อย่างที่หมอนั่นพูด เทพทุกคนมีความสามารถที่เป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง และน้ำแข็ง... คือความสามารถของผม ความสามารถที่ทำให้ทุกสิ่งถูกแช่แข็ง ปกติไม่ค่อยอยากจะใช้หรอกเพราะมันค่อยข้างจะควบคุมยาก แต่คราวนี้ไม่ใช้คงไม่ได้ซะแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าจะเอาตัวผมไปให้ได้
....................................................................................
ท่ามกลางผู้คนที่เดินพลุกพล่าน ทุกสิ่งรอบตัวมันช่างไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักอย่าง ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่ขอตามพี่อี้ชิงกับจงแดมาด้วย แต่อยู่บ้านเฉยๆมันก็น่าเบื่ออีกอยู่ดี สู้ออกมาหาอะไรทำข้างนอกจะดีกว่าอีก ถึงดูๆไปแล้วมันจะไม่เห็นมีอะไรน่าทำก็ตามเถอะ แถมอีกอย่างจะฆ่าใครก็ไม่ได้เพราะโดนอี้ชิงขู่ไว้ มันเลยน่าเบื่อนักเข้าไปใหญ่
‘ถ้านายแตะต้องมนุษย์แม้แต่ปลายเส้นผม ฉันจะฆ่านาย... จงอิน!!!’
เสียงคุณหมอหน้าสวยมันยังคงดังสะท้อนอยู่ในหัวของผมอย่างช่วยไม่ได้ แต่จะขัดคำสั่งก็ไม่ได้อีกเพราะเจ๊แกเห็นหน้าสวยๆยิ้มเก่งๆใจดีปานนางฟ้าแบบนั้นโหดอย่าบอกใครเลย โมโหทีบ้านแตกอยู่ไม่เป็นสุขกันทุกคน ขนาดเจ้าเซฮุนน้องชายอี้ฟานที่เอาแต่ใจตัวเองแบบสุดๆแถมไม่เคยยอมใครยังต้องนั่งอยู่นิ่งๆให้พี่อี้ชิงเทศเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับผมที่เป็นน้องชายแท้ๆ
คิดไปก็ปวดกบาลป่าวๆ หาอะไรทำแก้เบื่อดีกว่า!!!
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็เดินดูนู่นดูนี่ตามทางไปเรื่อยๆ และไอ้นู่นนี่ที่ผมหมายถึงก็คือสาวๆนั่นเองมีแต่สวยๆทั้งนั้นเลย รู้งี้เวลาพี่อี้ชิงมาทำงานของตามมาด้วยตั้งนานแล้ว ไม่นั่งหมกอยู่บ้านน่าเบื่อๆแบบนั้นหรอก
“ว่าแล้วทำไมพี่อี้ชิงมาเป็นหมอรักษามนุษย์ เพราะได้อยู่ใกล้สาวๆนี่เอง”
และในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรพิเรนๆอยู่นั่นเอง สายตาของผมก็ดันเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนงงกับชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ดวงตากลมโตมองซ้ายขวาเลิ่กลักทำหน้าเหมือนเด็กเวลาหลงกับพ่อแม่ไม่มีผิด คนๆนั้นดูเป็นจุดเด่นอย่างหน้าแปลกด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสีขาวล้วนเข้ากับผิวขาวๆได้เป็นอย่างดี มันดูเป็นประกายมากถ้าเทียบกับคนที่เดินผ่านไปมา
“หลงทางหรอ!” ผมพึมพำขณะมองคนๆนั้น แล้วไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจะรู้ว่าผมมองอยู่ เขาเลยหันมามองหน้าผมด้วยดวงตากลมโตคู่นั้น
เราสองคนมองหน้ากันอยู่นานสองนานจนผมต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเอง แล้วพอหันมาอีกที เขาคนนั้นก็หายไปแล้ว ผมเลยลองกวาดสายตามองหาอีกรอบแต่ก็ไม่เจอแล้ว สงสัยจะทนความหล่อของผมไม่ไหวเลยวิ่งหนีหายไปแล้วมั้ง
ผมเลยสนใจแล้วหันหน้าหนี ก้าวขาออกเดินต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆก็มีมือของใครบางคมยื่นมารั้งชายเสื้อเอาไว้ ผมหันควับกลับไปมองด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนจะพบกับใบหน้าขาวและดวงตากลมโตที่จ้องมองผมด้วยความเรียบเฉยของบุคคลที่ผมพึ่งจะเล่นจ้องตาด้วยเมื่อกี้ แต่ว่ามันมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ไงวะ-_-!
“อะไรของนาย!”
“O_O?” หมอนี่ไม่ยอมตอบแต่ดันทำตาเหลือกใส่ผมแทน มือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากชายเสื้อสักที
“ปล่อยฉันได้แล้ว!” ด้วยความรำคาญผมเลยคว้าข้อมือแล้วดึงออกอย่างไม่ใยดี หมอนั่นยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่ในแววตามันกลับเหมือนลูกหมาถูกทิ้งไม่มีผิด เอาแล้วไง! ผมมันพวกแพ้แววตาน่าสงสารแบบนี้อยู่ด้วย
เพื่อตัดปัญหาผมเลยเดินหนีมาทั้งๆอย่างนั้น พอลองเหลือบมองกลับไปข้างหลังก็เห็นหมอนั่นยืนมองอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินตามมาแต่อย่างใด ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะหันหลังให้ผม
“โอ๊ย!!! อยากจะบ้าตาย” ด้วยความหงุดหงิดผมเลยขยี้ๆหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ก่อนจะเดินกระทืบเท้าตึงตังกลับไปคว้าข้อมือของหมอนั่นด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วลากให้เดินไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่มองอย่างงงๆ
ใจอ่อนจนได้เรา ถ้าคนอื่นรู้ขายขี้หน้าตาห่าเลย!!!
…………………………………..
………………………..
……………….
………
หลังจากที่ฉุดกระชากลากถูกันมา ผมก็ซื้อซาลาเปาเลี้ยงเค้าไปสี่ก้อน แต่รู้สึกเค้าจะไม่อิ่มง่ายๆผมเลยไปซื้อเพิ่มมาอีกสี่ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่กินเก่งใช้ได้เลยแหะ ไม่รู้เอาไปยัดไว้ส่วนไหนของร่างกาย แถมไม่รู้ว่าเป็นใบ้รึป่าว ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ
“จะบอกได้รึยังว่านายชื่ออะไร” ผมถามย้ำอีกครั้ง แต่หมอนั่นไม่สนใจยังคงกินซาลาเปาต่อไป ผมกุมขมับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยใจ หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นใบ้เลย!
ตอนนี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้มากเท่ากับการนั่งดูคนตรงหน้ากินซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อยแล้วล่ะ คิดผิดมหันต์เลยแหะที่ดันตามพี่อี้ชิงออกมา กะว่าจะมาหาเรื่องสนุกๆทำสักหน่อย แต่ดันต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กซะงั้น แถมลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้อีกต่างหาก จะตัดใจทิ้งก็ทำไม่ลงสักที เฮ่อ! เซ็งกับนิสัยใจอ่อนไม่เข้าท่าตัวเองจริงๆ แล้วยิ่งกับมนุษย์ที่เป็นอาหารอีกต่างหาก
“คยองซู!”
“ห๊ะ!” เมื่อกี้เสียงเขาใช่มั้ย ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ยO_O?
“ฉันชื่อ... คยองซู!” แหม่! นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก แถมมีเน้นตรงคำว่า คยองซู อีกต่างหาก สงสัยจะกลัวผมไม่ได้ยิน!
“ฉันชื่อจงอิน! นายมาจากไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“.................” เงียบ สายตาก้มมองพื้นเหมือนไม่อยากจะพูด แล้วอย่างนี้จะไปส่งยังไงล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าไม่มีบ้านน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก ดูท่าทางจะเป็นพวกคุณหนูด้วยซ้ำนะเนี่ย
“ฉันมากับพี่ชาย”
“แล้ว!”
“แล้วฉันก็หลงกัน”
“พูดแบบนี้จะให้ฉันช่วยตามหารึไง” ผมเท้าคางมอง หมอนั่นพยักหน้างึกๆแทนคำตอบ
เวรแล้วไง! คนเยอะขนาดนี้จะตามหายังล่ะเนี่ย เรียกจงแดมาช่วยดีมั้ยเนี่ย ไม่เอาๆ รายนั้นต้องฆ่ามากกว่าจะช่วยแน่ๆ หรือว่าจะเรียกพี่อี้ชิงดี แต่ถ้ารู้ว่าเราวุ่นวายกับมนุษย์อาจจะโดนฆ่าเอาก็ได้ แต่ว่าตอนนี้เราช่วยคนนี่หว่า คงจะไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง!!!
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันช่วยก็ได้”
“^_^” หมอนี่ยิ้มให้ผมเป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่เจอหน้ากัน
“ยิ้มเป็นเหมือนกันนี่หว่า” ผมพูดอย่างไม่ค่อยจะสนใจอะไร ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไปก่อน แล้วสักพักหมอนั่นก็ค่อยวิ่งตามหลังมา
ผมกับคยองซูพากันเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ก็จนกว่าจะหาพี่ชายเจ้าหมอนี่เจออ่ะนะ แต่ก็ใช่ว่าผมจะเดินหาพี่เจ้านั่นคนเดียวหรอกนะ ผมก็หาพี่ของผมเหมือนกันโดยการดมกลิ่นไออ่อนๆของพี่อี้ชิงไปเรื่อยๆนั่นแหละ แต่ว่าพี่เขาก็รักน้องเหมือนกันนะเนี่ยเห็นโหดๆแบบนั้น ถึงขนาดยอมเสี่ยงไม่กลบกลิ่นของตัวเองจนหมดเพื่อจะให้ผมหาเจอง่ายๆเนี่ย
“จงอิน!” เสียงเรียกจากคนข้างตัวดังขึ้น ผมขานรับทั้งๆที่ไม่ได้มอง
“ขอบคุณนะ!”
“อืม” ผมขานเบาๆ
ผมเป็นปีศาจ ปีศาจที่มนุษย์ต่างหวาดกลัว ปีศาจที่ล่ามนุษย์เป็นอาหาร ปีศาจที่ถูกตราหน้าจากไอ้พวกเทพว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ต้องกำจัดทิ้ง ทุกวันๆก็มีแต่คำสาปแช่งของเหล่ามนุษย์ที่อ่อนแอ ไม่มีเคยมีสักครั้งที่จะได้รับคำขอบคุณจากใคร แต่คราวนี้เจ้าหมอนี่มันดันบอกขอบคุณ ทั้งๆที่ผมแทบจะไม่ได้ลงมือทำอะไรจริงๆจังๆเลยสักอย่าง ก็แค่ทำๆไปเพราะความรำคาญเท่านั้นเอง
ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจพลันเอ่อล้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นายมันไร้เดียงสาเกินไปคยองซู ถ้านายรู้ว่าฉันเป็นอะไร นายจะไม่กล้าพูดแบบนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ใกล้ ดีที่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้กระหายเลือดเป็นปีศาจเต็มตัว แต่อีกไม่นานหรอก และเมื่อถึงเวลานั้น ขออย่าให้เราได้เจอกันอีกเลย ฉันไม่อยากทำร้ายนาย
“โอ๊ะ!”
เสียงร้องเบาๆของคนข้างกายดังขึ้นเรียกสติของผมที่มันหลุดลอยไปไกล ผมหันไปมองใบหน้าขาวที่ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากถาม คยองซูก็วิ่งหน้าบานหนีไปก่อน ผมมองตามร่างเล็กไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
คยองซูวิ่งตรงไปกระโดดกอดผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ผิดกับอีกคนที่ผมรู้จักดีสุดๆ เพราะเขาคือพี่ชายคนเดียวของผมเอง แต่ทำไมถึงมากับไอ้ขาวโอโม่นั่นได้ละ แล้วคยองซูรู้จัก งั้นก็แสดงว่าหมอนั่นเป็นพี่ชายสินะ
“ไปอยู่ไหนมาเนี่ย!” นายขาวโอโม่ขยี้หัวคยองซูไปมา มือกอดเอวบางไว้หลวมๆ ถ้ากลัวหายนักทำไมไม่ล่ามโซ่เอาไว้ซะเลยล่ะ จะได้หนีไปไหนไม่ได้อีก-___-
“นี่นาย!”
“โอ๊ย!!!” ยังไม่ทันจะได้ขานรับเสียงเรียกจากคุณพี่สุดที่รัก ฝ่ามือสวยๆก็ประทับลงกบาลพอดิบพอดีจนหน้าขม่ำ
บอกแล้วว่าเจ๊แกโคตรโหด แถมตบดักหน้าไม่ให้โอกาสแก้ตัวเล้ย!!!
“อะไรของเจ๊เนี่ย!”
“นายทำอะไร”
“ทำอะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
“แล้วหมอนั่นไปอยู่กับนายได้ยังไง” นิวเรียวของอาเจ๊ชี้ไปยังคยองซูที่ยืนอยู่กับนายโอโม่
“อะไร! ผมป่าวทำอะไรสักหน่อย ก็แค่เลี้ยงซาลาเปาไปแปดลูก แล้วก็ช่วยตามหาพี่ชายให้ก็เท่านั้นเอง”
“-*-!” อะไรกันฟะ ไอ้สายตาแบบนั้นน่ะ-__-
“หยุดมองผมด้วยสายตาแบบนั้นสักทีจะได้มั้ย ถ้าผมจะกินหมอนั่น ผมฉุดเข้าป่าละเมาะไปนานแล้ว ไม่เสียเวลามาเดินให้เมื่อยแบบนี้หรอก”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่านายจะเกิดคลั่งขึ้นมาตอนไหน” พูดจบเจ๊แกก็ตบกบาลอีกที ตั้งแต่เล็กจนโตจะมีวันไหนมั้ยเนี่ยที่ตรูไม่โดนตบ สมองจะไหลลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มหมดแล้ว-____-
“คือว่า…” เสียงของนายโอโม่ดังขึ้น ผมกับอาเจ๊หันควับไปมอง ก็เห็นพี่แกกำลังยืนหน้าบานอยู่ข้างๆคยองซูที่เกาะแขนแน่นสงสัยกลัวจะหลงอีกรอบ
“สองคนรู้จักกันด้วยหรอ” นายโอโม่ถาม
“แหง่ดิ! เนี่ยพี่สาวฉันเองแหละ”
“O.,O!” อ้าว! งงเลยดิ 555+
ผั๊วะ!!!
ดังสนั่นชัดแจ๋วชนิดไม่ต้องพึ่งเครื่องขยายเสียงก็ยังได้ยินยันท้ายซอย คงไม่ต้องบอกนะว่าเสียงอะไร หน้าสั่นกันเลยทีเดียวเชียว เล่นเอาซะเห็นดาวตอนกลางวันเลย แถมครั้งนี้รู้สึกจะตบเน้นๆใส่แรงแบบเต็มที่ไม่กลัวน้องชายผู้น่ารักกะโหลกแยกเลย-__-
“หมอนี่เป็นน้องชายของฉันเองแหละ พอดีมันปากเสียไปหน่อยเลยต้องสั่งสอน^_^” อาเจ๊หันไปตอบนายโอโม่แต่ดันเอาแขนล็อกคอผมเอาไว้ นี่ถ้าไม่ใช่พี่นะ ผมฆ่าทิ้งไปนานแล้ว-__-
“อ๋อ! แต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าช่วย” มันขอบคุณใครกันแน่ฟะเนี่ย คนที่ช่วยจริงๆยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่สายตาดันไปมองอาเจ๊แสนสวยของตรู สงสัยไอ้นี่มันอยากตายแหง่มๆ ถึงกล้ามองอาเจ๊ด้วยสายตาแบบนั้น
“ไม่เป็นไร! แต่วันหน้าวันหลังก็ดูแลดีๆหน่อยละกัน” ผมตอบพลางเดินไปบังหน้าเจ๊ หมอนั่นมองหน้าผมด้วยแววตาที่เรียบเฉย แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในตัวของผม ซึ่งตัวผมก็ไม่มีอะไรจะต้องปกปิดนอกจากสายเลือดปีศาจที่ได้รับมาจากพ่อกับแม่
“กลับเหอะเจ๊! ผมชักไม่มีอารมณ์อยู่ต่อแล้ว” ผมหันไปคว้ามืออาเจ๊แล้วลากออกมาจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รอให้ตอบอะไรสักคำ
“เอาไว้คราวหน้าค่อยเจอกันใหม่นะ จุนมยอน!!!” ลากมาไกลแล้วแท้ๆก็ยังไม่วายหันไปตะโกนบอกลาไอ้หมอนั่นอีก เชื่อเลยจริงๆ ตัวเองเป็นปีศาจแท้ๆแต่ดันไปตีสนิทกับมนุษย์ หัวใจทำด้วยอะไรกันเนี่ยถึงฝืนสัณชาตญาณของตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคุยกันได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก โดนลากไปรับประทานแน่ๆ
“ขอบคุณนะ จงอม!!!”
เสียงของเจ้าเด็กนั่นลอยมา ว่าแต่... จงอม มันคือไรฟะ ตรูจำได้ว่าตรูชื่อจงอินไม่ใช่หรอ ยังไม่ทันข้ามวันก็ลืมชื่อตรูซะละ สมองทำด้วยอะไรเนี่ย-*-
วันข้างหน้ามีฉันใด ขออย่าได้พบได้เจอเจ้าเด็กนั่นอีกเล้ย สาธุ!!!
.............................................................................
ค้างอีกแล้ว>0< ขอโทษหลายๆเน้อ
ไม่รู้ยังมีใครติดตามอยู่รึป่าว ฮือๆๆๆT0T
อย่าพึ่งหนีเค้านะตะเอง
ความคิดเห็น