คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
ผมเดินเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวงในซอยเปลี่ยว ด้วยกลัวว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่มาให้ช็อคเล่น ยิ่งเป็นเวลาดึกๆประกอบกับอากาศเย็นยะเยือกของฤดูหนาวและเสาไฟข้างทางที่ติดๆดับๆ มันยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบน่าขนลุกเข้าไปใหญ่ ผมรีบเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ มือทั้งสองข้างที่ถือถุงของกินมากมายที่กะซื้อมาตุนไว้เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาด้วยความตื่นเต้นทั้งที่อากาศออกจะหนาว
ตึกๆ ตึกๆ
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ซ้อนทับกับเสียงรองเท้าของผม ตอนนี้ในหัวมันว่างเปล่าไปหมด ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจที่ละนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจใส่เกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
บรู๊ว!!!!
ไอ้หมาบ้าที่ไหนมาหอนตอนนี้ฟะ เดี๋ยวพ่อจับทำลูกชิ้นซะเลยเน้>0<!!!
“โอ๊ย! โคตรเหนื่อยเลย” ผมหันหลังพิงเสาไฟ หอบหายใจจนตัวโยนด้วยความเหนื่อย พลางมองไปที่ประตูบ้านของตัวเองที่อยู่ริบๆ ก่อนจะค่อยๆออกเดินอีกครั้ง
“จา~ รีบ~ ปาย~ หนาย!!!” ผมก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวมือของใครบางคนก็คว้าหมับที่ไหล่ของผมพร้อมกับเสียงยานๆที่น่าขนลุก ผมลองเหล่มองด้วยหางตาก่อนจะเห็นตาโตๆใบหน้าขาวๆกับลิ้นที่แลบออกมาจากปาก เท่านั้นแหละ....
“ว๊ากกกกกก!!!!!!!!!!” แหกปากลั่นซอย ก่อนจะยกขายันโครมร่างที่ไม่รู้คนหรือผีเต็มแรงด้วยความลืมตัว แล้วหลับหูหลับตาปาข้าวของที่อยู่ในมือไม่ยั้ง หันหลังวิ่งโวยวายออกมาเหมือนคนสติแตก
ปัง!!!
ผมกระแทกประตูบ้านเข้าไปก่อนจะปิดลงอย่างแรง แล้วทรุดฮวบลงกองกลับพื้นอย่างหมดแรง
“ประตูบ้านไม่ใช่ที่ฝึกวูซูนะ เบาๆมือหน่อยสิ!” เสียงตำหนิของใครบางคนดังขึ้นเหนือหัว ผมไม่คิดจะเงยหน้ามองเพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเสียงของคนที่ผมรักที่สุด
“พี่ลู่หาน!!!” ผมถลาเข้าไปกอดพี่ชายสุดที่รักอย่างแนบแน่น ซุกหน้าลงกับไหล่เล็กๆของเขา
“อะไรของนายเนี่ย!” พี่ลู่หานถามน้ำเสียงติดจะรำคาญนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ผลักผมออก
“ผี... ผีหลอก!!!” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของคนตัวเล็ก ไม่รู้ว่าพี่ลู่หานทำหน้ายังไง รู้แค่ว่าเขากอดผมตอบแล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ผีที่ไหนกล้ามาหลอกแพนด้าน้อยของพี่เนี่ย” พี่ชายโยกตัวไปมาเป็นเชิงปลอบใจ แต่ผมไม่รู้สึกว่าพี่เค้าปลอบเลยแหะ-__-!
“หน้าตามันเป็นยังไง ลองบอกพี่มาสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ลู่หานที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“ตาโตๆ หน้าขาวๆ แลบลิ้นด้วย… แล้วถ้าผมจำไม่ผิดขอบตามันดำๆ เหมือนกรีดอายไลเนอร์เลยอ่ะ” และทันทีที่ผมพูดจบ พี่ลู่หานก็อ้าปากขำก๊ากอย่างไม่เกรงใจผมที่ยืนหน้าบูดอยู่ตรงหน้า
แหม่! หัวเราะซะลั่นบ้านไม่คิดว่าคนอื่นจะอายเลยรึไง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ชายสุดที่รักนะ ป่านนี้โดนฟรีคลิกออกนอกบ้านไปนานแล้ว-*-
“ผีกรีดอายไลเนอร์... เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน!” ก็ยังคงอ้าปากขำต่อไป
“ขำอะไรหนักหนาเล่า! ผมพูดเรื่องจริงนะ” ผมทำแก้มป่อง จะงอนแล้วนะ-3-
“โอ้ๆ อย่างอนนะ แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง” พี่ลู่หานกอดและลูบหัวผมเบาๆเหมือนอย่างเคย ผมซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก หลับตาเพื่อรับสัมผัสที่อบอุ่นจากพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้
ผมลืมบอกไปว่าผมกับพี่ลู่หานไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ผมเป็นแค่เด็กที่ป๋ากับม้าของพี่ลู่หานเก็บมาเลี้ยงตอนไปเที่ยวเฉิงตู ม้าบอกว่าตอนเจอผมยังเป็นแค่ทารกตัวแดงๆนอนอยู่ในตะกร้าที่ใครไม่รู้เอามาวางไว้หน้าประตูบ้าน ม้าเลยต้องคอยเลี้ยงดูผมจนกว่าจะหาพ่อแม่จริงๆเจอ แต่ก็ไม่มีวี่แววประกอบกับที่ป๋ากับม้าแล้วก็พี่ลู่หานผูกพันกับผมมากขึ้น ผมเลยกลายเป็นลูกคนที่สองอย่างเต็มตัว
แต่เมื่อสองปีก่อนป๋ากับม้าก็เกิดประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยที่ผมเจ็บสาหัตเรียกได้ว่าเกือบไม่รอดเหมือนกัน ส่วนพี่ลู่หานไม่เป็นอะไรเลยเพราะโชคดีวันนั้นอยู่บ้าน ทำให้ตอนนี้เหลือผมกับพี่ลู่หานอยู่กันแค่สองคน
ถึงจะน่าเศร้าแต่ก็มีความสุข... รักพี่ชายคนนี้ที่สุดเลย!!!
ปัง!!!
ขณะที่ผมกำลังเพ้อฝัน เสียงกระแทกประตูก็ดังขึ้นมาอีกระลอก ผมสะดุ้งเล็กน้อยในอ้อมแขนของพี่ลู่หาน ก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลที่ยืนบอกบุญไม่รับอยู่หน้าประตู ในมือเต็มไปด้วยข้าวของ และถ้าผมจำไม่ผิดมันคือสิ่งที่ผมใช้เป็นอาวุธไล่ผีที่เจอก่อนหน้านี้นี่หว่า-__-
“อ้าว! แบคฮยอน” พี่ลู่หานทักอย่างแปลกใจที่แบคฮยอนเพื่อนสนิทของผมดันโผล่มาดึกๆดื่นๆ มันหันไปยิ้มให้พี่ลู่หานน้อยๆ ก่อนจะตวัดสายตาอาฆาตมาให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆแทน
“อะไร!” ผมเกาหัวแกรกๆมองหน้ามันอย่างงงๆ
“ไม่ต้องมาอะรงอะไรเลย! แกทำอะไรกับฉันไว้จำได้รึป่าว!!!” มันเดินตึงตังมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
ว่าแต่! ผมไปทำอะไรมันตอนไหนวะ-__-?
“ไม่ต้องมาทำหน้าใสซื่อเลยนะเว้ย!!!” มันยังไม่เลิกโวยวาย
“ฉันไปทำอะไรแกตอนไหน มั่วป่าว!”
“ก็ก่อนหน้านี้ ไอ้ที่แกถีบฉันซี่โครงแทบปลิวเนี่ย อย่างบอกนะว่าลืมไปแล้ว” มันจ้องหน้าผม
ถีบหรอ! จำได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้ถีบใครที่ไหนเลยนี่หว่า นอกจาก...O_O?
“นี่แกอย่าบอกนะว่า...” ผมชี้หน้ามัน... ตาโตๆ หน้าขาวๆ กรีดอายไลเนอร์ ชัดเลย-*-
“เออ! ก็ไอ้ที่แกคิดว่าผีแล้วยันโครมฉันนั้นแหละ”
“งั้นก็สมควร” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนเดินไปคว้ามือพี่ลู่หานที่ยืนเงียบๆฟังบทสนทนาของพวกเราสองคนให้เข้าในตัวบ้าน
“เฮ้ย! นี่แกไม่คิดจะขอโทษเลยรึไง” มันเดินตามมาโวยวาย
“แล้วไอ้ที่แกแกล้งหลอกผีฉันล่ะ ไม่เตะแกคอหักตายก็บุญเท่าไรแล้ว” มันเหมือนจะเถียงกลับแต่ผมชี้หน้า มันเลยยอมหุบปาก
“เอ้า! ของๆแก” มันยกถุงในมือยื่นให้ผม แต่กลับเป็นพี่ลู่หานแทนที่เป็นคนรับถุงทั้งหมด
“รู้นะว่านายมาที่นี่ทำไม” พี่ลู่หานยิ้มให้แบคฮยอน ก่อนจะยกถุงในมือขึ้นมา มันยิ้มตอบก่อนจะเดินควงแขนพี่ชายตัวเล็กของผมหายเข้าไปในครัว
คิดว่าบ้านฉันเป็นเซเว่นรึไง ถึงจะได้หิวเมื่อไรก็แวะมา-*-
………………………………………….
หลังจากที่เขมือบกันจนพุงกางเป็นที่เรียบร้อย ผมกับแบคฮยอนก็ช่วยกันเก็บโต๊ะอาหาร เอาจานไปไว้ในอ่างก่อนจะลงมือช่วยกันล้างอย่างรวดเร็ว ขณะที่พี่ลู่หานขอตัวไปอาบน้ำ พวกเราก็มานั่งแมะที่โซฟาหน้าทีวีล้วงขนมกินอย่างเอร็ดอร่อย
“เฮ้ยเทา! ฉันจะดูละคร” แบคฮยอนหันมาโวยวายทั้งที่ขนมยังเต็มปาก เมื่อผมเปลี่ยนช่องทีวีไปเป็นสารคดีหมีแพนด้า ผมแลบลิ้นกวนประสาทใส่มัน
“เอามานี้เลย” มันคว้ารีโมทจากมือของผมไปกดเปลี่ยนช่อง ภาพหนีแพนด้ากำลังนั่งแห้นต้นไผ่กลายเป็นฉากละครน้ำเน่าของมันในพริบตา
“เฮ้ย! อะไรวะ” มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม ก่อนจะนั่งทับรีโมทเพื่อไม่ให้ผมแย่งมันได้
ไอ้นี้มันจริงๆเลย ชอบทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองอยู่เรื่อย-*-
ผมขี้เกียจจะทะเลาะกับมันเลยจำใจยอม แล้วนั่งหาวดูละครน้ำเน่าของเพื่อนตัวเล็ก แล้วมันคงเห็นผมไม่ทำอะไรเลยได้ใจ เหยียดขามาพาดตักของผมแล้วเอนตัวนอนอย่างสบายอารมณ์
.......................
..........
....
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ละครน้ำเน่าที่นั่งถ่างตาดูมาตั้งนานได้จบลงซะที ขณะนั่งฟังเพลงตอนจบละคร ผมหันไปหาแบคฮยอนกะจะไล่มันกลับบ้านกลับช่อง แต่ปรากฏว่ามันหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แถมกอดตุ๊กตาหมีแพนด้าของรักของหวงของผมซะแน่นอีกต่างหาก
“อ้าว! หลับซะแล้วหรอ” ขณะที่ผมกำลังแงะอ้อมแขนของแบคฮยอนเพื่อเอาแพนด้าของผมคืน เสียงพี่ลู่หานก็ดังขึ้นมาจากทางบันได ผมหันไปมองก็เห็นพี่ลู่หานกำลังเดินยิ้มแป้นมาทางผม
“พี่ยังไม่นอนอีกหรอ”
“เรานั้นแหละเมื่อไรจะนอน!” พี่ลู่หานขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด แล้วกอดคอผมจากด้านหลัง มองจอทีวีที่เป็นนักประกาศข่าวหนุ่มกำลังอ่านข่าวอย่างตื่นเต้น พี่ลู่หานชอบดูข่าวหลังละครจบมาก โดยเฉพาะข่าวการตายอย่างปริศนาเนี่ยดูเหมือนจะชอบเป็นพิเศษ ไม่รู้เพราะอะไร...
“ตายอีกแล้วหรอ เดือนนี้กี่ศพเข้าไปแล้วเนี่ย” ผมนั่งมองภาพข่าวอย่างไม่ค่อยใส่ใจอะไร ต่างจากอีกคนที่จ้องเขม็งตาแทบทะลักออกนอกเบ้า แถมบอกให้ผมเร่งเสียงให้ดังๆอีกต่างหาก
แต่จะเร่งเสียงยังไงล่ะ! ในเมื่อไอ้เพื่อนผู้น่ารักของผมที่หลับไม่สนใจโลก มันนอนทับรีโมทอยู่นี่หว่า-__-
“เร็วๆสิเดี๋ยวจบก่อน” พี่ลู่หานเร่ง ผมจึงตัดสินใจถีบแบคฮยอนลงไปนอนกองบนพื้นข้างล่าง แล้วคว้ารีโมทขึ้นมาเร่งเสียง
“เมื่อเวลาประมาณ 20.35 น. ได้มีคนพบเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองปี สัญชาติจีนคนหนึ่งนอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหลังโรงงานร้างทางตอนใต้ของปักกิ่ง สภาพศพไม่พบว่ามีบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสันนิฐานว่าน่าจะเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ด้วยอาการที่ผู้ตายตาเหลือกค้างและมือที่เกร็งแข็งซึ่งเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ทำให้ยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ นอกจากรอผลชันสูตรทางแพทย์ต่อไป จึงถือว่าครั้งนี้เป็นการตายอย่างปริศนาอีกเช่นเคย และข่าวต่อไป....” ยังไม่ทันที่นักข่าวจะพูดจบ พี่ลู่หานก็คว้ารีโมทในมือผมไปกดปิดทีวีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ของผม
“ใกล้เข้ามาอีกก้าว...” พี่ลู่หานพึมพำเสียงอู้อี้ แต่ผมก็พอจะจับใจความได้
“พี่ลู่หาน” ผมยกมือขึ้นเตะเบาๆลงบนเส้นผมสีน้ำตาลทองนุ่มลื่นของพี่ชายสุดรัก
หมายความว่าไงกัน... อะไรใกล้เข้ามา?
“โอ๊ย! ใครถีบลงมาฟะเนี่ย” ผมกำลังจะอ้าปากถามพี่ลู่หาน เสียงงัวเงียติดจะไม่พอใจหน่อยๆของแบคฮยอนก็ดังขัดขึ้นมา ผมหันไปก็เห็นมันนั่งเกาหัวแกรกๆมองมาทางผมอย่างไม่พอใจ
แต่จะว่าไป ผมถีบมันลงไปตั้งนานแล้วนะ มันดันมารู้สึกตัวเอาตอนนี้-*-
“ไปนอนดีกว่า!” ผมแถไปเรื่อย ก่อนจะวิ่งหนีขึ้นบันไดไปด้วยความเร็วสูง เสียงตะโกนของแบคฮยอนดังไล่หลังมาพร้อมกับเจ้าร่างเล็กที่วิ่งตามผมมาติดๆ
ตัวก็เตี้ย ขาก็สั้น ยังจะพยายามอีกนะแก-__-
..............................................................
เสียงโวยวายเงียบลงไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงันกับร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม ใบหน้าขาวเนียนปราศจากรอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยมอบให้น้องชายเพียงหนึ่งเดียว ในหัวที่ว่างเปล่ามีภาพของใครบางคนลอยวนไปเวียนมา ภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองพยายามจะปิดผนึกไว้ในก้นบึงของหัวใจกลับถูกตีฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง
‘จะเอาอะไรก็เชิญ ขอแค่เด็กคนนั้นได้มีชีวิต... ฉันให้ได้ทุกอย่าง!’
‘อีกไม่นานฉันจะมารับ ระหว่างนี้ก็มีความสุขกับน้องชายซะให้เต็มที่’
“มันจะไวเกินไปรึป่าว” เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆกับตัวเอง พลางนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันกับสิ่งสำคัญที่เหลืออยู่ในชีวิตเพียงชิ้นเดียว
เด็กหนุ่มก้าวขาขึ้นบันไดตรงไปยังประตูห้องที่มีป้ายรูปหมีแพนด้าสลักชื่อเจ้าเจ้าของห้องแขวนอยู่ แล้วค่อยๆเปิดเข้าไปอย่างเงียบเฉียบเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ในห้องตื่น
“จื่อเทา” ร่างเล็กนั่งยองๆลงข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีดำนุ่มลื่นของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วก้มลงจูบหน้าผากน้องชายตัวโตของตัวเองด้วยความอ่อนโยน
“พี่รักนายนะ เจ้าแพนด้าน้อยของพี่” เด็กหนุ่มเอ่ย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากเสียงประตูปิดลง ร่างที่ก่อนหน้านี้แกล้งหลับอยู่บนเตียงก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ที่จริงตั้งแต่จบสงครามกับแบคฮยอนเค้ายังไม่ได้หลับ แค่นอนหลับตาเฉยๆ จนกระทั้งลู่หานเข้ามา มันทำให้เค้าได้ยิน... ในสิ่งที่เค้าต้องการได้ยินมาตลอด!
“ผมก็รักพี่ครับ”
จื่อเทายิ้มน้อยๆ ก่อนจะพลิกตัวไปกอดแบคฮยอนที่นอนอยู่ข้างๆ เนื่องจากเค้าโดนเพื่อนผู้น่ารักที่ชอบเห็นบ้านคนอื่นเป็นบ้านตัวเองยึดหมอนข้างไป เลยใช้ร่างเล็กๆของแบคฮยอนแทนหมอนข้างซะเลย
......................................
เพิ่งเคยแต่งฟิคเป็นครั้งแรก
ไม่รู้มันจะออกมาเป็นไง
เม้นบอกกันหน่อยเด้อ^^
ความคิดเห็น