ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #9 : STORY : SF พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง [Krischen] 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58


    © themy  butter


    Krischen

    พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง

     

     

     

                บางทีแล้วความสุขที่สุดของคนเรา ก็ไม่ต้องอะไรมากมาย เพียงแค่ได้นอนหลับให้เต็มอิ่ม มันก็ถือว่าเป็นความสุขส่วนหนึ่งนั่นแหละ และก็ไม่แปลกเลย ที่คนเราจะรู้สึกหงุดหงิด เมื่อถูกรบกวนความสุข

     

                บนเตียงกว้างสีน้ำเงินเข้ม มีร่างสูงซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างสุขสม โดยไม่สนใจว่าแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างจะแรงไหน กระทั่งมีเสียงดังคล้ายวัตถุเคลื่อนที่ดังขึ้น ครั้งแรก เขาขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ลืมตา ครั้งที่สอง เขาดึงหมอนมาอุดหู ครั้งที่สาม สี่ ห้า และหก ทำให้เขาลุกพรวดขึ้นจากที่นอนด้วยขีดอารมณ์ที่หงุดหงิดสุดๆ!

     

                เสียงโครมครามจากบ้านข้างๆยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ประดุจกรุงเอเธนต์สู้รบกับกรุงโรม และเนื่องจากว่าบ้านในระแวกนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว ขนาดไม่ใหญ่โตสำหรับนักเรียน นักศึกษาเช่าอยู่ เพราะอย่างนั้นไม่ว่าข้างบ้านจะทำอะไรก็ได้ยินแจ่มชัด ยิ่งเป็นเสียงที่เหมือนสงครามลงด้วยแล้ว มันยิ่งชัดจนเขาอยากจะเอาหน้าตัวเองซุกดินหลับ!

     

                โครมๆๆ!!

     

                ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเพ่งตามองเวลา      

     

    นี่มันไม่เช้าไปรึไงวะ!!

     

    โครมๆๆๆ!!

     

    เสียงที่คล้ายกับทุบผนัง ยกของ เคลื่อนโต๊ะ หรือก่อสงคราม ยังคงดังเรื่อยๆและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกจากเตียงนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิดชนิดที่ว่าสามารถกระทืบใครก็ได้ที่ก่อเสียงห่าเหวนี่ขึ้น

     

    เขาพาร่างสูงโปร่งเปลือยท่อนบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของตัวเองเดินออกจากบ้านและตรงไปยังบ้านข้างๆทันที โดยไม่คิดแม้แต่จะหวีผม บ้วนปาก หรือล้างขี้ตา แต่ถึงจะอย่างนั้น มันกลับไม่ได้ลดความหล่อเหลาของใบหน้าคมเข้มลงเลย

     

    ประตูรั้วข้างบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ เขาจึงถือโอกาสเดินเข้าไปโดยไม่ได้ร้องขออนุญาต ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นเคาะประตูไม้รัวๆ อย่างอัดอั้นตันใจที่ถูกปลุกแต่เช้า เสียงที่เหมือนกับคนรบกันหยุดชะงักลง เป็นสัญญาณว่าคนข้างในกำลังจะเดินออกมาเปิดประตู

     

    ร่างสูงยืนกอดอกนิ่งจ้องเขม็งไปยังบานประตู ในขณะที่มันกำลังแง้มออก

     

    บานประตูเปิดกว้างออกเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างเล็ก เจ้าของใบหน้าที่เอนเอียงไปทางน่ารักมากกว่าหล่อ ผมสีแดงม่วงที่สะท้อนแสงแดดยามเช้าเปล่งประกายสวย ประกอบกับผิวขาวใสจนไม่น่าเกิดมาเป็นผู้ชาย ริมฝีปากบางที่มุมปากเชิดขึ้นคล้ายลูกแมวตัวน้อยทำเอาร่างสูงจกระตุก ผิดกับใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆที่มองตรงมายังแขกไม่ได้รับเชิญที่มาเคาะประตูบ้านของเขารัวๆ

     

    ฉากด้านหลังเป็นบรรดากล่องบรรจุของ และเฟอร์นิเจอร์ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง จนทางเดินในบ้านแทบจะไม่มีที่ว่างเหลือ แค่นี้ก็พอจะให้เดาออกว่าเพิ่งย้ายมาใหม่

     

    “คุณทำเสียงดังรบกวนคนอื่นแต่เช้าอย่างนี้ได้ยังไงหา! รู้มั้ยว่ามันน่ารำคานขนาดไหน! นักศึกษาปีสามที่ต้องใช้ชีวิตหนักอย่างผมควรจะได้นอนจนเซลล์ร่างกายพร้อม! รู้อย่างนี้แล้วคุณควรที่จะ....!

     

    ปัง!

     

    “.....จะ!

     

    ทุกอย่างรอบกายเงียบสนิท เมื่อชายหนุ่มหน้าหวานปิดประตูใส่หน้าชายเปลือยอกผู้มาเยือน ก่อนที่เขาจะทันได้แหกปากให้จบประโยคด้วยซ้ำ!

     

    โครมๆๆๆ!!!

     

    และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงคล้ายสงครามอิรักก็ได้ประทุขึ้นอีกครั้งประดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    นั่นทำให้อีกฝ่ายปรี้ดแตกเลยทีเดียว...

     

    “เฮ้ยไอ้เบื้อก!! เปิดประตูออกมานะโว้ยเปิด!! บอกให้หยุดเสียงดังไงวะ!! นี่จะกวนโมโหฉันใช่ไหมหา! ออกมาให้กระทืบเลยไอ้เวร! ออกมา!

     

    เสียงสงครามหยุดลงอีกครั้ง ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่บุรษเปลือยอกจะทันได้พูดอะไร เขาก็สัมผัสถึงความเย็นที่ลอยเข้ามาปะทะหน้าตัวเองจนชา

     

    ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปงามคนเดิมที่ยืนถือถังน้ำที่ไร้ซึ่งน้ำไว้ และเขาพอจะรู้ว่าน้ำในถังนั่นอยู่ที่ไหน...

     

    ...น้ำนั่นมันอยู่บนตัวเขาไงล่ะ!!

     

    “หยุดบ้าแล้วไสหัวไปซะ...ไอ้โรคจิต”

     

     

     

     

    “ผมนัดพวกคุณกี่โมง!!! ตอบ!!!

     

    น้ำเสียงดุดันตะโกนถามขึ้น ท่ามกลางความเงียบของห้องประชุมใหญ่แห่งคณะวิศวะกรรมศาสตร์ เจ้าของเสียงเข้มคือ คริสนักศึกษาปี 3 ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึง เฮดว้ากผู้ซึ่งใครที่ได้พบเจอก็บอกได้เลยว่า ช่างเป็นเฮดว้ากที่โหดเหี้ยมและไม่เคยปราณี แม้แต่ผู้หญิงหรือกระเทย…

     

    และเสียงอ้อมแอ้มเล็กๆที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก็ยิ่งเหมือนจะเพิ่มความหงุดหงิดให้กับคริสอีกเป็นเท่าตัว เขาจ้องมองไปที่น้องปีหนึ่ง ซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตากันอยู่อย่างกับพยายามจะแสกนหาเศษซากของแบคทีเรีย บางคนเริ่มมีอาการสะอึกสะอื้นร้องไห้จากความกดดันที่พี่ว้ากส่งให้

     

    “ผมจะถามอีกครั้ง! และครั้งนี้ถ้าคุณไม่พูดออกมาพร้อมกัน!! ผมรับรองได้ว่าพวกคุณทุกคนได้ซ่อมกันสนุกแน่!!

     

    จากเสียงที่เงียบสนิทกลับฮือฮาขึ้นมาอย่างยากจะควบคุม เมื่อได้ยินคำว่า ซ่อมในที่นี้คือ การที่นักศึกษาปีหนึ่ง จะไม่ผ่านการรับน้องในครั้งแรก และแน่นอนว่าพวกเขาทุกคนจะต้องรับน้องใหม่อีกครั้ง ซึ่งขอรับรองได้เลยว่าโหดกว่าปกติหลายเท่าตัว และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น้องปีหนึ่งใฝ่ฝันถึงนัก พวกเขาเลยจำต้องก้มหน้าก้มตาทำกิจกรรมโหดและเชื่อฟังรุ่นพี่ยิ่งกว่าบุพการีที่ให้กำเนิด

     

    “ผมนัดพวกคุณกี่โมง!! ตอบ!!

     

    “ห้าโมงครึ่งครับ/ค่ะ”

     

    คราวนี้น้องรวมพลังกันตอบอย่างฉะฉาน หลายคนถึงขึ้นแหกปาก จนเสียงดังก้องไปทั้งหอประชุม สร้างความพอใจให้คริสขึ้นมานิดหน่อย...

     

    ใช่แล้ว แค่นิดหน่อยเท่านั้น

     

    เพราะนี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น!

     

    สำหรับมนุษย์ซึ่งได้รับภาระหน้าที่เป็นพี่ว้ากแล้ว พวกเขาเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้ารุ่นร้องที่น่ารักก็จะเป็นที่รู้กันดีว่าจะเป็นผู้ ถูกเสมอ พี่ว้ากเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้ถูก กลายเป็นผิด เสียงดัง กลายเป็นเสียงเบา และพวกเขาคือฝันร้ายที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับปีหนึ่งชัดๆ!

     

    “แต่ตอนนี้มันห้าโมงสี่สิบแล้ว!! ตอบผมมาสิว่ามีหุผลอะไรที่รุ่นพี่จะต้องมายืนรอรุ่นน้องที่ไม่มีความตรงต่อเวลา!!!!

     

    เรียกได้ว่าขอต้อนรับสู่นรกกันเลยทีเดียว!

     

     

     

    อีกฝากหนึ่งของหอประชุม ชายหนุ่มร่างเล็ก เจ้าของใบหน้าหล่อหวานได้ค้นพบความซวยครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเขาพึ่งมาระลึกและจำได้ว่าเฮดว้ากที่ยืนแหกปากปาวๆอยู่ตรงหน้าสุดนั้น ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่เขาสาดน้ำใส่ในช่วงเช้าที่อากาศค่อยข้างหนาวเหน็บพร้อมด่าว่าโรคจิต! และความชิบหายจะตามมาทันที หากเฮดว้ากสุดโหดนั่นเห็นหน้าเขา!

     

    “เฉิน  มึงกลัวพี่ว้ากถึงขั้นต้องเอาหน้ามุดดินเลยเหรอวะ” แบคฮยอน เพื่อนของหนุ่มหน้าหวานถามพลางมองมาที่เขาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนเองนั้นก้มหน้าก้มตาจนแทบจะมุดดิน

     

    “มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจแบค” เฉินผุดหน้าขึ้นมาบอกเพื่อน ก่อนจะก้มหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจฟ้าดิน และหากเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาคงเลือกที่จะฮาราคีรีตัวเองให้ตายไปซะวินาทีนี้เลย

     

    “ไอ้น้องคนข้างหลังนั่นผมบอกให้นั่งหลังตรงไม่ใช่เหรอครับ!

     

    บรรยากาศในหอประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที น้องปีหนึ่งทุกคนนั่งหลังแข็งทื่อไม่กล้าขยับ ได้แต่สวดภาวนาให้คนที่เฮดว้ากพูดถึงไม่ใช่ตนเอง

     

    “เฮ้ย! ผมบอกว่าให้เงยหน้าขึ้นไง!

     

    แล้วคนนั้นมันคือใครละวะ!

     

    “เฉิน ไอ้เฉิน มึงผุดหัวขึ้นมาได้แล้วกูขอล่ะ”

     

    “โอ้ยอย่ามายุ่งกะกู” เฉินดึงหูฟังออกก่อนจะอุบอิบตอบเพื่อนไป เสร็จก็เสียบเข้าที่หูแน่นๆคล้ายจะรวมร่างระหว่างหูกับหูฟังพร้อมกับเร่งเสียงไอพอดขึ้นและก้มหน้าก้มตาฮัมเพลงต่อ

     

    ทางด้านพี่ว้ากสุดยิ่งหญ่เมื่อเห็นว่าถูกเมินอย่างร้ายกาจเริ่มมีอาการฟิวส์ขาดและแผ่ออร่าที่น่าสะพรึงออกมาแล้ว

     

    “คุณไคครับ ไปพาตัวน้องคนนั้นออกมาให้ผมที” คริสหันไปสั่งเพื่อนที่ยืนเข้มอยู่ข้างหลัง ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีอารมณ์ขึ้นแค่ไหน แต่เหล่าพี่ว้ากก็ถูกฝึกมาอย่างดีให้สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ รวมทั้งไม่สามารถจะพ่นภาษาพ่อขุนออกมาด้วยแม้จะสนทนากับเพื่อนหรือคนสนิท หากอยู่ในกิจกรรม

     

    “เชี่ยเฉิน...มึงซวยแล้ว”

     


    *******


     

    *

     

    พระเจ้าได้ทอดทิ้งผมไปแล้วครับ...

     

    ไอ้เฉินคนนี้อยากตาย! อ้าก! คนมีเป็นร้อยเป็นพัน ห้องโถงก็ออกจะกว้าง! ไหงไอ้พี่บ้านี่ถึงต้องจ้องมองมาที่ผมด้วย! และตอนนี้ผมก็ได้แต่ภาวนา ภาวนาให้ไอ้คุณพี่ว้ากนี่จำหน้าผมไม่ได้

     

    แต่คำภาวนาดูเหมือนจะไม่เป็นผล!

     

    ยังไงน่ะเหรอครับ...

     

    คุณลองมาโดนสายตาอันแสนจะโหดร้ายทารุณที่สาดใส่ผมโครมๆนี่ก่อนเถอะ! มันแสดงให้เห็นว่าจำผมได้แม่นชัวร์เลย! T^T

     

    “ปีหนึ่ง...ตะโกนชื่อและภาควิชาของคุณดังๆ ” ไอ้พี่ว้ากบ้าอำนาจสั่งผมพร้อมกับรอยยิ้มที่แสยะออก ดูแล้วคล้ายๆหมาล่าเนื้อที่อดอยากและผมเองที่เป็นเนื้อ... กรวดน้ำให้กูด้วยนะแบค...

     

    “เฉิน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาครับ”

     

    “พูดอะไร ผมไม่ได้ยิน!

     

    “เฉิน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา...ครับ!

     

    “ผมบอกให้ตะโกน! ไม่ใช่กระซิบ!

     

    โว้ย! หูจะแตกอยู่แล้ว! ตะโกนอยู่ได้! ไอ้เฉินคนนี้จะ….จะขอทนต่อไป T^T ฮืออออออ

     

    “ผมชื่อเฉิน!! คณะวิศวภาควิชาโยธาครับ!!

     

    “เออ! ให้มันได้อย่างนี้สิ...เฉินๆ J

     

    กะ เกลียดรอยยิ้มนี่ชะมัด!

     

    “ปีหนึ่งทุกคนฟัง! มิตรสหายของพวกคุณคนนี้เค้าทำอะไรผิด รู้มั้ย?” ไอ้พี่ว้ากสุดโฉดยิ้มหยันให้ผมทีหนึ่งก่อนจะปั้นหน้าโหดแล้วหันไปเผชิญหน้ากับนิสิตปีหนึ่งที่สั่นเป็นเจ้าเข้าต่อ และจากมุมนี้ผมสามารถเห็นไอ้แบคจากมุมด้านหลังและบอกได้เลยว่ามันกำลังส่งสายตาประมาณให้กำลังใจเฉียดๆไปทางเวทนามาให้ผม

     

    ขอบใจเพื่อนรัก ขอบใจ!

     

    “เอาล่ะผมจะบอกให้ก็ได้...ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเมินคำสั่งผมหรอกนะ แต่เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้าฟังเพลง! เอาเปรียบเพื่อน! ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจฟังการอบรมจากรุ่นพี่! คิดว่ามันสม-ควรแล้วเหรอครับ” ประโยคสุดท้าย นัยน์ตาคมนั่นก็ตวัดกลับมามองที่ผมอีกครั้ง ผมกำหมัดแน่นอย่างอารมณ์เสีย จะสั่งให้ทำอะไรก็สั่งมาสักทีสิวะ!

     

    “หากผมไม่ทำอะไรสักอย่างผมเกรงว่ามันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี...ถูกรึเปล่าครับคุณเฉิน?”

     

    “ถูก...ครับ”

     

    “เพราะฉะนั้นนับตั้งแต่วันนี้จนกว่าจะสิ้นสุดกิจกรรมของทางคณะในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ทุกเย็นคุณต้องไปวิ่งรอบสนามสามรอบพร้อมกับร้องเพลงเป็ดไปด้วย”

     

    หะ หา! ว่าไงนะ!

    “ร้องเพลง ร้องเพลงเป็ดเนี่ยนะ!

     

    “ดีใจที่ได้เจอนะครับ และผมจะคอยดูคุณทุกวันนับจากวันพรุ่งนี้! กลับไปนั่งที่ J

     

     

     

     

     

    “ไอ้บ้านั่นมันประสาทเสียไปแล้วรึไง! วิ่งสามรอบกับร้องเพลงเป็ดเนี่ยนะ! แถมต้องทำตั้งสองอาทิตย์! คุณพระ! กูจะฟ้องแม่!

     

    “ไอ้เฉินใจเย็นโว้ย!

     

    “มึงจะให้กูเย็นยังไงวะแบค! ไอ้พี่บ้านั่น...เดี๋ยว มันชื่ออะไรนะ”

     

    “คริส นี่อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้”

     

    “รู้จะถามเหรอวะไอ้หมา เออต่อ ไอ้พี่คริสเวรนั่นแม่ม! มันกะแกล้งกูอยู่แล้วเถอะ!

     

    ผมรัวเป็นชุดพร้อมกับจ้วงข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์เสีย ท่ามกลางบรรยากาศอันร้อนระอุของโรงอาหารที่คณะ เสียงคนจ้อกแจ้กรอบข้างยิ่งเพิ่มเลเวลความหงุดหงิดของผมขึ้นไปอีก นี่ปกติไอ้เฉินคนนี้เป็นคนเรียบๆ นิ่งๆ ชีวิตนี่แบบว่าซิมเปิ้ลสุดๆนะครับไม่อยากจะบอก

     

    แต่มีพลังงานบางอย่างบอกผมว่านับตั้งแต่วันนี้ไป ชีวิตเรียบง่ายแบบที่มีมาเสมอมันจะมลายหายไป พุตธัง! เพราะไอ้พี่คริสคนเดียว เฉินอยากจิคราย!

     

    “มึงนี่ก็นะ ยังจะไปโทษพี่เค้า อันที่จริงที่พี่เค้าทำก็ถูกอยู่นะ มึงแม่งมัวแต่ก้มหน้าก้มตาจนพี่เค้าสังเกตเห็น” ไอ้แบคว่าพลางดูดน้ำจนหดไปครึ่งแก้ว ผมจิกตาใส่อย่างอารมณ์เสีย นี่สรุปมันเข้าข้างใคร

     

                “กูก้มหน้าก็เพราะไม่อยากให้มันเห็นหน้านั่นแหละโว้ย” ผมเถียงพลางสะบัดหน้าหนี ก่อนจะต้องสะบัดกลับแทบไม่ทันเมื่อพบว่าไอ้พี่คริสแอนเดอะแก๊งกำลังเดินแผ่อาณาเขตเข้ามายังโรงอาหารอันสงบสุขและร้อนระอุ ฮอล์! ทำยังไงผมถึงจะไม่เห็นหน้าไอ้พี่คริสเนี่ย เห็นแล้วความหงุดหงิดทะลุปรอทเลยให้ตาย!

     

                “เป็นไรวะเฉิน”

     

                “ไอ้พวกพี่ว้ากมาอ่ะดิ” ผมกระซิบตอบไอ้แบคไปเบาๆ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาจนหัวแทบจะจุ่มจานข้าว

     

                “ซวยล่ะ แดกข้าวไม่อิ่มแน่ถ้าพี่คริสเห็นมึงอ่ะ หมอบไว้เพื่อน หมอบไว้” ไอ้แบคให้กำลังใจ (?) ก่อนจะหมอบตามผมด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้กับมัน

     

                ผมสองคนนั่งก้มหน้านิ่งๆโดยไร้บทสนทนาอะไรทั้งสิ้นจนกระทั่งไอ้พวกพี่คริสเดินห่างออกไปไกลจึงค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย

     

                “กูว่าคอยหลบหน้าอย่างนี้ไม่แมนเลยว่ะ” พอผุดหัวขึ้นมาหมาแบคก็รีบสาธยายทันที

     

                “วินาทีนี้กูขอตุ๊ด มึงอยากซ่อมนักรึไง” ผมตอบแบบขอไปทีก่อนจะเริ่มเก็บจานข้าวตัวเองแล้วลุกขึ้นและเพื่อนแบคก็ลุกตาม

     

                “เออ แล้วเย็นนี้เอาไง สรุปมึงต้องไปวิ่งสินะ”

     

                “นี่กูมีสิทธิ์ปฎิเสธด้วยเหรอ?”

     

                “...ก็...ไม่น่ะสิ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “วิ่งไป! ร้องให้ดังด้วยครับ ร้องดังๆ!” คริสตะโกนข้ามสนามกีฬากว้างไปที่ร่างบางที่กำลังทั้งวิ่งทั้งร้องเพลงด้วยท่าทางเหยาะแหยะ ท่ามกลางนักกีฬาที่กำลังฝึกซ้อมกับทั่วสนาม

     

                ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้ นั่นคือความรู้สึกภายในของพี่คริสคนหล่อ เขาตั้งปฏิธานไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงเขาต้องได้เอาน้ำราดหัวไอ้เด็กเฉินนี่ให้ได้ และไม่ใช่ถังเล็กๆแบบที่เขาโดน แต่จะต้องเป็นกะละมังใหญ่ๆที่ใส่คนลงไปได้เลยล่ะ!

     

                ครั้งแรกที่เขารู้สึกหัวเสียมากมายขนาดนี้ ครั้งแรกเลยจริงๆที่มีความรู้สึกเดือดปุดๆอยู่ภายใน ครั้งแรกที่มีความรู้สึกอยากจะแกล้งให้มันเขี้ยว

     

                และเป็นครั้งแรกที่มองใครโดยไม่ละสายตา

     

                โอ้ไม่นะไอ้คริส!

     

                คริสยกมือขึ้นทึ่งหัวตัวเองอย่างเรียกสติ ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาแรงๆ พอดีกับที่ร่างบางวิ่งวนมายังที่ๆ เขายืนอยู่ ร่างบางโชกไปด้วยเหงื่อ ผิวขาวๆที่สะท้อนแสงแดดสร้างความอีโรติคให้มากขึ้นไปอีก ริมฝีปากบางที่ตะโกนร้องเพลงเป็ดดูน่ารักมุ้งมิ้งจนไอ้พี่คริสคนนี้อยากจะจับมาฟัด เดี๋ยว! ฟัด? ฟัดไอ้เด็กเวรนี่อ่ะนะ! คริสยกมือสองข้างขึ้นถูหน้าตัวเองแรงๆอย่างเรียกสติ เขาเริ่มรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างหมุนวนรอบตัวเค้า...

     

                และเขาไม่อยากจะเดาเลยว่ามันคืออะไร!

     

                คริสฉุดตัวเองออกจากภวังค์แล้วเพ่งมองไปที่ร่างบางของเฉินซึ่งวิ่งบ้างเดินบ้าง นั่นมันกวนโมโหกันชัดๆ! เดี๋ยวพ่อปั๊ดจับตีกันซะให้เข็ด! (?)

     

                และแล้วเฉินก็วิ่งวนจนจะครบรอบที่สาม แต่สิ่งที่แปลกไปคือ นักกีฬาในสนามที่กำลังวอร์มเครื่องกันอยู่ต่างมองมาที่ร่างบางเป็นตาเดียว คริสมองภาพนั้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองตามว่าไอ้พวกบ้านั่นกำลังมองอะไร

     

                ร่างบางที่กำลังจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าเขาโชกไปด้วยเหงื่อที่ไหลประดุจน้ำป่า เสื้อนักศึกษาตัวบางแนบไปกับลำตัวเผยสัดส่วนเรียวสวยที่ไม่น่าจะมีในผู้ชาย มือเล็กยกขึ้นเสยผมตัวเองที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เผยให้เห็นใบหน้าสวยที่ค่อนข้าง...บูดบึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นภาพที่ออกมาดูดีสุดๆ

     

                “ผมวิ่งครบแล้วครับพี่” เฉินรายงานด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย ในขณะที่ร่างสูงตรงหน้าทำท่าทางเหมือนสติหลุด เฉินขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะยกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าของคริส

     

                “อะแฮ่ม! วิ่งเสร็จแล้วก็ดีครับ คุณไปได้ละ” คริสสะดุ้งจากภาพมโน (?) ก่อนจะบอกเฉินที่ยืนรอคำนี้อยู่ เฉินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป สายตาประดุจไฮยีน่าของเหล่านักกีฬายังคงมองตามอย่างไม่ละสายตาเล่นเอาคริสอยากจะหยิบอะไรสักอย่างแถวนั้นขว้างเข้าใส่

     

                มองอะไรกันพวกมึงอ่ะ!

     

                ถึงเขาเองก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า...ผู้ชายอะไรวะ หุ่นดีโคตร!

     

                คริสหันหลังเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มรอเขากันอยู่ไม่ไกลและไคก็เป็นคนแรกที่เห็นเพื่อนคริสซึ่งกำลัง...

     

                “เชี่ยคริส!

     

                “อะไร”

     

                “เลือดกำเดามึงไหล!

     

     

              TBC.

     





    จะบอกว่าที่จริงกะแต่งจบในตอนเดียว 
    แต่ว่าแบบ...ไปไงมาไงกลายเป็นตอนเดียวไม่จบก็ไม่รู้ค่ะ! 555
    เรื่องนี้คือชั่ววูบสุด วิ่งไล่ตามกระแส #พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
    คือแบบ กระแสซาไปนานแระ แต่ไรท์เพิ่งจะตาม 5555
    สุดท้ายนี้ที่จะบอกคือ ติดตามตอนต่อไปค่ะ! 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×