คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : STORY : SF ข้างเดียว [Krischen] 1
LOVE ONE SIDE...
KRISCHEN
การแอบรักเพื่อน...คือความเจ็บปวด
ที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
การแอบรักเพื่อน...สิ่งเดียวที่ให้จำใส่หัวเสมอ
มันเป็นไปได้ยาก
เริ่มต้นที่ผมรักเค้า...ผมจึงต้องเจ็บปวด
เพื่อนสนิท...ที่ไม่เคยมองเห็นผมเลย
เริ่มต้นที่ผมรักเค้า...ผมจังต้องทรมาร
เพราะต้องเก็บความรู้สึกไว้..ที่ซอกลึกของจิตใจ
...บอกใครไม่ได้
...ดุจรักต้องห้าม
...ยากที่จะสมหวัง
.
.
.
"ไอ้บ้าคริส!"
ผมตะโกนลั่น หลังจากที่เห็นภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของกรอบหน้าหล่อเหลาเหลือบสายตาขึ้นมองมายังผม ในขณะที่ริมฝีปากหนายังคงซุกไซร้อยู่ตรงซอกคอของหญิงสาวสุดเอ็กนามว่า ฮโยซอง แฟนสาวคนล่าสุดของร่างสูง ซึ่งก็คือคริส
"อ่าว มาแล้วเหรอ"
คริสละริมฝีปากออกจากซอกคอขาวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเอ่ยทักทายผม ซึ่งยืนถือข้าวของพะรุงพะรังอยู่หน้าประตู
"ให้ตายเถอะ! มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย!"
ผมเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิดกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามือใหญ่ของคริสลูบไล้ไปทั่วร่างของฮโยซอง
"ก็มันอดใจไม่ไหว" คริสตอบพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม
"หน้าด้านตอบออกมาได้ยังไงน่ะหา!"
ผมปล่อยข้าวของลงกับพื้นพร้อมกับยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
"จะทำอะไรทำไมไม่เข้าไปในห้องวะ! นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะเว้ย!"
ช่วยแคร์กันบ้างได้มั้ย...
"เข้าห้องไปเลยไปไอ้เป็ด" คริสโบกมือไล่
ผมจ้องเขม็งไปยังคริสและฮโยซอง ซึ่งบัดนี้สาวเจ้าหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเป็นที่เรียบร้อย แต่คริสชายผู้หน้าด้านกลับยักคั้วอย่างกวนบาทามาให้ผม
"เออ กำลังจะเข้าอยู่เนี่ย! อย่าเสียงดังให้มากละกัน รำคาน!"
*
สวัสดีครับ...ผมเฉิน นักศึกษามหาวิทยาลัยปีสาม มีชีวิตชอกช้ำระกำใจอยู่กับการแอบรักเพื่อนสนิทมาเก้าปีด้วยกัน
และใช่ คนๆนั้นคือคริส...เพื่อนสนิทแสนบัดซบ
ที่นอกจากจะไม่เคยมองเห็นผมแล้ว ยังเปลี่ยนแฟนอาทิตย์ละคน ลากมากกที่ห้องคืนละคน ฟันก่อนค่อยทิ้งแล้วทิ้ง และถึงแม้กิจกรรมอย่างว่าของมันจะเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน ผมก็ยังไม่ชินสักที!
ไม่ชิน...ที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองไม่มีทางได้เป็นคนๆนั้น
ไม่ชิน...ที่ต้องเห็นมาคริสพาใครมาแนะนำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ชิน...ที่ต้องเก็บความลับไส้อย่างนี้จนมันปวดไปหมดทั้งอก
"เฉิน!"
เสียงทุ้มที่เรียกผม ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้มาเยือน ซึ่งมาพร้อมกับออร่าอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์
"อ่าว พี่อี้ชิง"
และก็พบว่าเป็นพี่อี้ชิง รุ่นพี่คนสนิทของผม ผู้ชายอบอุ่นเจ้าของลักยิ้มแสนน่ารัก พี่อี้ชิงส่งยิ้มให้ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม ซึ่งนั่งเหม่อเฝ้าชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นอืดของตัวเองอยู่
"ทำไมไม่กินล่ะ" พี่อี้ชิงถาม
"คือ...มันเผ็ดไปน่ะครับ"
โอพระเจ้า เฉิน แกจะหาข้อแก้ตัวที่ทำให้ตัวเองดูโง่น้อยกว่านี้ได้มั้ยเนี่ย!
"ก๋วยเตี๋ยวที่ใสจนจะมองเห็นผงชูรสที่ลอยไปมาเนี่ยนะ เผ็ด?" พี่อี้ชิงล้อ พลางกลั้นหัวเราะ
อ่า...ผมโดนแล้วล่ะ ถามว่าโดนอะไร...ก็โดนรอยยิ้มเปล่งประกายของพี่อี้แกแอคแท็คเข้าน่ะสิครับ!
แต่ก่อนที่ผมจะทันได้แก้ตัวอะไรไป ชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นอืดของผมก็ถูกดึงไป ก่อนที่เจ้าของมือปริศนาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม และจัดการโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอืดๆของผมอย่างไม่คิดจะขออนุญาติสักนิด
"หวัดดีคริส" พี่อี้ชิงเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มแอคแท็คเช่นเคย
คริสเหลือบตาขึ้นมองนิดๆ ก่อนจะเมินอย่างเปิดเผยด้วยการก้มตาก้มตากินอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ดูดีมีชาติตระกูลของตัวเองสักนิด
"อะ เอ่อ...พี่อี้ชิงกินข้าวรึยังครับ" ผมดึงความสนใจจากพี่อี้ชิง พร้อมกับยิ้มกว้างจนตาปิด และดูเหมือนพี่อี้แกจะไม่ได้อะไรมากกับความไร้มารยาทของผู้ชายนามว่าคริสอยู่แล้ว หันมายิ้มให้ผม
"หิวน้ำ"
แต่ก่อนที่พี่อี้ชิงจะทันพูดอะไร คริสก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับนิ้วยาวที่เอาแต่สะกิดยิกๆที่ไหล่ผม
"อะไรเล่า ก็ไปซื้อเองดิ"
ผมตอบอย่างหงุดหงิด นี่เพื่อนหรือขี้ข้าวะ
"ซื้อให้หน่อย"
"ไอ้..."
"นะๆๆๆๆ"
ยอม... -////-
*
หลังจากที่ผมไปซื้อน้ำมาให้ไอ้ยักษ์หน้าด้าน ผมก็ต้องเจอกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มแปลกๆของพี่อี้ชิง ก่อนที่ี่พี่แกจะขอตัวออกไปก่อน ส่วนคริสก็อารมณ์ดีนึกครึ้มอะไรไม่รู้ ลากผมออกมาดูหนัง และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเดินทาง บนรถหรูของเจ้าตัว
"อยู่ดีๆพามาเลี้ยงหนัง ผีเข้าเหรอนายน่ะ" ผมถามขึ้น พลางเซหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
"โหย ฉันจะขอเลี้ยงเพื่อนซี้หน่อยนี่มันแปลกขนาดนั้นเลยรึไง?"
"ก็เออน่ะสิ" ผมตอบอย่างหงุดหงิด เรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้อย่างดี
"ฉันเลิกกับฮโยซองแล้วน่ะ"
"..."
ดีใจ...
ผมรู้...
มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและดูเลวมาก...
แต่ผมก็ได้แค่ดีใจในใจเท่านั้นแหละ ก่อนที่จะต้องแสแสร้งว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรออกไป
"เงียบทำไม"
"แล้วจะให้พูดว่าไงเล่า นายก็เลิกบ่อยๆอยู่แล้วนี่" ผมจิกกัดไปทีนึงอย่างขำๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัวอีกคนเบาๆ
"ชิ ใจร้าย อย่างน้อยก็น่าจะปลอบกันมั่ง" คริสตัดพ้อ แต่ผมรู้ว่ามันแค่แกล้งน้อยใจเท่านั้นแหละ คนอย่างไอ้ยักษ์นี่เคยเสียใจกับการต้องเลิกรากับคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าซะที่ไหน
"แล้วพาไปเลี้ยงหนังนี่คือ?"
"ฉลองการโสดอีกครั้ง"
"เชื่อเลยว่าเดี๋ยวนายจะได้ฉลองอีกครั้งกับการสละโสด" ผมตอนอย่างหน่ายๆก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง
ใช่
และผมเองก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดอีกครั้ง
*
ผมปลดล็อคกุญแจห้องก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่ิอยอ่อน
เป็นอย่างที่ผมบอก!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ดูหนังฟรี คริสก็ดันไปถูกตาต้องใจหญิงสาวสุดสวยคนหนึ่งเข้า และรุกหน้าจีบทันที
และแน่นอนว่าผมก็ถูกทิ้งทันทีเช่นกัน!
ผมจึงต้องนั่งแท็กซี่กลับคอนโดมาคนเดียวอย่างนี้ไง ให้ตายสิ!
แต่ก็เอาเถอะ ยังไงผมก็ชินอยู่แล้ว
ชินที่ต้องถูกทิ้งเมื่อคริสเจอคนอื่นที่เขาต้องการ...
แต่ไม่ชินสักทีกับอาการเจ็บแปลบๆในอก
หลังจากที่ผมหาอะไรรองท้องเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาตัวเองมานั่งเหยียดขาอยู่บนโซฟา มือกดเลื่อนช่องทีวีไปมาอย่างหารายการถูกใจไม่ได้ ตาเหลือบไปมองนาฬิกา ก็พบว่าขณะนี้เวลาปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าๆแล้ว คริสก็ยังไม่กลับมา
เฮ้อ ทำไมตอนอยู่ด้วยกันสองคน ห้องมันถึงได้ดูแคบกว่านี้หลายเท่าเลยนะ...
เหงาจัง...
*
คริสก้าวขายาวๆอย่างเร่งรีบออกจากลิฟ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง ในมือถือถุงนมสดและขนมปังมาด้วย กะจะมาง้อเพื่อนตัวดี ที่หนีกลับบ้านมาก่อน ในใจเขาหงุดหงิดเล็กๆนะ เพียงแค่เดินไปขอเบอร์สาวแค่นี้รอกันไม่ได้รึไง!
ทั้งที่หงุดหงิด แล้วทำไมต้องซื้ิอของกินมาง้อด้วยเนี่ย!
ไม่เข้าใจตัวเองเลยให้ตาย!
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ปากที่กำลังเตรียมแหกก็ต้องหุบลง อารมณ์หงุดหงิดหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อนัยน์ตาคมเหลือบมองเห็นว่าเพื่อนรักนอนหลับขดเป็นก่อนกลมๆอยู่บนโซฟา โดยที่ทีวิยังเปิดค้างไว้
น่ารัก...
คริสคิดในใจ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นมา คริสวางถุงนมสดลงบนโต๊ะ ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาแล้วพาเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง พอเข้ามาถึงข้างในแล้วเขาก็ยังงงๆเหมือนกัน ว่าทำไมไม่พาเข้าไปยังห้องของเจ้าตัวเล็ก
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดมากเท่าไหร่ คริสวางเฉินลงบนเตียงนุ่มของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เสี้ยวหน้าที่หลับใหลของเฉินช่างดูน่ารัก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ที่เขาชอบที่จะมองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองแบบนี้ ทุกครั้งที่ร่างบางเผลอ เขาก็มักจะลอบมองใบหน้านั้นบ่อยๆ ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เศร้า เฉินจะมีเค้าอยู่ข้างๆเสมอ
เจ้าตัวเองอาจจะไม่เคยสังเกต
แต่เฉินสำคัญที่สุด...เป็นอันดับหนึ่งเหนือใครๆ...
*
ผมเบียดซุกเข้าหาความอบอุ่นอย่างเผลอไผล ก่อนจะต้องสะดุ้งเบิกตาโพล่งขึ้นมา เพราะพึ่งระลึกได้ว่าตัวเองหลับบนโซฟา แล้วผ้าห่มกับหมอนข้างมาจากไหน!
แต่เอาจริงๆแล้วอาจไม่ใช่หมอนข้าง
"คริส!" ผมเรียกชื่อเพื่อนตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะดันตัวเองถอยห่าง เมื่อรู้ตัวว่าเผลอเบียดซุกเข้าไปขนาดไหน ใบหน้าของผมร้อนเห่อขึ้นมาทันที
"อะไรของนาย" คริสงัวเงียตอบผม ดวงตาค่อยๆปรือขึ้น ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สาดกระทบมา และผมก็หวังว่ามันจะไม่สว่างพอจนสามารถเห็นใบหน้าแดงก่ำของผม
"ฉันมานอนในห้องนายได้ไง"
"ละเมอเข้ามา"
"ตลกเถอะ!" ผมเบะปากใส่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับห้อง แต่ก็ต้องร้องตกใจเบาๆ เมื่อคริสดึงแขนผมไว้แล้วกระช้ากอย่างแรงจนผมล้มลงบนเตียงนุ่มเหมือนเดิม และไม่มีโอกาสให้ผมขัดขืนอีกต่อไป เมื่อคริสใช้แขนและขาใหญ่ของตัวเองมาพาดทับผมเต็มๆ
"โอ้ยอะไรเนี่ยคริส!"
"นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว"
คริสหลับตาพริมกับพึมพัมบอกผม
ให้ตาย! อย่างนี้หัวใจผมก็ต้องทำงานหนักน่ะสิ!
.
.
.
.
ผมได้แต่นอนหลับตานิ่ง คงจะหลับลงหรอกนะ ถ้ายังถูกแขนใหญ่ของไอ้บ้าคริสพาดผ่านอยู่อย่างนี้!
ไม่ได้คิดอะไรด้วย ...
แล้วทำไมต้องให้ท่ากันด้วยนะ!!!
เออ! ผมคิดไปเองทั้งนั้นแหละ!
ปกติเพื่อนกันเค้าก็นอนกอดก่ายกันเป็นปกติอยู่แล้ว มีแต่ผมที่บ้าใจเต้นไปเอง
คนที่รักคนอื่นก่อน ก็เท่ากับแพ้
ผมพึ่งเข้าใจประโยคนี้นี่แหละ ไม่ว่าคริสจะทำอะไร ผมก็ยอมไปซะทุกอย่าง ยอม แบบไม่มีข้อแม้
ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความมืด หลังจากสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างเสมอกันของอีกคน
ผมมองหน้าคมของอีกคนนิ่ง ทำไมกันนะ ผมถึงต้องรักเค้า ทำไมผมต้องทนเจ็บปวด รักโดยไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอื้อยเอ่ยบอกออกไป เพราะคำว่า
เพื่อนสนิท...
ผมใช้มือของตัวเองไล่เกลี่ยไปที่แก้มของคริส มันตลกสิ้นดี ที่ผมอยากจะลองจูบคนตรงหน้าดูบ้างแค่สักครั้ง
แต่ว่าตอนนี้ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ?
ขอแค่ครั้งเดียวได้มั้ย...ในตอนที่นายไม่รู้ตัว
อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ผมก็อยากจะลองเห็นแก่ตัวบ้างสักครั้ง...
ผมเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ร่างสูงมากขึ้น ก่อนจะประกบริมฝีปากบางของตัวเองเข้ากับริมฝีปากหนา
มันเป็นแค่การจุ๊บ ที่ไม่มีอะไรจาบจ้วงไปมากกว่าน้ันแต่แค่นี้ก็ทำให้ผมเขิน ยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว
แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ...
"ฉันรักนาย"
ผมกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะซุกตัวเองเข้ากับอกแกร่ง แล้วหลับตาลง
พรุ่งนี้ฉันกับนายก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม....
หลังจากที่ร่างบางหลับตาลง ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่
นัยน์ตาคมของคนที่แกล้งหลับอยู่ก่อนหน้านั้นจ้องตรงไปยังใบหน้าเรียวใสของอีกคน
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันก่อนที่มันจะแย้มออกเป็นรอยยิ้มกว้าง
พรุ่งนี้ฉันกับนาย เป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ... :)
TBC
ความคิดเห็น