ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #6 : STORY : SF ข้างเดียว [Krischen] 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58


    © themy  butter




    LOVE ONE SIDE...

    KRISCHEN

     

     

     

     

    การแอบรักเพื่อน...คือความเจ็บปวด

    ที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

     

     

    การแอบรักเพื่อน...สิ่งเดียวที่ให้จำใส่หัวเสมอ

    มันเป็นไปได้ยาก

     

     

    เริ่มต้นที่ผมรักเค้า...ผมจึงต้องเจ็บปวด

    เพื่อนสนิท...ที่ไม่เคยมองเห็นผมเลย

     

     

    เริ่มต้นที่ผมรักเค้า...ผมจังต้องทรมาร

    เพราะต้องเก็บความรู้สึกไว้..ที่ซอกลึกของจิตใจ

     

     

    ...บอกใครไม่ได้

     

     

    ...ดุจรักต้องห้าม

     

     

    ...ยากที่จะสมหวัง

     

    .

    .

    .

     

    "ไอ้บ้าคริส!"

     

     

    ผมตะโกนลั่น หลังจากที่เห็นภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของกรอบหน้าหล่อเหลาเหลือบสายตาขึ้นมองมายังผม ในขณะที่ริมฝีปากหนายังคงซุกไซร้อยู่ตรงซอกคอของหญิงสาวสุดเอ็กนามว่า ฮโยซอง แฟนสาวคนล่าสุดของร่างสูง ซึ่งก็คือคริส

     

     

    "อ่าว มาแล้วเหรอ"

     

     

    คริสละริมฝีปากออกจากซอกคอขาวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเอ่ยทักทายผม ซึ่งยืนถือข้าวของพะรุงพะรังอยู่หน้าประตู

     

     

    "ให้ตายเถอะ! มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย!"

     

     

    ผมเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิดกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามือใหญ่ของคริสลูบไล้ไปทั่วร่างของฮโยซอง

     

     

    "ก็มันอดใจไม่ไหว" คริสตอบพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม

     

     

    "หน้าด้านตอบออกมาได้ยังไงน่ะหา!"

     

     

    ผมปล่อยข้าวของลงกับพื้นพร้อมกับยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

     

     

    "จะทำอะไรทำไมไม่เข้าไปในห้องวะ! นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะเว้ย!"

     

     

    ช่วยแคร์กันบ้างได้มั้ย...

     

     

    "เข้าห้องไปเลยไปไอ้เป็ด" คริสโบกมือไล่

     

     

    ผมจ้องเขม็งไปยังคริสและฮโยซอง ซึ่งบัดนี้สาวเจ้าหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายเป็นที่เรียบร้อย แต่คริสชายผู้หน้าด้านกลับยักคั้วอย่างกวนบาทามาให้ผม

     

     

    "เออ กำลังจะเข้าอยู่เนี่ย! อย่าเสียงดังให้มากละกัน รำคาน!"

     

     

    *

     

     

    สวัสดีครับ...ผมเฉิน นักศึกษามหาวิทยาลัยปีสาม มีชีวิตชอกช้ำระกำใจอยู่กับการแอบรักเพื่อนสนิทมาเก้าปีด้วยกัน

     

     

    และใช่ คนๆนั้นคือคริส...เพื่อนสนิทแสนบัดซบ

     

     

     ที่นอกจากจะไม่เคยมองเห็นผมแล้ว ยังเปลี่ยนแฟนอาทิตย์ละคน ลากมากกที่ห้องคืนละคน ฟันก่อนค่อยทิ้งแล้วทิ้ง และถึงแม้กิจกรรมอย่างว่าของมันจะเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน ผมก็ยังไม่ชินสักที!

     

     

    ไม่ชิน...ที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองไม่มีทางได้เป็นคนๆนั้น

     

     

    ไม่ชิน...ที่ต้องเห็นมาคริสพาใครมาแนะนำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

     

    ไม่ชิน...ที่ต้องเก็บความลับไส้อย่างนี้จนมันปวดไปหมดทั้งอก

     

     

     

     

    "เฉิน!"

     

     

    เสียงทุ้มที่เรียกผม ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้มาเยือน ซึ่งมาพร้อมกับออร่าอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์

     

     

    "อ่าว พี่อี้ชิง"

     

     

    และก็พบว่าเป็นพี่อี้ชิง รุ่นพี่คนสนิทของผม ผู้ชายอบอุ่นเจ้าของลักยิ้มแสนน่ารัก พี่อี้ชิงส่งยิ้มให้ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม ซึ่งนั่งเหม่อเฝ้าชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นอืดของตัวเองอยู่

     

     

    "ทำไมไม่กินล่ะ" พี่อี้ชิงถาม

     

     

    "คือ...มันเผ็ดไปน่ะครับ"

     

     

    โอพระเจ้า เฉิน แกจะหาข้อแก้ตัวที่ทำให้ตัวเองดูโง่น้อยกว่านี้ได้มั้ยเนี่ย!

     

     

    "ก๋วยเตี๋ยวที่ใสจนจะมองเห็นผงชูรสที่ลอยไปมาเนี่ยนะ เผ็ด?" พี่อี้ชิงล้อ พลางกลั้นหัวเราะ

     

     

    อ่า...ผมโดนแล้วล่ะ ถามว่าโดนอะไร...ก็โดนรอยยิ้มเปล่งประกายของพี่อี้แกแอคแท็คเข้าน่ะสิครับ!

     

     

    แต่ก่อนที่ผมจะทันได้แก้ตัวอะไรไป ชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นอืดของผมก็ถูกดึงไป ก่อนที่เจ้าของมือปริศนาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม และจัดการโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอืดๆของผมอย่างไม่คิดจะขออนุญาติสักนิด

     

     

    "หวัดดีคริส" พี่อี้ชิงเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มแอคแท็คเช่นเคย

     

     

    คริสเหลือบตาขึ้นมองนิดๆ ก่อนจะเมินอย่างเปิดเผยด้วยการก้มตาก้มตากินอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ดูดีมีชาติตระกูลของตัวเองสักนิด

     

     

    "อะ เอ่อ...พี่อี้ชิงกินข้าวรึยังครับ" ผมดึงความสนใจจากพี่อี้ชิง พร้อมกับยิ้มกว้างจนตาปิด และดูเหมือนพี่อี้แกจะไม่ได้อะไรมากกับความไร้มารยาทของผู้ชายนามว่าคริสอยู่แล้ว หันมายิ้มให้ผม

     

     

    "หิวน้ำ"

     

     

    แต่ก่อนที่พี่อี้ชิงจะทันพูดอะไร คริสก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับนิ้วยาวที่เอาแต่สะกิดยิกๆที่ไหล่ผม

     

     

    "อะไรเล่า ก็ไปซื้อเองดิ"

     

     

    ผมตอบอย่างหงุดหงิด นี่เพื่อนหรือขี้ข้าวะ

     

     

    "ซื้อให้หน่อย"

     

     

    "ไอ้..."

     

     

    "นะๆๆๆๆ"

     

     

     

     

    ยอม... -////-

     

     

    *

     

     

     

    หลังจากที่ผมไปซื้อน้ำมาให้ไอ้ยักษ์หน้าด้าน ผมก็ต้องเจอกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มแปลกๆของพี่อี้ชิง ก่อนที่ี่พี่แกจะขอตัวออกไปก่อน ส่วนคริสก็อารมณ์ดีนึกครึ้มอะไรไม่รู้ ลากผมออกมาดูหนัง และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเดินทาง บนรถหรูของเจ้าตัว

     

     

    "อยู่ดีๆพามาเลี้ยงหนัง ผีเข้าเหรอนายน่ะ" ผมถามขึ้น พลางเซหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

     

     

    "โหย ฉันจะขอเลี้ยงเพื่อนซี้หน่อยนี่มันแปลกขนาดนั้นเลยรึไง?"

     

     

    "ก็เออน่ะสิ" ผมตอบอย่างหงุดหงิด เรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้อย่างดี

     

     

    "ฉันเลิกกับฮโยซองแล้วน่ะ"

     

     

    "..."

     

     

    ดีใจ...

     

     

    ผมรู้...

     

     

    มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและดูเลวมาก...

     

     

    แต่ผมก็ได้แค่ดีใจในใจเท่านั้นแหละ ก่อนที่จะต้องแสแสร้งว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรออกไป

     

     

    "เงียบทำไม"

     

     

     

    "แล้วจะให้พูดว่าไงเล่า นายก็เลิกบ่อยๆอยู่แล้วนี่" ผมจิกกัดไปทีนึงอย่างขำๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัวอีกคนเบาๆ

     

     

    "ชิ ใจร้าย อย่างน้อยก็น่าจะปลอบกันมั่ง" คริสตัดพ้อ แต่ผมรู้ว่ามันแค่แกล้งน้อยใจเท่านั้นแหละ คนอย่างไอ้ยักษ์นี่เคยเสียใจกับการต้องเลิกรากับคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าซะที่ไหน

     

     

    "แล้วพาไปเลี้ยงหนังนี่คือ?"

     

     

    "ฉลองการโสดอีกครั้ง"

     

     

    "เชื่อเลยว่าเดี๋ยวนายจะได้ฉลองอีกครั้งกับการสละโสด" ผมตอนอย่างหน่ายๆก่อนจะเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง

     

     

    ใช่

     

     

    และผมเองก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดอีกครั้ง

     

    *

     

    ผมปลดล็อคกุญแจห้องก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่ิอยอ่อน

     

     

    เป็นอย่างที่ผมบอก!

     

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ดูหนังฟรี คริสก็ดันไปถูกตาต้องใจหญิงสาวสุดสวยคนหนึ่งเข้า และรุกหน้าจีบทันที

     

     

    และแน่นอนว่าผมก็ถูกทิ้งทันทีเช่นกัน!

     

     

    ผมจึงต้องนั่งแท็กซี่กลับคอนโดมาคนเดียวอย่างนี้ไง ให้ตายสิ!

     

     

    แต่ก็เอาเถอะ ยังไงผมก็ชินอยู่แล้ว

     

     

    ชินที่ต้องถูกทิ้งเมื่อคริสเจอคนอื่นที่เขาต้องการ...

     

     

    แต่ไม่ชินสักทีกับอาการเจ็บแปลบๆในอก

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมหาอะไรรองท้องเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาตัวเองมานั่งเหยียดขาอยู่บนโซฟา มือกดเลื่อนช่องทีวีไปมาอย่างหารายการถูกใจไม่ได้ ตาเหลือบไปมองนาฬิกา ก็พบว่าขณะนี้เวลาปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าๆแล้ว คริสก็ยังไม่กลับมา

     

     

    เฮ้อ ทำไมตอนอยู่ด้วยกันสองคน ห้องมันถึงได้ดูแคบกว่านี้หลายเท่าเลยนะ...

     

     

    เหงาจัง...

     

    *

     

    คริสก้าวขายาวๆอย่างเร่งรีบออกจากลิฟ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง ในมือถือถุงนมสดและขนมปังมาด้วย กะจะมาง้อเพื่อนตัวดี ที่หนีกลับบ้านมาก่อน ในใจเขาหงุดหงิดเล็กๆนะ เพียงแค่เดินไปขอเบอร์สาวแค่นี้รอกันไม่ได้รึไง!

     

     

    ทั้งที่หงุดหงิด แล้วทำไมต้องซื้ิอของกินมาง้อด้วยเนี่ย!

     

     

    ไม่เข้าใจตัวเองเลยให้ตาย!

     

     

    ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ปากที่กำลังเตรียมแหกก็ต้องหุบลง อารมณ์หงุดหงิดหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อนัยน์ตาคมเหลือบมองเห็นว่าเพื่อนรักนอนหลับขดเป็นก่อนกลมๆอยู่บนโซฟา โดยที่ทีวิยังเปิดค้างไว้

     

     

     

    น่ารัก...

     

     

    คริสคิดในใจ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นมา คริสวางถุงนมสดลงบนโต๊ะ ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาแล้วพาเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง พอเข้ามาถึงข้างในแล้วเขาก็ยังงงๆเหมือนกัน ว่าทำไมไม่พาเข้าไปยังห้องของเจ้าตัวเล็ก

     

     

    แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดมากเท่าไหร่ คริสวางเฉินลงบนเตียงนุ่มของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ  เสี้ยวหน้าที่หลับใหลของเฉินช่างดูน่ารัก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ที่เขาชอบที่จะมองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองแบบนี้ ทุกครั้งที่ร่างบางเผลอ เขาก็มักจะลอบมองใบหน้านั้นบ่อยๆ ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เศร้า เฉินจะมีเค้าอยู่ข้างๆเสมอ

     

     

    เจ้าตัวเองอาจจะไม่เคยสังเกต

     

     

                แต่เฉินสำคัญที่สุด...เป็นอันดับหนึ่งเหนือใครๆ...

     

    *

     

    ผมเบียดซุกเข้าหาความอบอุ่นอย่างเผลอไผล ก่อนจะต้องสะดุ้งเบิกตาโพล่งขึ้นมา เพราะพึ่งระลึกได้ว่าตัวเองหลับบนโซฟา แล้วผ้าห่มกับหมอนข้างมาจากไหน!

     

     

    แต่เอาจริงๆแล้วอาจไม่ใช่หมอนข้าง

     

     

    "คริส!" ผมเรียกชื่อเพื่อนตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะดันตัวเองถอยห่าง เมื่อรู้ตัวว่าเผลอเบียดซุกเข้าไปขนาดไหน ใบหน้าของผมร้อนเห่อขึ้นมาทันที

     

     

    "อะไรของนาย" คริสงัวเงียตอบผม ดวงตาค่อยๆปรือขึ้น ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สาดกระทบมา และผมก็หวังว่ามันจะไม่สว่างพอจนสามารถเห็นใบหน้าแดงก่ำของผม

     

     

    "ฉันมานอนในห้องนายได้ไง"

     

     

    "ละเมอเข้ามา"

     

     

    "ตลกเถอะ!" ผมเบะปากใส่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับห้อง แต่ก็ต้องร้องตกใจเบาๆ เมื่อคริสดึงแขนผมไว้แล้วกระช้ากอย่างแรงจนผมล้มลงบนเตียงนุ่มเหมือนเดิม และไม่มีโอกาสให้ผมขัดขืนอีกต่อไป เมื่อคริสใช้แขนและขาใหญ่ของตัวเองมาพาดทับผมเต็มๆ

     

     

    "โอ้ยอะไรเนี่ยคริส!"

     

     

    "นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว"

     

     

    คริสหลับตาพริมกับพึมพัมบอกผม

     

     

    ให้ตาย! อย่างนี้หัวใจผมก็ต้องทำงานหนักน่ะสิ!

     

    .

    .

    .

    .

     

    ผมได้แต่นอนหลับตานิ่ง คงจะหลับลงหรอกนะ ถ้ายังถูกแขนใหญ่ของไอ้บ้าคริสพาดผ่านอยู่อย่างนี้!

     

     

    ไม่ได้คิดอะไรด้วย ...

     

     

    แล้วทำไมต้องให้ท่ากันด้วยนะ!!!

     

     

    เออ! ผมคิดไปเองทั้งนั้นแหละ!

     

     

    ปกติเพื่อนกันเค้าก็นอนกอดก่ายกันเป็นปกติอยู่แล้ว มีแต่ผมที่บ้าใจเต้นไปเอง

     

     

    คนที่รักคนอื่นก่อน ก็เท่ากับแพ้

     

     

    ผมพึ่งเข้าใจประโยคนี้นี่แหละ ไม่ว่าคริสจะทำอะไร ผมก็ยอมไปซะทุกอย่าง ยอม แบบไม่มีข้อแม้

     

     

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความมืด หลังจากสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างเสมอกันของอีกคน

     

    ผมมองหน้าคมของอีกคนนิ่ง ทำไมกันนะ ผมถึงต้องรักเค้า ทำไมผมต้องทนเจ็บปวด รักโดยไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอื้อยเอ่ยบอกออกไป เพราะคำว่า

     

     

     

    เพื่อนสนิท...

     

     

    ผมใช้มือของตัวเองไล่เกลี่ยไปที่แก้มของคริส มันตลกสิ้นดี ที่ผมอยากจะลองจูบคนตรงหน้าดูบ้างแค่สักครั้ง

     

     

    แต่ว่าตอนนี้ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ?

     

     

    ขอแค่ครั้งเดียวได้มั้ย...ในตอนที่นายไม่รู้ตัว

     

     

    อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ผมก็อยากจะลองเห็นแก่ตัวบ้างสักครั้ง...

     

     

    ผมเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ร่างสูงมากขึ้น ก่อนจะประกบริมฝีปากบางของตัวเองเข้ากับริมฝีปากหนา

     

     

    มันเป็นแค่การจุ๊บ ที่ไม่มีอะไรจาบจ้วงไปมากกว่าน้ันแต่แค่นี้ก็ทำให้ผมเขิน ยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว

     

     

    แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ...

     

     

    "ฉันรักนาย"

     

     

    ผมกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะซุกตัวเองเข้ากับอกแกร่ง แล้วหลับตาลง

     

     

    พรุ่งนี้ฉันกับนายก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม....

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ร่างบางหลับตาลง ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่

     

     

    นัยน์ตาคมของคนที่แกล้งหลับอยู่ก่อนหน้านั้นจ้องตรงไปยังใบหน้าเรียวใสของอีกคน

     

     

    ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันก่อนที่มันจะแย้มออกเป็นรอยยิ้มกว้าง

     

     

    พรุ่งนี้ฉันกับนาย เป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ... :)

     

     

     

     

    TBC

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×