คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : STORY : SF พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง [Krischen] 100 PER
2
คณะวิศวจัดว่าเป็นหนึ่งในคณะที่เรียนค่อนข้างหนักรองลงมาจากพวกสายสุขภาพ อาทิเช่น แพทย์ แต่ถ้าจะให้พูดเรื่องกิจกรรมรับน้องสยองขวัญล่ะก็...หนักยิ่งกว่าใครเพื่อนเลยล่ะ!!
ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนเต็มๆกับการรับน้องที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการสิ้นสุดใดๆทั้งสิ้น! เชื่อเถอะว่ามันดูดพลังชีวิตของผมไปเกือบหมด ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะต้องมานั่งฟังรุ่นพี่ว้ากๆ อย่างกับเป็นชาวร็อคกลับชาติมาเกิด ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นช่วงที่ผมต้องไปวิ่งแถมยังร้องเพลงเป็ดปัญญาอ่อนนั่นมาแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังมีเรื่องเหนื่อยอื่นๆรออยู่อีกมากมาย ขอยกตัวอย่างคือการที่ต้องไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่ในคณะให้มากเกินห้าร้อยลายเซ็น
ฮอล! รู้มั้ยว่ามันทำให้ผมได้เผชิญกับอะไรบ้าง!
ล่าสุดเลยตอนกลางวันนี้ที่โรงอาหาร...ผมโดนรุ่นพี่ผู้หญิงปีสองท่าทางใจดี (เหตุผลหนึ่งที่ผมกล้าเข้าไปขอลายเซ็น) สั่งให้ผมใช้ลิปสีแดงแจ๊ดของเธอทาปากตัวเองแล้ววิ่งไปบอกรักผู้ชายสิบคน!
ผมนี่ร้องโอเอ็มจี (OMG) ออกมาเลยครับ!
แถมพอผมบอกว่าไม่เอาแล้วก็ได้ พี่แกยังไม่ยอมอีกครับ! สุดท้ายผมเลยต้องทำอย่างจำยอม ฝืนทนและอับอายขายขี้หน้า แต่ก็ยังดีที่พี่แกให้ลายเซ็นมาจริงๆ ไม่โกงเหมือนบางคนที่สั่งให้ทำอะไรโหดๆแล้วสุดท้ายก็ชิ่งไป
และบทเรียนวันนี้ของผมก็คือ...ผู้หญิงในคณะวิศว ก็คือผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้หญิง (บทเรียนอะไรของเอ็ง!)
เหมือนผมจะบ่นหนักไปหน่อย แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บ่นใช่มั้ยล่ะครับ เหอะ เอาเป็นว่าผมขอไม่พูดถึงไอ้คนเฮงซวยข้างบ้านคนนั้นละกัน!
…เพราะเดี๋ยวเค้าก็มาแล้ว
“วันนี้มีอะไรกิน?”
ผมแทบจะหันไปพ่นน้ำลายใส่แขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่กำลังเดินเข้าห้องครัวบ้านผมมาอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้พ่นออกไปน่ะนะ ไม่งั้นคงจะมีคดีความต่อกันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง
“ผัดผัก” ผมตอบห้วนๆพร้อมกับสับผักจนแทบจะเละอยู่รอมร่อ
“ก็บอกว่าไม่กินผักไง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันกลับไปหารุ่นพี่คริสผู้เคารพรักที่กำลังยืนกอดอกวางท่าอย่างกับว่าเท่นักหนาอยู่
“มากินข้าวบ้านคนอื่นเค้า (โดยที่ไม่ได้รับเชิญเลยแม้แต่นิดเดียว) แล้วยังจะมาเรื่องมากอีก” ผมถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง แต่อีพี่คริสกับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ยังไงก็ตาม ผมขอคัดค้านการทำผัดผักของคุณ เปลี่ยนเมนูซะ”
เหอะ! เชื่อเค้าเลย!
“ผม-จะ-ทำ-ผัด-ผัก” ผมย้ำทีละคำอย่างหนักแน่น นี่ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคนชอบเอาชนะอะไรเลยนะครับ ไม่ใช่เลย! ผมแค่อยากกินผัดผักเท่านั้นเอง
“งั้นก็แล้วแต่ ใส่เนื้อเยอะๆแล้วกัน”
“ห๊ะ?”
ผมหลุดอุทานออกไปอย่างแปลกใจ เพราะปกติทุกวันผมกับอิพี่คริสจะต้องเปิดสงครามกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะจนมุม ไม่เคยจะมีสักครั้งที่เค้าจะยอมง่ายๆอย่างนี้ แล้ววันนี้ผีห่าซาตานที่ไหนมาเข้าสิงล่ะเนี่ย?
“ทำไม?”
“ปะ เปล่าครับ” ผมปฏิเสธออกไปก่อนจะหันกลับมาจัดการกับซากผักบนเขียงต่อ เสียงฝีเท้าอีกคนเดินห่างออกไปก่อนที่เสียงทีวีจะดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าแขกผู้หน้าด้านกำลังนั่งรอแดกอย่างสบายใจเฉิบดั่งเช่นทุกวัน
เอาล่ะครับ มาถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะกำลังงงได้ที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ว้ากสุดเหี้ยมที่เป็นคู่กรณีกับผมถึงได้มาสนิทชิดเชื้อกันขนาดนี้
เรื่องมันเริ่มตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วตอนที่แม่ของผมมาเยี่ยมบ้าน
คุณนายคิมผู้เกรียงไกร ไร้เทียมทานจนไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้าขัดใจนางแม้กระทั่งคุณคิมสามีของเธอเองหรือนายคิมลูกชายสุดน่ารัก
ในขณะที่คุณนายคิมกำลังจะกลับ แต่อยู่ในช่วงเวลาที่กำลังบ่นจุกจิกเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาก็ได้ขับมอเตอร์ไซด์มอซอๆ ผ่านมาแบบสโลว์โมชั่นก่อนจะปาดจอดหน้ารั้วบ้านข้างๆที่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวเดินด้วยท่าทางที่เท่ขาดใจ (คุณนายคิมบอกอย่างนั้น)
ภาพนั้นกระชากใจสาววัยทองไปอย่างจัง ทำให้นางเดินตรงเข้าไปฝากฝังลูกชายกับเพื่อนหนุ่มข้างบ้านในชุดนักศึกษาเช่นเดียวกันกับลูกชายเธอทันที ด้วยจินตนาการที่มโนไปเองว่าไอ้คนที่หล่อแต่หน้านั่นมันจะสามารถดูแลรุ่นน้องผู้มาจากบ้านนอกอย่างเขาได้!
เชื่อมั้ยว่าวินาทีนั้นผมแทบจะกรี๊ดออกมา
แต่ก็เจอสายตาโหดร้ายทารุณที่สาดใส่ผมจากผู้เป็นมารดาแท้ๆ และรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีชัยของอิพี่คริส ขณะที่กำลังเอ่ยออกมาว่า
‘ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะช่วยดูแลอย่างดี’
หลังจากวันนั้นข้ออ้างว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ้างล่ะ เป็นห่วงบ้างล่ะ แม่นายฝากฝังบ้างล่ะ ก็ถูกยกมาใช้ในการหลอกแดกข้าวบ้านคนอื่นฟรีตลอดมา!
หน้าด้านมั้ยล่ะครับทุกคนว่า!?
และในระหว่างที่ผมบ่นยาวเหยียดในใจ กับข้าวที่อยู่ในสภาพพอกินได้ก็สำเร็จออกมาเป็นรูปร่าง ก็ไม่ใช่ว่าผมทำกับข้าวอร่อยอะไรนักหนาหรอกนะครับ พี่คริสกินบางมื้อยังวิ่งไปอ้วกแถมด่าผมไม่ยั้งว่าทำกับข้าวหมาไม่แดกเลยครับ
แต่พอผมถามว่าแล้วทำไมไม่ไปหากินเองที่ร้านง่ายกว่า ก็ดันตอบกลับมาว่าขี้เกียจซะงั้น
ผมตักข้าวใส่จานก่อนจะยกออกไปวางบนโต๊ะทรงเตี้ยหน้าทีวี ตามด้วยจานใส่ผัดผัก
“หน้าตาก็โอเคนะ หวังว่ารสชาติจะโอเคเหมือนกัน” พี่คริสว่าแหยงๆ ผมจิ๊ปากใส่หน่อยๆพอเป็นพิธีให้รู้ว่าหุบปากแล้วกินไปซะ
มื้ออาหารผ่านไปเรียบๆดั่งเช่นทุกวัน โดยมีมนุษย์ผู้ชายหน้าตาดีนั่งดูบอลในทีวีอย่างไม่ละสายตา นั่นเป็นสิ่งที่ผมพอใจที่สุดแล้ว เพราะว่าปกติถ้าพี่แกไม่ดูบอล ก็มักจะจ้องหน้าผมเล่นแทนและนั่นมันไม่ใช่อะไรที่ผมปลาบปลื้มสักนิด ก็รู้ตัวอ่ะนะว่าหล่อ แต่มาเล่นมองกันแบบตรงๆมันก็ต้องมีทะแม่งๆบ้างล่ะน่า
“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่แหละ จะดูบอลรอบตีสองต่อ”
ว้อดดาฟาคคคค! บ้านตัวเองไม่มีให้ดูรึไงวะ!
“บ้านผมไม่มีทีวี”
และเหมือนกับจะรู้ว่าผมกำลังถามถึงเหตุผลหน้าด้านๆนั้นในใจ พี่คริสจึงตอบกลับมาเรียบๆ อย่างไม่หยี่ระ ซึ่งนั่นก็ทำเอาผมคิ้วกระตุกอยู่เหมือนกัน คือถ้าจะขนาดนี้ทำไมไม่ขนข้าวขนของมาอยู่กับผมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะครับ!
“แล้วแต่พี่แล้วกันครับ ผมจะนอนแล้ว” ผมบอกอย่างหน่ายๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน ผมคิดว่าในเมื่อพี่เค้าเตรียมการจะมานอนบ้านผมขนาดนี้แล้วล่ะก็ ไอ้เรื่องชุดเครื่องนอนก็คงจะเตรียมการไว้แล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ก็ทางใครทางมันเลยแล้วกันครับ!
******
0
0
0
ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความหล่อก็ผ่านพ้นไปแล้ว!
ผมแทบจะไถลตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรงที่ต้องมานั่งปั้นหน้าขรึมต่อหน้าเจ้าเด็กปีหนึ่งอยู่ตลอดเวลา นายจะทำให้ฉันวุ่นวายใจไปถึงไหนกันนะเฉินๆเอ๋ย!
ใช่แล้วครับ...
คริสผู้เกรียงไกรคนนี้เสียท่าให้กับเจ้าเด็กหน้าตายนามคมคายว่าเฉินๆ ไปเสียแล้ว!
แต่ผมขอยืนยันว่าเรื่องนี้ผมไม่ผิด ให้ถือว่าเป็นความผิดของเฉินๆน้อยทั้งหมดที่มาทอดสะพานให้ผม! (เหรอคริสเหรอ)
ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกพวกนี้มันเป็นมายังไง อยู่ดีๆมันก็ใจสั่นๆ นานๆวันมันก็เริ่มไม่อยากคลาดสายตา
เห็นมั้ยครับ...มันเป็นเพราะว่าเฉินชัดๆ ไม่ใช่ความผิดผมเลย
อยากมาทำตัวน่ารักบ่อยๆทำไม... -///-
บ่นๆไป เกมฟุตบอลที่กำลังฉายในจอสว่างก็ไม่ได้เข้าหัวผมเลยสักนิด ถึงแม้มันจะเป็นแมชสำคัญที่ผมรอคอย แต่วินาทีนี้ก็เหมือนไม่มีอะไรที่จะสามารถมาฉุดให้ผมนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟาได้แล้วเพราะว่าใจมันลอยตามเจ้าตัวเล็กเข้าห้องไปตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ!
คิดได้อย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปปิดหน้าจอทีวีก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่เยื้องๆกันนั้น หลังจากที่อ่อยมาตั้งนานแต่ไม่ได้ผล! .ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันของผมสักที!
ขอนอนกอดให้ชื่นใจหน่อยเถอะ!
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลางที่เต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือ ความมืดที่ปกคลุมอยู่ไม่ได้ทำให้คริสมองหาเจ้าตัวเล็กไม่เจอแต่อย่างใด ในเมื่อเจ้าตัวเคยแอบเข้ามาสำรวจอยู่บ่อยๆแล้ว จึงไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยที่จะคลำทางหาเตียงนอนขนาดกลางซึ่งไม่ได้อยู่ห่างจากประตูเท่าไหร่
ความคิดอกุศลต่างๆนาๆผุดขึ้นมาในหัวอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างสูงค่อยๆเดินตรงไปจนชิดขอบเตียงก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับอีกคนแบบเบาๆที่สุด ผิวกายร้อนผสมกับเสียงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำเอาคริสใจเต้นไม่เป็นระส่ำ
และในที่สุดก็ได้มาอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันสำเร็จ!!
ร้องเยสในใจด้วยความยินดีเลยทีเดียว!
คริสนอนยิ้มทำตัวลีบๆอย่างกับคนบ้า เนื่องจากเตียงไม่ได้กว้างเหมือนของตัวเอง แต่เป็นไซส์ที่เล็กตามขนาดของเจ้าของ ร่างสูงค่อยๆพลิกตัวไปนอนตะแครง มือใหญ่ดึงหมอนที่เฉินนอนอยู่ออกช้าๆก่อนจะเอาแขนของตัวเองไปให้อีกคนหนุนแทน แขนอีกข้างก็ตะวัดขึ้นโอบร่างที่เล็กกว่าตัวเองไปมากโข
พอจัดที่จัดทางเสร็จแล้วก็ได้แต่นอนฟินไปคนเดียว...
บ้า! นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ!
คริสด่าตัวเองในใจทั้งที่ยังยิ้มจนแก้มแทบแตก ฉวยโอกาสก้มลงสูดดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มไปเต็มปอด ก่อนจะหลับไปทั้งอย่างนั้น...
0
0
ยามเช้าที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวงเวียนมาถึงอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนสองคนที่นอนกอดกันกลมดิกอยู่บนเตียงสนใจที่จะตื่นมารับวันใหม่แต่อย่างใด แม้แต่แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาแยงตาก็ไม่สามารถทำให้คริสตื่นจากนิทราได้ ต่างจากเฉินที่เริ่มขมวดคิ้วรำคาญกับอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งร้อนทั้งอึดอัดจนขยับไม่ได้
“อือ...” เฉินครางเสียงปนความรำคาญออกมาหน่อยๆที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้เลย เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ อย่างยากลำบากเพราะถูกฉุดรั้งด้วยคำว่าขี้เกียจ แต่ในที่สุดนัยน์ตาสวยก็ลืมเต็มตาพร้อมกับกระพริบถี่ๆเพื่อเป็นการปรับสายตา
“...” สิ่งแรกที่เห็นในทุกเช้า ควรจะเป็นเพดานถ้านอนหงายหรือตู้เสื้อผ้าถ้านอนตะแครง แต่วันนี้รู้สึกว่ามันจะมีอะไรแปลกไปเล็กน้อย...มันไม่ใช่ทั้งเพดานหรือตู้เสื้อผ้า
แต่กลับเป็นแผ่นอกกว้างของคนที่มาขอนอนด้วยเมื่อคืน!!
ไอ้พี่คริส!!
เฉินเหลือกตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาให้ชัดๆ นี่ถ้าน้ำลายฟูมปากได้คงเป็นไปแล้ว!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย! เฉินสบถในใจ แต่กลับไม่ได้ดิ้นรนที่จะออกจากอ้อมแขนใหญ่นั่นเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะพิศวาสแต่อย่างใด เพียงแค่ในใจกำลังคิดประมวลผลอยู่ว่าจะทำตัวยังไงถ้าอีกคนตื่นขึ้นมา! มันไม่น่าอายไปเหรอที่ผู้ชายสองคนมานอนกอดกันกลมอย่างนี้เนี่ย! ถ้าไปหมาแบครู้มีหวังโดนล้อไปสิบชาติ!
เอาไงดีวะ!
...ถีบเลยดีมั้ย
“...อืม”
“...!”
เฉินเบิกตาโพล่งแทบถลน เมื่อคนตัวสูงที่นอนกอดตัวเองแน่นถอนลมหายใจยาวพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ไม่พอยังดึงร่างเล็กเข้าไปกอดแน่นกว่าเดิมประดุจเป็นหมอนข้าง แต่จุดพีคสุดคือการที่คริสกดจูบลงบนหน้าผากมนอย่างกับคนนอนละเมอ!
“ตะ ตื่นเดี่ยวนี้เลยนะโว้ย!!”
0
0
TBC.
ความคิดเห็น