คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : STORY : SF ลมเปลี่ยนทิศ [Laychen] [4/4] END
ลมเปลี่ยนทิศ 4
ลู่หานไม่ได้พูดลอยๆไปเท่านั้นเอง...
เขายังคงนั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิมตั้งแต่เวลาบ่ายกว่าๆจนมาถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า
รอคอยอย่างใจเย็น...
บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเปลี่ยนไปรวมถึงร้านริมหาดเล็กๆที่เขานั่งจิบกาแฟมาจนถึงตอนนี้ ทางร้านก็เริ่มเปิดไฟหลากสีและจำหน่ายเครื่องดื่มมึนเมาเข้ากับบรรยากาศ ถึงอย่างนั้นลู่หานก็ไม่ได้คิดที่จะลุกขึ้นแล้วเดินกลับที่พักแต่อย่างใด แก้วกาแฟรวมถึงจานขนมเล็กวางอยู่เต็มโต๊ะจนเกือบล้น แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลายาวนานที่เขานั่งอยู่ตรงนี้
5 ชั่วโมง...ไม่สิ...6 ชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูด...
“ได้ งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่านายจะกลับมา”
หรือนายไม่คิดจะสนใจคำพูดของฉันอีกต่อไปแล้วกันแน่...จางอี้ชิง
ภาพที่คนรักดึงร่างบางของใครคนหนึ่งเข้าสู่อ้อมกอดเมื่อช่วงบ่ายยังคงติดตรึงไม่จางหาย ถึงแม้จะมีคำถามมากมายจนแทบบ้าหรืออยากจะวิ่งตามไปกระชากคอเสื้อคนรักมาถามไถ่ให้รู้เรื่อง แต่ลู่หานก็เลือกที่จะนั่งรออย่างสงบ โดยหวังว่าอี้ชิงจะยังคงมั่นคงในตัวเขาและกลับมาพร้อมคำอธิบายดีๆ แค่นั้นเขาก็พร้อมที่จะให้อภัยทุกอย่างแล้ว
เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่จางอี้ชิงสร้างเรื่อง
“คุณ!”
เสียงเรียกใกล้ๆปลุกลู่หานให้ตื่นจากภวังค์ นัยน์ตาสวยเหลือบขึ้นมองตามเสียงเรียก ร่างเล็กที่มองมาทางเขาด้วยท่าทางเอาเรื่องพร้อม ชุดผ้าฝ้ายบางเบาชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบลู่ไปกับร่างเล็กจนเห็นสัดส่วนชัดเจน
ลู่หานขมวดคิ้วก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่สนใจ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครทั้งนั้น ถึงแม้ว่าอีกคนจะมีเรื่องทุกข์ร้อนอยากจะพูดกับเขาก็เถอะ
“เฮ้ย! อย่ามาเมินกันง่ายๆ แบบนี้นะ!” ร่างเล็กแหกปากดังขึ้นอีกพร้อมกับตรงเข้ากระชากแขนอีกคน ลู่หานเซตามแรงกระชากแต่ก็บิดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับนัยน์ตาสวยที่บัดนี้พร้อมจะฟาดฟันทุกอย่างให้ขาดเป็นสองท่อนได้เลยก็ว่าได้
“นายเป็นใคร มายุ่งอะไรกับฉัน!” ลู่หานลุกขึ้นเผชิญหน้ากับชายนิรนามที่ตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย แต่กลับมาตะโกนใส่เขาปาวๆ
“ฉันเป็นเพื่อนของคิมจงแดน่ะสิ!! นายคือคนที่อยู่กับจางอี้ชิงเมื่อวานใช่มั้ย! เขาลักพาตัวจงแดไป ตอนนั้นฉันพยายามวิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน! แถมยังตามหาตั้งหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เจอ แจ้งตำรวจก็ไม่รับเรื่องเพราะหายยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง!”
“...” ลู่หานชักสีหน้าหงุดหงิดไปใหญ่เมื่อร่างเล็กเอาแต่พูดรัวออกมาเป็นชุด แถมยังเป็นการพูดที่เรียกได้ว่าตะโกนเลยด้วยซ้ำ
“สรุปเลยนะ!! จางอี้ชิงเอาจงแดของฉันไปไว้ที่ไหน!”
คิมมินซอกหอบหายใจจนตัวโยนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะจากการวิ่งวุ่นไปทั่วอย่างกับคนบ้าเพื่อตามหาเพื่อนรักหรือการที่เพิ่งมายืนแหกปากปาวๆใส่คนตรงหน้า ทางรอดเดียวที่จะทำให้เขารู้ว่าจางอี้ชิงพาคิมจงแดไปไว้ที่ไหน
“ฉันไม่รู้”
“โกหก!”
“จะคิดยังไงก็เรื่องของนาย ถอยไป” ลู่หานผลักอีกคนไปข้างๆอย่างไม่แยแส ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับที่พักได้แล้ว เขาเองก็เหนื่อยเต็มทนกับการมานั่งรอแบบลมๆแล้งๆ แล้วเหมือนกัน
คนอย่างลู่หานจำเป็นด้วยหรือไงที่ต้องมาคอยเป็นรองคนอื่น?
“กินข้าวซะ”
อี้ชิงวางถาดลงบนโต๊ะแบบไม่เบานักจนร่างบางที่นั่งชันเข่าอยู่บนเตียงสะดุ้ง นัยน์ตาเรียวตวัดมองอีกคนที่ยังคงนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเดินมาหาเขาแต่อย่างใดก็เริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“มานี่”
“ผมไม่หิว”
“ฉันบอกให้มานี่”
ทำยังดีคิมจงแด ทำยังไงดี!
เมื่อไม่มีทางออกที่ดีเลยสักทาง คิมจงแดก็ได้แต่คลำหาผ้าห่ม มุดตัวลงนอนแล้วใช้ผ้าคลุมตัวเองจนมิด อี้ชิงขมวดคิ้วมุ่นกับภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น
งั้นก็อดตายไปเลยแล้วกัน คิมจงแด!
เมื่อเสียงฝีเท้าเงียบลง จงแดจึงค่อยๆเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว ท้องร้องโครกครากจนต้องเอามือกุมไว้เบาๆ ภาพรอบด้านที่มืดสนิทแม้ว่าจะเบิกตากว้างแค่ไหนทำให้ร่างบางอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความจนใจ ถ้าเป็นในบ้านตัวเอง ให้เดินไปทั่วโดยไม่ชนอะไรสักอย่างก็กลายเป็นเรื่องหมูๆสำหรับคิมจงแดไปแล้ว แต่ที่นี่คือสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย ลำพังแค่กลิ่นของอาหารหอมชุยก็ไม่เพียงพอต่อการคลำทางไปหาได้อย่างปลอดภัย
คงต้องอดจนกว่าจะได้ไปจากที่นี่
แต่มันเมื่อไหร่ล่ะ?
เอาวะ! ลองคลำทางไปดูก็ได้ โต๊ะคงไม่ห่างจากเตียงเท่าไหร่หรอก!
ในที่สุดจงแดก็ตัดสินใจด้วยความหิวล้วนๆ สองขาเรียวค่อยๆหย่อนลงจากเตียง มือทั้งสองข้างก็ค่อยๆยื่นไปข้างหน้า ลองคลำๆดูและก็โชคดีที่ไปแตะใส่กำแพงหนา จากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินตาม โดยที่ให้สองมือนำทางไปเรื่อยๆ
ภาพนั้นอยู่ในสายตาของจางอี้ชิงทุกวินาที
ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ในถือแก้วน้ำไว้แน่น นัยน์ตาเรียวมองตรงไปยังร่างบางที่กำลังพยายามเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ความรู้สึกเหมือนมีน้ำเอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทำให้เขายกมืออีกข้างที่กำลังสั่นเทาขึ้นปิดปากตัวเองไว้ เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะตามมา
นี่มันอะไรกัน...
“โอ๊ะ! เจ็บนะเนี่ย!” จงแดพึมพำเบาๆ หลังจากที่เตะเข้ากับเก้าอี้เข้าอย่างจัง คอยแต่ระวังด้านบนจนลืมระวังด้านล่าง ใบหน้าน่ารักเริ่มยู่ยี่ด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากบางก็เอาแต่บ่นพึมพำไม่เป็นศัพท์
จางอี้ชิงค่อยๆวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ สองขาก้าวเดินอย่างช้าๆ ในหัวทั้งมึนงงและสับสน ไม่เข้าใจว่าภาพที่เห็นตรงหน้าหมายความว่ายังไง แต่อีกใจหนึ่งก็เหมือนว่าเขาจะรู้แล้ว เพียงแค่ไม่อยากจะยอมรับความจริงก็เท่านั้น
“...จงแด” น้ำเสียงเบาหวิวถูกเอื้อนเอ่ยออกไปพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแรงที่เอื้อมไปโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง
จงแดเบิกตากว้างอย่างตกใจ พร้อมกับความรู้สึกที่มาจุกแน่นอยู่ตรงอก อ้อมกอดที่เขาได้รับอยู่ตอนนี้ ช่างอบอุ่นและเยือกเย็นไปในเวลาเดียวกัน ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลริน บ่าของจงแดเปียกชุ่ม จากอีกคนที่กอดแน่นและใบหน้าที่ซบอยู่กับบ่าของเขา
นั่นยิ่งทำให้คิมจงแดปวดใจ
อย่าร้องไห้เลยนะครับพี่อี้ชิง
“อย่าแกล้งกันแบบนี้...”
“...”
“ยอม ยอมแล้ว พี่ยอมทุกอย่างแล้ว”
“...”
“บอกพี่มาสิ ว่าที่พี่เห็น จงแดแค่ล้อเล่นกับพี่เท่านั้น”
จางอี้ชิงผละออกก่อนจะค่อยๆยึดบ่าร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง ใบหน้าหวานแดงก่ำเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ไม่ต่างจากเขาตอนนี้เลยสักนิด ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีคำตอบจากร่างบาง ไม่มีคำถามใดหลุดออกจากปากเขาอีก
นัยน์ตาสวยที่มักจะส่องสว่างสดใส ตอนนี้กลับหม่นแสงมืดมน เหม่อลอยอย่างไม่มีจุดหมาย
เหมือนกับว่าจะตอบในคำถามที่เขาถามออกไปได้หมดแล้ว
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง...” อี้ชิงกระซิบแผ่วเบาด้วยหัวใจที่รวดร้าว นี่เขาทำอะไรลงไป ทำร้ายคนที่รักหมดใจโดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าร่างบางกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเรื่องทุกข์ทรมาน
“เมื่อไหร่...”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายต้องอยู่ในโลกอันมืดมิดอย่างทรมาน
ทำไมนายไม่เคยบอกพี่เลย
“ผมเหนื่อยแล้ว พาผมกลับไปหามินซอกได้มั้ยครับ” น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นอย่างเว้าวอน
“นายยังไม่ได้ตอบคำถามของพี่”
“ตลอดมาผมไม่รู้เลยว่าทำให้พี่ทุกข์ใจมาตลอด ผมขอโทษ ผมเสียใจจริงๆ แต่พี่ก็เห็นแล้ว...ว่าตอนนี้ผมเป็นยังไง” จงแดกลั้นใจพูดออกไปทั้งที่สะอึกจนตัวโยน
“...จงแด”
“และตอนนี้พี่ก็มีแฟนใหม่แล้วนะครับ” ริมฝีปางบางแย้มรอยยิ้ม “พี่หายโกรธผมได้แล้ว”
อย่ามาอยู่ในระยะที่ผมรับรู้ได้ถึงตัวตนของพี่
ช่วยอยู่ให้ห่างจากผมที
“พี่ไม่เคยโกรธนายเลย...” อี้ชิงเอ่ยออกไป มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าอีกคนขึ้นมา จูบซับบนเปลือกตาขาวไล่ลงมายังน้ำตาที่รินไหลลงมาไม่ขาดสาย
“และถึงนายจะเป็นยังไงพี่ก็รัก...พี่รักนายเสมอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...”
เหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของกำแพงในใจ คิมจงแดโถมเข้ากอดร่างโปร่งสุดตัว ซบใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาลงกับแผ่นอกกว้าง ในขณะที่อี้ชิงก็กระชับกอดแน่นราวกับว่ากลัวอีกคนจะหายไป
เป็นเวลาเนิ่นนานที่พวกเขากอดกันแน่น เหมือนกับเป็นการซึมซับช่วงเวลาที่ห่างหายจากกันไป
พร้อมกับกำแพงที่โอบล้อมหัวใจได้พังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว
พี่จุนมยอนเล่นฉันตายแน่!
โอ้ยไอ้มินซอกคนนี้จะทำยังไงดีละวะนั่น!!
ภายในห้องพักแบบบังกะโลขนาดกลาง ปรากฏร่างเล็กของคิมมินซอกเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าจะพยายามปลอบตัวเองว่าอย่างจางอี้ชิงไม่มีทางทำอะไรคิมจงแดของเขาหรอก มันก็ไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาเลยสักนิด!
ครืนนนน ครืนนน
นัยน์ตากลมตวัดมองไปยังมือถือบางเฉียบของตัวเองที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่ ขณะเดินไปรับก็ภาวนาในใจอย่างเดียวว่าขอให้ไม่ใช่คิมจุนมยอน พี่ชายของจงแด ไม่งั้นคงต้องหาข้อแก้ตัวพัลวันแน่
และก็ต้องเปลี่ยนมาขมวดคิ้วแทนเมื่อพบว่าเป็นเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ”
[มินซอก! นี่ฉันเองนะ]
“เฮ้ย! จงแด! นี่นายอยู่ไหนเนี่ย” มินซอกแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
[ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ที่ แหะๆ]
“ยังมีหน้าจะมาหัวเราะ! แล้วนายเป็นอะไรรึเปล่า ไอ้บ้าอี้ชิงมันทำอะไรนายมั้ย!”
[ไม่ พี่อี้ชิงไม่ได้ทำอะไร...]
น้ำเสียงอ่อยๆจากปลายสายทำเอามินซอกขมวดคิ้ว นี่จะเชื่อดีมั้ยเนี่ย
“ก็ดี! บอกให้มันพานายกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”
[เฮ้ย อย่านะมินซอกอ่า พรุ่งนี้ฉันจะกลับไป ฉันแค่โทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วงแค่นั้นเอง]
“ไอ้บ้า จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงละ นายไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องปกติเค้านะ แล้วนี่ความลับยังเป็นความลับอยู่มั้ยหา” มินซอกรัวใส่อีกคนไม่ยั้ง
[ความลับแตกแล้วอ่ะ...] จงแดตอบเสียงอ่อย เล่นเอามินซอกอ้าปากค้าง อะไรกัน ไหนบอกนักบอกหนาว่าเจ็บปวดอย่างนู้นอย่างนี้ แต่น้ำเสียงตอนนี้มันร่าเริงสดใสอย่างปิดไม่มิดชัดๆ!
“ฉันล่ะเบื่อกับนายจริงๆ”
[เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปหานาย ไม่ต้องห่วงนะ!]
มินซอกเบ้ปากใส่โทรศัพท์ที่เพิ่งกดวางไป แล้วที่เขาเหนื่อยวิ่งวุ่นไปมาทั้งวันมันเพื่ออะไรกันเนี่ย! ให้ตาย!
“จงแด อยากอาบน้ำรึเปล่า?” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้จงแดค่อยๆเงยหน้าขึ้น หลังจากที่ก้มหน้าขำเพื่อนที่เพิ่งวางสายไป หลังจากที่นั่งสะอึกสะอื้นกันไปนานพอตัว ทั้งคู่ก็เริ่มคิดได้ว่าจะมามัวแต่นั่งร้องไห้กันแบบนี้ไม่ได้ จงแดยืมโทรศัพท์อีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้สถานะของพวกเขาอยู่ตรงจุดไหน อี้ชิงจะหายโกรธจริงอย่างที่พูดรึเปล่า
แต่สุดท้ายอี้ชิงก็ให้ยืมง่ายๆ แถมยังกดเบอร์ที่จงแดจำได้ขึ้นใจให้ด้วย เบอร์ของคิมมินซอก เพื่อนสนิทที่อยู่กับเขาตลอดเวลา เพราะเพื่อนตัวเล็กของเขารับทำขนมให้กับร้านเบเกอรี่รวมถึงงานเลี้ยงต่างๆ เป็นงานที่ทำอยู่กับบ้าน ถึงเวลาร้านก็จะมารับขนมไปเอง จึงทำให้มินซอกรับหน้าที่ดูแลจงแดซึ่งเป็นเพื่อนสนิทข้างบ้านไปด้วย
“ครับ เอ่อ...พี่พาผมไปที่ห้องน้ำก็พอนะครับ” จงแดบอกพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นยืน
“หรือจงแดอยากให้พี่อาบให้?”
“หะ ห๊ะ?”
ประโยคยอกล้อที่อีกคนเอ่ยออกมาทำเอาจงแดยืนนิ่งหน้าขึ้นสีและสิ่งนี้เองที่ทำให้จงแดรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ชอบหยอกล้อให้เขาเขินอยู่เรื่อย
“ล้อเล่นนะ”
“ครับ! ผมรู้น่า”
“หรืออยากให้อาบจริง?”
โอ้ย...จางอี้ชิง นี่มันจางอี้ชิงจริงๆ
หลังจากที่อาบน้ำอย่างทุลักทุเลเสร็จไป ปัญหาใหญ่ก็มาเยือนคิมจงแดทันที เพราะเขาดันซุ่มซ่ามทำเสื้อผ้าตกลงไปในอ่างอาบน้ำที่ตัวเองเพิ่งขึ้นมาหมาดๆ
และดูเหมือนวาเขาจะอยู่ในห้องน้ำมานานเกินไปจนคนที่อยู่ข้างนอกเป็นห่วง เสียงเคาะประตูระลอกใหญ่จึงตามมา
“จงแด จงแดอาบน้ำเสร็จรึยัง?”
“...”
เสร็จแล้วแต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่น่ะครับ
“จงแดทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ?”
“อาบเสร็จแล้วครับ”
“งั้นพี่เปิดประตูนะ”
“เฮ้ย! อย่าครับพี่! ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่!” ในที่สุดจงแดก็พูดออกไปจนได้ เสียงอีกฟากประตูเงียบหายไปหลายนาทีจนจงแดหวั่นๆ เลือกที่จะคลำๆหาผ้าเช็ดตัวที่คงจะตกอยู่ไม่ไกล ในที่สุดก็เจอตกอยู่ใกล้ๆกับอ่าง โชคดีที่ยังไม่จมลงไปพร้อมกับเสื้อผ้าของเขา มือเล็กพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนจะค่อยๆเดินคลำทางไปยังประตู
40 per.
“จงแดเอาเสื้อผ้าพี่ไปใส่...ก่อน” เสียงทุ้มแผ่วลงหลังจากที่เปิดประตูพรวดเข้ามาอย่างกะทันหันจนต้องมาเจอเข้ากับภาพที่ทำให้ใจสั่นรัวอย่างแรง
ให้ตายเถอะ...ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมรูปร่างของนายมันถึงทำให้พี่ร้อนวูบวาบขนาดนี้นะ
“เอ่อ...พี่อี้ชิง?” จงแดเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมอีกคนถึงเงียบเสียงไปซะอย่างนั้น ถึงตอนแรกจะค่อนข้างตกใจอยู่กับการที่อีกคนเปิดประตูเข้ามาแบบไม่สนเลยว่าเขาจะแก้ผ้าอยู่รึเปล่าก็เถอะ แต่ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน คงไม่มีอะไรให้อายมากมายนัก
ความคิดของจงแดช่างสวนทางกับอีกคนที่ยืนใจสั่นอยู่โดยสิ้นเชิง...
“ให้พี่ช่วยรึเปล่า?” อี้ชิงเอ่ยถามแก้เก้อพลางนึกขอบคุณอยู่ในใจเล็กๆที่จงแดมองไม่เห็นหน้าตาเหลอหลาของตัวเอง
“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปนะครับ” เขาไม่อยากทำตัวเป็นภาระจนอีกฝ่ายรำคาญ อี้ชิงผุดยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปแตะที่แขนคนตัวเล็กเบาๆ
“ทุกอย่างที่เป็นคิมจงแด มันไม่เคยรบกวนพี่เลยสักครั้ง เพราะพี่เต็มใจและชอบที่จะถูกเจ้าตัวยุ่งของพี่กวนมาก...ถูกรบกวนทุกวันต่อจากนี้และตลอดไปเลยยิ่งดี”
ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้าของร่างโปร่งขณะพูด แต่จงแดก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในน้ำเสียงที่ส่งมา ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเถือก ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน คิมจงแดคนนี้ก็ไม่อาจต้านทานความอบอุ่นของคนตรงหน้า มิหนำซ้ำก็ยังไม่เคยชินสักที
สิ่งพวกนี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าความรักของพวกเขาทั้งสองคน...ยังใหม่อยู่เสมอ
เหมือนกับครั้งแรกที่พบกัน…
...เพิ่งจะผ่านไปเมื่อวาน
“จงแด” อี้ชิงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ หลังจากที่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวกันแบบเงียบๆผ่านไปแล้ว ทั้งคู่ก็เข้านอนเพื่อรอคอยวันใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงและนั่นก็หมายถึงว่าทั้งคู่ต้องกลับไปเผชิญกับโลกของตัวเอง
โลกที่เป็นความจริง
และลู่หาน...
ผู้ชายที่กำลังเล่นงานจางอี้ชิงอย่างหนักในเวลานี้ ในหัวของเขาเอาแต่คิดว่าจะบอกกับลู่หานยังไงให้ดีมีเหตุผลและไม่โหดร้ายจนเกินไปและถ้าจะพูดถึงเหตุผล มันก็มีอยู่แค่ข้อเดียว นั่นก็คือเขา ไม่เคยลืมคิมจงแดไปจากใจเลยสักนิด
“ครับ” จงแดขานรับออกมาเบาๆหลังจากที่หลังเลอยู่ว่าจะแกล้งทำเป็นหลับต่อไปหรือจะตอบดี
“นอนไม่หลับเหรอ”
ช่างเป็นคำถามที่โง่สิ้นดี เขารู้ แต่มันก็ไม่ได้มีเรื่องราวมากมายให้เลือกที่จะพูดคุยกันนักหรอก
“ครับ” อีกฝ่ายพึมพำตอบออกมาเสียงแผ่ว
“พรุ่งนี้...”
จงแดกำผ้าห่มในมือแน่นขึ้นไปอีกหลังจากที่กำอย่างนั้นมาสักพักแล้วด้วยความกดดัน เขาหวาดกลัวเหลือเกินว่าจางอี้ชิงจะพูดอะไรออกมา จงแดรู้ดีว่าตอนนี้อี้ชิงมีคนรักใหม่เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเรียวของอีกคนทาบลงมาที่ข้างแก้ม
“พรุ่งนี้ไปกับพี่นะ”
“...”
“ไปหาลู่หานด้วยกัน”
“...ทำไม”
“พี่จะไปบอกให้เค้าเข้าใจเรื่องของเรา”
“แต่ว่าแบบนั้นมัน...” ถึงจะรู้สึกดีใจแค่ไหน แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ยังมีอยู่
“ไม่ต้องห่วง ลู่หานจะต้องเข้าใจ”
“...ครับ”
“ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้เองสินะ” น้ำเสียงแข็งกร้าวที่ตอบกลับมายิ่งทำให้มือเล็กของจงแดถูกกระชับแน่นขึ้นไปอีก คล้ายกับจะปลอบโยน
“ฉันขอโทษลู่หาน...”
“นายคิดว่าฉันควรจะตอบว่ายังไง?” ใบหน้าสวยไร้ที่ติเหยียดยิ้ม นัยน์ตาสวยสั่นระริก มันฉายชัดออกมาทั้งความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง ความแค้นเคือง...
“ฉันขอโทษ”
“เท่ากับที่ผ่านมานายไม่เคยรักฉันอย่างที่ปากพูดเลยสินะ นายมันก็แค่ไอ้คนหลอกลวง!!” ลู่หานตวาดเสียงดังลั่น สองขาก้าวเข้าประชิดคนตรงหน้าหวังจะซัดสักหมัดให้หายแค้น แต่ภาพที่เห็นกลับยิ่งบาดตามากขึ้นไปอีก เมื่ออี้ชิงไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับดึงร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นเข้ามากอดแน่น ราวกับกลัวว่าจะถูกเขาทำร้าย
หึ...จางอี้ชิง
นายนี่มันน่าโมโหชะมัด...
“ลู่หาน ยกโทษให้ฉันเถอะ เราเป็นเพื่อนกันได้ ฉันเลิกรักคิมจงแดไม่ได้จริงๆ!”
“...”
“ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจงแด ที่ผ่านมาฉันคิดว่าสักวันคงจะสามารถรับนายเข้ามาในหัวใจได้...แต่ฉันคิดผิด”
“...”
“ฉันไม่เคยลืมจงแดเลย!”
“พอ!”
“ฉันขะ...”
“บอกให้หุบปากไง!! ออกไปจากห้องฉัน”
“ลู่หาน...”
อี้ชิงเอ่ยเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่ภายในจนจุกไปหมด ประกอบกับความเปียกชุ่มที่เริ่มแผ่วงกว้างบริเวณแผงอก ที่รู้ได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดกำลังร้องไห้อีกครั้งแล้ว
“จะบอกอะไรให้นะ...ฉันไม่ได้มีแต่นายคนเดียว”
“...!!”
“อย่าถือสาเลยนะ ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกัน” ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ร่างโปร่งยืนอึ้งอยู่กับที่
“พี่อี้ชิงครับ...” คิมจงแดเอ่ยเสียงแผ่ว ในใจเริ่มกังวลว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร หรือว่าจริงๆแล้วอี้ชิงรักลู่หานกันแน่
“จงแด เราไปกันเถอะ” อี้ชิงพูดขึ้นมาเสียงแผ่ว ถอนอ้อมกอดออกก่อนจะดึงมือเล็กมาจับ ในใจกำลังรู้สึกเจ็บปวดที่เรื่องราวไม่ได้จบลงด้วยดีอย่างที่คิด อย่างน้อยเขากับลู่หานก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน นานจนเขาสนิทใจและรู้สึกว่าอีกคนเป็นเพื่อนคนสำคัญ ถึงแม้ความจริงที่ว่าถูกสวมเขามาตลอดจะทำให้แอบเคืองอยู่เล็กๆ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจเท่ากับตอนที่จงแดเดินจากไป
“พี่อี้ชิง...พี่รักคุณลู่หานรึเปล่าครับ...” คำถามจากร่างบางข้างๆไม่ได้ทำให้จังหวะก้าวเดินของร่างโปร่งชะงักไปอย่างที่จงแดคิดแต่อย่างใด
“รักสิ”
“...”
“รักแบบเพื่อนที่สนิทที่สุด มันไม่เท่ากับที่พี่รักคิมจงแดคนนี้หรอกครับ...”
เสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ เหมือนกับจะกระชากให้ลู่หานตื่นจากภวังค์
ไปแล้วสินะ...
ไปจากชีวิตของฉันแล้วสินะ...
นัยน์ตากลมสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่จะไหลรินลงมาตอกย้ำความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ ร่างบางค่อยๆทรุดตัวลงนั่งช้าๆ กอดเข่าตัวเองไว้เหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ ห้องกว้างเงียบงันถูกกลบด้วยเสียงสะอื้นหนักๆของร่างบาง
“นายมันแย่...”
คำพูดร้ายกาจที่พูดออกไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้จางอี้ชิงรู้สึกผิด
ลู่หานอยากให้อี้ชิงไปมีความสุขอย่างสบายใจ
เพราะลู่หานรู้จักจางอี้ชิงดี
“ขอให้นายมีความสุขกับคนที่รักจริงๆสักทีนะ...”
1 ปีผ่านไป
“จงแด! ทำอะไรเนี่ย!”
จางอี้ชิงแทบจะเป็นลมล้มพับไปซะให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องนอนมาแล้วพบว่าคนรักถือมีดเดินออกมาจากในครัว
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่อี้ชิง” จงแดกลับไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงตกใจของอีกฝ่ายเลย หนำซ้ำยังส่งยิ้มกว้างไปให้แบบไม่ยี่หระอีกด้วย
“เดี๋ยวเถอะ อย่าถือมีดเดินไปเดินมาสิ!” อี้ชิงก้าวเข้าประชิดตัวร่างเล็กก่อนจะดึงมีดในมืออีกคนมาถือไว้เอง “จะเอาไปทำอะไรเนี่ย”
“วันนี้ผมทำไข่ดาวกับไส้กรอกน่ะครับ เลยจะเอาไปใช้หั่นไส้กรอกไง!”
“แล้วทำไมไม่รอพี่ก่อน ให้พี่จัดโต๊ะให้ก็ได้” อี้ชิงประครองคนรักเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร จานสี่ใบถูกวางเรียงสวยงามเกือบสมบูรณ์ดีแล้ว เหลือก็แต่มีดที่คนตัวเล็กกำลังนำมา
เมื่ออยู่ในบ้านของตัวเองคิมจงแดก็ทำทุกอย่างได้ราวกับไม่ได้ตาบอด อาศัยความคุ้นชินและประสาทสัมผัสเข้าช่วย เขาจึงสามารถทำอะไรตามใจได้อย่างไร้ทิ่ติ แต่คนเป็นห่วงก็คือเป็นห่วง คอยแต่จะตามโอ๋ไม่ให้จงแดทำอะไรเลยจนคนตัวเล็กชักจะจนใจ แต่ก็อดรู้สึกดีกับความห่วงใยนั้นไม่ได้
ผ่านมาหนึ่งปีเต็มแล้วกับเหตุการณ์ที่พวกเขาวนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งและในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน สำหรับทั้งคู่ มันช่างเป็นทั้งปาฏิหาริย์และพรมลิขิต ที่ทำให้พวกเขากลับมาเป็นของกันและกัน
และตอนนี้พวกเขาก็มีความสุขดีกับชีวิตคู่
รวมถึงอีกคู่หนึ่งด้วย...
“จงแดของฉัน!” ร่างเล็กของจงแดเซไปตามแรงโถมกอดของผู้มาใหม่
“นี่หยุดเลยนะลู่หาน” อี้ชิงปรามพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างหวงแหน
“อะไรกัน กอดนิดกอดหน่อยทำมาเป็นหวง” ลู่หานย่นคิ้วใส่อย่างหมั่นไส้ก่อนจะคว้าเอาคนรักของตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบมากอดแน่น
“ปล่อยนะเว้ย อึดอัดชะมัด!” มินซอกโวยวายพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่สามารถสู่แรงดื้อของคนที่ตัวโตกว่าไปแค่นิดเดียวได้อีกตามเคย
“โอ้ยนี่มันอะไรกัน แล้วเมื่อไหร่จะได้กินข้าวเนี่ย!” จงแดแย้งขึ้นมาพร้อมกับดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่น
เป็นอีกวันที่บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุข ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านอะไรมา สุดท้ายแล้วตอนนี้พวกเขา
ก็มีความสุขร่วมกันได้อยู่ดี
จบแล้วกับ SF ป่วงๆ ที่ใช้เวลานานมากและยืดยื้อเหลือเกินในการแต่ง! 5555555
ตอนจบดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย
ต้องขอโทษนักอ่านหลายคนด้วยที่คิดว่ามันจะมีอะไรบู๊แหลกมากกว่านี้
แต่คือจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะแต่งให้มันยาวขนาดนี้นะคะ มันยาวไปเอง ไรท์ไม่เกี่ยว (ใช่เหรอ?) 5555
ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามจนถึงตอนจบ
และหวังว่าทุกคนจะตามไปในตอนต่อไปด้วยนะคะ!
#ตอนพิเศษลู่หมินอาจจะมี
ความคิดเห็น