ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #16 : STORY : SF ลมเปลี่ยนทิศ [Laychen] [4/4] END

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 58


     

     

    ลมเปลี่ยนทิศ 4










     

                ลู่หานไม่ได้พูดลอยๆไปเท่านั้นเอง...

               

                เขายังคงนั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิมตั้งแต่เวลาบ่ายกว่าๆจนมาถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า

               

                รอคอยอย่างใจเย็น...

     

                บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเปลี่ยนไปรวมถึงร้านริมหาดเล็กๆที่เขานั่งจิบกาแฟมาจนถึงตอนนี้ ทางร้านก็เริ่มเปิดไฟหลากสีและจำหน่ายเครื่องดื่มมึนเมาเข้ากับบรรยากาศ ถึงอย่างนั้นลู่หานก็ไม่ได้คิดที่จะลุกขึ้นแล้วเดินกลับที่พักแต่อย่างใด แก้วกาแฟรวมถึงจานขนมเล็กวางอยู่เต็มโต๊ะจนเกือบล้น แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลายาวนานที่เขานั่งอยู่ตรงนี้

     

                5 ชั่วโมง...ไม่สิ...6 ชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ

     

                นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูด...

     

     

     

                ได้ งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่านายจะกลับมา

     

     

     

                หรือนายไม่คิดจะสนใจคำพูดของฉันอีกต่อไปแล้วกันแน่...จางอี้ชิง

     

                ภาพที่คนรักดึงร่างบางของใครคนหนึ่งเข้าสู่อ้อมกอดเมื่อช่วงบ่ายยังคงติดตรึงไม่จางหาย ถึงแม้จะมีคำถามมากมายจนแทบบ้าหรืออยากจะวิ่งตามไปกระชากคอเสื้อคนรักมาถามไถ่ให้รู้เรื่อง แต่ลู่หานก็เลือกที่จะนั่งรออย่างสงบ โดยหวังว่าอี้ชิงจะยังคงมั่นคงในตัวเขาและกลับมาพร้อมคำอธิบายดีๆ แค่นั้นเขาก็พร้อมที่จะให้อภัยทุกอย่างแล้ว

     

                เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่จางอี้ชิงสร้างเรื่อง

     

                คุณ!

     

                เสียงเรียกใกล้ๆปลุกลู่หานให้ตื่นจากภวังค์ นัยน์ตาสวยเหลือบขึ้นมองตามเสียงเรียก ร่างเล็กที่มองมาทางเขาด้วยท่าทางเอาเรื่องพร้อม ชุดผ้าฝ้ายบางเบาชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบลู่ไปกับร่างเล็กจนเห็นสัดส่วนชัดเจน

     

                ลู่หานขมวดคิ้วก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่สนใจ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครทั้งนั้น ถึงแม้ว่าอีกคนจะมีเรื่องทุกข์ร้อนอยากจะพูดกับเขาก็เถอะ

     

                เฮ้ย! อย่ามาเมินกันง่ายๆ แบบนี้นะ!” ร่างเล็กแหกปากดังขึ้นอีกพร้อมกับตรงเข้ากระชากแขนอีกคน ลู่หานเซตามแรงกระชากแต่ก็บิดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับนัยน์ตาสวยที่บัดนี้พร้อมจะฟาดฟันทุกอย่างให้ขาดเป็นสองท่อนได้เลยก็ว่าได้

     

                นายเป็นใคร มายุ่งอะไรกับฉัน!” ลู่หานลุกขึ้นเผชิญหน้ากับชายนิรนามที่ตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย แต่กลับมาตะโกนใส่เขาปาวๆ

     

                ฉันเป็นเพื่อนของคิมจงแดน่ะสิ!! นายคือคนที่อยู่กับจางอี้ชิงเมื่อวานใช่มั้ย! เขาลักพาตัวจงแดไป ตอนนั้นฉันพยายามวิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน! แถมยังตามหาตั้งหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เจอ แจ้งตำรวจก็ไม่รับเรื่องเพราะหายยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง!

     

                “...” ลู่หานชักสีหน้าหงุดหงิดไปใหญ่เมื่อร่างเล็กเอาแต่พูดรัวออกมาเป็นชุด แถมยังเป็นการพูดที่เรียกได้ว่าตะโกนเลยด้วยซ้ำ

     

                สรุปเลยนะ!! จางอี้ชิงเอาจงแดของฉันไปไว้ที่ไหน!

     

                คิมมินซอกหอบหายใจจนตัวโยนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะจากการวิ่งวุ่นไปทั่วอย่างกับคนบ้าเพื่อตามหาเพื่อนรักหรือการที่เพิ่งมายืนแหกปากปาวๆใส่คนตรงหน้า ทางรอดเดียวที่จะทำให้เขารู้ว่าจางอี้ชิงพาคิมจงแดไปไว้ที่ไหน

     

                ฉันไม่รู้

     

                โกหก!

     

                จะคิดยังไงก็เรื่องของนาย ถอยไปลู่หานผลักอีกคนไปข้างๆอย่างไม่แยแส ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับที่พักได้แล้ว เขาเองก็เหนื่อยเต็มทนกับการมานั่งรอแบบลมๆแล้งๆ แล้วเหมือนกัน

     

                คนอย่างลู่หานจำเป็นด้วยหรือไงที่ต้องมาคอยเป็นรองคนอื่น?

     

     

     

     

               

                กินข้าวซะ

     

                อี้ชิงวางถาดลงบนโต๊ะแบบไม่เบานักจนร่างบางที่นั่งชันเข่าอยู่บนเตียงสะดุ้ง นัยน์ตาเรียวตวัดมองอีกคนที่ยังคงนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเดินมาหาเขาแต่อย่างใดก็เริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว

     

                มานี่

     

                ผมไม่หิว

     

                ฉันบอกให้มานี่

     

                ทำยังดีคิมจงแด ทำยังไงดี!

     

                เมื่อไม่มีทางออกที่ดีเลยสักทาง คิมจงแดก็ได้แต่คลำหาผ้าห่ม มุดตัวลงนอนแล้วใช้ผ้าคลุมตัวเองจนมิด อี้ชิงขมวดคิ้วมุ่นกับภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

     

                งั้นก็อดตายไปเลยแล้วกัน คิมจงแด!

     

               

                เมื่อเสียงฝีเท้าเงียบลง จงแดจึงค่อยๆเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว ท้องร้องโครกครากจนต้องเอามือกุมไว้เบาๆ ภาพรอบด้านที่มืดสนิทแม้ว่าจะเบิกตากว้างแค่ไหนทำให้ร่างบางอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความจนใจ ถ้าเป็นในบ้านตัวเอง ให้เดินไปทั่วโดยไม่ชนอะไรสักอย่างก็กลายเป็นเรื่องหมูๆสำหรับคิมจงแดไปแล้ว แต่ที่นี่คือสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย ลำพังแค่กลิ่นของอาหารหอมชุยก็ไม่เพียงพอต่อการคลำทางไปหาได้อย่างปลอดภัย

     

                คงต้องอดจนกว่าจะได้ไปจากที่นี่

     

                แต่มันเมื่อไหร่ล่ะ?

     

                เอาวะ! ลองคลำทางไปดูก็ได้ โต๊ะคงไม่ห่างจากเตียงเท่าไหร่หรอก!

     

                ในที่สุดจงแดก็ตัดสินใจด้วยความหิวล้วนๆ สองขาเรียวค่อยๆหย่อนลงจากเตียง มือทั้งสองข้างก็ค่อยๆยื่นไปข้างหน้า ลองคลำๆดูและก็โชคดีที่ไปแตะใส่กำแพงหนา จากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินตาม โดยที่ให้สองมือนำทางไปเรื่อยๆ

     

     

     

                ภาพนั้นอยู่ในสายตาของจางอี้ชิงทุกวินาที

     

               

     

                ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ในถือแก้วน้ำไว้แน่น นัยน์ตาเรียวมองตรงไปยังร่างบางที่กำลังพยายามเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ความรู้สึกเหมือนมีน้ำเอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทำให้เขายกมืออีกข้างที่กำลังสั่นเทาขึ้นปิดปากตัวเองไว้ เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะตามมา

     

               

                นี่มันอะไรกัน...

     

                โอ๊ะ! เจ็บนะเนี่ย!” จงแดพึมพำเบาๆ หลังจากที่เตะเข้ากับเก้าอี้เข้าอย่างจัง คอยแต่ระวังด้านบนจนลืมระวังด้านล่าง ใบหน้าน่ารักเริ่มยู่ยี่ด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากบางก็เอาแต่บ่นพึมพำไม่เป็นศัพท์

     

                จางอี้ชิงค่อยๆวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ สองขาก้าวเดินอย่างช้าๆ ในหัวทั้งมึนงงและสับสน ไม่เข้าใจว่าภาพที่เห็นตรงหน้าหมายความว่ายังไง แต่อีกใจหนึ่งก็เหมือนว่าเขาจะรู้แล้ว เพียงแค่ไม่อยากจะยอมรับความจริงก็เท่านั้น

     

                “...จงแด น้ำเสียงเบาหวิวถูกเอื้อนเอ่ยออกไปพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแรงที่เอื้อมไปโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง

     

                จงแดเบิกตากว้างอย่างตกใจ พร้อมกับความรู้สึกที่มาจุกแน่นอยู่ตรงอก อ้อมกอดที่เขาได้รับอยู่ตอนนี้ ช่างอบอุ่นและเยือกเย็นไปในเวลาเดียวกัน ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลริน บ่าของจงแดเปียกชุ่ม จากอีกคนที่กอดแน่นและใบหน้าที่ซบอยู่กับบ่าของเขา

     

                นั่นยิ่งทำให้คิมจงแดปวดใจ

     

                อย่าร้องไห้เลยนะครับพี่อี้ชิง

     

                อย่าแกล้งกันแบบนี้...

     

                “...”

     

                ยอม ยอมแล้ว พี่ยอมทุกอย่างแล้ว

     

                “...”

     

                บอกพี่มาสิ ว่าที่พี่เห็น จงแดแค่ล้อเล่นกับพี่เท่านั้น

     

                จางอี้ชิงผละออกก่อนจะค่อยๆยึดบ่าร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง ใบหน้าหวานแดงก่ำเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ไม่ต่างจากเขาตอนนี้เลยสักนิด ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีคำตอบจากร่างบาง ไม่มีคำถามใดหลุดออกจากปากเขาอีก

     

                นัยน์ตาสวยที่มักจะส่องสว่างสดใส ตอนนี้กลับหม่นแสงมืดมน เหม่อลอยอย่างไม่มีจุดหมาย

     

     

    เหมือนกับว่าจะตอบในคำถามที่เขาถามออกไปได้หมดแล้ว

     

     

    มันเกิดขึ้นได้ยังไง... อี้ชิงกระซิบแผ่วเบาด้วยหัวใจที่รวดร้าว นี่เขาทำอะไรลงไป ทำร้ายคนที่รักหมดใจโดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าร่างบางกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเรื่องทุกข์ทรมาน

     

    เมื่อไหร่...

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายต้องอยู่ในโลกอันมืดมิดอย่างทรมาน

     

    ทำไมนายไม่เคยบอกพี่เลย

     

    ผมเหนื่อยแล้ว พาผมกลับไปหามินซอกได้มั้ยครับ น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นอย่างเว้าวอน

     

    นายยังไม่ได้ตอบคำถามของพี่

     

    ตลอดมาผมไม่รู้เลยว่าทำให้พี่ทุกข์ใจมาตลอด ผมขอโทษ ผมเสียใจจริงๆ แต่พี่ก็เห็นแล้ว...ว่าตอนนี้ผมเป็นยังไง จงแดกลั้นใจพูดออกไปทั้งที่สะอึกจนตัวโยน

     

    “...จงแด

     

    และตอนนี้พี่ก็มีแฟนใหม่แล้วนะครับ ริมฝีปางบางแย้มรอยยิ้ม พี่หายโกรธผมได้แล้ว

     

    อย่ามาอยู่ในระยะที่ผมรับรู้ได้ถึงตัวตนของพี่

     

    ช่วยอยู่ให้ห่างจากผมที

     

    พี่ไม่เคยโกรธนายเลย...อี้ชิงเอ่ยออกไป มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าอีกคนขึ้นมา จูบซับบนเปลือกตาขาวไล่ลงมายังน้ำตาที่รินไหลลงมาไม่ขาดสาย

     

    และถึงนายจะเป็นยังไงพี่ก็รัก...พี่รักนายเสมอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...

     

    เหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของกำแพงในใจ คิมจงแดโถมเข้ากอดร่างโปร่งสุดตัว ซบใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาลงกับแผ่นอกกว้าง ในขณะที่อี้ชิงก็กระชับกอดแน่นราวกับว่ากลัวอีกคนจะหายไป

     

    เป็นเวลาเนิ่นนานที่พวกเขากอดกันแน่น เหมือนกับเป็นการซึมซับช่วงเวลาที่ห่างหายจากกันไป

     

    พร้อมกับกำแพงที่โอบล้อมหัวใจได้พังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว

     

     

     

     

     

    พี่จุนมยอนเล่นฉันตายแน่!

     

    โอ้ยไอ้มินซอกคนนี้จะทำยังไงดีละวะนั่น!!

     

    ภายในห้องพักแบบบังกะโลขนาดกลาง ปรากฏร่างเล็กของคิมมินซอกเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าจะพยายามปลอบตัวเองว่าอย่างจางอี้ชิงไม่มีทางทำอะไรคิมจงแดของเขาหรอก  มันก็ไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาเลยสักนิด!

     

    ครืนนนน ครืนนน

     

    นัยน์ตากลมตวัดมองไปยังมือถือบางเฉียบของตัวเองที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่ ขณะเดินไปรับก็ภาวนาในใจอย่างเดียวว่าขอให้ไม่ใช่คิมจุนมยอน พี่ชายของจงแด ไม่งั้นคงต้องหาข้อแก้ตัวพัลวันแน่

     

    และก็ต้องเปลี่ยนมาขมวดคิ้วแทนเมื่อพบว่าเป็นเบอร์แปลก

     

    สวัสดีครับ

     

    [มินซอก! นี่ฉันเองนะ]

     

    เฮ้ย! จงแด! นี่นายอยู่ไหนเนี่ย มินซอกแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ

     

    [ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ที่ แหะๆ]

     

    ยังมีหน้าจะมาหัวเราะ! แล้วนายเป็นอะไรรึเปล่า ไอ้บ้าอี้ชิงมันทำอะไรนายมั้ย!

     

    [ไม่ พี่อี้ชิงไม่ได้ทำอะไร...]

     

    น้ำเสียงอ่อยๆจากปลายสายทำเอามินซอกขมวดคิ้ว นี่จะเชื่อดีมั้ยเนี่ย

     

    ก็ดี! บอกให้มันพานายกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ

     

    [เฮ้ย อย่านะมินซอกอ่า พรุ่งนี้ฉันจะกลับไป ฉันแค่โทรมาบอกว่าไม่ต้องห่วงแค่นั้นเอง]

     

    ไอ้บ้า จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงละ นายไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องปกติเค้านะ แล้วนี่ความลับยังเป็นความลับอยู่มั้ยหา มินซอกรัวใส่อีกคนไม่ยั้ง

     

    [ความลับแตกแล้วอ่ะ...] จงแดตอบเสียงอ่อย เล่นเอามินซอกอ้าปากค้าง อะไรกัน ไหนบอกนักบอกหนาว่าเจ็บปวดอย่างนู้นอย่างนี้ แต่น้ำเสียงตอนนี้มันร่าเริงสดใสอย่างปิดไม่มิดชัดๆ!

     

    ฉันล่ะเบื่อกับนายจริงๆ

     

    [เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปหานาย ไม่ต้องห่วงนะ!]

     

     

    มินซอกเบ้ปากใส่โทรศัพท์ที่เพิ่งกดวางไป แล้วที่เขาเหนื่อยวิ่งวุ่นไปมาทั้งวันมันเพื่ออะไรกันเนี่ย! ให้ตาย!

     

     

     

     

     

    จงแด อยากอาบน้ำรึเปล่า?” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้จงแดค่อยๆเงยหน้าขึ้น หลังจากที่ก้มหน้าขำเพื่อนที่เพิ่งวางสายไป หลังจากที่นั่งสะอึกสะอื้นกันไปนานพอตัว ทั้งคู่ก็เริ่มคิดได้ว่าจะมามัวแต่นั่งร้องไห้กันแบบนี้ไม่ได้ จงแดยืมโทรศัพท์อีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้สถานะของพวกเขาอยู่ตรงจุดไหน อี้ชิงจะหายโกรธจริงอย่างที่พูดรึเปล่า

     

    แต่สุดท้ายอี้ชิงก็ให้ยืมง่ายๆ แถมยังกดเบอร์ที่จงแดจำได้ขึ้นใจให้ด้วย เบอร์ของคิมมินซอก เพื่อนสนิทที่อยู่กับเขาตลอดเวลา เพราะเพื่อนตัวเล็กของเขารับทำขนมให้กับร้านเบเกอรี่รวมถึงงานเลี้ยงต่างๆ เป็นงานที่ทำอยู่กับบ้าน ถึงเวลาร้านก็จะมารับขนมไปเอง จึงทำให้มินซอกรับหน้าที่ดูแลจงแดซึ่งเป็นเพื่อนสนิทข้างบ้านไปด้วย

     

    ครับ เอ่อ...พี่พาผมไปที่ห้องน้ำก็พอนะครับ จงแดบอกพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นยืน

     

    หรือจงแดอยากให้พี่อาบให้?”

     

    หะ ห๊ะ?”

     

    ประโยคยอกล้อที่อีกคนเอ่ยออกมาทำเอาจงแดยืนนิ่งหน้าขึ้นสีและสิ่งนี้เองที่ทำให้จงแดรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ชอบหยอกล้อให้เขาเขินอยู่เรื่อย

     

    ล้อเล่นนะ

     

    ครับ! ผมรู้น่า

     

    หรืออยากให้อาบจริง?”

     

    โอ้ย...จางอี้ชิง นี่มันจางอี้ชิงจริงๆ

     

     

     

    หลังจากที่อาบน้ำอย่างทุลักทุเลเสร็จไป ปัญหาใหญ่ก็มาเยือนคิมจงแดทันที เพราะเขาดันซุ่มซ่ามทำเสื้อผ้าตกลงไปในอ่างอาบน้ำที่ตัวเองเพิ่งขึ้นมาหมาดๆ

     

    และดูเหมือนวาเขาจะอยู่ในห้องน้ำมานานเกินไปจนคนที่อยู่ข้างนอกเป็นห่วง เสียงเคาะประตูระลอกใหญ่จึงตามมา

     

    จงแด จงแดอาบน้ำเสร็จรึยัง?”

     

    “...”

     

    เสร็จแล้วแต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่น่ะครับ

     

    จงแดทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ?”

     

    อาบเสร็จแล้วครับ

     

    งั้นพี่เปิดประตูนะ

     

    เฮ้ย! อย่าครับพี่! ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่!” ในที่สุดจงแดก็พูดออกไปจนได้ เสียงอีกฟากประตูเงียบหายไปหลายนาทีจนจงแดหวั่นๆ เลือกที่จะคลำๆหาผ้าเช็ดตัวที่คงจะตกอยู่ไม่ไกล ในที่สุดก็เจอตกอยู่ใกล้ๆกับอ่าง โชคดีที่ยังไม่จมลงไปพร้อมกับเสื้อผ้าของเขา มือเล็กพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนจะค่อยๆเดินคลำทางไปยังประตู

     






    40 per.

     

    “จงแดเอาเสื้อผ้าพี่ไปใส่...ก่อน” เสียงทุ้มแผ่วลงหลังจากที่เปิดประตูพรวดเข้ามาอย่างกะทันหันจนต้องมาเจอเข้ากับภาพที่ทำให้ใจสั่นรัวอย่างแรง

     

    ให้ตายเถอะ...ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมรูปร่างของนายมันถึงทำให้พี่ร้อนวูบวาบขนาดนี้นะ

     

    “เอ่อ...พี่อี้ชิง?” จงแดเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมอีกคนถึงเงียบเสียงไปซะอย่างนั้น ถึงตอนแรกจะค่อนข้างตกใจอยู่กับการที่อีกคนเปิดประตูเข้ามาแบบไม่สนเลยว่าเขาจะแก้ผ้าอยู่รึเปล่าก็เถอะ แต่ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน คงไม่มีอะไรให้อายมากมายนัก

     

    ความคิดของจงแดช่างสวนทางกับอีกคนที่ยืนใจสั่นอยู่โดยสิ้นเชิง...

     

    “ให้พี่ช่วยรึเปล่า?” อี้ชิงเอ่ยถามแก้เก้อพลางนึกขอบคุณอยู่ในใจเล็กๆที่จงแดมองไม่เห็นหน้าตาเหลอหลาของตัวเอง

     

    “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปนะครับ” เขาไม่อยากทำตัวเป็นภาระจนอีกฝ่ายรำคาญ อี้ชิงผุดยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปแตะที่แขนคนตัวเล็กเบาๆ

     

    “ทุกอย่างที่เป็นคิมจงแด มันไม่เคยรบกวนพี่เลยสักครั้ง เพราะพี่เต็มใจและชอบที่จะถูกเจ้าตัวยุ่งของพี่กวนมาก...ถูกรบกวนทุกวันต่อจากนี้และตลอดไปเลยยิ่งดี”

     

    ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้าของร่างโปร่งขณะพูด แต่จงแดก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในน้ำเสียงที่ส่งมา ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเถือก ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน คิมจงแดคนนี้ก็ไม่อาจต้านทานความอบอุ่นของคนตรงหน้า มิหนำซ้ำก็ยังไม่เคยชินสักที

     

    สิ่งพวกนี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าความรักของพวกเขาทั้งสองคน...ยังใหม่อยู่เสมอ

     

    เหมือนกับครั้งแรกที่พบกัน

     

    ...เพิ่งจะผ่านไปเมื่อวาน

     

     

    “จงแด” อี้ชิงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ หลังจากที่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวกันแบบเงียบๆผ่านไปแล้ว ทั้งคู่ก็เข้านอนเพื่อรอคอยวันใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงและนั่นก็หมายถึงว่าทั้งคู่ต้องกลับไปเผชิญกับโลกของตัวเอง

     

    โลกที่เป็นความจริง

     

    และลู่หาน...

     

    ผู้ชายที่กำลังเล่นงานจางอี้ชิงอย่างหนักในเวลานี้ ในหัวของเขาเอาแต่คิดว่าจะบอกกับลู่หานยังไงให้ดีมีเหตุผลและไม่โหดร้ายจนเกินไปและถ้าจะพูดถึงเหตุผล มันก็มีอยู่แค่ข้อเดียว นั่นก็คือเขา ไม่เคยลืมคิมจงแดไปจากใจเลยสักนิด

     

    “ครับ” จงแดขานรับออกมาเบาๆหลังจากที่หลังเลอยู่ว่าจะแกล้งทำเป็นหลับต่อไปหรือจะตอบดี

     

    “นอนไม่หลับเหรอ”

     

    ช่างเป็นคำถามที่โง่สิ้นดี เขารู้ แต่มันก็ไม่ได้มีเรื่องราวมากมายให้เลือกที่จะพูดคุยกันนักหรอก

    “ครับ” อีกฝ่ายพึมพำตอบออกมาเสียงแผ่ว

     

    “พรุ่งนี้...”

     

    จงแดกำผ้าห่มในมือแน่นขึ้นไปอีกหลังจากที่กำอย่างนั้นมาสักพักแล้วด้วยความกดดัน เขาหวาดกลัวเหลือเกินว่าจางอี้ชิงจะพูดอะไรออกมา จงแดรู้ดีว่าตอนนี้อี้ชิงมีคนรักใหม่เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว

     

    ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเรียวของอีกคนทาบลงมาที่ข้างแก้ม

     

    “พรุ่งนี้ไปกับพี่นะ”

     

    “...”

     

    “ไปหาลู่หานด้วยกัน”

     

    “...ทำไม”

     

    “พี่จะไปบอกให้เค้าเข้าใจเรื่องของเรา”

     

    “แต่ว่าแบบนั้นมัน...” ถึงจะรู้สึกดีใจแค่ไหน แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ยังมีอยู่

     

    “ไม่ต้องห่วง ลู่หานจะต้องเข้าใจ”

     

    “...ครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้เองสินะ” น้ำเสียงแข็งกร้าวที่ตอบกลับมายิ่งทำให้มือเล็กของจงแดถูกกระชับแน่นขึ้นไปอีก คล้ายกับจะปลอบโยน

     

    “ฉันขอโทษลู่หาน...”

     

    “นายคิดว่าฉันควรจะตอบว่ายังไง?” ใบหน้าสวยไร้ที่ติเหยียดยิ้ม นัยน์ตาสวยสั่นระริก มันฉายชัดออกมาทั้งความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง ความแค้นเคือง...

     

    “ฉันขอโทษ”

     

    “เท่ากับที่ผ่านมานายไม่เคยรักฉันอย่างที่ปากพูดเลยสินะ นายมันก็แค่ไอ้คนหลอกลวง!!” ลู่หานตวาดเสียงดังลั่น สองขาก้าวเข้าประชิดคนตรงหน้าหวังจะซัดสักหมัดให้หายแค้น แต่ภาพที่เห็นกลับยิ่งบาดตามากขึ้นไปอีก เมื่ออี้ชิงไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับดึงร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นเข้ามากอดแน่น ราวกับกลัวว่าจะถูกเขาทำร้าย

     

    หึ...จางอี้ชิง

    นายนี่มันน่าโมโหชะมัด...

     

    “ลู่หาน ยกโทษให้ฉันเถอะ เราเป็นเพื่อนกันได้ ฉันเลิกรักคิมจงแดไม่ได้จริงๆ!

     

    “...”

     

    “ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจงแด ที่ผ่านมาฉันคิดว่าสักวันคงจะสามารถรับนายเข้ามาในหัวใจได้...แต่ฉันคิดผิด”

     

    “...”

     

    “ฉันไม่เคยลืมจงแดเลย!

     

    “พอ!

     

    “ฉันขะ...”

     

    “บอกให้หุบปากไง!! ออกไปจากห้องฉัน”

               

                “ลู่หาน...”

     

                อี้ชิงเอ่ยเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่ภายในจนจุกไปหมด ประกอบกับความเปียกชุ่มที่เริ่มแผ่วงกว้างบริเวณแผงอก ที่รู้ได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดกำลังร้องไห้อีกครั้งแล้ว

     

                “จะบอกอะไรให้นะ...ฉันไม่ได้มีแต่นายคนเดียว”

     

                “...!!

     

                “อย่าถือสาเลยนะ ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกัน” ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ร่างโปร่งยืนอึ้งอยู่กับที่

     

                “พี่อี้ชิงครับ...” คิมจงแดเอ่ยเสียงแผ่ว ในใจเริ่มกังวลว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร หรือว่าจริงๆแล้วอี้ชิงรักลู่หานกันแน่

     

                “จงแด เราไปกันเถอะ” อี้ชิงพูดขึ้นมาเสียงแผ่ว ถอนอ้อมกอดออกก่อนจะดึงมือเล็กมาจับ ในใจกำลังรู้สึกเจ็บปวดที่เรื่องราวไม่ได้จบลงด้วยดีอย่างที่คิด อย่างน้อยเขากับลู่หานก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน นานจนเขาสนิทใจและรู้สึกว่าอีกคนเป็นเพื่อนคนสำคัญ ถึงแม้ความจริงที่ว่าถูกสวมเขามาตลอดจะทำให้แอบเคืองอยู่เล็กๆ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจเท่ากับตอนที่จงแดเดินจากไป

     

                “พี่อี้ชิง...พี่รักคุณลู่หานรึเปล่าครับ...” คำถามจากร่างบางข้างๆไม่ได้ทำให้จังหวะก้าวเดินของร่างโปร่งชะงักไปอย่างที่จงแดคิดแต่อย่างใด

     

                “รักสิ”

     

                “...”

     

                “รักแบบเพื่อนที่สนิทที่สุด มันไม่เท่ากับที่พี่รักคิมจงแดคนนี้หรอกครับ...”

     

               

     

                เสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ เหมือนกับจะกระชากให้ลู่หานตื่นจากภวังค์

     

                ไปแล้วสินะ...

     

                ไปจากชีวิตของฉันแล้วสินะ...

     

                นัยน์ตากลมสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่จะไหลรินลงมาตอกย้ำความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ ร่างบางค่อยๆทรุดตัวลงนั่งช้าๆ กอดเข่าตัวเองไว้เหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ ห้องกว้างเงียบงันถูกกลบด้วยเสียงสะอื้นหนักๆของร่างบาง

     

                “นายมันแย่...”

     

                คำพูดร้ายกาจที่พูดออกไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้จางอี้ชิงรู้สึกผิด

     

                ลู่หานอยากให้อี้ชิงไปมีความสุขอย่างสบายใจ

     

                เพราะลู่หานรู้จักจางอี้ชิงดี

     

                “ขอให้นายมีความสุขกับคนที่รักจริงๆสักทีนะ...”

     

     

     

     

     

                1 ปีผ่านไป

     

                “จงแด! ทำอะไรเนี่ย!

     

                จางอี้ชิงแทบจะเป็นลมล้มพับไปซะให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องนอนมาแล้วพบว่าคนรักถือมีดเดินออกมาจากในครัว

     

                “อรุณสวัสดิ์ครับพี่อี้ชิง” จงแดกลับไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงตกใจของอีกฝ่ายเลย หนำซ้ำยังส่งยิ้มกว้างไปให้แบบไม่ยี่หระอีกด้วย

     

                “เดี๋ยวเถอะ อย่าถือมีดเดินไปเดินมาสิ!” อี้ชิงก้าวเข้าประชิดตัวร่างเล็กก่อนจะดึงมีดในมืออีกคนมาถือไว้เอง “จะเอาไปทำอะไรเนี่ย”

     

                “วันนี้ผมทำไข่ดาวกับไส้กรอกน่ะครับ เลยจะเอาไปใช้หั่นไส้กรอกไง!

     

                “แล้วทำไมไม่รอพี่ก่อน ให้พี่จัดโต๊ะให้ก็ได้” อี้ชิงประครองคนรักเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร จานสี่ใบถูกวางเรียงสวยงามเกือบสมบูรณ์ดีแล้ว เหลือก็แต่มีดที่คนตัวเล็กกำลังนำมา

     

                เมื่ออยู่ในบ้านของตัวเองคิมจงแดก็ทำทุกอย่างได้ราวกับไม่ได้ตาบอด อาศัยความคุ้นชินและประสาทสัมผัสเข้าช่วย เขาจึงสามารถทำอะไรตามใจได้อย่างไร้ทิ่ติ แต่คนเป็นห่วงก็คือเป็นห่วง คอยแต่จะตามโอ๋ไม่ให้จงแดทำอะไรเลยจนคนตัวเล็กชักจะจนใจ แต่ก็อดรู้สึกดีกับความห่วงใยนั้นไม่ได้

     

                ผ่านมาหนึ่งปีเต็มแล้วกับเหตุการณ์ที่พวกเขาวนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งและในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน สำหรับทั้งคู่ มันช่างเป็นทั้งปาฏิหาริย์และพรมลิขิต ที่ทำให้พวกเขากลับมาเป็นของกันและกัน

     

                และตอนนี้พวกเขาก็มีความสุขดีกับชีวิตคู่

     

                รวมถึงอีกคู่หนึ่งด้วย...

     

     

                “จงแดของฉัน!” ร่างเล็กของจงแดเซไปตามแรงโถมกอดของผู้มาใหม่

     

                “นี่หยุดเลยนะลู่หาน” อี้ชิงปรามพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างหวงแหน

     

                “อะไรกัน กอดนิดกอดหน่อยทำมาเป็นหวง” ลู่หานย่นคิ้วใส่อย่างหมั่นไส้ก่อนจะคว้าเอาคนรักของตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบมากอดแน่น

     

                “ปล่อยนะเว้ย อึดอัดชะมัด!” มินซอกโวยวายพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่สามารถสู่แรงดื้อของคนที่ตัวโตกว่าไปแค่นิดเดียวได้อีกตามเคย

     

                “โอ้ยนี่มันอะไรกัน แล้วเมื่อไหร่จะได้กินข้าวเนี่ย!” จงแดแย้งขึ้นมาพร้อมกับดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่น

     

                เป็นอีกวันที่บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุข ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านอะไรมา สุดท้ายแล้วตอนนี้พวกเขา

     

                ก็มีความสุขร่วมกันได้อยู่ดี

     

     

     

     

     

     

    จบแล้วกับ SF ป่วงๆ ที่ใช้เวลานานมากและยืดยื้อเหลือเกินในการแต่ง! 5555555

    ตอนจบดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย

    ต้องขอโทษนักอ่านหลายคนด้วยที่คิดว่ามันจะมีอะไรบู๊แหลกมากกว่านี้

    แต่คือจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะแต่งให้มันยาวขนาดนี้นะคะ มันยาวไปเอง ไรท์ไม่เกี่ยว (ใช่เหรอ?) 5555

    ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามจนถึงตอนจบ

    และหวังว่าทุกคนจะตามไปในตอนต่อไปด้วยนะคะ!

     

    #ตอนพิเศษลู่หมินอาจจะมี



     


    © themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×