ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #15 : STORY : SF ลมเปลี่ยนทิศ [Laychen] [3/4]

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 58


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

     

     










     


     

    ไหนเมื่อกี้ใครมันบอกว่าจะไม่ทิ้งกัน...

     

    คิมมินซอกไอ้เพื่อนใจร้าย!!

     

    คิมจงแดนั่งบ่นในใจพร้อมกับยกมะพร้าวลูกใหญ่ในมือขึ้นมาดูดน้ำให้หายหงุดหงิด หลังจากที่มินซอกหว่านล้อมจนยอมที่จะออกจากห้องพักมาผ่อนคลายแล้ว เจ้าตัวดีก็เอาเค้ามาปล่อยทิ้งไว้แล้วตัวเองก็ไปเล่นวอลเล่ย์ชายหาดกับเพื่อนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้อย่างสนุกสนาน

     

    จริงๆแล้วคิมจงแดก็มีความสุขดีกับการได้นั่งอยู่เฉยๆ อาบแดด ฟังเพลงเงียบๆ นั่นแหละ แค่บ่นพอเป็นพิธี ยังไงเค้าก็อยากให้มินซอกได้มีเวลาไปเล่นนู้นนี่อย่างที่ต้องการบ้าง

     

    จงแดค่อยๆเอนตัวลงบนเก้าอี้พลางร้องคลอตามเสียงดนตรีที่ดังก้องอยู่ในหัว โดยมีสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเขาอยู่ตลอดมาสักพักแล้ว...

     

                อีกครั้งแล้วที่จางอี้ชิงนั่งเหม่อ ท่าทางแบบนั้นทำให้ลู่หานหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ทุก

    ครั้งความสนใจของอี้ชิงจะมีเพียงลู่หานคนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากเมื่อวาน เขารู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในใจคนรักตลอดเวลา อะไรที่ไม่ใช่ลู่หาน

               

    ลู่หานมองตามสายตาที่ทอดมองไปยังเต้นท์ริมทะเลบนหาดทรายขาว อยากจะรู้ว่าตรงนั้นมีอะไรน่าสนใจนักหนา อี้ชิงจึงได้เหม่อมองอยู่ตั้งนานสองนาน และสิ่งที่ทำให้คิ้วสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน ก็เป็นเพราะว่าตรงที่สุดสายตาของอี้ชิงที่มองอยู่นั้น มีร่างโปร่งบางผิวซีดนอนเอนกายอยู่

     

    มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรเลยสักนิดถ้าคนรักเพียงแต่จะแอบเหล่มองคนนู้นคนนี้บ้างตามประสาผู้ชายธรรมดา เพียงแต่ว่าคนที่เขากำลังมองด้วยสายตาเหม่อลอยและเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์อยู่นั้น เป็นคนเดียวกับที่ลู่หานเจออยู่กับอี้ชิงเมื่อคืน ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะตึงเครียดไม่น้อย

     

    แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงหาที่ทั้งคู่มีให้กันได้อย่างชัดเจน...

     

    ถ้าถามออกไป...นายจะตอบฉันว่ายังไงนะอี้ชิง...

     

    หรือมันจะเป็นแค่การที่ฉันคิดมากไปเอง...

     

    “ฉัน...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะลู่หาน” และในที่สุดหลังจากเงียบมานาน อี้ชิงก็เอ่ยพอตัวพร้อมกับลุกพรวดขึ้นอย่างเร่งรีบ คล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว

     

    “ได้ งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่านายจะกลับมา”

     

    อี้ชิงไม่รอฟังจนจบประโยคด้วยซ้ำ ร่างโปร่งเดินพรวดพราดออกไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งให้ลู่หานตกอยู่ในห้วงความคิดและความน้อยใจอยู่คนเดียว

     

     

     

    “...”

     

    ถึงแม้ทั่วบริเวณหาดทรายจะเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายจากผู้คนมากมายและฝีเท้าที่เดินผ่านไปมาแทบไม่มีหยุด แต่จงแดก็รู้ได้โดยทันทีว่ามีใครคนหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา           

     

    และโชคดีที่เมื่อกี้เขาเพิ่งจะใส่แว่วกันแดดอันโตไป จึงสามารถทำเนียนไม่สนใจใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้าได้

     

    ให้ตายสิ...เขาไม่ถนัดรับมือกับใครทั้งนั้น

     

    การมองไม่เห็นอะไรเลยเป็นสิ่งที่ทำให้จงแดหวาดกลัวต่อทุกสิ่ง มินซอกบอกเสมอว่าให้เขาทำเหมือนตัวเองปกติดี มองเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว เพราะนั่นจะทำให้ปลอดภัยขึ้นอีกหน่อยจากพวกที่ชอบมาฉวยโอกาสกับเขา

     

    “...”

     

    ถึงแม้จะมีเสียงดังวุ่นวายอยู่รอบด้าน แต่จงแดกลับรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แถมคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่ยอมไปไหน ยืนนิ่งกดดันเขาอย่างนี้มานานหลายนาทีแล้วด้วย

     

    หรือจะออกปากไล่ไปเลยดี?

     

    หมับ!

     

    จงแดเบิกตากว้างเมื่อข้อมือเล็กถูกคว้าหมับแถมยังดึงกระชากอย่างแรงจนเขาที่แกล้งหลับแทบจะหน้าคะมำ

     

    “อะไรกันนะ...!

     

    ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ และในวินาทีเดียวกัน ร่างบอบบางก็ถูกกระชากเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ อันแสนคุ้นเคยที่จงแดกำลังสัมผัสทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนที่กำลังทำการอุกอาจอยู่นี้คือใคร

     

    “พี่อี้ชิง!” จงแดดิ้นสุดแรง พยายามยื้อตัวเองอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล อี้ชิงไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ และในเสี้ยววินาที มือใหญ่ก็ยกผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาประกบกับทั้งปากและจมูกของคนในอ้อมแขน แรงดิ้นเริ่มแผ่วลงจนแน่นิ่งไปในที่สุด

     

     

     

     

     

     

    มืด...

     

    ทั้งมืด...

     

    ...และหนาว


    ผมขอโทษครับพี่อี้ชิง ผมรักพี่...

     

     

    เฮือก!

     

     

    นัยน์ตาสวยฉ่ำไปด้วยน้ำตาลืมขึ้นอย่างรวดเร็วและแม้ว่าตอนนี้เขาจะลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรต่างจากการหลับตานัก จงแดยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อรู้สึกถึงอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเหมือนกับเส้นประสาทถูกบีบรัดอย่างไรอย่างนั้น

     

     

    ที่นี่ที่ไหน?

     

     

    จงแดถามตัวเองในใจ ความหวาดกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจอันมืดสนิทของเขา ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น จงแดก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เลยแม้แต่นิดและสิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลและรู้สึกจุกจนแทบจะหายใจไม่ออกก็คือการที่เขารู้ว่าคนที่พาเขามาอยู่ที่นี่ ที่ๆเขาไม่รู้ว่าคือที่ไหน

     

    ก็คืออี้ชิง

     

     

    อีกไม่นานพี่ก็ต้องรู้ว่าผมมองไม่เห็น

     


    ไม่เอานะ...

     

    ผมไม่ต้องการแบบนี้...

     

     

    แกร๊ก

     

    ด้วยการที่คิมจงแดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ ประสาทสัมผัสด้านอื่นๆจึงพัฒนาขึ้นละถูกนำมาใช้ เช่นเดียวกันกับตอนนี้ เพียงแค่เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาทางนี้แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่จงแดก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วและรีบหลับตาลงก่อนที่เสียงประตูเปิดดังตามมา

     

    เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง จงแดอึดอัดจนเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาบนใบหน้านวล แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามผ่อนหายใจเข้าออกคล้ายกับไม่รู้สึกตัวอย่างแนบเนียน

     

    “จงแด...”

     

    แม้จะเป็นแค่เสียงกระซิบเรียกแผ่วเบา แต่คิมจงแดก็ได้ยินมันชัดเจน ไม่ว่าจะชื่อของตนหรือจะเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือและเต็มไปด้วยความเว้าวอน

     

    จางอี้ชิงยืนมองร่างบางภายใต้ผ้านวมผืนหนาด้วยใบหน้านิ่งสงบ ถึงแม้ในใจจะโหยหาอยากจะดึงอีกคนเข้ามากอดแน่นๆให้หายคิดถึง แต่ก็ไม่อาจที่จะทำอย่างนั้นได้ เขารู้ รู้ดี ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น

     

    “คิมจงแด...”

     

    สิ่งที่ทำได้...ก็มีเพียงแค่การเอ่ยชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก ความอาลัยอย่างไม่ปิดบัง

     

    นี่เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า

     

    ไม่ว่ายังไง

     

    ความรักที่จางอี้ชิงมีให้คิมจงแด

     

     

    ไม่มีทางเลือนหายไป

     

    ไม่มีทางเจือจางลง

     

    ไม่มีทางเลิกรัก

     

    มันไม่มีสักทาง...ที่จางอี้ชิงจะเลือกเดินไปได้

     

    ถึงแม้ว่ามันจะผิด ที่เขาทำแบบนี้ลงไป แต่เขาก็เพียงแค่อยากใช้เวลาอยู่กับร่างบางเพียงแค่สองคนอีกสักครั้ง ก่อนที่หลังจากนี้อาจจะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก เขาขอแค่เวลาไม่นาน ขอกลับไปเป็นพี่อี้ชิงของคิมจงแดอีกสักครั้ง...

     

    อี้ชิงสูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออกมาเบาๆ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายออกแล้วเคลื่อนไปแตะบนไหล่แคบของอีกคนเบาๆ อาการสะดุ้งของร่างเล็กทำให้ร่างโปร่งรู้ในทันทีว่าคนตรงหน้าตื่นแล้วแต่ก็ยังแกล้งหลับอยู่

     

    “คิมจงแด พี่รู้ว่านายตื่นแล้ว” อี้ชิงเอ่ยออกไปเบาๆ เขาแทบกัดลิ้นตัวเองด้วยความตื่นเต้นที่กลับมาใช้คำว่าพี่แทนตัวเองอีกครั้ง

     

    “...” แต่จงแดก็ยังนิ่งจนเขาอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้

     

    “ลืมตาขึ้นมา” น้ำเสียงที่นุ่มนวลในคราวแรกเริ่มแข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นจงแดก็ยังเลือกที่จะหลับตาปี๋ เขาขอต่อต้านด้วยการทำเป็นหลับต่อไปเรื่อยๆดีกว่าต้องตื่นมาเผชิญหน้ากันและความลับที่เก็บมานานสูญเปล่า

     

    อี้ชิงกำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหลับตาปี๋ แสดงออกชัดเจนว่าตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลืมตาแบบโต้งๆ

     

    ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนั้นเลยสินะ

     

    “ฉันบอกว่าลืมตา!

     

    หมดกันแล้วความอดทน ทิฐิถูกสร้างขึ้นมาครอบงำจิตใจของเขาอีกครั้ง

     

    “ไม่! พี่ไม่ต้องมายุ่งกับผม! พาผมกลับไปหามินซอกเดี๋ยวนี้” ในที่สุดจงแดก็ตะโกนออกไปพร้อมกับถอยหนีฝ่ามือที่บีบแน่นอยู่บนไหล่แคบของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นและนั่นก็ทำให้อี้ชิงหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

     

    “ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้นจนกว่านายจะลืมตา!

     

    “พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง!! ทำแบบนี้ทำไม ผมไม่อยากจะมองหน้าแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ!

     

    “หึ ฉันสะใจไง” อี้ชิงเหยียดยิ้มทั้งที่ในใจปวดร้าว

     

    “วะ ว่าไงนะ”

     

    “ฉันอยากเห็นนายทุกข์ทรมานจนทนไม่ได้” ร่างโปร่งค่อยๆคลานขึ้นบนเตียงช้าๆ

     

    “พี่มันเลว...”

     

    “ถึงฉันจะเลว มันก็เลวน้อยกว่านาย!! ที่ทิ้งกันไปเพราะเหตุผลเล็กๆนั่น!!” อี้ชิงกระชากร่างเล็กมาใกล้พร้อมกับขึ้นคร่อมและล็อคข้อมือสองข้างของคนด้านล่างอย่างแน่นหนา

     

    “จะทำอะไร! ปล่อยนะ!

     

    “คนที่มันไร้หัวใจก่อนคือนายเอง...ทั้งที่ฉันเชื่อหมดใจ...”

     

    เชื่อหมดใจว่าจงแดรักพี่

     

    “ปล่อยผม! พี่มันโง่เองต่างหาก!

     

    อย่ามาเจ็บปวดเพราะคำพูดของผมเลยครับพี่อี้ชิง อย่าเจ็บปวดไปมากกว่านี้

     

    “ใช่! ฉันมันโง่! ยังไงวันนี้ก็ขอค่าโง่ให้ตัวเองหน่อยแล้วกัน!!

     

    “...!

     

    สิ้นเสียงกร้าว ร่างโปร่งก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคออีกคนอย่างหยามใจ ดูดดึงเนื้อขาวนวลอย่างแรงจนขึ้นรอยช้ำ สองมือละจากข้อแขนอีกคนมากระชากเสื้อยืดตัวบางออกจนขาดวิ่น

     

    จงแดเบิกตากว้างถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ก็ตาม มือทั้งสองข้างที่หลุดจากพันธนาการพยายามทุบตีลงไปบนแผ่นหลังกว้าง ถึงแม้ว่าสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังกระทำจะเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย แต่การกระทำป่าเถื่อนรุนแรงแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็ทำให้จงแดเกิดอาการหวาดกลัวและใจเสียจนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว

     

    แต่เขาจะไม่แสดงออกไปว่าอ่อนแอเด็ดขาด

     

    “หยุดนะ! ปล่อยผะ...”

     

    อี้ชิงเคลื่อนริมฝีปากขึ้นประกบกับเรียวปากบางอย่างรวดเร็วก่อนอีกฝ่ายจะทักท้วงเสร็จ ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามา อี้ชิงขมวดคิ้วอย่างขัดใจก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาทาบกับแผ่นอกแบนราบพร้อมกับดึงยอดอกเล็กอย่างแรงจนจงแดเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดผสมกับความเสียวซ่าน เปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาควานหาความหวานอย่างหยามใจ ลิ้นเล็กถดหนีแต่ก็ไม่สามารถที่จะหลบหลีกลิ้นร้อนที่เข้ามาเกี่ยวกระหวัดอย่างรุนแรง

     

    จงแดรู้สึกเหมือนกับจะขาดอากาศหายใจตายหลังจากที่ถูกจูบอยู่นานจนอ่อนระทวยไปหมด อี้ชิงถอนจูบออกพร้อมกับถอยลงไปยืนอยู่ข้างเตียง มองร่างบางที่นอนหอบหายใจอย่างหมดแรงด้วยความรู้สึกที่ตีกันในหัววุ่นวาย

     

    เขาควรจะรู้สึกสะใจ

     

    แต่ความจริงกลับเจ็บปวด

     

    “พอใจแล้วใช่มั้ย...”

     

    เจ็บปวดจนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

     

     

     

     

    ไม่มีทางกลับไปหามินซอกได้เลย...

     

    ไม่มีสักทางจริงๆ ที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ที่ๆเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือที่ไหน

     

    มีแค่ทางเดียวคือจางอี้ชิงต้องพาเขากลับไปส่ง ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆซะด้วย

     

    คิมจงแดถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยแล้ว หลังจากที่เขากับอี้ชิงได้เปิดสงครามกันไป ร่างโปร่งก็เดินปึงปังหายออกไปเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้จงแดสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยนั่นแหละ

     

    เขาไม่รู้ว่าจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ถ้าความแตกขึ้นมาอี้ชิงจะสงสารแล้วปล่อยเขากลับไปมั้ยนะ?

     

    ทำไมเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้นะ

     

    จางอี้ชิงกำลังคิดอะไรอยู่...

     

     

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่จางอี้ชิงนั่งเหม่อมองเส้นขอบฟ้าที่บรรจบกับผืนทะเลกว้างใหญ่ ไม่มีคำตอบใดๆให้กับคำถามมากมายในหัว เขาแค่ทำไปตามที่ใจเรียกร้อง อยากจะใช้เวลาอยู่กับคิมจงแด จึงพาตัวอีกคนมากักขังไว้ที่บังกะโลเล็กๆอีกฟากหนึ่งของเกาะ

     

    เป็นความคิดที่โง่และงี่เง่าสิ้นดี

     

    มิหนำซ้ำยังเผลอไปทำร้ายซะจนเข้าหน้ากันไม่ติด

     

    นายคิดอะไรอยู่กันแน่นะจางอี้ชิง? เป็นคนโง่ที่ยังไม่ลืมรักครั้งเก่างั้นเหรอ?

     

    เพล้ง!

     

    เสียงบางสิ่งแตกกระทบพื้นปลุกให้อี้ชิงตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินเข้าไปยังห้องนอนอย่างเร่งรีบ ด้วยความเป็นห่วงในใจลึกๆว่าอีกคนจะทำอะไรบ้าๆ

     

    “ทำอะไรน่ะคิมจงแด!

     

    เศษแจกันแตกกระจายเกลื่อนห้องพร้อมกับน้ำที่เจ่อนองและดอกไม้ที่กระจัดกระจาย ข้างๆกันนั้นมีร่างบางที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ จงแดหน้าเหยเกด้วยความปวดที่สะโพก เพราะอยากเข้าห้องน้ำจนทนไม่ไหวจึงฝืนลุกขึ้นมาคลำทางเอาอย่างกล้าๆกลัวๆ สุดท้ายก็ไปไม่รอด ปัดใส่แจกันดอกไม้ที่วางไว้ตรงมุมไหนสักมุม จากนั้นก็ลื่นล้มตามอย่างสวยงาม

     

    อี้ชิงแทบอยากจะวิ่งเข้าไปช้อนตัวร่างบางขึ้นมาอย่างห่วงใย แต่ก็ชะงักตัวเองไว้ได้ทัน ด้วยทิฐิที่ยังสูงอยู่

     

    “ผม...ผมแค่จะไปเข้าห้องน้ำแต่มึนหัวเลยล้ม” จงแดหลับตาลงแล้วแก้ตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    “มึนหัว หรืออยากเรียกร้องความสนใจกันแน่”

     

    “...”

     

    ทำไมต้องคอยแต่จะว่าให้ผมด้วยนะพี่อี้ชิง...

     

    คำถามที่เก็บไว้ในใจไม่กล้าเอ่ยถามออกไปจริงๆ เพราะกลัวคำตอบ

     

    ในขณะที่อี้ชิงก็เม้มปากแน่นที่เผลอว่าอีกคนออกไปอย่างลืมตัวด้วยทิฐิ แต่พอเห็นว่าร่างบางหลับตาแน่นอีกแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้

     

    ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนั้นเลยสินะ

     

    แต่จะว่าไปมันก็เหมือนมีอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน...
               

     

                แค่เหตุผลเล็กๆอย่างไม่อยากเห็นหน้า จะทำให้คนๆหนึ่งหลับตาอยู่ตลอดเวลาเลย? 






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×