คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : STORY : SF ลมเปลี่ยนทิศ [Laychen] [3/4]
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ไหนเมื่อกี้ใครมันบอกว่าจะไม่ทิ้งกัน...
คิมมินซอกไอ้เพื่อนใจร้าย!!
คิมจงแดนั่งบ่นในใจพร้อมกับยกมะพร้าวลูกใหญ่ในมือขึ้นมาดูดน้ำให้หายหงุดหงิด หลังจากที่มินซอกหว่านล้อมจนยอมที่จะออกจากห้องพักมาผ่อนคลายแล้ว เจ้าตัวดีก็เอาเค้ามาปล่อยทิ้งไว้แล้วตัวเองก็ไปเล่นวอลเล่ย์ชายหาดกับเพื่อนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้อย่างสนุกสนาน
จริงๆแล้วคิมจงแดก็มีความสุขดีกับการได้นั่งอยู่เฉยๆ อาบแดด ฟังเพลงเงียบๆ นั่นแหละ แค่บ่นพอเป็นพิธี ยังไงเค้าก็อยากให้มินซอกได้มีเวลาไปเล่นนู้นนี่อย่างที่ต้องการบ้าง
จงแดค่อยๆเอนตัวลงบนเก้าอี้พลางร้องคลอตามเสียงดนตรีที่ดังก้องอยู่ในหัว โดยมีสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเขาอยู่ตลอดมาสักพักแล้ว...
อีกครั้งแล้วที่จางอี้ชิงนั่งเหม่อ ท่าทางแบบนั้นทำให้ลู่หานหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ทุก
ครั้งความสนใจของอี้ชิงจะมีเพียงลู่หานคนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากเมื่อวาน เขารู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในใจคนรักตลอดเวลา อะไรที่ไม่ใช่ลู่หาน…
ลู่หานมองตามสายตาที่ทอดมองไปยังเต้นท์ริมทะเลบนหาดทรายขาว อยากจะรู้ว่าตรงนั้นมีอะไรน่าสนใจนักหนา อี้ชิงจึงได้เหม่อมองอยู่ตั้งนานสองนาน และสิ่งที่ทำให้คิ้วสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน ก็เป็นเพราะว่าตรงที่สุดสายตาของอี้ชิงที่มองอยู่นั้น มีร่างโปร่งบางผิวซีดนอนเอนกายอยู่
มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรเลยสักนิดถ้าคนรักเพียงแต่จะแอบเหล่มองคนนู้นคนนี้บ้างตามประสาผู้ชายธรรมดา เพียงแต่ว่าคนที่เขากำลังมองด้วยสายตาเหม่อลอยและเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์อยู่นั้น เป็นคนเดียวกับที่ลู่หานเจออยู่กับอี้ชิงเมื่อคืน ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะตึงเครียดไม่น้อย
แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงหาที่ทั้งคู่มีให้กันได้อย่างชัดเจน...
ถ้าถามออกไป...นายจะตอบฉันว่ายังไงนะอี้ชิง...
หรือมันจะเป็นแค่การที่ฉันคิดมากไปเอง...
“ฉัน...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะลู่หาน” และในที่สุดหลังจากเงียบมานาน อี้ชิงก็เอ่ยพอตัวพร้อมกับลุกพรวดขึ้นอย่างเร่งรีบ คล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
“ได้ งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่านายจะกลับมา”
อี้ชิงไม่รอฟังจนจบประโยคด้วยซ้ำ ร่างโปร่งเดินพรวดพราดออกไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งให้ลู่หานตกอยู่ในห้วงความคิดและความน้อยใจอยู่คนเดียว
“...”
ถึงแม้ทั่วบริเวณหาดทรายจะเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายจากผู้คนมากมายและฝีเท้าที่เดินผ่านไปมาแทบไม่มีหยุด แต่จงแดก็รู้ได้โดยทันทีว่ามีใครคนหนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
และโชคดีที่เมื่อกี้เขาเพิ่งจะใส่แว่วกันแดดอันโตไป จึงสามารถทำเนียนไม่สนใจใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้าได้
ให้ตายสิ...เขาไม่ถนัดรับมือกับใครทั้งนั้น
การมองไม่เห็นอะไรเลยเป็นสิ่งที่ทำให้จงแดหวาดกลัวต่อทุกสิ่ง มินซอกบอกเสมอว่าให้เขาทำเหมือนตัวเองปกติดี มองเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว เพราะนั่นจะทำให้ปลอดภัยขึ้นอีกหน่อยจากพวกที่ชอบมาฉวยโอกาสกับเขา
“...”
ถึงแม้จะมีเสียงดังวุ่นวายอยู่รอบด้าน แต่จงแดกลับรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แถมคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่ยอมไปไหน ยืนนิ่งกดดันเขาอย่างนี้มานานหลายนาทีแล้วด้วย
หรือจะออกปากไล่ไปเลยดี?
หมับ!
จงแดเบิกตากว้างเมื่อข้อมือเล็กถูกคว้าหมับแถมยังดึงกระชากอย่างแรงจนเขาที่แกล้งหลับแทบจะหน้าคะมำ
“อะไรกันนะ...!”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ และในวินาทีเดียวกัน ร่างบอบบางก็ถูกกระชากเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ อันแสนคุ้นเคยที่จงแดกำลังสัมผัสทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนที่กำลังทำการอุกอาจอยู่นี้คือใคร
“พี่อี้ชิง!” จงแดดิ้นสุดแรง พยายามยื้อตัวเองอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล อี้ชิงไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ และในเสี้ยววินาที มือใหญ่ก็ยกผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาประกบกับทั้งปากและจมูกของคนในอ้อมแขน แรงดิ้นเริ่มแผ่วลงจนแน่นิ่งไปในที่สุด
มืด...
ทั้งมืด...
...และหนาว
ผมขอโทษครับพี่อี้ชิง ผมรักพี่...
เฮือก!
นัยน์ตาสวยฉ่ำไปด้วยน้ำตาลืมขึ้นอย่างรวดเร็วและแม้ว่าตอนนี้เขาจะลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรต่างจากการหลับตานัก จงแดยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อรู้สึกถึงอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเหมือนกับเส้นประสาทถูกบีบรัดอย่างไรอย่างนั้น
ที่นี่ที่ไหน?
จงแดถามตัวเองในใจ ความหวาดกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจอันมืดสนิทของเขา ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น จงแดก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เลยแม้แต่นิดและสิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลและรู้สึกจุกจนแทบจะหายใจไม่ออกก็คือการที่เขารู้ว่าคนที่พาเขามาอยู่ที่นี่ ที่ๆเขาไม่รู้ว่าคือที่ไหน…
ก็คืออี้ชิง
อีกไม่นานพี่ก็ต้องรู้ว่าผมมองไม่เห็น
ไม่เอานะ...
ผมไม่ต้องการแบบนี้...
แกร๊ก
ด้วยการที่คิมจงแดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ ประสาทสัมผัสด้านอื่นๆจึงพัฒนาขึ้นละถูกนำมาใช้ เช่นเดียวกันกับตอนนี้ เพียงแค่เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาทางนี้แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่จงแดก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วและรีบหลับตาลงก่อนที่เสียงประตูเปิดดังตามมา
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง จงแดอึดอัดจนเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาบนใบหน้านวล แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามผ่อนหายใจเข้าออกคล้ายกับไม่รู้สึกตัวอย่างแนบเนียน
“จงแด...”
แม้จะเป็นแค่เสียงกระซิบเรียกแผ่วเบา แต่คิมจงแดก็ได้ยินมันชัดเจน ไม่ว่าจะชื่อของตนหรือจะเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือและเต็มไปด้วยความเว้าวอน
จางอี้ชิงยืนมองร่างบางภายใต้ผ้านวมผืนหนาด้วยใบหน้านิ่งสงบ ถึงแม้ในใจจะโหยหาอยากจะดึงอีกคนเข้ามากอดแน่นๆให้หายคิดถึง แต่ก็ไม่อาจที่จะทำอย่างนั้นได้ เขารู้ รู้ดี ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น
“คิมจงแด...”
สิ่งที่ทำได้...ก็มีเพียงแค่การเอ่ยชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก ความอาลัยอย่างไม่ปิดบัง
นี่เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า
ไม่ว่ายังไง
ความรักที่จางอี้ชิงมีให้คิมจงแด
ไม่มีทางเลือนหายไป
ไม่มีทางเจือจางลง
ไม่มีทางเลิกรัก
มันไม่มีสักทาง...ที่จางอี้ชิงจะเลือกเดินไปได้
ถึงแม้ว่ามันจะผิด ที่เขาทำแบบนี้ลงไป แต่เขาก็เพียงแค่อยากใช้เวลาอยู่กับร่างบางเพียงแค่สองคนอีกสักครั้ง ก่อนที่หลังจากนี้อาจจะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก เขาขอแค่เวลาไม่นาน ขอกลับไปเป็นพี่อี้ชิงของคิมจงแดอีกสักครั้ง...
อี้ชิงสูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออกมาเบาๆ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายออกแล้วเคลื่อนไปแตะบนไหล่แคบของอีกคนเบาๆ อาการสะดุ้งของร่างเล็กทำให้ร่างโปร่งรู้ในทันทีว่าคนตรงหน้าตื่นแล้วแต่ก็ยังแกล้งหลับอยู่
“คิมจงแด พี่รู้ว่านายตื่นแล้ว” อี้ชิงเอ่ยออกไปเบาๆ เขาแทบกัดลิ้นตัวเองด้วยความตื่นเต้นที่กลับมาใช้คำว่าพี่แทนตัวเองอีกครั้ง
“...” แต่จงแดก็ยังนิ่งจนเขาอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
“ลืมตาขึ้นมา” น้ำเสียงที่นุ่มนวลในคราวแรกเริ่มแข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นจงแดก็ยังเลือกที่จะหลับตาปี๋ เขาขอต่อต้านด้วยการทำเป็นหลับต่อไปเรื่อยๆดีกว่าต้องตื่นมาเผชิญหน้ากันและความลับที่เก็บมานานสูญเปล่า
อี้ชิงกำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหลับตาปี๋ แสดงออกชัดเจนว่าตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลืมตาแบบโต้งๆ
ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนั้นเลยสินะ
“ฉันบอกว่าลืมตา!”
หมดกันแล้วความอดทน ทิฐิถูกสร้างขึ้นมาครอบงำจิตใจของเขาอีกครั้ง
“ไม่! พี่ไม่ต้องมายุ่งกับผม! พาผมกลับไปหามินซอกเดี๋ยวนี้” ในที่สุดจงแดก็ตะโกนออกไปพร้อมกับถอยหนีฝ่ามือที่บีบแน่นอยู่บนไหล่แคบของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นและนั่นก็ทำให้อี้ชิงหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้นจนกว่านายจะลืมตา!”
“พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง!! ทำแบบนี้ทำไม ผมไม่อยากจะมองหน้าแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ!”
“หึ ฉันสะใจไง” อี้ชิงเหยียดยิ้มทั้งที่ในใจปวดร้าว
“วะ ว่าไงนะ”
“ฉันอยากเห็นนายทุกข์ทรมานจนทนไม่ได้” ร่างโปร่งค่อยๆคลานขึ้นบนเตียงช้าๆ
“พี่มันเลว...”
“ถึงฉันจะเลว มันก็เลวน้อยกว่านาย!! ที่ทิ้งกันไปเพราะเหตุผลเล็กๆนั่น!!” อี้ชิงกระชากร่างเล็กมาใกล้พร้อมกับขึ้นคร่อมและล็อคข้อมือสองข้างของคนด้านล่างอย่างแน่นหนา
“จะทำอะไร! ปล่อยนะ!”
“คนที่มันไร้หัวใจก่อนคือนายเอง...ทั้งที่ฉันเชื่อหมดใจ...”
เชื่อหมดใจว่าจงแดรักพี่
“ปล่อยผม! พี่มันโง่เองต่างหาก!”
อย่ามาเจ็บปวดเพราะคำพูดของผมเลยครับพี่อี้ชิง อย่าเจ็บปวดไปมากกว่านี้
“ใช่! ฉันมันโง่! ยังไงวันนี้ก็ขอค่าโง่ให้ตัวเองหน่อยแล้วกัน!!”
“...!”
สิ้นเสียงกร้าว ร่างโปร่งก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคออีกคนอย่างหยามใจ ดูดดึงเนื้อขาวนวลอย่างแรงจนขึ้นรอยช้ำ สองมือละจากข้อแขนอีกคนมากระชากเสื้อยืดตัวบางออกจนขาดวิ่น
จงแดเบิกตากว้างถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ก็ตาม มือทั้งสองข้างที่หลุดจากพันธนาการพยายามทุบตีลงไปบนแผ่นหลังกว้าง ถึงแม้ว่าสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังกระทำจะเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย แต่การกระทำป่าเถื่อนรุนแรงแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็ทำให้จงแดเกิดอาการหวาดกลัวและใจเสียจนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว
แต่เขาจะไม่แสดงออกไปว่าอ่อนแอเด็ดขาด
“หยุดนะ! ปล่อยผะ...”
อี้ชิงเคลื่อนริมฝีปากขึ้นประกบกับเรียวปากบางอย่างรวดเร็วก่อนอีกฝ่ายจะทักท้วงเสร็จ ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามา อี้ชิงขมวดคิ้วอย่างขัดใจก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาทาบกับแผ่นอกแบนราบพร้อมกับดึงยอดอกเล็กอย่างแรงจนจงแดเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดผสมกับความเสียวซ่าน เปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาควานหาความหวานอย่างหยามใจ ลิ้นเล็กถดหนีแต่ก็ไม่สามารถที่จะหลบหลีกลิ้นร้อนที่เข้ามาเกี่ยวกระหวัดอย่างรุนแรง
จงแดรู้สึกเหมือนกับจะขาดอากาศหายใจตายหลังจากที่ถูกจูบอยู่นานจนอ่อนระทวยไปหมด อี้ชิงถอนจูบออกพร้อมกับถอยลงไปยืนอยู่ข้างเตียง มองร่างบางที่นอนหอบหายใจอย่างหมดแรงด้วยความรู้สึกที่ตีกันในหัววุ่นวาย
เขาควรจะรู้สึกสะใจ
แต่ความจริงกลับเจ็บปวด
“พอใจแล้วใช่มั้ย...”
เจ็บปวดจนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
ไม่มีทางกลับไปหามินซอกได้เลย...
ไม่มีสักทางจริงๆ ที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ที่ๆเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือที่ไหน
มีแค่ทางเดียวคือจางอี้ชิงต้องพาเขากลับไปส่ง ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆซะด้วย
คิมจงแดถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยแล้ว หลังจากที่เขากับอี้ชิงได้เปิดสงครามกันไป ร่างโปร่งก็เดินปึงปังหายออกไปเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้จงแดสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยนั่นแหละ
เขาไม่รู้ว่าจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ถ้าความแตกขึ้นมาอี้ชิงจะสงสารแล้วปล่อยเขากลับไปมั้ยนะ?
ทำไมเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้นะ
จางอี้ชิงกำลังคิดอะไรอยู่...
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่จางอี้ชิงนั่งเหม่อมองเส้นขอบฟ้าที่บรรจบกับผืนทะเลกว้างใหญ่ ไม่มีคำตอบใดๆให้กับคำถามมากมายในหัว เขาแค่ทำไปตามที่ใจเรียกร้อง อยากจะใช้เวลาอยู่กับคิมจงแด จึงพาตัวอีกคนมากักขังไว้ที่บังกะโลเล็กๆอีกฟากหนึ่งของเกาะ
เป็นความคิดที่โง่และงี่เง่าสิ้นดี
มิหนำซ้ำยังเผลอไปทำร้ายซะจนเข้าหน้ากันไม่ติด
นายคิดอะไรอยู่กันแน่นะจางอี้ชิง? เป็นคนโง่ที่ยังไม่ลืมรักครั้งเก่างั้นเหรอ?
เพล้ง!
เสียงบางสิ่งแตกกระทบพื้นปลุกให้อี้ชิงตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินเข้าไปยังห้องนอนอย่างเร่งรีบ ด้วยความเป็นห่วงในใจลึกๆว่าอีกคนจะทำอะไรบ้าๆ
“ทำอะไรน่ะคิมจงแด!”
เศษแจกันแตกกระจายเกลื่อนห้องพร้อมกับน้ำที่เจ่อนองและดอกไม้ที่กระจัดกระจาย ข้างๆกันนั้นมีร่างบางที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ จงแดหน้าเหยเกด้วยความปวดที่สะโพก เพราะอยากเข้าห้องน้ำจนทนไม่ไหวจึงฝืนลุกขึ้นมาคลำทางเอาอย่างกล้าๆกลัวๆ สุดท้ายก็ไปไม่รอด ปัดใส่แจกันดอกไม้ที่วางไว้ตรงมุมไหนสักมุม จากนั้นก็ลื่นล้มตามอย่างสวยงาม
อี้ชิงแทบอยากจะวิ่งเข้าไปช้อนตัวร่างบางขึ้นมาอย่างห่วงใย แต่ก็ชะงักตัวเองไว้ได้ทัน ด้วยทิฐิที่ยังสูงอยู่
“ผม...ผมแค่จะไปเข้าห้องน้ำแต่มึนหัวเลยล้ม” จงแดหลับตาลงแล้วแก้ตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“มึนหัว หรืออยากเรียกร้องความสนใจกันแน่”
“...”
ทำไมต้องคอยแต่จะว่าให้ผมด้วยนะพี่อี้ชิง...
คำถามที่เก็บไว้ในใจไม่กล้าเอ่ยถามออกไปจริงๆ เพราะกลัวคำตอบ
ในขณะที่อี้ชิงก็เม้มปากแน่นที่เผลอว่าอีกคนออกไปอย่างลืมตัวด้วยทิฐิ แต่พอเห็นว่าร่างบางหลับตาแน่นอีกแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้
ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนั้นเลยสินะ
แต่จะว่าไปมันก็เหมือนมีอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน...
แค่เหตุผลเล็กๆอย่างไม่อยากเห็นหน้า จะทำให้คนๆหนึ่งหลับตาอยู่ตลอดเวลาเลย?
ความคิดเห็น