ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #14 : STORY : SF ข้างเดียว [Krischen] 3

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58


    © themy  butter

            
     








     

                  ร่างบางวิ่งพรวดลงออกจากห้องก่อนจะพุ่งตรงไปที่ลิฟแล้วกดชั้นหนึ่งรัวๆแบบไม่กลัวจะเปลืองพลังงานไฟฟ้า ท่ามกลางความเงียบ เสียงเต้นรัวจากด้านในอกซ้ายยิ่งได้ยินชัดเจนมากขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันไม่ใช่ความฝันหรือมโนเอาเอง!

     

                ไอ้เฉิน! นอกจากจะไม่ขัดขืนแล้วยังมีหน้าไปเคลิ้มจูบตอบซะงั้น! ไอ้โง่วววววววว!!

     

                เฉินได้แต่พร่ำด่าตัวเองในใจ ไม่อยากจะคิดว่าจะเอาหน้ากลับไปเจอเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของตัวเองได้ยังไง ในหัวก็เอาแต่คิดคำนวณถึงเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คริสทำอย่างนั้นกับเขาทำไม แต่อย่างที่บอก ช่วงนี้ร่างสูงห่างหายจากการควงคู่สวิงกิ้ง อาจเกิดอาการลงแดงกระทันหัน เห็นใครไม่มีหางก็คว้ามาแก้กระหายอย่างนั้นล่ะมั้ง!

     

                แล้วไปเซเว่นอะไรกัน ไอ้โง่เฉิน! จะไปเซเว่นทำเบื้อกอะไรกระเป๋าตังก็ไม่มี

     

                ณ จุดๆนี้บอกได้เลยว่า เจ้าเป็ดสติแตกกระเจิดกระเจิงซะแล้ว...

     

                สติแตกอยู่ได้ไม่นาน ประตูลิฟก็เปิดออก ทำให้เฉินต้องจำใจก้าวเดินออกจากคอนโดอย่างไร้จุดหมาย ตรงไปยังสวนสาธารณะข้างคอนโด กะว่าจะนั่งสงบจิตใจสักชั่วโมง หรือไม่ก็รอจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าคริสเข้าห้องนอนไปแล้วถึงจะกลับขึ้นไป แต่นั่นมันไม่ง่ายเลยกับสภาพอากาศตอนกลางคืนที่คอยจะกัดเซาะผิดขาวที่อยู่ในชุดบางท้าลม

     

                “มานั่งทำอะไรตรงนี้?”

     

                ร่างบางสะดุ้งโหยงหลังจากที่เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลัง และน้ำเสียงทุ้มนุ่มแถมยังเซ็กซี่หน่อยๆแบบนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้แล้ว นอกจากพ่อหนุ่มผิวสีเข้มที่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า

     

                “เดินเล่นน่ะ นายล่ะ” เฉินเขยิบไปข้างๆเพื่อเว้นที่ว่างไว้ให้อีกคน ไคชูถุงเซเว่นในมือให้ดู ซึ่งมันเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์และซองมาม่า... ไม่แปลกใจที่ไคจะผอมแห้งขนาดนี้ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆเฉิน ซึ่งเรียกได้ว่าข้างจริงๆ ข้างแบบไม่มีช่องว่างเหลือเลยแม้แต่เซนต์เดียว ทั้งที่เก้าอี้ยังมีพื้นที่ว่างอีกเยอะจนไม่รู้จะเยอะยังไง เฉินยิ้มค้างด้วยความตกใจเล็กๆ ก่อนจะหัวเราะแห้งๆและพยายามเขยิบถอบหนี แต่ก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่สุดปลายเก้าอี้แล้วและถ้าหากจะลุกมันก็คงจะดูทำร้ายจิตใจอีกคนเกินไป จึงต้องกลั้นใจนั่งนิ่งๆต่อไป

     

                “นายเขยิบไปตรงนั้นอีกนิดได้มั้ย คือฉันจะตกเก้าอี้แล้วนะ” เฉินเสนอด้วยการแสดงออกเป็นทีเล่นทีจริง แต่กลับได้รับสายตาเมื่อยๆจากร่างสูงตอกกลับมาแทน นอกจากจะไม่ขยับแม้แต่นิดแล้ว ไคยังวางถุงใส่ของไว้ข้างๆกัน แสดงเจตนารมณ์ที่จะอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

     

                “นายไม่หนาวรึไง ฉันแค่จะบังลมให้”

     

                “อะจ่ะ” เฉินได้แต่ตอบรับแบบเห่ยๆ ก่อนจะเลิกสนใจกับพฤติกรรมแปลกๆของอีกคน

     

                “เป็นแฟนกันเหรอ”

     

                ไคถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ นัยน์ตาคมเหลือบมองรอยจ้ำแดงตรงซอกคอขาวเพียงแวบเดียว ก่อนจะเบือนหน้าออกไปทางอื่น

     

                “หืม ว่าไงนะ”

     

                “กับไอ้หน้าตุ๊ดตัวใหญ่นั่นน่ะ เป็นแฟนกันเหรอ”

     

                “นะ หน้าตุ๊ดตัวใหญ่? นายหมายถึงคริส?”

     

                “อือ”

     

                เฉินระเบิดหัวเราะออกมาทันที เมื่อมาคิดดูดีๆแล้ว คริสก็ดูจะเหมาะกับฉายานั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เจ้าสำอาง ต้องคอยประคบประหงมใบหน้าหล่อๆนั่น แถมยังชอบอาบน้ำแร่แช่น้ำนม เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่เค้าไม่ทำ

     

                “หัวเราะอะไร” ไคถามอย่างไม่เข้าใจร่างบางที่ระเบิดหัวเราะจนตัวงอ แต่จะว่าไปเสียงหัวเราะแหลมๆ ประกอบกับมุมปากหยักที่เชิดขึ้นนี่ก็น่ามองเหมือนกันแหะ

     

                “นายเรียกไอ้บ้าคริสว่าตุ๊ด ไอ้หน้าตุ๊ดตัวใหญ่!” เฉินตอบทั้งๆที่ยังคงรัวหัวเราะไม่หยุด

     

                “...”

     

                “ตลกชะมัด!

     

                “...”

     

                ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะแหลมๆของเฉินเท่านั้น แต่เสียงหัวเราะก็ต้องมีอันเจื่อนๆลงไป เมื่ออีกคนที่นั่งข้างๆกันไม่ขำไปด้วย แถมยังนั่งจ้องคนตัวเล็กเงียบๆอีก

     

                “อะ เอ่อ...ขอโทษนะ” เฉินหุบยิ้มก่อนจะเอ่ยขอโทษเบาๆ เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองอาจจะทำตัวบ้าบอออกไป

     

                “ไม่เป็นไร น่ารักดี”

     

                “ห๊ะ?”

     

                “นายน่ะน่ารัก”

     

                “...”

     

                ภายใต้แสงจันทร์และแสงจากหลอดไฟริมทางสลัวๆที่สาดกระทบลงมา ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่ในความมืดว่าใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงเถือกแค่ไหน เฉินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

     

                นี่มันอะไรกัน? ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงทำเราใจเต้นแรงขนาดนี้นะ

     

                “แหม นายนี่สงสัยเป็นคนขี้ยอแน่เลย” เฉินหัวเราะเบาๆพร้อมกับยื่นมือเล็กไปตบบ่าอีกคนเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศลง แต่กลับต้องสะดุ้งโหยง เมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนระยะห่างใกล้กันแค่คืบ เรียกได้ว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกันได้เลยทีเดียว

     

                “เปล่า ฉันชม เพราะนายน่ารัก”

     

                “อะ เอ่อ...ขอบใจ ขอบใจมากที่ชม! ฮ่าๆ” เฉินตะกุกตะกัก ก่อนจะลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มือใหญ่ที่กำลังเอื้อมเข้ามาใกล้ต้องชะงักลง ไคดึงมือตัวเองกลับช้าๆก่อนจะวางไว้บนหน้าตักแก้เก้อ ในขณะที่เฉินไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด ซึ่งนั่นก็ถือว่าโชคดีสำหรับไคอยู่ทีเดียว

     

                “นายจะไปแล้วเหรอ”

     

                “ก็มันดึกแล้วนี่นะ” เฉินพยักหน้าก่อนจะบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้

     

                “งั้นก็ไปด้วยกัน ห้องฉันอยู่ข้างๆห้องนาย”

     

                “โอเค ไปกันเหอะ”

     

                “ว่าแต่นายยังไม่ได้บอกฉันเลย ว่านายกับไอ้ตุ๊ดนั่นเป็นไรกัน” ไคถามขณะที่ทั้งคู่เดินขนาบข้างกันไปขึ้นลิฟ เฉินเลือกที่จะเงียบ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจในข้อนี้เหมือนกัน แต่ยังไงก็คงถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน...ล่ะมั้ง

     

     

                “เพื่อนน่ะ เพื่อนสนิท” เฉินตอบออกไปพร้อมกับระบายรอยยิ้มอ่อนๆ แต่ก็ต้องรู้สึกเกร็งนิดๆเมื่อพบว่าไคจ้องเขานิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ หมอนี่ทำไมชอบทำให้คนอื่นเค้าอึดอัดอยู่เรื่อยนะ! ให้ตายสิ!

     

     

                “แต่นายรักมันใช่มั้ย”

     

                “...!!

     

                “นายคิดเกินเลยกับคริส”

     

                “นะ นายเอาอะไรมาพูด” ความรู้สึกจุกในใจทำให้เฉินเสียงแผ่วลง บรรยากาศภายในลิฟตึงเครียดขึ้นมาทันที

     

                “ไม่ต้องปิดหรอก แค่มองตานายก็รู้ เมื่อไหร่ที่นายพูดถึงคริส ดวงตานายมันฉายชัดทุกอย่างออกมาอยู่แล้ว”

     

                นี่ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

     

                “ขอร้องล่ะ อย่าบอกคริสนะ...”

     

                “ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน สำหรับการเก็บความลับนี้ไว้ J

     

     

     

     

     

     

                สองเดือนผ่านไป...

               

                นี่บอกเลยว่า ไอ้คริสคนนี้จะไม่ทนอีกต่อไป!

     

                มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตสงบสุขของผมกับไอ้เป็ดกัน!

     

                มันเป็นเพราะไอ้ดำ! ตั้งแต่มันเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด!

     

                “เฉินอยู่ไหน”

     

                ว่าแล้วมันยังมาถามหาเจ้าเป็ดของผมพร้อมๆกับหน้ามึนๆกวนตีนนี่อีก! อยากจะตื้บแม่งให้หายแค้น!

     

                “ไม่อยู่”

     

                “โกหก เฉินไลน์ไปบอกว่าให้มารับที่ห้อง” มันบอกก่อนจะยักคิ้วเป็นเชิงชัยชนะ

     

               

                นี่ขั้นไลน์ไปบอกให้มารับเลยเหรอ! มันจะมากไปแล้วนะไอ้เป็ด!

     

                “หยุดเลย อย่าแม้แต่จะคิดก้าวเข้ามาในห้องกู” ผมผลักไอ้ไคออกไปด้วยความเร็วสูงทันทีที่มันทำท่าว่าจะเดินฝ่าผมเข้ามาในห้อง

     

                “ไปเรียกเฉินมา ไม่งั้นกูจะแหกปากเรียกเอง”

     

                “อยู่นี่รอ!” ผมว่าก่อนจะปิดประตูกระแทกหน้ามันไปด้วยความสะใจ

     

                นี่ไงครับ สิ่งที่เปลี่ยนไป นับตั้งแต่วันที่ผมกินไอศกรีม...เอ่อ ประมาณนั้นแหละ และหลังจากที่เฉินออกไปเซเว่นตัวเปล่าแบบไม่ได้เอากระเป๋าตังไป มันก็กลับมาด้วยอาการใบหน้าแดงก่ำและหลังจากนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้แตะต้องตัวเจ้าเป็ดอีกเลย มันหลีกเลี่ยงการที่จะต้องอยู่กับผมตลอด และหน้าที่ที่มันเป็นของผม ก็ถูกแย่งไปโดยไอ้ดำไค! ไม่ว่าจะเป็นไปมหาลัยพร้อมกัน ออกไปกินข้าวบ้าง เที่ยวบ้าง ดูหนังบ้าง

     

                ปกติไอ้เป็ดมันไม่ได้ง่ายขนาดนี้นะโว้ย!

     

                มันไม่เคยยอมไปไหนกับใครนอกจากผม!

     

                แล้วนี่ไอ้ไคมันเป็นใคร บังอาจมาทำให้ความสัมพันธ์ของเราออกห่างกัน!

     

                “ไคมาแล้วใช่มั้ย” เสียงแหลมดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร ก็ทั้งห้องมีแค่ผมกับเจ้าเป็ดสองคนนี่นะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหันกลับไปมองใบหน้าน่ารักนั่น แต่กลับต้องตบะแตกอย่างไร้ซึ่งเหตุผล

     

                นี่ทำไมวันนี้มีแต่คนทำให้หงุดหงิดแต่เช้า!

     

                “จะไปไหนกับไอ้ไคมัน”

     

                “ไปดูหนังน่ะ” เฉินบอกพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้และเชื่อว่าต้องเดินผ่านผมไปเปิดประตูแน่

     

                “ไปเปลี่ยนชุดก่อน งั้นไม่ต้องไป” ผมบอกเสียงเข้ม พยายามตีหน้านิ่งและระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้

     

                “ชุดนี้มันไม่ดีตรงไหน ใส่สบายดีออก”

     

                ไอ้สบายมันก็สบาย...

     

                แต่เสื้อกล้ามคอกว้างที่ก้มทีอาจเห็นไปถึงหน้าท้องแบนกับกางเกงขาสั้นโชว์ขาขาวนี่มันไม่ถูกต้องนะโว้ย! ใส่อย่างนี้ต้องใส่อยู่ในห้องกับผมเท่านั้นสิ! (?)

     

                “มันสบายเกินไป ไปเปลี่ยน” ผมดึงแขนเล็กตรงไปยังห้องนอนทันที ใครมันจะยอมให้ใส่ชุดอย่างนี้ไปกับไอ้ดำหื่น (?) นั่นกัน

     

                “คริสไม่เอา ปล่อยนะ! ฉันรีบไป” เฉินดิ้นจนมือที่กำเบาๆของผมหลุดจากแขน ร่างเล็กวิ่งไปเปิดประตูทันทีและไอ้ไคก็ยังคงยืนรออยู่ตรงนั้น

     

                “เฉิน...” ไอ้ไคหรี่ตามองไอ้เป็ดตั้งแต่หัวจรดเท้า มองอะไรของมึงวะ!

     

                “ไปกันเถอะไค”

     

                “ไป

     

                “...?”

     

                “ไปเปลี่ยนชุด!”          

     

                เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นด้วยกับมัน!

     

     

     

     

     

     

     

                “จะดูเรื่องอะไรก็รีบๆเลือกกันสิ!” ผมกอดอกก่อนจะพูดเสียงดังใส่สองคนที่ยืนทำหน้าเนือยๆใส่ผม

     

                เฮ้! ผมผิดอะไรล่ะ แค่อยากดูหนัง ก็เลยตามสองคนนี้ออกมาเท่านั้นเอง เหอะ !

     

                “นายเป็นคนตามพวกเราออกมาเองนะ มีมารยาทบ้างได้มั้ยนะนายเนี่ย” เฉินว่าก่อนจะหันกลับไปเลือกหนังต่อและขณะเดียวกันนั้น ผมก็ได้รับายตาเยาะเย้ยเต็มที่จากไอ้ไค

     

                อย่าให้ถึงทีผมบ้างนะครับ จะเหยียบให้จมดินมิดเลย!

     

                “เอาเรื่องนี้แหละ” ไอ้เป็ดพึมพำพร้อมกับชี้ไปที่โปสเตอร์แผ่นใหญ่ที่มีรูปผู้หญิงเลือดอาบสภาพมอมแมมยืนกางเล็บอยู่ =__=

     

    หนังผี...

     

                “เฉิน นายล้อฉันเล่นใช่มั้ยเนี่ย...”

     

                “เปล่าล้อเล่น เรื่องนี้แหละ”

     

                จบประโยค เจ้าเป็ดก็เดินยิ้มร่าจากไปพร้อมกับใจที่แหลกสลายของผม...ไอ้เป็ด!! นี่แกล้งกันใช่มั้ยหา!

     

                *

     

                เสียงหัวเราะสดใสร่าเริงซะเต็มประดาที่ดังไม่หยุดมานานกว่าสิบนาทีแล้วยิ่งทำให้ใบหน้าของผมขึ้นสีไปใหญ่ ผมพ่นลมใส่เสียงหัวเราะนั่นก่อนจะดูดกาแฟปั่นในมือพรวดๆ จนน้ำแข็งแทบจะซีดทั้งแก้ว

     

                สองชั่วโมงในโรงมืดๆ กับหนังระทึกขวัญนั่นทำเอาผมเกือบจะกัดลิ้นตาย แต่ขณะเดียวกันมันก็มีข้อดีอยู่บ้าง...ตรงที่ได้สัมผัสผิวกายนุ่มนิ่มเนียนๆน่ะนะ คิดแล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

     

                “ไอ่รอยยิ้มเคลิ้มๆนั่นมันหมายความว่ายังไง” เสียงเนือยๆชวนทะเลาะของไคดังขึ้นฉุดผมให้ตื่นจากภวังค์แสนหวาน ว่าแล้วก็...กวนตีนจริงๆนะมึงเนี่ย!

     

                “ยุ่งไรด้วยวะ” ผมตอบพร้อมกับเลิกคิ้วใส่

     

                 “นายนี่ก็ชอบหาเรื่องจริง ไคเค้าถามดีๆจะตอบดีๆไม่ได้รึไงเนี่ย!

     

                “นายบ้ารึเปล่า ดูหน้ามันดีๆสิ หน้าอย่างนี้เค้าเรียกกวนตีนชัดๆ” ผมเถียงแทบจะทันควัน เริ่มชินกับการที่เฉินเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามแทนที่จะเป็นผม นั่นสินะ แต่ไหนแต่ไรมาเฉินก็ไม่เคยเข้าข้างผมเลยสักครั้ง มีแต่จะส่งสายตาเอือมๆพร้อมกับหาข้อที่ผิดของผม

     

                “นายนั่นแหละคิดไปเองชัดๆ ” เฉินย่นจมูกใส่ผมก่อนจะลุกขึ้น “ฉันไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะ”

     

                และหลังจากที่สิ้นร่างบาง ความเงียบก็เข้าครอบคลุมทันที ผมจ้องหน้าไคนิ่ง ใจจริงอยากจะด่ามันให้หนำใจพร้อมกับกระทืบให้จมดิน แต่มาคิดๆดูอีกทีนั่นอาจทำให้ผมแตกหักกับเฉินเลยก็เป็นได้ ทำไมนายแคร์ไอ่บ้านี่มากกว่าฉันหา!

     

                “มึงนี่...เป็นตัวเสร่อชะมัด” ในที่สุดผมก็เริ่มเปิดฉากหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบเข้ากินพื้นที่ไปหลายนาที

     

                “มึงมันก็เกะกะเหมือนกันนั่นแหละ เมื่อไหร่จะไปพ้นๆสักที”

     

                “เฮ้ย! พูดงี้หมายความว่าไงวะ!

     

                “หึ คิดเองไม่เป็นรึไง? มึงน่ะ ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไปได้ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเฉินเลยสักนิด”

     

                “เป็นเพื่อนรัก!...และสนิทกันมาก! เราอยู่ด้วยกันมานานกว่ามึง!

     

                “นานกว่าไม่ได้แปลว่าดีกว่า”

     

                “...”

     

                “ทบทวนดูดีๆ ที่มึงทำ มันไม่ใช่แค่อาการหวงเพื่อนแล้วเจ้าโง่”

     

                “...”

     

                “ถ้าไม่คิดจะทำอะไร...ก็ปล่อยเฉินมาให้กูได้แล้ว”

     

                ปล่อยไปงั้นเหรอ...หึ!

     

                ฝันไปก่อนเถอะ!!

     

                “เฮ้ยไอ่คริส!

     

                และก่อนที่ผมจะทันได้โต้ตอบประโยคเจ็บๆแสบๆออกไป เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ดังขึ้นพร้อมผ่ามือที่ตบแปะเข้าที่บ่าของผม

     

                “อ่าวเฮ้ย ไอ่ชาน!

     

     

     

    ***********************

     

     

     

                “โหย ไม่ได้เจอตั้งนานน่ารักเหมือนเดิมเลยนะเฉินๆของฉัน!” ผมแทบจะตบกะโหลกไอ่ชานยอลแตก ทันทีที่มันคว้ามือของเฉินขึ้นมาถูไถไปที่แก้มของตัวเองพร้อมกับพร่ำเพ้อประโยคมั่วนิ่มนั่นออกมา ใครเป็นของเอ็งกันว่ะ! สามหาว!

     

                “ฮ่าๆ นายเป็นไงบ้างล่ะชานยอล กลับมาเมื่อไหร่” เฉินซึ่งยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าตัวเองกำลังถูกลวนลามโดนไอ่หูกางหน้าไม่อายอยู่ ยังคงถามตอบแบบร่าเริงตามแบบฉบับ

     

                “กลับมาได้อาทิตย์นึงแล้วล่ะ คิดถึงนายใจจะขาด”

     

                มากไปหน่อยนะ -_-

     

                ชานยอลเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมและเฉิน ซึ่งค่อนข้างสนิทกันพอสมควร ก็อย่างที่เห็น มันจะคอยแทะโลมเจ้าเป็ดของผมอย่างนี้ตลอด แต่ผมรู้ว่าจริงๆมันก็ไม่ได้จริงจังอะไร จึงไม่ได้จัดการขั้นเด็ดขาด อาจจะมีขากระตุกบ้างบางเวลา เผลอฟาดหัวบ้างบางครั้ง เมื่อเทอมที่แล้วมันสอบชิงทุนไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นระยะเวลาหนึ่งเทอม ซึ่งก็เพิ่งกลับมาอาทิตย์ก่อน

     

                “เว่อร์ไม่เปลี่ยนเลยนะนายเนี่ย” เฉินยังคงหัวเราะร่าโดยไม่สนใจว่ามีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากทั้งตัวผมและตัวไค ดูก็รู้ว่าสายตาของเจ้าดำนั่นจ้องไอ้ยอลเขม็ง แบบเตรียมจะกระทืบได้ทุกเมื่อ เหอะ ทำมาเป็นหวง ทีนี้ก็หัดเข้าใจความรู้สึกของกูที่หวงไอ้เป็ดบื้อนี่จนแทบจะเป็นบ้าสักทีเถอะไอ้ดำ!

     

                “เราจะไปกันได้รึยัง” ในที่สุดไคก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว พูดแทรกเสียงหัวเราะสดใสที่เปล่งประกายดุจแสงอาทิตย์ยามเช้าของสองคนนี้ขึ้นมา เอาจริงๆเวลาเฉินกับชานยอลอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ผมรู้สึกว่าตัวเองมืดมนไปทันใดกับความสดใสของสองคนนี้ =_=

     

                “จะไปไหนกันเหรอ” ไอ้ยอลถามขึ้นมาหูตั้งอย่างกับหมา นี่ถ้ามีหาง หางมันคงแกว่งไปมารัวๆแล้ว!

     

                “ว่าจะกลับคอนโดแล้วน่ะ” เฉินตอบอย่างไม่คิดอะไร โดยไม่สนว่าโดนไคถลึงตาใส่ที่ยังมีหน้าไปบอกอีก

     

                “ฉันก็จะกลับเหมือนกัน”

     

                “แล้วมาทำอะไรที่นี่วะ เดินร่อนไปมาเหรอ” ผมถามในขณะที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

                “แหม คิดถึงสาวๆ หนุ่มๆเมืองไทยจะแย่ ขอมาเดินวนๆดูก่อน เผื่อจะได้แอ้มสักคนสองคนต้อนรับกลับไทย” ชานยอลตอบอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นแหละ ก็คือนิสัยปกติของมัน

     

                แอ้ม...

     

                มันอยากแอ้ม...

     

                “เฮ่ย มึงสนใจหนุ่มผิวสี เซ็กซี่บาดใจมั้ยวะ กำลังมาแรงเลยนะ” คริสจุดรอยยิ้มมุมปากพร้อมกับลดเสียงให้แผ่วลงเพื่อจะให้ได้ยินกันแค่สองคนกับชานยอล เฉินเดินนำออกจากร้านไปด้วยความร่าเริงเกินร้อยเช่นเคย ขนาบข้างด้วยไอ้ดำที่ไม่ยอมแม้แต่จะเดินห่าง

     

                “ผิวสีเหรอวะ แบบแทนๆไรงี้เหรอมึง” ชานยอลทำหน้าตาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเผยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย

     

                “กูมีเสนอให้”

     

                “ใครวะ หน้าสนเหมือนกัน คงเร้าใจไปอีกแบบ”

     

                “นั่นไง” ผมพยักพเยิดไปที่ร่างโปร่งข้างหน้า ซึ่งก็คือไคนั่นเอง เอาวะ ถึงแผนการนี้ดูจะไม่ค่อยเวิร์ก เพราะคนบ้าที่ไหนเค้าจะจับผู้ชายตัวเกือบเท่าๆกันไปแอ้ม แต่เปอร์เซ็นความบ้าบิ่นของปาร์คชานยอลมีมากกว่า ผมจึงอยากจะลองเสี่ยงดู

     

                “เฮ้ย เอาจริงดิ นั่นมันรุกอย่างเราๆนะเว้ย”

     

                “ใครว่า นั่นน่ะ เพื่อนสาวเฉินๆนะเว้ย มึงดูดีๆ หน้าสวยอย่าบอกใครเชียว แถมยังน่ารักเรียบร้อย แค่ชอบแสดงออกแข็งๆ ถ้ามึงเจาะใจเค้าได้นะ รับรอง เร้าใจ!” ผมโฆษณามั่วออกมารัวๆ ก่อนจะเหลือบตาดูปฏิกิริยาของไอ้เพื่อนจอมหื่น และก๋ไม่ผิดหวังซะทีเดียว เมื่อได้พบกับ...

     

                นัยน์ตาวาววับเปล่งประกายคล้ายไฮยีน่าเล็งเห็นเหยื่อ!

     

                สำเร็จ!

     

     

                

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×