คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : STORY : SF ลมเปลี่ยนทิศ [Laychen] [2/4]
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
SF ลมเปลี่ยนทิศ past 2
ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมายืนอยู่ตรงนี้...
ตรงที่คนอย่างเขาแทบจะไม่เหลืออะไรเลย
ความฝัน อนาคต ความรัก
สองปีที่แล้วเขาคือคิมจงแด นักศึกษามหาวิทยาลัยสำหรับผู้มีความฝันทางด้านวงการบันเทิงชื่อดัง แถมยังเป็นคนที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมากในมหาวิทยาลัย ด้วยเสียงไพเราะจับใจที่ไม่ว่าใครได้ยินเข้าเป็นต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความหลงใหล ประกอบรูปร่างหน้าตาที่ติดจะออกไปทางน่ารักแสนซน จึงทำให้จงแดเป็นที่หมายปองจากใครหลายคน
แน่นอนว่าคิมจงแดคนนั้นมีความฝัน เขาฝันวาสักวันจะต้องได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องกับค่ายเพลงชื่อดัง
และวันที่ความฝันของเขาเป็นจริงก็มาถึง นิทรรศการที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นดึงดูดให้เหล่าแมวมองจากต้นสังกัดต่างหลั่งไหลเข้ามา คิมจงแดหนุ่มน้อยเสียงหวานแสดงความสามารถของตัวเองออกมาเต็มที่เมื่อถึงคิวของเขา บนเวทีที่เต็มไปด้วยแสงสปอร์ตไลท์ จงแดก็ได้แต่คิด ว่านี่แหละคือที่ของเขา!
ท่ามกลางเสียงปรบมือและสายตาจากผู้ชมนับพัน คิมจงแดก็ยังสามารถมองเห็นคนรักได้อย่างชัดเจน
จางอี้ชิงนั่งปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียด ใบหน้าหล่อเหลาเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มส่งไปให้เข้าแมวน้อยบนเวทีพร้อมๆกับที่มือก็ปรบอยู่ไม่ขาด
หลังเวทีจงแดได้รับนามบัตรจากต้นสังกัดต่างๆมากจนแทบจะล้นมือ ในขณะที่ข้างกายก็มีรุ่นพี่จางอี้ชิงที่ควบตำแหน่งคนรักของเขายืนยิ้มน้อยๆอยู่ด้วย
“จงแดของพี่เก่งที่สุดเลย”
ถึงแม้จะเป็นแค่คำชมเล็กๆน้อยๆ แต่จงแดก็ยังจดจำมันได้ทุกวินาที...
คำชมจากหนึ่งในแรงผลักดันของเขา...
หลังเลิกงานถึงแม้จะค่ำแล้ว จงแดและอี้ชิงก็ยังคงไม่ยอมกลับที่พัก พวกเขาตกลงกันว่าจะไปหาของกินเล่นยามดึกกัน หลังจากที่จัดการกับของกินชุดใหญ่ไป ทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินเล่นรับลมหนาวอย่างไม่คิดจะสนใจเวลา
“ผมอยากอยู่กับพี่ตลอดไปจัง”
“เดี๋ยวพอได้เป็นนักร้อง ขี้คร้านคนที่จะตีตัวออกห่างจะเป็นเราเองนั่นแหละ”
“ไม่จริงสักหน่อย! ไม่มีวันนั้นแน่นอนสัญญาเลย!”
แต่ก็เหมือนถูกชะตาเล่นตลก
รถยนต์คันหนึ่งพุ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วพร้อมกับทิศทางที่ไม่มั่นคงนัก ไฟแรงสูงส่องกระทบเข้ากับม่านตาของทั้งคู่และจงแดก็เป็นคนที่รู้สึกตัวก่อน ในใจคิดอยู่อย่างเดียวว่าไม่มีทางยอมปล่อยให้โดนรถคันนี้ชนแน่ มือเล็กคว้าเข้าที่แขนของคนรักพร้อมกับดึงให้พ้นอันตรายพร้อมกับตน ทั้งสองล้มลงกระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างแรงแต่ก็ดีกว่าถูกรถชน อิ้ชิงลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาจงแดที่ล้มลงอีกทาง ร่างบางนอนแน่นิ่งคว่ำหน้าลงจนอี้ชิงรีบพลิกตัวกลับมา แต่นั่นก็ทำให้เขานิ่งอึ้ง เมื่อพบว่ามีโลหิตสีแดงฉานไหลรินลงมาจากนัยน์ตาทั้งสองข้างของคนรัก
อี้ชิงแทบอยากจะร้องไห้ออกมาแต่เขาก็ต้องตั้งสติ เขาใช้แขนตัวเองช้อนร่างเล็กขึ้นมาก่อนจะออกตัววิ่งไปยังถนนใหญ่ให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่การโทรเรียกรถฉุกเฉินมาและต้องนั่งรออย่างร้อนใจ อี้ชิงโบกรถแท็กซี่และไปถึงโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
“อย่าบอกพี่อิ้งชิงนะครับ ผมขอร้อง”
คิมจงแดปล่อยให้หยดน้ำใสไหลรินลงจากนัยน์ตาสวยที่เคยสดใสของตัวเอง ไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตา เขากำลังขอร้อง...ขอร้องไม่ให้คุณหมอบอกข่าวร้ายแกคนรัก
เขาจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก
หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน นัยน์ตาของเขาจะเริ่มพร่าเลือนและมืดสนิทไปในที่สุด นั่นเป็นผลมาจากการที่เขาล้มลงตรงที่มีเศษจากขวดแก้วมากมายเกลื่อนพื้น บริเวณส่วนหน้าของเขาปะทะตรงนั้นพอดี บาดแผลที่ตกค้างอยู่บนใบหน้านั้น ไม่ทำให้จงแดเจ็บปวดใจเท่ากับข่าวร้ายที่พึ่งทราบไป เศษแก้วมากมายฟักทิ่มเข้าไปในลูกตาของเขา จนบากเกินที่จะสมาน ถึงแม้จะสามารถนำเศษแก้วทั้งหมดออกมาได้
ทำไม่ได้แล้วสินะ...เป็นนักร้องน่ะ...
อยู่ด้วยกันตลอดไม่ได้แล้วสินะ...กับพี่อี้ชิง
ผมขอโทษนะครับ...
เขาไม่อยากให้จางอี้ชิงต้องมาจมปรักอยู่กับตัวเอง ที่ซึ่งจะกลายเป็นคนพิการ
ไม่อยากให้จางอี้ชิงต้องมารู้สึกผิด เพราะคิดว่าที่จงแดเป็นอย่างนี้เพราะช่วยเขาไว้
เขาไม่อยากให้อี้ชิงต้องลำบาก...และไม่อยากให้ต้องมาอับอาย
พี่ไปมีชีวิตที่ดีกว่าเถอะครับ
ผมขอโทษจริงๆ...
“มินซอกฉันอยากกลับแล้ว”
“กลับบ้ากลับบออะไร! เพิ่งมาถึงเมื่อวาน”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องเลย! ฉันจะไม่ยอมให้นายสูญเสียเวลาพักผ่อนอันมีค่านี้ไปเพียงเพราะนายนั่นคนเดียวหรอกนะ เลิกหนีได้แล้ว!”
จงแดถึงขั้นเบะปากกับคำบ่นยาวเหยียดของเพื่อนรัก ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปร่งอย่างงอนๆ มันผิดตรงไหนที่เขาอยากจะหนีไปให้พ้นๆจากอดีตที่ไม่เคยลืม...
“ไม่ต้องมางอน บอกไว้เลยว่าคราวนี้ไม่ยอมจริงๆด้วย! จะออกไปด้วยกันดีๆหรือจะเอาแต่นอนแช่อยู่นี่ทั้งวันหา!”
“โถ่ ฉันออกไปก็เล่นอะไรไม่ได้อยู่ดี เกะกะนายเปล่าๆ”
พรึบ!
ผ้านวมผืนหนาถูกดึงกระช้ากออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่ร่างเล็กของมินซอกจะกระโจนขึ้นคร่อมจงแดผู้ไร้ซึ่งทางสู้อย่างสิ้นเชิง
“มินซอกเล่นอะไร มันหนักนะเนี่ยเจ้าหมู!”
“บอกกี่ครั้งแล้ว นายไม่ใช่ตัวเกะกะ นายมีค่ามากสำหรับฉัน นายเป็นเพื่อนที่ฉันโคตรรัก เข้าใจมั้ย!” มินซอกแทบจะว้ากใส่หน้าคนข้างล่าง อยากจะหยิกแก้มที่ไม่ค่อยจะมีนั่นให้ยืดด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยั้งมือไว้ก่อนเพราะเจ้าลูกแมวตัวน้อยนี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว
“จะร้องไห้ทำไมอีกละเนี่ย!”
“ฉันซึ้ง...”
“ซึ้งบ้าอะไร! เอาล่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ!”
ความคิดเห็น